ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศไทย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐชาติ อันตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดิมมีชื่อว่า "สยาม " รัฐบาลประกาศเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2482 ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก มีเนื้อที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร[ 9] และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก คือ ประมาณ 70 ล้านคน มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่า ทางทิศเหนือและตะวันตก ประเทศลาว ทางทิศเหนือและตะวันออก ประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันออก และประเทศมาเลเซีย ทางทิศใต้ กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินและนครใหญ่สุดของประเทศ และการปกครองส่วนภูมิภาค จัดระเบียบเป็น 76 จังหวัด [ 10] แม้จะมีการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา ในปี 2475 แต่กองทัพ ยังมีบทบาทในการเมืองไทยสูง โดยมีรัฐประหารครั้งล่าสุดในปี 2557
พบหลักฐานการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันตั้งแต่ 20,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวไทเริ่มอพยพเข้าสู่บริเวณนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 แล้วเข้ามาตั้งแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่สำคัญได้แก่ อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านนา และอาณาจักรอยุธยา นักประวัติศาสตร์มักถือว่าอาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย ต่อมาอาณาจักรอยุธยาค่อย ๆ เรืองอำนาจมากขึ้นจนเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 แทนจักรวรรดิเขมร อาณาจักรอยุธยาสามารถผนวกสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนได้ การติดต่อกับชาติตะวันตกเริ่มด้วยผู้แทนทางทูตชาวโปรตุเกสในปี พ.ศ.2054 การสงครามกับพม่า(อาณาจักรพุกาม ในขณะนั้น) นำไปสู่การเสียกรุง ในปี พ.ศ.2112 แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพในเวลา 15 ปี อาณาจักรรุ่งเรืองอย่างมากในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่หลังจากนั้นค่อย ๆ เสื่อมอำนาจโดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการผลัดแผ่นดินที่มีการนองเลือดหลายรัชกาล จนสุดท้ายกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายสิ้นเชิง ในปี 2310 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงรวบรวมแผ่นดินที่แตกออกเป็นก๊กต่าง ๆ และสถาปนาอาณาจักรธนบุรี ที่มีอายุ 15 ปี ความวุ่นวายในช่วงปลายอาณาจักรนำไปสู่การสำเร็จโทษพระองค์โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมราชวงศ์จักรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อาณาจักรสามารถรับมือกับภัยคุกคามจากชาติใกล้เคียง แต่หลังรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นมา ชาติตะวันตกเริ่มมีอิทธิพลในภูมิภาคเป็นอย่างมาก นำไปสู่การเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมหลายฉบับเริ่มจากสนธิสัญญาเบาว์ริง สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กระนั้น สยามไม่ตกเป็นอาณานิคมของตะวันตกชาติใด มีการปรับให้สยามทันสมัยและรวมอำนาจปกครองในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สยามเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในปี 2460 ในปี 2475 เกิดการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองจาก สมบูรณาญาสิทธิราชย์ เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขโดยไม่เสียเลือดเนื้อ คณะราษฎร มีบทบาทนำทางการเมือง และในพุทธทศวรรษ 2480 นายกรัฐมนตรี จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ดำเนินนโยบายชาตินิยมเข้มข้น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยเข้ากับฝ่ายอักษะ แต่ฝ่ายสัมพันธมิตรส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการประกาศสงคราม[ 11] จนในช่วงสงครามเย็น ประเทศไทยเป็นพันธมิตรกับสหรัฐซึ่งสนับสนุนรัฐบาลทหาร รัฐประหารที่มีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นหัวหน้าคณะ ในปี 2500 นำประเทศเข้าสู่ยุคเผด็จการทหารอย่างเบ็ดเสร็จ รัฐบาลฟื้นฟูพระราชอำนาจและดำเนินนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค ผลของเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ทำให้เกิดประชาธิปไตยระบบรัฐสภาช่วงสั้น ๆ[ 12] แต่หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม และรัฐประหารปี 2519 ทำให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่เผด็จการทหารและ "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงปรับปรุงให้ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2531[ 13] หลังพุทธทศวรรษ 2540 มีวิกฤตการเมืองระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มาจนปัจจุบัน รวมทั้งเกิดรัฐประหารสองครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดในปี 2557 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นฉบับที่ 20 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560
ประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เอเปก และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน (จากอาเซียน ที่ตั้งของการประชุมโดยเป็นกรุงเทพมหานครเป็นเมืองก่อตั้ง) ประเทศไทยเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่สนธิสัญญาซีโต้ ในปี 2497 ถือเป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอำนาจปานกลาง ในเวทีโลก[ 14] : 104 ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-สูงและประเทศอุตสาหกรรมใหม่ มีรายได้หลักจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจทำให้มีการอพยพเข้าสู่เมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตามประมาณการในปี 2562 จีดีพี ของประเทศไทยมีมูลค่าราว 516,662 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าเศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใหญ่เป็นอันดับที่ 25 ของโลก
ชื่อเรียก
SPPM Mongkut Rex Siamensium (สมเด็จพระปรมินทรมหามงกุฎ พระเจ้ากรุงสยาม) พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชาวต่างชาติเรียกอาณาจักรอยุธยาว่า "สยาม" เมื่อราวปี 2000[ 15] : 73 ยอร์ช เซเดส์ นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เขียนว่ามีการพาดพิงทาสหรือเชลยศึกซีเอม (Syam) ในจารึกอาณาจักรจามปา ในคริสต์ศตวรรษที่ 11[ 16] : 190–191, 194–195 ทว่าคนไทยไม่เคยเรียกตนเองว่า "สยาม" หรือ "ชาวสยาม" เลย[ 17] ส่วนคำว่า "คนไทย" นั้น จดหมายเหตุลาลูแบร์ได้บันทึกไว้ชัดเจนว่า ชาวอยุธยาเรียกตนเองเช่นนั้นมานานแล้ว[ 15] : 217
เดิมประเทศไทยเคยใช้ชื่อว่า สยาม มาแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยปรากฏใช้เป็นชื่อประเทศชัดเจนในปี 2399[ 18] ต่อมา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยม ฉบับที่ 1 เปลี่ยนชื่อประเทศ พร้อมกับเรียกประชาชน และสัญชาติจาก "สยาม" มาเป็น "ไทย" ซึ่งจอมพล ป. ต้องการบอกว่าดินแดนนี้เป็นของชาวไทย มิใช่ของเชื้อชาติอื่นตามลัทธิชาตินิยม ในเวลานั้น[ 19] : 57–8 ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อประเทศกลับเป็นสยามอีกช่วงสั้น ๆ เมื่อปี 2488 และเปลี่ยนกลับมาใช้ว่าไทยอีกครั้งเมื่อปี 2491 ซึ่งเป็นช่วงสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี การเปลี่ยนชื่อในครั้งนี้ยังเปลี่ยนจาก "Siam" ในภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส เป็น "Thaïlande" ในภาษาฝรั่งเศส และ "Thailand" ในภาษาอังกฤษอย่างในปัจจุบัน[ 17] อย่างไรก็ตาม ชื่อ สยาม ยังคงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ
ในความหมายอย่างเคร่งครัด คำว่า "ไทย" หมายถึงประเทศไทยในช่วงหลังการเปลี่ยนชื่อประเทศหลังปี 2482 โดยเว้นช่วงสั้น ๆ ที่เปลี่ยนกลับไปเป็นชื่อ "สยาม" ระหว่างปี 2488–91 ดังกล่าวข้างต้น ทว่าในความหมายอย่างกว้าง คำว่า "ไทย" อาจใช้หมายถึงราชอาณาจักรทั้งหลายซึ่งนักประวัติศาสตร์กระแสหลักถือเป็นราชธานีของคนไทยตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
แผนที่แสดงการกระจายทางภูมิศาสตร์ของผู้พูดภาษาตระกูลขร้า-ไท จะเห็นรูปแบบทั่วไปของการย้ายถิ่นของเผ่าที่พูดภาษาไทตามแม่น้ำและช่องเขาต่าง ๆ[ 20] : 27
มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคหินเก่า อย่างน้อยราว 20,000 ปี[ 21] : 4 พบหลักฐานการปลูกข้าวเก่าแก่สุดเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล[ 20] : 4 ยุคสำริดเกิดขึ้นระหว่าง 1,250–1,000 ปีก่อนคริสตกาลโดยคาดว่ารับมาจากตอนใต้ของจีน[ 20] : 4 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ในจังหวัดอุดรธานีจัดเป็นศูนย์การผลิตทองแดงและสำริดเก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[ 22] ประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาลเริ่มปรากฏการใช้เหล็ก[ 20] : 5 อาณาจักรฟูนัน เป็นอาณาจักรแรกสุดและทรงอำนาจที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจริญขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล[ 21] : 5 ต่อมา ชาวมอญอาศัยช่วงที่ฟูนันเสื่อมลงตั้งอาณาจักรของตน คือ อาณาจักรทวารวดี และอาณาจักรหริภุญชัย ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ส่วนชาวเขมรตั้งอาณาจักรใหญ่ มีศูนย์กลางอยู่ที่อังกอร์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 9[ 21] : 7 อาณาจักรตามพรลิงก์ เป็นรัฐมลายูที่ควบคุมการค้าผ่านช่องแคบมะละกาที่ทรงอำนาจที่สุด เจริญขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 10[ 21] : 5
ไทยสยาม จัดอยู่ในกลุ่มชาวไท (Tai people) ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียแผ่นดินใหญ่ โดยมีภาษาร่วมกัน[ 23] : 2 หลักฐานจีนบันทึกถึงชาวไทครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล เดิมมีแนวคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของชนชาติไท อยู่หลายแนวคิด เดวิด เค. วัยอาจ (David K. Wyatt) ระบุว่าบรรพบุรุษของชาวไทในประเทศลาว ไทย พม่า อินเดียและจีนปัจจุบันเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในแถบเดียนเบียนฟู ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 8[ 23] : 6 ราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 เริ่มมีคนไทมาอยู่อาศัยในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันซึ่งในเวลานั้นมีอาณาจักรมอญและเขมรอยู่[ 24] ทำให้วัฒนธรรมไทยได้รับอิทธิพลจากอินเดีย มอญและเขมร[ 25]
อาณาจักรสุโขทัยและแคว้นต่าง ๆ
เขตอิทธิพลในแหลมอินโดจีน ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13
เมื่อจักรวรรดิขแมร์ และอาณาจักรพุกาม เสื่อมอำนาจเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทำให้เกิดรัฐใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมากในเวลาไล่เลี่ยกัน อาณาจักรของชาวไทกินอาณาบริเวณตั้งแต่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียปัจจุบันจนถึงทิศเหนือของลาว และลงไปถึงคาบสมุทรมลายู[ 23] : 38–9 ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 มีประชากรชาวไทอาศัยอยู่มั่นคงในอดีตดินแดนแกนกลางของอาณาจักรทวารวดีและอาณาจักรลพบุรี จนถึงดินแดนนครศรีธรรมราช แต่ไม่มีบันทึกรายละเอียดการเข้ามาของชาวไท[ 23] : 50–1 ประมาณคริสต์ทศวรรษ 1240 (ประมาณปี 1780) พ่อขุนบางกลางหาว รวบรวมกำลังกบฏต่อเขมร และราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์สุโขทัยพระองค์แรก[ 23] : 52–3 อาณาจักรสุโขทัยแผ่ขยายดินแดนออกไปอย่างกว้างขวางในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จรดน่านและหลวงพระบาง ทางทิศเหนือ นครศรีธรรมราชทางทิศใต้ พุกาม และมะตะบัน ทางทิศตะวันตก[ 23] : 55 อย่างไรก็ดี อาณาเขตอันกว้างใหญ่นี้น่าจะเกิดจากการสวามิภักดิ์ของเจ้าท้องถิ่นมากกว่า[ 23] : 55–6 นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงประดิษฐ์อักษรไทย มีเครื่องดินเผาสวรรคโลกเป็นสินค้าออกสำคัญ แต่เสถียรภาพของอาณาจักรได้อ่อนแอลงภายหลังการสวรรคตของพระองค์ ในรัชกาลพญาลิไท อาณาจักรรับอิทธิพลของศาสนาพุทธนิกายเถรวาท แบบลังกาวงศ์
ส่วนเหนือขึ้นไป พญามังราย ซึ่งสืบราชสมบัติหิรัญนครเงินยางเชียงราว ทรงตั้งอาณาจักรล้านนา ขึ้นในปี 1839 มีศูนย์กลางอยู่ที่เชียงใหม่ ทรงรวบรวมแว่นแคว้นขึ้นในแถบลุ่มแม่น้ำปิง พระมหากษัตริย์ล้านนาล้วนสืบเชื้อสายจากพระองค์ต่อเนื่องกันกว่าสองศตวรรษ และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการแต่งงานกับเจ้าเมืองต่าง ๆ จรดแม่น้ำน่าน ทางทิศตะวันออกและเหนือแม่น้ำโขง ขึ้นไป[ 26] : 8 ส่วนบริเวณเมืองท่าบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง มีการตั้งสหพันธรัฐในบริเวณเพชรบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรีและอยุธยาในคริสต์ศตวรรษที่ 11[ 26] : 8
อาณาจักรอยุธยาและธนบุรี
กรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฟรา มาอูโร (Fra Mauro) ประมาณปี 1993 ออกชื่อว่า "ชิแอร์โน" (Scierno)
อาณาจักรอยุธยากำเนิดจากลพบุรี และสุพรรณบุรี ที่อยู่ใกล้เคียง พระเจ้าอู่ทอง ทรงก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี 1893 ในเขตเมืองอโยธยาเดิม[ 27] : 4 การปกครองของอาณาจักรอยุธยามีลักษณะเป็นเครือข่ายราชรัฐและจังหวัดบรรณาการที่สวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์อยุธยาตามระบบมณฑล[ 28] : 355 เนื่องจากขาดกฎสืบราชสมบัติ เมื่อใดที่มีการผลัดแผ่นดินจะมีเจ้าหรือขุนนางทรงอำนาจยกทัพเข้าเมืองหลวงเพื่ออ้างสิทธิ์ทำให้เกิดการนองเลือดบ่อยครั้ง[ 29] การขยายอาณาเขตช่วงแรกอาศัยการพิชิตดินแดนและการอภิเษกทางการเมือง[ 27] : 17 ในปี 1912, 1931 และ 1974 อาณาจักรอยุธยายกทัพไปตีเมืองพระนคร (นครธม) เมืองหลวงของจักรวรรดิขแมร์ ได้ทั้งสามครั้ง[ 27] : 26 ทำให้อาณาจักรอยุธยาเป็นมหาอำนาจแทนจักรวรรดิขแมร์ การเข้าแทรกแซงสุโขทัยอย่างต่อเนื่องทำให้สุโขทัยตกเป็นประเทศราชและส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาตามลำดับ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงปฏิรูปการปกครองใหม่ ซึ่งบางส่วนได้ใช้มาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[ 27] : 31 และทรงสถาปนาระบบศักดินา ก่อให้เกิดระบบไพร่ ซึ่งเป็นแรงงานเกณฑ์ให้ราชการปีละหกเดือน[ 30] : 107 อย่างไรก็ดี การพยายามขยายอำนาจไปยังรัฐสุลต่านมะละกา ทางใต้[ 21] : 11, 13 และอาณาจักรล้านนาไม่ประสบความสำเร็จ
การยึดครองมะละกา ของโปรตุเกสในปี 2054 ทำให้กรุงศรีอยุธยาเริ่มติดต่อกับชาติตะวันตก[ 30] : 131 การชิงความเป็นใหญ่ระหว่างอาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรพม่าเหนือเชียงใหม่และมอญทำให้ทั้งสองขัดแย้งกัน[ 27] : 5 ขณะเดียวกัน ราชวงศ์ตองอู ของพม่าเริ่มมีอำนาจมากขึ้น กระทั่งขยายดินแดนมายังกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และพระเจ้าบุเรงนอง หลังจากนั้น กรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรตองอู ในปี 2112[ 30] : 146–7 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงใช้เวลา 15 ปีสร้างภาวะครอบงำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งหนึ่ง[ 26] : 11
โกษาปาน นำพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์ ถวายแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14
จากนั้น กรุงศรีอยุธยายังมุ่งเพิ่มความสัมพันธ์กับชาติยุโรปต่อมาอีกหลายรัชกาล[ 30] : 164–5 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอยุธยารุ่งเรืองขึ้นอย่างมากในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับฝรั่งเศส ฮอลันดา และอังกฤษ ผู้เดินทางชาวยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17 ยกอาณาจักรอยุธยาว่าเป็นสามมหาอำนาจแห่งเอเชียร่วมกับจีนและอินเดีย[ 20] : ix อิทธิพลของชาวต่างชาติในกรุงศรีอยุธยาที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความเกลียดกลัวต่างชาติ จนลงเอยด้วยการปฏิวัติ ในปี 2231[ 30] : 185–6 อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์กับชาติยุโรปอื่นยังเป็นปกติและต่อมาบาทหลวงฝรั่งเศสก็กลับมามีอิสระในการเผยแผ่ศาสนา[ 30] : 186
อาณาจักรอยุธยาเริ่มเสื่อมอำนาจลงราวพุทธศตวรรษที่ 24 รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ถือเป็น "สมัยบ้านเมืองดี" ในกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย[ 27] : 84 ความขัดแย้งภายในติด ๆ กันหลายรัชกาล และการสงครามกับราชวงศ์คองบอง (อลองพญา) จนส่งผลให้เสียกรุงครั้งที่สอง เมื่อปี 2310 ซึ่งก่อนหน้านั้นกรุงศรีอยุธยาว่างเว้นจากศึกสงครามมากว่า 150 ปี[ 31] : 22 หลังจากนั้นบ้านเมืองแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า รวมทั้งสิ้น 5 ก๊ก ในปีเดียวกัน เจ้าตาก ได้รวบรวมไพร่พลขับไล่พม่า และย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงธนบุรี พระองค์ทรงรวบรวมแผ่นดินให้อยู่ภายใต้พระองค์ ด้านสงครามภายนอก กองทัพธนบุรีสามารถขับไล่พม่าออกจากล้านนาได้ในปี 2319[ 30] : 225 และยึดกรุงเวียงจันทน์ ได้ในปี 2321[ 30] : 227–8 อาณาจักรธนบุรีมีอายุเพียง 15 ปีและสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียว หลังเกิดความขัดแย้งช่วงปลายรัชกาล พระองค์และพระราชโอรสทั้งหลายทรงถูกสำเร็จโทษโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325
กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นและสมัยอาณานิคม
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กรุงรัตนโกสินทร์สามารถป้องกันการเข้าตีของพม่าครั้งใหญ่ในปี 2328 และยุติการบุกครองของพม่า ก่อนพระองค์สวรรคตสามารถสถาปนาอำนาจปกครองเหนือพื้นที่ไพศาลอันเป็นที่ตั้งของประเทศลาวและกัมพูชาปัจจุบัน[ 32] ในปี 2364 จอห์น ครอว์เฟิร์ด ถูกส่งมาเจรจาความตกลงการค้าฉบับใหม่กับกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของปัญหาที่จะครอบงำการเมืองสยามในคริสต์ศตวรรษที่ 19[ 33] ในปี 2369 กรุงเทพมหานครลงนามสนธิสัญญาเบอร์นี หลังสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่หนึ่ง ยุติลงด้วยชัยของอังกฤษ[ 30] : 281 ปีเดียวกัน เจ้าอนุวงศ์ แห่งเวียงจันทน์ทรงก่อกบฏ เพราะเข้าพระทัยว่าอังกฤษจะบุกกรุงเทพมหานคร แต่ถูกปราบปราม[ 30] : 283–5 ผลทำให้กรุงเวียงจันทน์ถูกทำลาย รวมทั้งมีการกวาดต้อนชาวลาวข้ามแม่น้ำโขงมาอยู่ในเขตที่ราบสูงโคราชจำนวนมาก [ 30] : 285–6 กรุงเทพมหานครยังทำสงครามแย่งชิงอิทธิพลเหนือกัมพูชากับญวน ทำให้กรุงเทพมหานครกลับมามีอิทธิพลเหนือกัมพูชาอีกครั้ง[ 30] : 290–2
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย กับรัชกาลที่ 5 ในปี 2440 ระหว่างการเสด็จประพาสยุโรป
ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 สยามพยายามทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ภายในราชอาณาจักรให้อยู่ในฐานะอาณานิคม[ 30] : 308 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยตระหนักถึงภัยคุกคามจากชาติตะวันตก ราชสำนักจึงติดต่อรัฐบาลอังกฤษโดยตรงเพื่อลดความตึงเครียด[ 30] : 311 ฝ่ายรัฐบาลอังกฤษส่งเซอร์จอห์น เบาริ่ง เข้ามาทำสนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งเป็นสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมฉบับแรก ๆ อันนำมาสู่การทำสนธิสัญญากับชาติอื่นด้วยเงื่อนไขที่คล้ายกัน หากก็นำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจในกรุงเทพมหานครและการค้าระหว่างประเทศ[ 34] การเสด็จสวรรคตอย่างกระทันหันของพระองค์ด้วยโรคมาลาเรียทำให้เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ สืบราชสมบัติทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการ[ 30] : 327
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรวมศูนย์อำนาจ ตั้งสภาช่วยราชการ การเลิกทาสและไพร่ อันเป็นการยกเลิกระบบแรงงานเกณฑ์[ 30] : 329–30 วิกฤตการณ์วังหน้า ในปี 2417 ทำให้ความพยายามปฏิรูปต้องหยุดชะงัก[ 30] : 331–3 ในคริสต์ทศวรรษ 1870–80 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้นโยบายผนวกหัวเมืองเหนือเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร และต่อมาได้ขยายไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้[ 30] : 334–5 ในปี 2430 มีการตั้งกรมจำนวน 12 กรมซึ่งต่อมาเป็นกระทรวงต่าง ๆ[ 30] : 347 ในปี 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เนื่องจากความขัดแย้งกับฝรั่งเศสทำให้มีการเรียกร้องเอาดินแดนลาวฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขง[ 30] : 350–3 ฝรั่งเศสและบริเตนตกลงให้สยามเป็นรัฐกันชน ระหว่างเจ้าอาณานิคมทั้งสอง[ 35] ล่วงเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 20 สยามมุ่งเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมตั้งแต่สนธิสัญญาเบาว์ริงรวมทั้งสิทธิสภาพนอกอาณาเขต แต่ต้องแลกมาด้วยการแลกเปลี่ยนดินแดนหลายครั้ง[ 30] : 358–9 ต่อมามีการเริ่มระบบมณฑลเทศาภิบาล ซึ่งเป็นการสร้างรัฐชาติ สมัยใหม่[ 30] : 362–3 ในปี 2448 เกิดกบฏในหัวเมืองปัตตานีโบราณ อุบลราชธานี และแพร่เพื่อต่อต้านความพยายามลดทอนอำนาจของเจ้าผู้ปกครองท้องถิ่น[ 30] : 371–3
ในปี 2454 เกิดกบฏ ร.ศ. 130 ซึ่งคณะนายทหารพยายามล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช[ 30] : 397 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตอบโต้ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อจนสิ้นรัชกาล[ 30] : 402 ทรงเผยแพร่แนวพระราชดำริว่าด้วยชาติไทย[ 30] : 404 ในปี 2460 รัฐบาลประกาศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยถือฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อตัดความกังวลที่ว่าฝ่ายสัมพันธมิตรอาจจัดการกับประเทศเป็นกลางและต้องการแก้ไขสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมต่าง ๆ[ 30] : 407 ผลทำให้สยามได้เข้าร่วมการประชุมสันติภาพที่แวร์ซาย มีอำนาจอิสระในการเก็บภาษีและยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขต[ 30] : 408
ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ สงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเย็น
พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ปราศรัยต่อฝูงชนหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
สืบจากปัญหาเศรษฐกิจรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และราคาข้าวตกลงอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีการลดรายจ่ายภาครัฐอย่างมากทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่อภิชน[ 21] : 25 วันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร นำปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทำให้คณะราษฎรเข้ามามีบทบาททางการเมือง ปลายปี 2476 เกิดกบฏบวรเดช ซึ่งหวังเปลี่ยนแปลงการปกครองกลับสู่สมบูรณาญาสิทธิราช แต่ล้มเหลว[ 30] : 446–8 ปี 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาลจึงทรงสละราชสมบัติในปี 2478 สภาผู้แทนราษฎรเลือกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์[ 30] : 448–9
เดือนธันวาคม 2481 พลตรีหลวงพิบูลสงคราม ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาปราบปรามศัตรูทางการเมืองรวมทั้งต่อต้านราชวงศ์อย่างเปิดเผย[ 30] : 457 รัฐบาลมีแนวคิดชาตินิยมและปรับให้เป็นตะวันตก และเริ่มดำเนินนโยบายต่อต้านจีนและฝรั่งเศส[ 21] : 28 วันที่ 23 มิถุนายน 2482 มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" มาเป็น "ไทย" ในปี 2484 เกิดสงครามขนาดย่อม ขึ้นระหว่างวิชีฝรั่งเศส กับไทย ทำให้ไทยได้ดินแดนเพิ่มจากลาวและกัมพูชาช่วงสั้น ๆ[ 30] : 462 วันที่ 8 ธันวาคม ปีเดียวกัน ประเทศญี่ปุ่นบุกครองไทย และรัฐบาลลงนามเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่น และประกาศสงครามกับสหรัฐและสหราชอาณาจักร[ 30] : 465 มีการตั้งขบวนการเสรีไทย ขึ้นทั้งในและต่างประเทศเพื่อต่อต้านรัฐบาลและการยึดครองของญี่ปุ่น[ 30] : 465–6 หลังสงครามยุติในปี 2488 ประเทศไทยลงนามความตกลงสมบูรณ์แบบ เพื่อเลิกสถานะสงครามกับสหราชอาณาจักร
ในเดือนมิถุนายน 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตอย่างเป็นปริศนา และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช ทรงสืบราชสมบัติต่อมา รัฐประหารปี 2490 โดยฝ่ายนิยมเจ้าและทหารทำให้คณะราษฎรหมดอำนาจทางการเมือง และเข้าสู่ยุค "การเมืองสามเส้า" ในระหว่างปี 2490 ถึง 2500 โดยแปลก, สฤษดิ์ ธนะรัชต์ , และเผ่า ศรียานนท์ คานอำนาจกัน ในปี 2497 ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีโต้) เป็นพันธมิตรกับสหรัฐ[ 30] : 493 ในปี 2500 ฝ่ายนิยมเจ้าและอนุรักษนิยมรัฐประหาร โดยมีจอมพลสฤษดิ์เป็นหัวหน้า จอมพลสฤษดิ์ปกครองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เขาสร้างความชอบธรรมโดยตอกย้ำสภาพสมมติเทพของกษัตริย์ และผูกโยงความจงรักภักดีต่อรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์[ 30] : 511 รัฐบาลมุ่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา[ 30] : 514 และในปี 2504 หลังสหรัฐเข้าสงครามเวียดนาม เกิดสัญญาลับซึ่งสหรัฐให้การคุ้มครองไทย[ 30] : 523
สงครามเวียดนาม เร่งให้เกิดการทำให้ทันสมัยและการกลายเป็นตะวันตกของสังคมไทย มีการอพยพจากชนบทสู่เมืองเพื่อหางาน ชาวนาในชนบทเกิดสำนึกเรื่องชนชั้นและรวมตัวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี 2507[ 30] : 528 การพัฒนาทางเศรษฐกิจและการศึกษาทำให้เกิดชนชั้นกลางใหม่ขึ้นในกรุงเทพมหานครและตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีการศึกษา มีรายได้พอสำหรับการให้การศึกษาแก่บุตร และสามารถเปลี่ยนฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมได้[ 30] : 534 ในเดือนตุลาคม 2514 มีการชุมนุมใหญ่ต่อต้านเผด็จการจอมพลถนอม กิตติขจร และมีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต[ 30] : 541–3 ที่เรียก "เหตุการณ์ 14 ตุลา " พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงแต่งตั้งสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนับว่าพระมหากษัตริย์เข้ามามีบทบาททางการเมืองโดยตรงครั้งแรกนับแต่ปี 2475[ 12] ผลของเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดประชาธิปไตยระบบรัฐสภาช่วงสั้น ๆ[ 12] ที่มักเรียกว่า "ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน"
ร่วมสมัย
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมทั้งการแพร่หลายของวรรณกรรมคอมมิวนิสต์[ 30] : 544, 546 ในช่วงนั้นรัฐบาลผสมหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ไม่มั่นคงและคอมมิวนิสต์ชนะทั้งในเวียดนาม ลาวและกัมพูชา[ 30] : 547 สถาบันพระมหากษัตริย์ ชนชั้นนำและชนชั้นกลางจำนวนมากมองว่านักศึกษาฝ่ายซ้ายถูกคอมมิวนิสต์ชี้นำ ทำให้มีการสนับสนุนองค์การฝ่ายขวาต่าง ๆ[ 30] : 548 ปลายปี 2519 เกิดการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใน "เหตุการณ์ 6 ตุลา "[ 30] : 548–9 เป็นการปิดฉากการทดลองทางประชาธิปไตย กองทัพกลับเข้ามามีอำนาจ และการแสดงออกถูกปิดกั้น[ 30] : 549 หลังจากนั้น รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร "กลับไปใช้อำนาจนิยมยิ่งกว่าสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช"[ 30] : 552 นักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายหนีเข้าป่าและออกนอกประเทศจำนวนมาก รัฐบาลเริ่มเสียการสนับสนุนจากกองทัพ จนมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีในปี 2520 [ 30] : 552–3 รัฐบาลใหม่ของพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ไม่สามารถรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาผู้ลี้ภัยและการปะทะตามชายแดนกับเวียดนามทำให้พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีแทน[ 23] : 553–4
การสู้รบกับคอมมิวนิสต์ ยุติลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อปี 2523[ 19] : 60 รัฐบาลสามารถนำผู้ก่อการเริบกลับเข้าสู่สังคมและจัดการเลือกตั้งทั่วไปได้ในปี 2526 [ 30] : 557 พลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรีแปดปีในระบอบ "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" ซึ่งมีสภาผู้แทนราษฎรที่สมาชิกมาจากการเลือกตั้งและวุฒิสภาที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้ง ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2531 [ 13] ได้แก่ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เขาดูแลกองทัพที่เป็นพวกของตน ทำให้กองทัพอีกฝ่ายยึดอำนาจในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 นำโดยพลเอก สุจินดา คราประยูร ทีแรกเขาให้สัญญาว่าจะไม่รับอำนาจทางการเมืองแต่สุดท้ายเขาตระบัดสัตย์และเข้าเป็นหัวหน้ารัฐบาลใหม่[ 23] : 572–3 ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เกิดการสลายการชุมนุมทำให้มีผู้เสียชีวิต เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "พฤษภาทมิฬ " พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรับสั่งให้พลเอกสุจินดาและพลตรี จำลอง ศรีเมือง แกนนำผู้ประท้วง เข้าเฝ้า แล้วหลังจากนั้นพลเอกสุจินดาก็ลาออก
ปี 2540 เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน ที่เรียกว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ยุติการเติบโตทางเศรษฐกิจ 40 ปีติดต่อกัน[ 36] : 3 ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง[ 30] : 576 รัฐบาลชวน หลีกภัย ทำข้อตกลงกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ แต่ปัญญาชนหลายคนโจมตีว่าเป็นกองทุนช่วยเหลือคนรวย และไม่สนใจการฉ้อราษฎร์บังหลวง[ 30] : 576 ต่อมา ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งทั่วไปปี 2544 นโยบายของเขาประสบความสำเร็จในการลดความยากจนในชนบท[ 37] และริเริ่มระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า[ 38] ซึ่งทำให้เขาได้รับฐานเสียงขนาดใหญ่ในหมู่คนยากจน[ 39] ในปี 2547 เกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มภาคใต้ และเริ่มต้นความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ อีกครั้ง ในปี 2548 ทักษิณชนะการเลือกตั้งทั่วไป อย่างถล่มทลายและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สอง โดยมีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดเป็นประวัติการณ์[ 40] ตั้งแต่ปลายปี 2548 เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ขึ้นโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประท้วงขับไล่เขาออกจากตำแหน่ง สุดท้ายมีรัฐประหาร ล้มรัฐบาลทักษิณในเดือนกันยายน 2549 รัฐบาลทหารปกครองประเทศหนึ่งปีจนมีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป ในปี 2550
พรรคพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในปี 2550 และจัดตั้งรัฐบาล ต่อมา พธม. จัดการชุมนุมใหญ่ในปี 2551 ซึ่งมีการปิดท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรครัฐบาล 3 พรรค หลังจากนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ ชุมนุมประท้วงรัฐบาลในปี 2552 และ 2553 ซึ่งครั้งหลังนี้ยุติลงด้วยการเข้าสลายการชุมนุมของทหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 ผลปรากฏว่าพรรคเพื่อไทย นำโดยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้ง และเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล ในปีเดียวกัน เกิดมหาอุทกภัย มีพื้นที่ประสบภัย 65 จังหวัด นับเป็น "อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดทั้งในแง่ของปริมาณน้ำและจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ"[ 41]
ปลายปี 2556 เกิดวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่ มีสาเหตุหลักจากสภาผู้แทนราษฎรผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ[ 42] เกิดการชุมนุมประท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนการเลือกตั้ง วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 กองทัพยึดอำนาจการปกครองประเทศ คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองพยายามจัดโครงสร้างการเมืองเพื่อสงวนอำนาจของอภิชน เพิ่มบทบาทและอำนาจของกองทัพขณะที่ลดอำนาจของประชาสังคมและการปกครองส่วนท้องถิ่นจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีการวางแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปี และให้วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งเป็นผู้ดำเนินการ[ 43] : 281–2 ซึ่งทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคที่กองทัพชี้นำประชาธิปไตย[ 44] หลังพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตในปี 2559 และเข้าสู่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว กองทัพก้าวเข้ามาเป็นผู้ชี้นำการกระจายอำนาจและผลประโยชน์ในช่วงหลังเปลี่ยนรัชกาลใหม่[ 43] : 286 ต่อมาในปี 2560 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับล่าสุด หลังการลงประชามติเมื่อปีก่อน
หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ครองอำนาจยาวนานถึง 5 ปี 1 เดือน 3 สัปดาห์ 3 วัน คสช.ก็ยอมให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ผลทำให้เกิดรัฐบาลผสมที่มีพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำ โดยได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภา ในปี 2563 เริ่มเกิดการประท้วงในประเทศ ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ตลอดจนมาตรการรับมือการระบาดทั่วของโควิด-19 ของรัฐบาล ในการประท้วงนั้นมีข้อเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์[ 45] รวมทั้งมีกระแสสาธารณรัฐนิยม มากที่สุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน[ 46]
ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทย ได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายทหารสองพรรค[ต้องการอ้างอิง ] ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (อดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ) เป็นอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค และพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (อดีตรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เป็นหัวหน้าพรรค ส่งผลให้พรรคก้าวไกล ที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดจากการเลือกตั้งกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน
ภูมิประเทศ
ประเทศไทยตั้งอยู่กลางคาบสมุทรอินโดจีน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังอยู่บนคาบสมุทรมลายู ด้วย อยู่ระหว่างละติจูด 5° ถึง 21° เหนือ และลองติจูด 97° ถึง 106° ตะวันออก มีพรมแดนด้านตะวันออกติดประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทิศใต้เป็นแดนต่อแดน ประเทศมาเลเซีย และอ่าวไทย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามัน และประเทศพม่า และทิศเหนือติดประเทศพม่าและลาว มีแม่น้ำโขง กั้นเป็นบางช่วง ประเทศไทยมีพื้นที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร เป็นอันดับที่ 51 ของโลก และอันดับที่ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซียและเมียนมาร์ ประเทศไทยมีอาณาเขตทางทะเล (maritime zone) ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 กว่า 323,488 ตารางกิโลเมตร มีความยาวชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามันรวมถึงช่องแคบมะละกาตอนเหนือ รวมความยาวชายฝั่งทะเลในประเทศไทยทั้งสิ้น 3,148 กิโลเมตร[ 47]
ประเทศไทยมีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย ภาคเหนือ เป็นพื้นที่ภูเขาสูงสลับซับซ้อน จุดสูงที่สุดในประเทศไทย คือ ดอยอินทนนท์ ณ 2,565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล[ 48] รวมทั้งยังปกคลุมด้วยป่าไม้อันเป็นต้นน้ำที่สำคัญของประเทศ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของที่ราบสูงโคราช สภาพของดินค่อนข้างแห้งแล้งและไม่ค่อยเอื้อต่อการเพาะปลูก ภาคกลาง เป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง มีแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำใหญ่ที่สุดในประเทศซึ่งเกิดจากแม่น้ำปิง และแม่น้ำน่าน ที่ไหลมาบรรจบกันที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ทำให้ภาคกลางเป็นภาคที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด และถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก[ 19] : 103 ภาคใต้ เป็นส่วนหนึ่งของคาบสมุทรมลายู[ 49] : 22 ขนาบด้วยทะเลทั้งสองด้าน มีจุดที่แคบลง ณ คอคอดกระ แล้วขยายใหญ่เป็นคาบสมุทรมลายู ทะเลสาบสงขลา เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ส่วนภาคตะวันตก เป็นหุบเขาและแนวเทือกเขาซึ่งพาดตัวมาจากทางตะวันตกของภาคเหนือ
ภูมิอากาศ
ภูมิอากาศของไทยส่วนใหญ่เป็นแบบ "ภูมิอากาศร้อนชื้นเขตร้อนหรือสะวันนา " ตามการแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปน [ 50] ส่วนปลายใต้สุดและตะวันออกสุดของประเทศมีภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ประเทศไทยมีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 18–34 °C [ 51]
ประเทศไทยมี 3 ฤดูกาล ฤดูแรกเป็นฤดูฝนหรือฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม) ฝนตกหนักที่สุดในเดือนสิงหาคมและกันยายน[ 52] : 2 ฤดูหนาวหรือฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศมีอากาศแห้งและอุณหภูมิไม่ร้อนมาก ยกเว้นภาคใต้ที่มีฝนตกหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน[ 52] : 2 ส่วนฤดูร้อนหรือฤดูก่อนมรสุมกินเวลาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคมซึ่งมีอากาศร้อน สำหรับภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลางและตะวันออกของประเทศไทย เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ปกติอุณหภูมิมักสูงถึง 40 °C ยกเว้นพื้นที่ชายฝั่ง ในทางตรงข้าม การพัดของลมเย็นจากประเทศจีนทำให้อุณหภูมิต่ำลง ซึ่งบางกรณีอาจเข้าใกล้หรือต่ำกว่า 0 °C ได้[ 52] : 3 ภาคใต้มีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันกลางคืนและระหว่างฤดูกาลน้อยเนื่องจากอิทธิพลของทะเล[ 52] : 3
พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศมีฝนตกเฉลี่ยทั้งปี 1,200 ถึง 1,600 มิลลิเมตร[ 52] : 4 แต่ในบางพื้นที่ที่เป็นฝั่งรับลมของภูเขา เช่น จังหวัดระนองและจังหวัดตราดมีปริมาณฝนกว่า 4,500 มิลลิเมตรต่อปี ส่วนบริเวณแห้งแล้งคือฝั่งรับลมของหุบเขาภาคกลางและส่วนเหนือสุดของภาคใต้ซึ่งมีปริมาณฝนเฉลี่ยต่อปีน้อยกว่า 1,200 มิลลิเมตร[ 52] : 4 ในภาคใต้ ฝนตกหนักเกิดทั้งในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีมากสุดในเดือนกันยายนในฝั่งตะวันตก และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมในฝั่งตะวันออก[ 52] : 4
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกเดือด[ 53] มีอากาศร้อนในฤดูหนาว[ 54] รวมถึงมีปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จากเอลนีโญ[ 55] ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะสุขภาพของประชากรไทยโดยรวม[ 56]
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ ของทั้งพืชและสัตว์อยู่มาก อันเป็นรากฐานอันมั่นคงของการผลิตในภาคเกษตรกรรม และประเทศไทยมีผลไม้เมืองร้อนหลากชนิด[ 19] : 103 พื้นที่ราว 29% ของประเทศเป็นป่าไม้ รวมไปถึงพื้นที่ปลูกยางพาราและกิจกรรมปลูกป่าบางแห่ง[ 57] ประเทศไทยมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากว่า 50 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอีก 56 แห่ง โดยพื้นที่ 12% ของประเทศเป็นอุทยานแห่งชาติ (ปัจจุบันมี 110 แห่ง) และอีกเกือบ 20% เป็นเขตป่าสงวน[ 57] ประเทศไทยมีพืช 15,000 สปีชีส์ คิดเป็น 8% ของสปีชีส์พืชทั้งหมดบนโลก[ 58] ในประเทศไทย พบนก 982 ชนิด นอกจากนี้ ยังเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม และสัตว์เลื้อยคลานกว่า 1,715 สปีชีส์ซึ่งมีการบันทึก[ 59]
การลักลอบล่าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ยังเป็นปัญหาสำคัญ นักล่ามักฆ่าสัตว์อย่างเสือโคร่ง เสือดาวและแมวใหญ่อื่นเพื่อเอาหนัง มีการเลี้ยงหรือล่าสัตว์หลายชนิดรวมทั้งเสือโคร่ง หมี จระเข้และงูจงอางเพื่อเอาเนื้อ แม้การค้าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ผิดกฎหมาย แต่ตลาดนัดจตุจักร ในกรุงเทพมหานครยังขึ้นชื่อเรื่องการขายสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อยู่[ 60]
การเมืองการปกครอง
ราชธานีของคนไทยแต่โบราณล้วนปกครองระบอบราชาธิปไตย ตั้งแต่สมัยอาณาจักรอยุธยาเป็นต้นมา มีการรวมอำนาจปกครองในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการสถาปนาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แบบตะวันตก ครั้นวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร เปลี่ยนแปลงการปกครอง มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงราชย์ตั้งแต่ปี 2559 ทรงถูกจำกัดพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญและมีสถานภาพเป็นประมุขแห่งรัฐ ในทางพิธีการ ทรงเป็นจอมทัพไทย กฎหมายบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และเป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงมีอำนาจแต่งตั้งรัชทายาท พระราชทานอภัยโทษ และพระราชทานพระบรมราชานุญาต อย่างไรก็ดี พระมหากษัตริย์ยังมีการแทรกแซงการเมืองไทยโดยตรงอยู่เป็นระยะ[ a] และรัฐธรรมนูญยังเปิดช่องให้พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอำนาจวินิจฉัยได้ตามประเพณี พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ และความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงในประเทศ ทั้งนี้ มีผู้อธิบายพระราชอำนาจตามประเพณีหรือโดยพฤตินัยว่า "แม้ว่าพระราชอำนาจดังกล่าวจะมิได้บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ตาม แต่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เข้าใจตรงกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าเป็นพระราชอำนาจที่มีอยู่จริง และอาจกล่าวได้ว่าเป็นพระราชอำนาจส่วนที่สำคัญที่สุดในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน"[ 61] : 461 ทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของชาวไทยแตกต่างกันไปตามรัชกาล[ 62] [ 63]
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ นับเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในทวีปเอเชีย ประเทศไทยขาดเสถียรภาพทางการเมืองสูงและมีรัฐประหารหลายครั้ง รัฐธรรมนูญมักถูกเปลี่ยนโดยผลของรัฐประหาร ประเทศไทยมีรัฐประหารมากที่สุดในโลกในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย[ 64] ในปี 2558 "ประเทศไทยมีทหารหรืออดีตทหารเป็นนายกรัฐมนตรีในประเทศไทยเป็นเวลา 55 ปี จาก 83 ปีนับแต่ล้มสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในปี 2475"[ 65] รัฐประหารครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2557 โดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งผลพวงจากเหตุการณ์นั้นทำให้เกิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564
ในทางพฤตินัย ปัจจุบันประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์การเมืองระบุว่าระบอบดังกล่าวมาจากการเลือกตั้งที่มีข้อบกพร่องและเป็นการสืบทอดอำนาจของกองทัพ[ 66] รัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด ระบุว่า ประเทศไทยมีรูปแบบรัฐเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา หรือใช้ว่า ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยกำหนดรูปแบบองค์กรบริหารอำนาจทั้งสามส่วนดังนี้
กองทัพและอภิชนข้าราชการประจำควบคุมพรรคการเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่ปี 2489 ถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 (ประมาณปี 2523)[ 67] : 16 พรรคการเมืองในประเทศไทยส่วนใหญ่มีความเป็นสถาบัน (institutionalize) ต่ำและแทบทั้งหมดมีอายุสั้น[ 68] : 246 ระหว่างปี 2535–2549 ประเทศไทยมีระบบพรรคการเมืองเป็นแบบสองพรรคหลัก [ 68] : 245 และมีแนวโน้มเป็นระบบพรรคเดียว (พรรคไทยรักไทย ) มากขึ้นจนถึงปี 2549[ 68] : 244
ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 37 วันนับเป็นผู้บัญชาการทหารบกไทย คนที่ 11 ที่ได้ดำรงตำแหน่งหรือมีอำนาจเทียบเท่านายกรัฐมนตรี ก่อนที่รัฐสภาจะคืนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแก่ พลเอกประยุทธ์ในเวลาต่อมาถึงแม้จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 แต่รัฐบาลยังคงรักษาการต่อไปอีก ส่งผลให้ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2566 "ประเทศไทยมีทหารหรืออดีตทหารเป็นนายกรัฐมนตรีในประเทศไทยเป็นเวลา 63 ปี 3 เดือน จาก 91 ปีนับแต่ล้มสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในปี 2475[ 69]
อย่างไรจำนวนปีดังกล่าวไม่นับ ร้อยตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งไม่ได้เป็นทหารอาชีพหลายตำราจึงให้เป็นนายกพลเรือนมากกว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากทหารหากนับจะเพิ่มเป็น 65 ปี 11 เดือน จาก 91 ปี จึงสรุปได้ว่าหากรวมร้อยตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่มียศทหารครองอำนาจร้อยละ 72 จากระยะเวลาทั้งหมด 91 ปี
อนึ่ง ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร 11 รายซึ่งสามรายจากสิบเอ็ดรายเป็นพลเรือน อาทิ ธานินทร์ กรัยวิเชียร อานันท์ ปันยารชุน พจน์ สารสิน โดยได้รับตำแหน่งภายหลังรัฐประหาร ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นทหารหรืออดีตทหารที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหารด้วยเช่นกัน อาทิ พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และ ร้อยตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคการเมืองซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งทั่วไปทุกครั้งตั้งแต่ปี 2544 จนกระทั่งการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ชัยชนะของพรรคที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของตลอด 22 ปี ได้พ่ายแพ้เป็นครั้งแรกโดยพรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ
อย่างไรก็ตามพรรคที่ทักษิณเป็นเจ้าของได้จัดตั้งรัฐบาลโดยเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคทหารที่ก่อการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 สร้างความตกใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมากเนื่องจากพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารกลับนำพรรคการเมืองที่มีส่วนในการรัฐประหารเชิญเข้าร่วมรัฐบาลและพร้อมเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีให้แก่บุคคลสำคัญของพรรค นับเป็นการตระบัดสัตย์อีกครั้งหนึ่งของบุคคลที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงเพื่อที่จะได้คะแนนเสียงจากวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 ที่มาจากทหารในการจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มีการจัดระเบียบราชการออกเป็นสามระดับ ได้แก่ ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนภูมิภาคจัดระเบียบเป็น 76 จังหวัด โดยจังหวัดเป็นการแบ่งเขตการปกครองระดับบนสุด 878 อำเภอ 7,255 ตำบล [ 10] ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและปลัดอำเภอมาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลกลาง จังหวัดล่าสุดของประเทศไทย คือ จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งแยกจากจังหวัดหนองคาย ในปี 2554 ประเทศไทยมีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับตำบล เมืองและนครรวม 7,852 แห่ง[ 70] สำหรับกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา เป็นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ สำหรับปริมณฑล และภูมิภาค ไม่ใช่การแบ่งเขตการปกครองตามกฎหมาย ทั้งนี้ มีการแบ่งประเทศไทยออกเป็น 4 ถึง 6 ภาค แล้วแต่แหล่งอ้างอิง
แผนที่ประเทศไทยแบบคลิกได้ เมื่อคลิกที่ชื่อจังหวัดแล้วจะลิงก์ไปบทความจังหวัดนั้น ๆ
การแบ่งจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทยออกเป็น 6 ภาค ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2478 [ 71]
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
อาณาจักรโบราณของไทยมีความสัมพันธ์เป็นรัฐบรรณาการของจีน ส่วนความสัมพันธ์กับรัฐใกล้เคียงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่จะเน้นการรวบรวมอาณาจักรของคนไทซึ่งรวมทั้งสุโขทัย ล้านนา นครศรีธรรมราช และล้านช้าง ส่วนความสัมพันธ์กับพม่าและเวียดนามเป็นไปในลักษณะการทำสงครามเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ โดยมีการแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือกัมพูชากับเวียดนามตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนความสัมพันธ์ด้านการค้านั้น กรุงศรีอยุธยามีการค้าขายกับชาติในเอเชียและตะวันตกและเป็นเมืองท่าสำคัญ
นับแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศสยามเผชิญกับลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตก นำไปสู่การลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งเป็นสนธิสัญญาไม่เป็นธรรม รัฐบาลลงนามสนธิสัญญาทำนองเดียวกันกับชาติตะวันตกหลายประเทศเพื่อหวังสร้างความสัมพันธ์แบบพหุภาคีเพื่อให้ชาติเหล่านั้นถ่วงดุลกันเอง ประเทศสยามไม่ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกซึ่งสาเหตุบางส่วนเนื่องจากบริเตนและฝรั่งเศสตกลงให้สยามเป็นรัฐกันชน ประเทศสยามเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยเข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้ได้แก้ไขสนธิสัญญาไม่เป็นธรรม และในสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลไทยเข้าร่วมกับญี่ปุ่น แต่กลับได้สถานะผู้ชนะสงครามไปด้วย จนได้ชื่อว่า "การทูตไม้ไผ่" หรือ "การทูตลู่ตามลม"[ 72]
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา กับผู้นำประเทศอาเซียนต่าง ๆ ในปี 2559
การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2492 เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดนโยบายต่างประเทศของไทยในช่วงสงครามเย็น [ 21] : 214 ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญ ของสหรัฐมาตั้งแต่การลงนามองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2497 และดำเนินนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้น มีการส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ไทยอนุญาตให้สหรัฐตั้งฐานทัพในประเทศ อย่างไรก็ดี หลังจากสหรัฐถอนกำลังออกจากเวียดนาม ประเทศไทยเปลี่ยนนโยบายไปปรับความสัมพันธ์กับประเทศจีน แทน จนมีการเลิกการอนุญาตให้สหรัฐตั้งฐานทัพในประเทศไทยและปรับความสัมพันธ์ทางทูตกับจีนอย่างเป็นทางการในปี 2518[ 21] : 216
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไทยลงนามความตกลงการค้าเสรีทวิภาคีกับประเทศบาห์เรน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ชิลี และเปรู และความตกลงการค้าเสรีกับประเทศอาเซียน และความตกลงการค้าพหุภาคี (ในฐานะอาเซียน) กับประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ [ 73] สมัยนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ประกาศว่าประเทศไทยจะเลิกรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศและทำงานร่วมกับประเทศผู้บริจาคเพื่อช่วยพัฒนาประเทศพื้นบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทักษิณมุ่งให้ประเทศไทยเป็นผู้นำภูมิภาค แต่เขาก็สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผด็จการทหารพม่า รวมทั้งการให้สินเชื่อ[ 74] ในสมัยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประเทศไทยมีข้อพิพาทกับประเทศกัมพูชาเหนือความเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหาร เกิดกรณีพิพาทพรมแดน ระหว่างปี 2551–2554 หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับชาติตะวันตกเสื่อมลง และไทยหันไปเข้ากับประเทศจีน มากขึ้น[ 75]
กองทัพ
เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ไฟทิงฟอลคอน ของกองทัพอากาศไทย
พระมหากษัตริย์ดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย โดยนิตินัย ในทางปฏิบัติ กองทัพอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้สั่งการ และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการ กองทัพไทยแบ่งออกเป็น 3 เหล่าทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ทุกวันนี้กองทัพไทยมีกำลังทหารทั้งสิ้น 1,025,640 นาย และมีกำลังหนุนกว่า 200,000 นาย และมีกำลังกึ่งทหาร ประจำการกว่า 113,700 นาย[ 76] ในปี 2558 เครดิตสวิสจัดอันดับว่าประเทศไทยมีดัชนีกำลังทางทหารสูงเป็นอันดับที่ 16 ของโลก [ 77] งบประมาณกลาโหมเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจาก 78,100 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 207,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2559 คิดเป็นประมาณร้อยละ 1.5 ของจีดีพี[ 78] [ 79]
ประเทศไทยมีการเกณฑ์ทหาร ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศอำนาจทางบกตามแบบที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ พร้อมทั้งกองทัพอากาศขนาดใหญ่พอสมควรและมีสมรรถนะกองทัพเรือที่เพิ่มขึ้น[ 80] : 26 อย่างไรก็ดี การซื้อเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือบรรทุกเครื่องบิน มีปัจจัยด้านเกียรติภูมิเข้ามาเกี่ยวข้องนอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอย[ 80] : 33 ประเทศไทยเคยส่งกำลังพลเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ประเทศติมอร์ตะวันออก และดาร์ฟูร์ ประเทศซูดาน[ 81] : 135
หน้าที่หลักของกองทัพไทยคือการรับมือภัยคุกคามในประเทศมากกว่านอกประเทศ[ 82] กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายการเมืองของกองทัพไทย โดยมีอำนาจหน้าที่ทางสังคมและเศรษฐกิจของราชการพลเรือนด้วย และยังมีภารกิจในการต่อต้านประชาธิปไตย[ 82] กองทัพไทยขึ้นชื่อเรื่องมีทหารทุจริต เช่น จากกรณีการซื้อยุทธภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานหรือแพงเกิน การลักลอบค้ามนุษย์[ 83] การปฏิบัติต่อทหารเกณฑ์อย่างเลว[ 84] รวมทั้งการใช้เส้นสายฝากตั้งญาติเป็นนายทหาร[ 85]
อาชญากรรมและการบังคับใช้กฎหมาย
คดีอาชญากรรมรวมทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณร้อยละ 1.3 ระหว่างปี 2540–2554 ในช่วงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร (กุมภาพันธ์–เมษายน 2546) อาชญากรรมยาเสพติดลดลงร้อยละ 64.6 แต่การฆ่าคนและอาชญากรรมอื่นต่อบุคคลเพิ่มขึ้น[ 86] : 162 จังหวัดชลบุรี และภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีอาชญากรรมสูงสุดสองอันดับแรก แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่อาชญากรรมรุนแรง[ 86] : 162 อัตราชำระคดี (clear-up) ของตำรวจโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 86.78 ระหว่างปี 2550–2554[ 86] : 163 อัตราอาชญากรรมถ่วงน้ำหนักแปรผันตรงกับจำนวนแรงงานเข้าเมืองมิชอบด้วยกฎหมาย แต่แปลผกผันกับคะแนนทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ จำนวนพระภิกษุและความหนาแน่นของประชากร[ 86] : 163 ประเทศไทยมีปัญหาจำนวนอาวุธปืนมาก ชาวไทยประมาณร้อยละ 10 เป็นเจ้าของปืน และมีอัตราการเสียชีวิตเกี่ยวกับปืนที่มีรายงานสูงสุดในทวีปเอเชีย[ 87] สหประชาชาติ วิจารณ์ประเทศไทยว่าไม่สามารถขจัดความเป็นทาส และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคประมง[ 88]
สถิติปี 2555 พบว่าชาวไทยประสบเหตุอาชญากรรม 152,228 คน เป็นอาชญากรรมต่อทรัพย์สินมากที่สุด (ร้อยละ 92.5)[ 89] : v ทรัพย์สินที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่สามารถนำติดตัวไปได้ นอกจากนั้นเป็นเครื่องใช้นอกและในบ้าน เครื่องประดับ เป็นต้น[ 89] : vi ประสบเหตุอาชญากรรมต่อชีวิตและร่างกาย 7,879 คน เป็นการถูกทำร้ายร่างกายมากที่สุด (ร้อยละ 79.8)[ 89] : vii ส่วนใหญ่ผู้ประสบเหตุอาชญากรรมไม่ได้แจ้งตำรวจ โดยเฉลี่ยร้อยละ 66.6 ยกเว้นอาชญากรรมทางเพศและอาชญากรรมต่อชีวิตและร่างกายที่มีการแจ้งตำรวจเกินครึ่ง (ร้อยละ 67.2 และ 55 ตามลำดับ)[ 89] : 26
มีรายงานว่า กำลังความมั่นคงบางครั้งใช้กำลังเกินกว่าเหตุและถึงตายต่อผู้ต้องสงสัยและมีวิสามัญฆาตกรรม การฆ่าคนตามอำเภอใจและการฆ่าคนไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งมีการทรมานและทุบตีผู้ต้องสงสัยเพื่อรีดคำสารภาพ[ 90] ประเทศไทยมีผู้ต้องขังประมาณ 306,000 คนในปี 2559[ 90] ประเทศไทยมีจำนวนผู้ต้องขังมากที่สุดในอาเซียน และมากเป็นอันดับที่ 3 ของทวีปเอเชีย[ 91] ผู้ต้องขังก่อนพิจารณาคดีในศาลคิดเป็นร้อยละ 18 ของประชากรเรือนจำ ในปีงบประมาณ 2559 มีผู้เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว 762 คน[ 90] มีหลายกรณีที่กล่าวหาว่าตำรวจใช้อำนาจมิชอบ แต่ผู้ถูกกล่าวหามักไม่ถูกลงโทษ[ 90] ในศาลพลเรือน รัฐบาลจัดหาความช่วยเหลือทางกฎหมาย แต่มีรายงานว่าความช่วยเหลือดังกล่าวมีคุณภาพต่ำ[ 90]
ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงต่อการฉ้อราษฎร์บังหลวง ในหลายภาคส่วนของประเทศ[ 88] หลังรัฐประหารปี 2557 ฝ่ายตุลาการถูกทำให้เป็นเรื่องการเมืองอย่างสูง กระบวนการทางกฎหมายในประเทศไทยมักช้าและบางทีมีการใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อมีผลต่อคำพิพากษา[ 88] ฝ่ายความมั่นคงในประเทศไทยมีชื่อเสียงว่าเป็นสถาบันที่ฉ้อฉลที่สุดในประเทศเนื่องจากความพัวพันกับการเมืองและระบบอุปถัมภ์[ 88] บริษัทที่ไม่จ่ายค่าอำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการอาจเสียเปรียบด้านการแข่งขันเทียบกับบริษัทอื่น[ 88] มีการฮั้วประมูล [ 88] การบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยมีความผันแปรและการดำเนินคดีการฉ้อราษฎร์บังหลวงระดับสูงอาจมีแรงจูงใจทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง[ 88]
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย มีการเรียกว่า "อาจเป็นกฎหมายอาญาว่าด้วยการหมิ่นประมาทที่รุนแรงที่สุดในโลก"[ 92] และ "โหด"[ 93] องค์การนิรโทษกรรมสากล ถือว่าผู้ถูกจำคุกฐานดังกล่าวเป็นนักโทษการเมือง [ 94] คณะทำงานว่าด้วยการกักขังโดยพลการของสหประชาชาติถือว่าการกักขังก่อนพิจารณาคดีถือว่าละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ[ 95]
เศรษฐกิจ
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ กรุงเทพมหานครเป็นนครที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ในทวีปเอเชีย[ 102] : 85
ประเทศไทยมีเศรษฐกิจแบบผสม ประเทศไทยมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซีย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ จัดให้ประเทศไทยเป็น "ผู้ประสบความสำเร็จสูง" ในเอเชียตะวันออก[ 103] ในปี 2556 ประเทศไทยมีดัชนีการรับรู้การทุจริตค่อนข้างต่ำ โดยอยู่อันดับที่ 102 จาก 177 ประเทศ[ 104] ธนาคารโลกจัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศมีรายได้ปานกลาง-สูงในปี 2554[ 105]
ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับที่ 24 ของโลก ในปี 2556 การส่งออกเป็นสัดส่วน 74% ของจีดีพี[ 106] ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนต่อจีดีพีมากที่สุดคือ 38.1% ภาคการค้าส่ง ค้าปลีกมีสัดส่วนต่อจีดีพี 13.4% ภาคการขนส่งและการสื่อสารมีสัดส่วนต่อจีดีพี 10.2% ภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนต่อจีดีพี 8.3% ในปี 2552–2553 ประเทศไทยส่งชิ้นส่วนและส่วนประกอบออก ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ มูลค่า 48,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 25% ของมูลค่าการส่งสินค้าออก[ 103] มีมูลค่าการนำเข้าเป็นอันดับที่ 23 ของโลก ประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย ฮ่องกงและเกาหลีใต้[ 107] เครื่องจักรเป็นทั้งสินค้านำเข้าและส่งออกที่สำคัญที่สุดของไทย[ 108] องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) เป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของไทย[ 109]
ประเทศไทยมีกำลังแรงงาน 39.38 ล้านคน อยู่ในภาคเกษตรกรรมมากที่สุด 15.41 ล้านคน หรือ 39.1% ของกำลังแรงงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ค่าแรงขั้นต่ำ ทางการทุกจังหวัดเป็น 300 บาท อัตราการว่างงานของประเทศ อยู่ที่ 1.2%[ 97] ซึ่งน้อยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่แนวโน้มแรงงานกว่าครึ่งประกอบอาชีพที่ไม่มั่นคงหรืออาชีพที่ไม่เป็นทางการ[ 110] กับทั้ง 40% มีปัญหาการทำงานต่ำระดับ [ 111] ในปี 2559 ประเทศไทยมีผู้ย้ายถิ่นขึ้นทะเบียนประมาณ 2 ล้านคน โดยหนึ่งในสามเป็นผู้ถือใบอนุญาตทำงานชั่วคราว ส่วนแรงงานไม่สม่ำเสมอคาดว่ามีอีกประมาณ 1–2 ล้านคน[ 112] หลังรัฐประหารปี 2557 แรงงานต่างด้าวกัมพูชาหลบหนีกลับประเทศจำนวน 180,000 คนหลังรัฐบาลประกาศปราบปราม[ 113] หลังประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ทำให้มีแรงงานต่างด้าวออกนอกประเทศหลายหมื่นคน[ 114] ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยมีแรงงานนอกระบบ (คือแรงงานที่ไม่ได้รับความคุ้มครองหรือไม่มีหลักประกันสังคม) 20.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 55.2 ของผู้มีงานทำ[ 115] : iii
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยเป็นประเทศยากจนที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้เศรษฐกิจไทยซบเซามาอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ[ 36] : 3 ระหว่างปี 2508 ถึง 2539 ผลิตภัณฑ์ประชาชาติเบื้องต้นต่อคนเติบโตร้อยละ 7 ต่อปี และระหว่างปี 2530 ถึง 2539 เรียกว่าเป็นช่วง "เศรษฐกิจบูม" เศรษฐกิจไทยเติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งมาจากการลงทุนระดับสูงมาก[ 36] : 3 การเติบโตของหุ้น เป็นปัจจัยทำให้เศรษฐกิจเติบโตกว่าครึ่ง[ 36] : 9 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วงเศรษฐกิจบูมเป็นการไหลเข้าของทุนระยะสั้นร้อยละ 23[ 36] : 12 วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 มีสาเหตุระยะยาวหลายอย่าง แต่ชนวนเหตุที่บั่นทอนความเชื่อมั่นเกิดจากการเติบโตของการส่งออกลดลงอย่างรุนแรงในปี 2539[ 36] : 21–2 จีดีพีของไทยหดตัวร้อยละ 10.5 ในปี 2541[ 36] : 30
ประเทศไทยฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินในปี 2546[ 36] : 53 การฟื้นตัวทางเศรษฐกิของไทยล่าช้าเพราะขาดอุปทานรวม[ 36] : 32 ระหว่างปี 2542 ถึง 2550 จีดีพีไทยเติบโตระหว่างร้อยละ 2.1 ถึง 7.1 ต่อปี[ 116] ด้วยการขาดเสถียรภาพจากการประท้วงใหญ่ในปี 2553 การเติบโตของจีดีพีของประเทศไทยอยู่ที่ราวร้อยละ 4–5 ลดลงจากร้อยละ 5–7 ในรัฐบาลพลเรือนก่อน ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้บริโภค[ 117] นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทหารหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ที่เรียก ประชารัฐ ทำให้เกิดทุนนิยมแบบลำดับชั้นที่ธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยเชื้อสายจีนเข้าไปเลี้ยงดูและชี้นำธุรกิจในท้องถิ่น[ 43] : 300 เศรษฐกิจไทยหดตัวร้อยละ 6.1 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 นับเป็นการหดตัวมากที่สุดนับแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง[ 118] หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสมัยประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 7 ปี (จนถึงเดือนพฤษภาคม 2564) รัฐบาลกู้เงินแล้ว 8.47 ล้านล้านบาท[ 119] และมีตัวเลขในเดือนมิถุนายน 2565 ว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 42.50 เป็นร้อยละ 60.58 ใน 8 ปี[ 120]
ความมั่งคั่ง ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
สัดส่วนความมั่งคั่งที่ครัวเรือนถือครองแบ่งตามเปอร์เซนไทล์ของครัวเรือน [ 121] : 15–6
เปอร์เซนไทล์
สัดส่วน
ต่ำสุดร้อยละ 20
0.5
ต่ำสุดร้อยละ 40
3.5
ต่ำสุดร้อยละ 60
12.5
สูงสุดร้อยละ 20
69.5
ประเทศไทยมีความมั่งคั่งมัธยฐานต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน 1,469 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2559[ 121] : 98 เพิ่มขึ้นจาก 605 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2543[ 121] : 34 ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 55 ของดัชนีความมั่นคงทางอาหารโลกในปี 2560[ 122] หลังภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ภาคครัวเรือนยังมีสภาพคล่อง ดี และมีความสามารถในการดำรงการบริโภคได้ แม้มีรายได้สุทธิต่อค่าใช้จ่ายลดลงเมื่อเทียบกับปี 2549 แต่การบริโภคไม่ได้ลดลง[ 101] : 3 ในปี 2559 ดัชนีการพัฒนามนุษย์ ของไทยอยู่ในอันดับที่ 87 [ 103] และดัชนีการพัฒนามนุษย์ที่ปรับความเหลื่อมล้ำแล้วอยู่อันดับที่ 70[ 123] กรุงเทพมหานครซึ่งมีผลิตภัณฑ์จังหวัดสูงสุดมีมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัด เป็น 406.9 เท่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งมีน้อยที่สุด[ เชิงอรรถ 2]
ในปี 2560 ครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 26,946 บาท[ 125] : 1 ครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุดร้อยละ 20 มีส่วนแบ่งรายได้คิดเป็นร้อยละ 45.0 และครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุดร้อยละ 20 มีส่วนแบ่งรายได้คิดเป็นร้อยละ 7.1[ 125] : 4 กลุ่มประชากรร้อยละ 40 ที่มีรายได้ต่ำสุดมีรายได้ต่ำกว่า 5,344 บาทต่อคนต่อเดือนมีจำนวน 26.9 ล้านคน[ 126] : 5 ในปี 2556 ผู้ประท้วงกลุ่ม กปปส. ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 32) มีรายได้ครัวเรือนเกิน 50,000 บาทต่อเดือน ส่วน นปช. ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 27) มีรายได้ครัวเรือน 10,000–20,000 บาทต่อเดือน[ 127] : 7
ในปี 2559 สถาบันการเงินเครดิตสวิสรายงานว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากประเทศรัสเซียและอินเดีย[ 128] คนรวยสุดร้อยละ 10 ถือครองทรัพย์สินร้อยละ 79 ของประเทศ[ 128] มหาเศรษฐีไทย 50 ครอบครัวแรกมีมูลค่าทรัพย์สินรวมคิดเป็นร้อยละ 30 ของจีดีพีไทย[ 128]
ในปี 2559 ประเทศไทยมีคนยากจน 5.81 ล้านคน หรือร้อยละ 8.6 ของประชากร แต่หากนับรวม "คนเกือบจน" (near poor) ด้วยจะเพิ่มเป็น 11.6 ล้านคน หรือร้อยละ 17.2 ของประชากร[ 126] : 1 ในปี 2559 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือมีสัดส่วนคนจนร้อยละ 12.96, 12.35 และ 9.83 ของประชากรในแต่ละภาคตามลำดับ[ 126] : 2 ในปี 2560 มีผู้มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย (รายได้น้อยกว่า 100,000 บาทต่อปี) เพื่อรับสวัสดิการจากรัฐเป็นจำนวน 14 ล้านคน[ 128] ปลายปี 2560 ประเทศไทยมีหนี้สินครัวเรือน 11.76 ล้านล้านบาท[ 99] : 5 ในปี 2553 ครัวเรือนที่มีปัญหาล้มละลาย (ทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน) คิดเป็นร้อยละ 3 ของครัวเรือนทั้งประเทศ[ 101] : 5 ในปี 2560 ครัวเรือนที่มีที่อยู่อาศัยถาวรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.69 ของครัวเรือนทั้งประเทศ[ 99] : 36 ในปี 2559 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ประมาณการว่ามีคนไร้บ้านทั่วประเทศ 30,000 คน[ 129]
ปีพ.ศ. 2566 จำนวนผู้ที่ได้จับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนมีทั้งสิ้น 14.2 ล้านคน[ 130]
เกษตรกรรม
ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก
การพัฒนาการเกษตรตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1960 ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ[ 131] ในพื้นที่ชนบท อาชีพเกษตรกรรมคิดเป็นกึ่งหนึ่งของการจ้างงาน[ 131] ในปี 2555 ประเทศไทยมีที่ดินเพาะปลูกได้ 165,600 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 32.3% ของพื้นที่ประเทศ[ 132] ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 55% ใช้ปลูกข้าว ในปี 2551 ประเทศไทยส่งข้าวออกราว 10 ล้านตัน คิดเป็นประมาณ 33% ของการค้าข้าวทั่วโลก[ 133] ข้าวเป็นพืชผลสำคัญสุดของประเทศ และประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งมาช้านาน จนประเทศอินเดียและเวียดนามแซงเมื่อไม่นานนี้[ 134]
ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางรายใหญ่ที่สุดของโลก[ 135] คิดเป็นร้อยละ 40 ของยางธรรมชาติโลก[ 136] พืชที่มีมูลค่าการผลิตสูงสุดอื่น ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง เนื้อไก่ เนื้อหมู มะม่วง มังคุด ฝรั่ง สัปปะรด รวมทั้งพวกผลไม้เขตร้อน[ 132] กุ้ง ข้าวโพดและถั่วเหลือง[ 137] ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก และเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก[ 138] ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่สุดในอาเซียน [ 139]
อุตสาหกรรม
คนงานสายการผลิตในโรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทรา
บริษัทเกือบทั้งหมดของไทย กว่า 2.7 ล้านวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 99.7 จัดเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในปี 2560 SME คิดเป็นการจ้างงานร้อยละ 80.3 ของการจ้างงานทั้งหมด (13 ล้านคน) ในปี 2556 สัดส่วนต่อจีดีพีของ SME อยู่ที่ร้อยละ 37.4 มีรายงานว่า SME ร้อยละ 70 ปิดกิจการภายใน "ไม่กี่ปี"[ 140] :47
อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นภาคส่งออกใหญ่สุดของไทย คิดเป็นประมาณร้อยละ 15 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2557 การส่งออกดังกล่าวรวมมูลค่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีคนงานประมาณ 780,000 คนในปี 2558 คิดเป็นร้อยละ 12.2 ของการจ้างงานทั้งหมดในภาคการผลิต แต่ผู้ผลิตกำลังย้ายการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าประเทศไทย[ 141] อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใหญ่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของโลก[ 142] โดยมีการจ้างงานประมาณ 417,000 ตำแหน่งในปี 2558 คิดเป็นร้อยละ 10 ของจีดีพีประเทศ[ 143] :12-13 คนงานกว่าร้อยละ 70 ในทั้งสองภาคมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียงานให้กับหุ่นยนต์[ 143] :39, xix
พลังงาน
โรงแยกก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ที่จังหวัดระยอง
ประเทศไทยเป็นผู้นำน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเข้าสุทธิ มีการผลิตและปริมาณสำรองน้ำมันน้อยและต้องนำเข้าเป็นส่วนใหญ่เพื่อการบริโภค แม้ว่ามีปริมาณสำรองแก๊สธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วขนาดใหญ่ แต่ยังต้องนำเข้าเพื่อให้เพียงพอกับอุปทานในประเทศ การบริโภคพลังงานหลักของประเทศไทยมาจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ คิดเป็นกว่า 80% ของทั้งหมด ในปี 2553 ประเทศไทยบริโภคพลังงานจากน้ำมันมากที่สุด (39%) รองลงมาคือ แก๊สธรรมชาติ (31%) ชีวมวล และของเสีย (16%) และถ่านหิน (13%) ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากประเทศสิงคโปร์ เชื้อเพลิงดีเซลเป็นสัดส่วนหนึ่งในสามของผลิตภัณฑ์น้ำมัน และเป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับการขนส่ง[ 144] ในปี 2558 ประเทศไทยมีการนำเข้าซึ่งพลังงานขั้นต้นสุทธิเทียบเท่าน้ำมัน 1.253 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมีการซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาว และแก๊สธรรมชาติจากประเทศพม่า[ 145] ปัญหาราคาน้ำมันในไทยมีสาเหตุมาจากโครงสร้างราคาน้ำมันที่มีการเก็บภาษีและเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ ถึง 35–60% ของราคาหน้าปั๊ม[ 146] การอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพที่แพงกว่าน้ำมันปกติ และการปล่อยให้เอกชนกำหนดค่ากลั่นน้ำมันได้เอง[ 147]
ในปี 2554 ประเทศไทยมีสมรรถภาพติดตั้งผลิตไฟฟ้าประมาณ 32.4 กิกะวัตต์ โดยผลิตจากแก๊สธรรมชาติมากที่สุด (71%) ประเทศไทยคิดสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์เพื่อลดการพึ่งพาแก๊สธรรมชาติ แต่หลังภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ในปีนั้น ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกที่เสนอถูกเลื่อนไปหลังปี 2569[ 144] ในปี 2565 มีการเปิดเผยว่าประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้าสำรองสูงถึง 40–60% แต่ค่าไฟฟ้ายังแพงอยู่เพราะมีค่าพร้อมจ่ายให้กับเอกชนที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจนเป็นภาระของผู้บริโภค[ 148]
การขนส่ง
แผนที่ถนนในประเทศไทย
การขนส่งทางถนนเป็นภาคหลักของการขนส่งผู้โดยสารและค่าระวางในประเทศไทย[ 149] : 269 โดยคิดเป็นร้อยละ 85 และ 86 ของการขนส่งทางบกทั้งหมดตามลำดับ[ 150] : 25 ประเทศไทยมีทางหลวงความยาว 390,000 กิโลเมตร[ 151] และมีเครือข่ายถนน 462,133 สาย[ 152] เป็นเครือข่ายทางหลวง 51,776 กิโลเมตรที่เชื่อมภาคต่าง ๆ ของประเทศ มีทางด่วน สองเส้นทาง ซึ่งเชื่อมกรุงเทพมหานครกับเขตอุตสาหกรรมโดยรอบ รวมระยะทาง 150 กิโลเมตร[ 150] : 22 อุตสาหกรรมขนส่งค่าระวางในประเทศไทยอาศัยรถบรรทุกถึงร้อยละ 80[ 149] : 276 ในปี 2560 ประเทศไทยมียานพาหนะจดทะเบียน 37 ล้านคัน เป็นรถจักรยานยนต์ 20 ล้านคัน และมีที่ไม่ได้จดทะเบียนอีกหลายล้านคัน[ 152] ในปี 2555 ประเทศไทยมีอัตราเป็นเจ้าของยานพาหนะ 488 คันต่อประชากร 1,000 คน มากเป็นอันดับสองของอาเซียน[ 153] : 40 ในปี 2561 มีรถแท็กซี่ขึ้นทะเบียนทั่วประเทศ 80,647 คัน[ 154] และมีการดำเนินการรถตู้สาธารณะ 114 เส้นทางจากกรุงเทพมหานคร[ 155] ในปี 2559 ประเทศไทยเป็นประเทศที่การจราจรติดขัดมากที่สุดในโลก[ 156] สหประชาชาติจัดอันดับถนนในประเทศไทยว่าอันตรายสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก โดยมียอดผู้เสียชีวิตจากยานพาหนะ กว่า 30,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นอัตราต่อหัวสูงสุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากประเทศลิเบีย[ 151]
ประเทศไทยมีรางรถไฟยาว 4,034 กิโลเมตร และการขนส่งสินค้าทางรางคิดเป็นร้อยละ 1.4 ของน้ำหนักบรรทุกทั้งหมดในปี 2558[ 151] ในปี 2555 มีผู้โดยสารทางราง 41 ล้านคน[ 153] : 59 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้ดำเนินการเส้นทางรางแห่งชาติของประเทศ ซึ่งถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง รถไฟมักช้าและอุปกรณ์ส่วนใหญ่เก่าและมีการบำรุงรักษาไม่ดี ความพยายามของรัฐบาลในการจัดโครงสร้างใหม่และโอนเป็นของเอกชนถูกสหภาพคัดค้านอย่างหนักตลอดมา[ 157] [ 158] ในช่วงปีหลัง มีความพยายามก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง
ประเทศไทยมีท่าอากาศยานพาณิชย์ 38 แห่ง[ 159] : 3 ในปี 2559 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากที่สุดของประเทศและเป็นอันดับที่ 20 ของโลก [ 160] ประเทศไทยมีทางน้ำในประเทศที่ใช้เดินเรือได้ 1,750 กิโลเมตร ประเทศไทยท่าเรือน้ำลึกระหว่างประเทศ 8 แห่ง[ 150] : 31 ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือน้ำลึกหลักของประเทศไทย ส่วนท่าเรือแม่น้ำมีทั้งหมด 132 แห่ง ซึ่งใช้สำหรับการขนส่งสินค้าขั้นต้นและสินค้าเกษตรเป็นหลัก[ 150] : 32
การท่องเที่ยว
ในปี 2560 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35.38 ล้านคน[ 161] จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดิมที่มีชาวต่างชาติ 336,000 ราย และทหารที่เข้ามาพัก 54,000 นายในปี 2510[ 162] ประเทศที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและลาว[ 161]
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศตั้งขึ้นในปี 2522[ 163] นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการจัดตั้งตำรวจท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ[ 161]
ประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก 6 แหล่ง ได้แก่ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และกลุ่มป่าแก่งกระจาน
ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2559[ 164] รายงานความสามารถแข่งขันการเดินทางและการท่องเที่ยวปี 2558 จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 จาก 141 ประเทศ โดยประเทศไทยมีคะแนนสูงในด้านทรัพยากรธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐานบริการนักท่องเที่ยว แต่มีคะแนนต่ำในด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยและความมั่นคง[ 165]
การค้าประเวณี และการท่องเที่ยวทางเพศถือเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจ ประมาณการในปี 2546 ระบุมูลค่าไว้ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณร้อยละ 3 ของเศรษฐกิจ[ 166] เชื่อว่าเงินนักท่องเที่ยวอย่างน้อยร้อยละ 10 ใช้ค้าประเวณี[ 167]
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศนวัตกรรมมากที่สุดอันดับที่ 45 ในดัชนีนวัตกรรมบลูมเบิร์ก ปี 2561[ 168] ในปี 2556 ประเทศไทยมีรายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของจีดีพี เป็นรายจ่ายจากภาครัฐร้อยละ 51.3 และจากภาคเอกชนร้อยละ 48.7 รัฐบาลมีแผนใช้สิ่งจูงใจภาษีเพื่อเพิ่มการลงทุนของเอกชน[ 169] : 74 การวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยมีสัดส่วนงานวิจัยประยุกต์สูงกว่างานวิจัยพื้นฐานมาก ข้อมูลในปี 2552 พบว่าประเทศไทยมีนักวิจัย 38,500 คนหรือเทียบเท่าเต็มเวลา (FTE) 22,000 คน[ 169] : 74 ประเทศไทยมีจำนวนงานวิจัยตีพิมพ์มากเป็นอันดับสามในอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ [ 169] : 75 ในปี 2553 มีผู้ขอจดสิทธิบัตร ในประเทศไทย 1,925 ฉบับ และมีการออกให้ 772 ฉบับ เกินครึ่งของผู้ขอจดสิทธิบัตรไม่ใช่พลเมือง และคิดเป็นกว่าร้อยละ 90 ของสิทธิบัตรที่ออกให้[ 169] : 75 ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ลงนามองค์การความร่วมมืออวกาศเอเชีย-แปซิฟิก (APSCO) ซึ่งมีประเทศจีนเป็นผู้นำ[ 169] : 79
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทยก้าวหน้าอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2551 องค์กรส่งเสริมการวิจัยสำคัญอย่าง สวทช. , สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) ช่วยประสานงานระหว่างมหาวิทยาลัยกับบริษัท อุตสาหกรรมการผลิตของไทยส่วนใหญ่พึ่งพาการผลิตท้องถิ่นของบริษัทต่างชาติ ทำให้มีผลลัพธ์การวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีน้อย[ 169] : 80
จุดแข็งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยอยู่ในสายอาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพ-ชีววิทยาศาสตร์-เกษตรศาสตร์ เทคโนโลยีพลังงาน และการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์[ 170] : 103
ประชากรศาสตร์
ประชากร
ประชากรไทย ปี ประชากร ±% 2453 8,131,247 — 2462 9,207,355 +13.2% 2472 11,506,207 +25.0% 2480 14,464,105 +25.7% 2490 17,442,689 +20.6% 2503 26,257,916 +50.5% 2513 34,397,371 +31.0% 2523 44,824,540 +30.3% 2533 54,548,530 +21.7% 2543 60,916,441 +11.7% 2553 65,926,261 +8.2% แหล่งที่มา: [1] สำนักงานสถิติแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทยประมาณว่า ประเทศไทยมีประชากร 69,183,173 คน[ 171] ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก แต่คาดว่าประชากรจะลดลงก่อนปี 2563[ 172] : i ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อัตราเจริญพันธุ์ลดลงเร็วที่สุดในโลก ระหว่างปี 2513 ถึง 2533 อัตราเจริญพันธุ์ระหว่างประเทศลดลงจาก 5.5 เหลือ 2.2 สาเหตุจากการคุมกำเนิด ขนาดครอบครัวที่ปรารถนาลดลง สัดส่วนผู้สมรสลดลง และการสมรสช้า[ 172] : i ในปี 2552 อัตราเจริญพันธุ์รวมของไทยอยู่ที่ 1.5[ 172] : 4 ในปี 2553 อัตราการเกิดอย่างหยาบอยู่ที่ 13 ต่อ 1,000[ 172] : 31 คาดว่าจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15 ภายในปี 2573[ 172] : 32 จำนวนประชากรในวัยทำงานทั้งหมดจะเริ่มลดลงหลังปี 2563[ 172] : 7
จำนวนการเกิดของวัยรุ่นสูงขึ้น โดยสถิติหญิงอายุ 15–19 ปีที่เคยสมรสในปี 2553 มีประมาณ 330,000 คน[ 172] : 28 และในปี 2552 มีจำนวนการเกิดจากแม่อายุไม่เกิน 19 ปีจำนวน 765,000 คน[ 172] : 31 ในปี 2549–2552 มีการทำแท้งชักนำเกิน 60,000 คนต่อปี[ 172] : 28
ประเทศไทยถือว่ามีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ราวร้อยละ 75–95 ของประชากรเป็นชาติพันธุ์ไท ซึ่งรวมสี่ภูมิภาคหลัก คือ ไทยกลาง ร้อยละ 30 อีสานหรือลาวร้อยละ 22 ล้านนา ร้อยละ 9 และใต้ร้อยละ 7 และมีไทยเชื้อสายจีน ร้อยละ 14 ของประชากร ที่เหลือเป็นไทยเชื้อสายมลายู ชาวมอญ ชาวเขมร และชาวเขาหลายเผ่า ไทยที่มีบรรพบุรุษจีนบางส่วนมีถึง ร้อยละ 40 ของประชากร[ 173] ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่รัฐบาลรับรอง 62 กลุ่ม[ 174] ทั้งนี้ ไทยเชื้อสายจีนจัดเป็นชนชั้นอภิชนของไทย และเป็นกลุ่มที่ได้เปรียบทางเศรษฐกิจ[ 175] : 179–83
ในปี 2553 ประเทศไทยมีการมีลักษณะแบบเมืองร้อยละ 34 ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่มีเครื่องชี้ภาวะการพัฒนาพอ ๆ กัน[ 172] : 14 การเคลื่อนย้ายของประชากรส่วนใหญ่เป็นแบบชั่วคราวตามฤดูกาล[ 172] : 14 กรุงเทพมหานครเป็นตัวอย่างสุดโต่งของความเป็นเอกนคร (urban primacy) โดยในปี 2536 กรุงเทพมหานครมีประชากรมากกว่านครใหญ่ที่สุดสามอันดับถัดมารวมกันระหว่าง 7.5 ถึง 11 เท่า[ 172] : 14 ผู้ย้ายออกชาวไทยส่วนมากเป็นลูกจ้างทักษะต่ำ โดยเดินทางไปประเทศปลายทางเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้อยลง แต่ตะวันออกกลางและประเทศตะวันตกเพิ่มขึ้น[ 172] : ix เมื่อปลายปี 2550 มีประมาณการว่าคนต่างด้าวที่อาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทยมี 2.8 ล้านคน ซึ่งจำนวนนี้รวมผู้มีใบอนุญาตทำงานในประเทศ นักเรียนนักศึกษา ผู้มีคู่สมรสชาวไทยและผู้ตั้งถิ่นฐานหลังเกษียณ ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่อยู่เกินวีซ่า [ 172] : ix
เมื่อปี 2553 ในประชากรอายุมากกว่า 13 ปี มีผู้สมรส 38,001,676 คน หม้าย 3,833,699 คน หย่า 670,030 คน และไม่เคยสมรส 16,957,651 คน[ 176]
นครใหญ่
เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
31 ธันวาคม 2560 (จากฐานข้อมูลกรมการปกครอง)
[ 177]
อันดับ
ชื่อ
จังหวัด
ประชากร
อันดับ
ชื่อ
จังหวัด
ประชากร
กรุงเทพมหานคร นนทบุรี
1
กรุงเทพมหานคร
ไม่มี
5,696,409
11
พัทยา
ชลบุรี
115,840
ปากเกร็ด หาดใหญ่
2
นนทบุรี
นนทบุรี
256,960
12
นครศรีธรรมราช
นครศรีธรรมราช
105,844
3
ปากเกร็ด
นนทบุรี
187,239
13
นครสวรรค์
นครสวรรค์
85,931
4
หาดใหญ่
สงขลา
159,687
14
แหลมฉบัง
ชลบุรี
80,415
5
นครราชสีมา
นครราชสีมา
138,303
15
รังสิต
ปทุมธานี
79,962
6
เชียงใหม่
เชียงใหม่
131,091
16
นครปฐม
นครปฐม
78,599
7
อุดรธานี
อุดรธานี
129,680
17
ภูเก็ต
ภูเก็ต
78,421
8
สุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ธานี
129,500
18
อุบลราชธานี
อุบลราชธานี
76,271
9
เจ้าพระยาสุรศักดิ์
ชลบุรี
124,266
19
เชียงราย
เชียงราย
73,416
10
ขอนแก่น
ขอนแก่น
120,143
20
พิษณุโลก
พิษณุโลก
69,906
ศาสนา
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่ระบุศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนาของพลเมืองไทยทุกคน แต่กำหนดให้พระมหากษัตริย์ต้องนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท กฎหมายห้ามกล่าวหมิ่นประมาทศาสนาพุทธรวมถึงพระสงฆ์ และคุ้มครองศาสนสถานและศาสนพิธีของศาสนาอื่น[ 179] ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติว่า "รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท [...] และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด" ในช่วงปีหลังมีการเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แม้ว่าประเทศไทยไม่มีรายงานการละเมิดทางสังคมหรือการเลือกปฏิบัติจากศาสนา[ 180] แต่กฎหมายไทยบางส่วนได้รับอิทธิพลจากความเชื่อแบบพุทธ เช่น การงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลในวันหยุดทางศาสนา[ 181]
กฎหมายรับรองห้ากลุ่มศาสนาหลัก ได้แก่ พุทธ อิสลาม คริสต์ ฮินดูและซิกข์[ 182] การสำรวจของเครือข่ายอิสระทั่วโลก/สมาคมแกลลัประหว่างประเทศ (WIN/GIA) ในปี 2560 พบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือศาสนามากที่สุดในโลก โดยมีผู้ระบุตนว่าเป็นศาสนิกชนร้อยละ 98 ไม่เป็นศาสนิกชนร้อยละ 1 และผู้เชื่ออเทวนิยม อีกร้อยละ 1[ 183]
ตามสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2557 ประชากรไทยนับถือศาสนาพุทธ ประมาณร้อยละ 94.6[ 178] ส่วนใหญ่นับถือนิกายเถรวาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นศาสนาประจำชาติ ของประเทศไทยโดยพฤตินัย ทั้งนี้ ประเทศไทยถือได้ว่ามีผู้นับถือศาสนาพุทธมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากประเทศจีน[ 184] ในปี 2559 ประเทศไทยมีวัดทั้งสิ้น 40,580 วัด[ 185] มีพระสงฆ์ 33,749 รูป และสามเณร 6,708 รูปทั่วประเทศ[ 186] นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่าศาสนาพุทธเข้าสู่ประเทศไทยจากอินเดียในรัชกาลพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมริยะ ในช่วงคริสต์สหัสวรรษที่ 1[ 187] : 157 ศาสนาที่มีจำนวนผู้นับถือรองลงมา ได้แก่ ศาสนาอิสลาม มีผู้นับถือประมาณร้อยละ 4.2[ 178] เป็นนิกายซุนนี ร้อยละ 99[ 188] มุสลิมอาศัยอยู่ในจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสตูล มากที่สุด[ 188] แต่มุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คิดเป็นเพียงร้อยละ 18 ของมุสลิมในประเทศไทย[ 188] ทั่วประเทศมีมัสยิด 3,943 แห่ง [ 189] มุสลิมในประเทศไทยส่วนใหญ่มีเชื้อสายมลายู ซึ่งสะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกับประเทศมาเลเซีย[ 188] เชื่อว่ามีการเผยแผ่ศาสนาอิสลามสู่คาบสมุทรมลายูโดยพ่อค้าอาหรับในคริสต์ศตวรรษที่ 13[ 188] มีชาวไทยนับถือศาสนาคริสต์ ประมาณร้อยละ 1.1[ 178] ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 54.56) นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ [ เชิงอรรถ 3] ศาสนาคริสต์เข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อมิชชันนารีชาวโปรตุเกสจากมะละกา เข้ามาเผยแผ่ศาสนา[ 190] นอกจากนี้ ยังมีผู้นับถือศาสนาอื่นอีก เช่น ศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ ศาสนายูดาห์ ศาสนาบาไฮ รวมประมาณร้อยละ 0.1[ 178] ชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนพอสมควรยังคงถือศาสนาของชาติพันธุ์จีน รวมทั้งเต๋า ขงจื๊อ และศาสนาพื้นบ้านจีน (เช่น อนุตตรธรรม และเต๋อเจี่ยฮุ่ย) ศาสนาเหล่านี้ไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ และในการศึกษาทางสถิตินับสาวกเป็นพุทธเถรวาท[ 191] สำหรับประชาคมชาวยิว นั้น มีประวัติยาวนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17
ภาษา
แผนที่ชาติพันธุ์ภาษาในประเทศไทย ปี 2517
ประเทศไทยมีภาษาไทย เป็นภาษาทางการ เป็นภาษาหลักที่ใช้ติดต่อสื่อสาร การศึกษาและเป็นภาษาพูดที่ใช้กันทั่วประเทศ โดยใช้อักษรไทย เป็นรูปแบบมาตรฐานในการเขียน นอกเหนือจากภาษาไทยกลางแล้ว ภาษาไทยสำเนียงอื่นยังมีการใช้งานในแต่ละภูมิภาคเช่น ภาษาไทยถิ่นเหนือ ถิ่นใต้ และถิ่นอีสาน รัฐบาลรับรอง 5 ตระกูลภาษา 62 ภาษาในประเทศไทย
นอกเหนือจากภาษาไทยแล้ว ในประเทศไทยยังมีการใช้ภาษาของชนกลุ่มน้อยเช่น ภาษาจีน โดยเฉพาะสำเนียงแต้จิ๋ว ภาษาลาว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งบางครั้งนิยามว่าภาษาลาวสำเนียงไทย ภาษามลายูปัตตานี ทางภาคใต้ นอกจากนี้ก็มีภาษาอื่นเช่น ภาษากวย ภาษากะยาตะวันออก ภาษาพวน ภาษาไทลื้อ ภาษาไทใหญ่ รวมไปถึงภาษาที่ใช้กันในชนเผ่าภูเขา ประกอบด้วยตระกูลภาษามอญ-เขมร เช่น ภาษามอญ ภาษาเขมร ภาษาเวียดนาม และภาษามลาบรี ; ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน เช่น ภาษาจาม ; ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต เช่น ภาษาม้ง ภาษากะเหรี่ยง และภาษาไต อื่น ๆ เช่น ภาษาผู้ไท ภาษาแสก เป็นต้น
การศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย สถาปนาเมื่อปี 2459
การศึกษาภาคบังคับในประเทศไทยเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ปี 2464[ 193] : 104 กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแบบให้เปล่าแก่ประชาชนเป็นเวลา 12 ปี ส่วนการศึกษาภาคบังคับกำหนดไว้ 9 ปี (ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3) ในปีการศึกษา 2555 มีผู้เรียนในและนอกระบบโรงเรียน 16,376,906 คน แบ่งเป็นในระบบ 13,931,095 คน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 2,445,811 คน นักเรียน นิสิต นักศึกษาในระบบโรงเรียนมีสัดส่วนในสถานศึกษารัฐบาลมากกว่าเอกชน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาเอกชนอยู่จำนวนมาก โดยมีโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในชาติอาเซียน[ 194]
ผู้เรียนร้อยละ 99 สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 85 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น[ 195] ประมาณร้อยละ 75 เรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย[ 196] :46 สำหรับนักเรียนทุก 100 คนในโรงเรียนประถม มี 85.6 คนศึกษาต่อระดับ ม. 1; 79.6 คนศึกษาต่อถึงชั้น ม. 3 และเพียง 54.8 คนศึกษาต่อถึงระดับ ม. 6 หรือสถาบันอาชีวะ[ 197] ประเทศไทยยังคงเป็นไม่กี่ประเทศที่ยังมีการกำหนดให้แต่งเครื่องแบบจนถึงระดับมหาวิทยาลัย การเรียกร้องให้ยกเลิกเครื่องแบบยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมปัจจุบัน
อัตรารู้หนังสือของไทยอยู่ที่ร้อยละ 93.5[ 198] แม้ว่ามหาวิทยาลัยของไทย 5 แห่งติดอันดับ 100 มหาวิทยาลัยดีที่สุดในทวีปเอเชีย[ 199] และในปีงบประมาณ 2556 งบประมาณการศึกษาไทยเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.9 ของจีดีพี และร้อยละ 20.6 ของงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมากเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน แต่คุณภาพการศึกษาไทยถูกวิจารณ์อยู่เนือง ๆ รูปแบบการสอนยังคงเน้นการท่องจำมากกว่าให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นประเด็นถกเถียงกันมาหลายปี สภาเศรษฐกิจโลก จัดให้คุณภาพการศึกษาของไทยต่ำสุดใน 8 ประเทศอาเซียนที่พิจารณา[ 200] ในปี 2563 ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 89 จาก 100 ประเทศในเรื่องความสามารถภาษาอังกฤษ[ 201] นักเรียนไทยกว่าครึ่งในโรงเรียนไม่ได้ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อความสำเร็จของตนและการพัฒนาประเทศ ยูเนสโก และโออีซีดี แนะนำให้ประเทศไทยมีการทบทวนหลักสูตร เพิ่มการกวดขันกระบวนการพัฒนาการทดสอบมาตรฐาน ให้ครูใช้ยุทธศาสตร์การสอนและประเมินผลที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งเพิ่มเวลาสอนและลดหน้าที่บริหาร[ 202] : 15–16 โรงเรียนกวดวิชา ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ในการสำรวจเด็กไทย 72,780 คนระหว่างเดือนธันวาคม 2553 ถึงมกราคม 2554 ในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า นักเรียนชาวไทยมีระดับเชาวน์ปัญญา เฉลี่ย 98.53 (ค่ามัธยฐาน 100) นายแพทย์ อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต ว่า ไม่ควรโทษระบบการศึกษาไทยว่าทำให้เยาวชนไทยมีเชาวน์ปัญญาต่ำ เพราะสาเหตุหลักเกิดจากการพร่องไอโอดีน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นอย่างขาดความอบอุ่นในครอบครัว ถูกแยกจากธรรมชาติและอาหารไม่เหมาะสม [ 203] ผลการศึกษาล่าสุดเสนอว่าความบกพร่องทางสติปัญญา ในพื้นที่ชนบทบางแห่งอาจสูงถึงร้อยละ 10[ 204] สถานที่เกิดเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการทำนายความสำเร็จทางการศึกษาในประเทศไทย นักเรียนจากครอบครัวยากจนในพื้นที่ทุรกันดารมีการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพต่ำกว่านักเรียนในเมือง[ 195] คาดว่าเกิดจากการจัดสรรทรัพยากรศึกษาอย่างไม่เท่าเทียม การฝึกครูที่อ่อน ความยากจน และการไม่รู้ภาษาไทยกลางในกรณีของชนกลุ่มน้อย[ 205] [ 206] [ 207]
ถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะประกาศว่าโรงเรียนกว่า 27,000 แห่งมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในโรงเรียน[ 208] แต่โครงสร้างของประเทศยังไม่พร้อมสำหรับการเรียนการสอนทางไกล เพราะโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลยังได้รับผลกระทบหลังมาตรการงดการเรียนการสอนในชั้นเรียนระหว่างการระบาดของโควิด-19[ 209]
ประเทศไทยเป็นจุดหมายการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาใหญ่สุดอันดับสามของอาเซียน โดยมีนักศึกษาต่างชาติกว่า 20,000 คนในปี 2555 ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน พม่า กัมพูชาและเวียดนาม[ 210]
สาธารณสุข
โรงพยาบาลศิริราช ในกรุงเทพมหานครเป็นโรงพยาบาลเก่าแก่สุดและใหญ่สุดในประเทศไทย
ในปี 2558 ประเทศไทยมีความคาดหมายคงชีพเมื่อเกิด 75 ปี (ชาย 71 ปี หญิง 79 ปี)[ 211] ในปี 2558 ประเทศไทยมีอัตราตายทารก 10.8 ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน[ 212]
ระหว่างปี 2552–56 พบว่าชายไทยอายุน้อยกว่า 60 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด รองลงมาเป็นการติดเชื้อเอชไอวี /เอดส์ โรคมะเร็งตับ และโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนหญิงไทยอายุน้อยกว่า 60 ปีเสียชีวิตจากเอชไอวี/เอดส์มากที่สุด ส่วนสาเหตุหลักอันดับรองลงมาได้แก่ อุบัติเหตุทางถนน โรคหลอดเลือดสมอง และเบาหวาน [ 213] : 141 ในปี 2557 สาเหตุการป่วยของผู้ป่วยนอกที่พบมากที่สุด ได้แก่ โรคระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูกและข้อ, โรคระบบย่อยอาหาร และโรคของปากและฟัน[ 213] : 144 ประเทศไทยมีอุบัติการณ์มะเร็งท่อน้ำดี สูงที่สุดในโลก[ 214] ในปี 2552 สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ทุก 1,000 การคลอดมีชีพ เกิดจากมารดาวัยรุ่น 60 การคลอด[ 215] : 1
ในปี 2555 ประเทศไทยมีรายจ่ายด้านสาธารณสุขคิดเป็นร้อยละ 3.9 ของจีดีพี หรือร้อยละ 14.2 ของรายจ่ายภาครัฐทั้งหมด[ 216] ประเทศไทยมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งครอบคลุมคนไทยร้อยละ 99[ 217] ในปี 2552 รายจ่ายด้านสาธารสุขของประเทศร้อยละ 75.8 มาจากภาครัฐ และร้อยละ 24.2 มาจากภาคเอกชน ในปี 2547 ประเทศไทยมีความหนาแน่นของแพทย์อยู่ที่ 2.98 ต่อประชากร 10,000 คน[ 218] ตั้งแต่ปี 2533 กฎหมายกำหนดให้บุคคลที่ไม่ได้ทำงานรับราชการต้องส่งเงินเข้า สำนักงานประกันสังคม โดยสำนักงานประกันสังคมจะกำหนดสถานพยาบาลให้ผู้ประกันตนเลือกในแต่ละปี ปัจจุบัน โรงพยาบาลที่สังกัดสำนักงานประกันสังคมมีไม่เพียงพอต่อผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบดังกล่าว กล่าวคือ ผู้ประกันตนจำนวนกว่า 13 ล้านคน แต่มีโรงพยาบาลเพียง 159 โรง[ 219] ข้าราชการและครอบครัวสายตรงมีสิทธิใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่บางอย่างบัตรทองและประกันสังคมได้รับสิทธิ์ที่ดีกว่า เช่น การดูแลแบบประคับประคองบัตรทองดีที่สุด[ 220] และในกรณีหาเตียง ทั้งบัตรทองและประกันสังคมจะดีกว่าราชการ[ 221] ประเทศไทยมีปัญหาในการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เนื่องจากมีชาวต่างชาติประสบอุบัติเหตุและโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา โดยให้เหตุผลว่าไม่รู้จะเบิกอย่างไร จนในที่สุดเสียชีวิต สร้างความน่าอับอายให้แก่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่ง[ 222] [ 223] รัฐบาลกำลังพิจารณาทำประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ[ 224] ขณะที่แอป 1669 ใช้การไม่ได้ ระบบแจ้งเหตุขาดประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการรอดชีวิต[ 225] [ 226] ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กัญชาทางการแพทย์ ชอบด้วยกฎหมาย[ 227]
วัฒนธรรม
วัฒนธรรมไทยได้รับอิทธิพลหลักจากวัฒนธรรมอินเดีย จีน ขอม ตลอดจนวิญญาณนิยม ศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู วัฒนธรรมชาติของไทยเป็นการสร้างสรรค์ใหม่ มีอายุได้เพียงประมาณหนึ่งร้อยปี สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพิบูลสงคราม สนับสนุนการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยกลางเป็นวัฒนธรรมแห่งชาตินิยามและยับยั้งมิให้ชนกลุ่มน้อยแสดงออกซึ่งวัฒนธรรมของตน วัฒนธรรมพลเมืองของไทยปัจจุบันนิยามว่าประเทศไทยเป็นดินแดนของคนไทยกลาง มีศาสนาเดียวคือ พุทธนิกายเถรวาท และปกครองโดยราชวงศ์จักรี[ 228] : 589–90 วัฒนธรรมไทยปัจจุบันเป็นสิ่งสร้างทางสังคม จากสมัยรัฐบาล ป. พิบูลสงคราม
ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเน้นว่า คนส่วนใหญ่ไม่สามารถตรัสรู้ และไปถึงนิพพาน และดีที่สุดที่ทำได้คือ การสะสมบุญ ผ่านการปฏิบัติที่เป็นพิธีกรรม อย่างสูง เช่น การถวายอาหารพระสงฆ์และการบริจาคเงินเข้าวัด คำสอนทางศาสนาถูกเลือกให้สนับสนุนมุมมองทางโลกแบบศาสนาขงจื๊อใหม่ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่สามเสาหลัก ศาสนาพุทธของไทยยังรวมการบูชาวิญญาณของกัมพูชาและความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพ อีกทั้งเน้นรูปแบบมากกว่าแก่นสาร[ 228] : 595–6
คนไทยเน้นและให้คุณค่ารูปแบบมารยาทภายนอกอย่างยิ่งเพื่อรักษาความสัมพันธ์ สังคมไทยเป็นสังคมไม่เผชิญหน้าที่เลี่ยงการวิจารณ์ในที่สาธารณะ การเสียหน้าเป็นความเสื่อมเสียแก่คนไทย จึงมุ่งประนีประนอมในสถานการณ์ลำบาก[ 229] : 7 การไหว้ เป็นแบบการทักทายและแสดงความเคารพของผู้น้อยต่อผู้ใหญ่ (ทั้งคิดจากวัยวุฒิและคุณวุฒิ) ตามประเพณีและมีแบบพิธีเข้มงวด[ 229] : 7 คนไทยเคารพความสัมพันธ์แบบมีลำดับชั้น เมื่อคนไทยพบคนแปลกหน้าจะพยายามจัดให้อยู่ในลำดับชั้นทันทีเพื่อให้ทราบว่าควรปฏิบัติด้วยอย่างไร มักโดยถามเรื่องที่วัฒนธรรมอื่นมองว่าเป็นคำถามส่วนตัวอย่างยิ่ง สถานภาพมีเสื้อผ้า ลักษณะปรากฏทั่วไป อายุ อาชีพ การศึกษา นามสกุลและความเชื่อมโยงทางสังคมเป็นตัวกำหนด[ 229] : 11 ความสัมพันธ์ดังนี้ยังปรากฏในรูปราชาศัพท์ ซึ่งเป็นคำที่ใช้แก่คนในชนชั้นต่าง ๆ กันด้วย
ความสนุกเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตประจำวันของคนไทย คนไทยมีอารมณ์ขันในเกือบทุกสถานการณ์ บางคนมองว่าความสนุกเป็นการแสดงออกซึ่งปัจเจกนิยมในสังคมที่มีการทำตามกันอย่างสูง รวมทั้งเป็นสิ่งรบกวนจากเรื่องที่จริงจังในชีวิต เช่น อนิจจัง และความรับผิดชอบ[ 230] : 146
กลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มอำนวยการเปลี่ยนแปลงระหว่างวัฒนธรรมเดิม วัฒนธรรมชาติไทยและอิทธิพลของวัฒนธรรมโลก จีนโพ้นทะเลในไทยเป็นส่วนสำคัญของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในและรอบ ๆ กรุงเทพมหานคร พวกเขาสามารถบูรณาการเข้ากับสังคมไทยจนมีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง เครือข่ายธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายไผ่ (bamboo network)[ 231]
ศิลปะ
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศิลปะไทยมีลักษณะที่ยืมหรือรับมาจากศิลปะอื่น เช่น อินเดีย มอญ-เขมร สิงหล จีน เป็นต้น มีคุณสมบัติเอกลักษณ์หลายอย่าง ศิลปะและงานฝีมือของอินเดียเป็นต้นแบบของศิลปะพุทธในประเทศไทย นอกจากนี้ ศิลปะพุทธในประเทศไทยยังเป็นผลของเชื้อชาติต่าง ๆ ที่ตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้มาแต่โบราณ ศิลปะทวารวดี เป็นสำนักศิลปะพุทธแรกในประเทศไทย[ 232] : 59 ศิลปะพุทธในประเทศไทยสามารถแบ่งออกได้เป็นห้าสำนักตามยุค ได้แก่ เชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง อยุธยาและกรุงเทพมหานคร ศิลปะพุทธไทยยังมีร่องรอยของศิลปะทวารวดี สุวรรณภูมิและลพบุรีอยู่บ้าง แต่ศิลปะพุทธไทยมีความเป็นปัจเจกและเอกเทศ นอกจากนี้ ศิลปะพุทธไทยยังได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดียเพียงบางส่วน มิใช่ทั้งหมดดังศิลปะก่อนไทยช่วงแรก[ 232] : 70
ศิลปะไทยสมัยใหม่เริ่มด้วยการทำลายรูปแบบเดิมของสังคมหลังการปฏิวัติปี 2475 อิทธิพลศิลปะในสมัยใหม่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากงานของศิลป์ พีระศรี วัฒนธรรมอเมริกันยังมีอิทธิพลต่อศิลปินไทยที่ศึกษาในสหรัฐและภาพยนตร์ฮอลลีวูด ศิลปินสมัยใหม่อย่างกมล ทัศนาญชลี รวมความคิดแบบอเมริกันเข้าสู่ศิลปะไทย[ 21] : 113
เครื่องปั้นเผาของไทยเป็นส่วนสำคัญของการค้าระหว่างคนไทยและอาณาจักรใกล้เคียงในยุคเจ้าขุนมูลนาย เครื่องปั้นเผาเก่าแก่สุดของไทย ได้แก่ เครื่องปั้นเผาบ้านเชียง มีอายุกว่า 3,600 ปี
อาหาร
ปัจจุบันข้าวและพริก เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดของอาหารไทย[ 233] ส่วนประกอบอื่น เช่น กระเทียม น้ำมะนาว และน้ำปลา อาหารไทยมีข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือเป็นพื้น[ 138] อาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของคนไทย คือ น้ำพริกปลาทู พร้อมกับเครื่องเคียงที่จัดมาเป็นชุด[ 193] : 45 อาหารไทยหลายชนิดใส่กะทิ และขมิ้น สดคล้ายกับอาหารอินเดีย มาเลเซียและอินโดนีเซีย[ 234] อาหารไทยหลายชนิดเดิมเป็นอาหารจีน เช่น โจ๊ก ซาลาเปา ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าและข้าวขาหมู เต้าเจี้ยว ซอสถั่วเหลืองและเต้าหู้ [ 235] อาหารไทยกินกับน้ำจิ้ม และเครื่องปรุงหลายชนิด เช่น พริกน้ำปลา พริกป่น น้ำจิ้มไก่ พริกน้ำส้ม ด้านเดวิด ทอมป์สัน พ่อครัวชาวออสเตรเลีย กล่าวว่า อาหารไทยไม่เรียบง่าย แต่เน้น "การจัดเรียงส่วนที่ไม่เข้ากันให้เกิดอาหารที่กลมกล่อม"[ 236]
ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องอาหารข้างถนน อาหารข้างถนนมีลักษณะเป็นอาหารตามสั่งที่ประกอบได้รวดเร็ว เช่น ผัดกะเพรา ผัดคะน้า ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน เป็นต้น เมื่อปี 2554 เว็บไซต์ CNNgo ได้จัดอันดับ 50 เมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกโดยการลงคะแนนเสียงทางเฟซบุ๊ก ปรากฏว่า แกงมัสมั่น ได้รับเลือกให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก[ 237] และในของหวานดีที่สุด 50 อันดับที่ซีเอ็นเอ็นรวบรวมไว้ ยังปรากฏชื่อของข้าวเหนียวมะม่วง และทับทิมกรอบ ซึ่งระบุว่ามาจากไทยด้วย[ 238]
วงการบันเทิง
จำรัส สุวคนธ์ และ มานี สุมนนัฎ ดาราคู่แรกของไทย
ภาพยนตร์ไทยมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกถ่ายทำในประเทศไทย คือ เรื่อง นางสาวสุวรรณ ในปี 2470 ภาพยนตร์เรื่อง โชคสองชั้น เป็นภาพยนตร์ขนาด 35 มิลลิเมตร ขาว-ดำ ไม่มีเสียง ได้รับการยอมรับให้เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงเพื่อการค้าเรื่องแรกที่คนไทยสร้าง[ 239] ช่วงหลังปี 2490 ถือเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย สตูดิโอถ่ายทำและภาพยนตร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ภาพยนตร์ไทยก็ซบเซาลง กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ กิจการภาพยนตร์ในประเทศไทยค่อย ๆ ฟื้นตัว ได้เปลี่ยนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตรแทน และเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะคับขัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องได้แสดงบทบาทของตนในฐานะกระจกสะท้อนปัญหาการเมืองและสังคมระหว่างปี 2516–2529 ต่อมาภาพยนตร์ไทยในช่วงปี 2530–2539 โดยในตอนต้นทศวรรษวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากภาพยนตร์ประเภทวัยรุ่นแล้ว หนังผี และหนังบู๊ รวมทั้งหนังโป๊ และหนังเกรดบี ก็มีการผลิตมามากขึ้น
ประเทศไทยมีภาพยนตร์ที่มุ่งสู่ตลาดโลก เช่น ภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง (2548) ที่ติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิส ในสหรัฐ และยังมีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่เป็นที่ยอมรับในเทศกาลภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ (2553) ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 63 นับเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลนี้[ 240] ภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก..พระโขนง ที่ออกฉายในปี 2556 เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินสูงสุดในประเทศ ภาพยนตร์ไทยมีการส่งออกไปยังตลาดยุโรป ประเทศที่พูดภาษาจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[ 241] อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเมืองหรือศาสนาพุทธบางเรื่องถูกสั่งห้ามฉายโดยอ้างเหตุเรื่องความเหมาะสม
อุตสาหกรรมบันเทิงของไทยมีจีดีพีคิดเป็นประมาณ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 ก่อให้เกิดการจ้างงาน 86,600 ตำแหน่ง[ 242] ละครโทรทัศน์ไทย มีชื่อเสียงในประเทศเพื่อนบ้านและจีน[ 243] [ 244] อย่างไรก็ดี ละครโทรทัศน์ไทยมักมีลักษณะตายตัว เช่น มีความเป็นละครประโลมโลกสูง มีเกย์เล่นตลก[ 245] และมีนางอิจฉา[ 246] [ 247]
ดนตรีและนาฏศิลป์
ดนตรีไทย เดิมช่วงแรกได้รับอิทธิพลจากดนตรีจีน อินเดีย และเขมร ต่อมา รับเอาลักษณะของดนตรีชาติใกล้เคียงอย่างพม่าและมลายูเข้ามาด้วย อิทธิพลสมัยหลังมาจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศตะวันตก[ 248] : 1 "เถา" เป็นเทคนิคการประพันธ์ที่สำคัญที่สุดและใช้บ่อยที่สุดในดนตรีไทยเป็นเวลาหลายร้อยปี เป็นเทคนิคที่รับมาจากปัลลาวีในภาคใต้ของอินเดีย[ 248] : 3 ดนตรีไทยเดิมมีสามกลุ่มวงหลัก ได้แก่ วงปี่พาทย์ วงเครื่องสาย และวงมโหรี ดนตรีไทยสมัยสุโขทัยเครื่องสายเรียบง่าย ปี่ไม้ไผ่ กลองและการขับลำนำ[ 248] : 3 มนตรี ตราโมท เขียนว่า ชาวอยุธยาทุกคนเล่นดนตรีเป็นงานอดิเรกและกิจกรรมยามว่าง นอกจากนี้ ในสมัยอยุธยาเกิดเครื่องดนตรีใหม่ ได้แก่ ระนาด และฆ้องวง [ 248] : 13 ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1800 (ประมาณปี 2340) ถึงปี 2475 ถือเป็นสมัย "คลาสสิก" ของดนตรีไทยเดิม[ 248] : 15 ช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1930 ประเทศตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น และรัฐบาลขัดขวางหรือปิดกั้นการบรรเลงดนตรีไทยในที่สาธารณะ[ 248] : 16 หลังจากนั้นมีความพยายามรื้อฟื้นดนตรีไทย มีการแสดงละครที่ใช้ดนตรีไทยในโรงละครแห่งชาติ ทุกปีแต่ผู้ชมเป็นคนต่าวด้าวมากกว่าคนไทย[ 248] : 17
รำไทยแบ่งได้เป็นสองชนิดหลัก คือ รำพื้นบ้านและรำคลาสสิก รำพื้นบ้านมีความแตกต่างกันในสี่ภาค รำคลาสสิกมีท่าเคลื่อนไหว 108 ท่า[ 249] : 46 ละครรำถือกำเนิดจากรามเกียรติ์ ในสมัยอยุธยา โขน เป็นละครรำของไทยที่มีชื่อเสียงที่สุด โขนมีการเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉงและเป็นทางการ มีเครื่องแต่งกายสีสันวิจิตร และสวมหน้ากาก ส่วนละคร เป็นรำไทยที่เป็นทางการน้อยกว่า แบ่งชนิดหลักได้เป็นละครชาตรี ละครนอกและละครใน สังข์ทอง เป็นตัวอย่างละครที่มีลักษณะของละครรำที่ดี คือ โรแมนซ์ ความรัก สงคราม การแก้แค้น เหนือธรรมชาติและการไถ่บาป[ 230] : 62–3 ละครรำพื้นบ้าน ได้แก่ ลิเก และมโนห์รา การแสดงหุ่นกระบอกของไทยเก่าแก่กว่าละครรำทุกชนิด[ 230] : 64 ตัวอย่างเช่น หนังใหญ่ และหนังตะลุง รำพื้นบ้าน เช่น ฟ้อนเทียนในภาคเหนือ ฟ้อนภูไท รำวงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนงิ้ว ก็ยังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
เทศกาลประเพณี
เทศกาลลอยกระทงในจังหวัดเชียงใหม่
สมัยกรุงศรีอยุธยา พระราชวังจัดประเพณีหลวงทุกเดือน เรียก "พระราชพิธีสิบสองเดือน" เช่น พิธีจรดพระราชนังคัล (พิธีแรกนา), พิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคม วันสงกรานต์ เป็นต้น พระราชพิธีสิบสองเดือนมีการรับศาสนาฮินดูเข้ามาผสมผสาน ส่วนประเพณีราษฎร์มีเกือบตลอดปี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก "ฮีตสิบสอง" นอกจากนี้ ยังมีประเพณีขอฝนต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีพิรุณศาสตร์ขอฝน พิธีแห่นางแมว พิธีจุดบั้งไฟ เป็นต้น ประเพณีหลวงส่วนใหญ่ยกเลิกไปแล้ว ประเพณีราษฎร์ที่ยังคงปฏิบัติสืบเนื่องมาอยู่ เช่น ประเพณีขอฝน ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสงกรานต์ เป็นต้น[ 250]
ประเทศไทยจัดเทศกาลพุทธที่สำคัญและเป็นวันหยุดราชการ ได้แก่ มาฆบูชา ในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม วิสาขบูชา ในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน อาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ในเดือนกรกฎาคม ออกพรรษา ในเดือนตุลาคม มีเทศกาลทำบุญ คือ ทอดกฐิน ในช่วงออกพรรษา และวันสารทเดือนสิบ ในกลางเดือนกันยายน[ 230] : 137–9
นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลที่ริเริ่มใหม่ที่กลุ่มสังคมและองค์การธุรกิจสนับสนุน ทั้งเป็นการแสดง นิทรรศการ งานบันเทิงต่าง ๆ เช่น งานช้างสุรินทร์ที่เริ่มในคริสต์ทศวรรษ 1960 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังส่งเสริมงานจัดแสดงสินค้าท้องถิ่น[ 251] : 122
วรรณกรรม
วรรณกรรมไทยสามารถแบ่งได้เป็นสี่สมัยใหญ่ ๆ ตามราชธานี วรรณกรรมสุโขทัยเน้นกล่าวถึงวัฒนธรรมและศาสนาเป็นหลัก จารึกพ่อขุนรามคำแหง เป็นงานวรรณกรรมแรกที่ใช้อักษรไทย ไตรภูมิพระร่วง แจกแจงปรัชญาพุทธจากคัมภีร์ต่าง ๆ และอาจถือได้เป็นวาทนิพนธ์วิจัยแรกของไทย[ 252] : 65 ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีร้อยกรองรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น ลิลิต กาพย์ห่อโคลง กาพย์เห่เรือ กลอนกลบท และเพลงยาว งานวรรณกรรมที่สำคัญในสมัยนี้ เช่น ลิลิตยวนพ่าย , ลิลิตพระลอ , จินดามณี ซึ่งเป็นตำราเรียนแรกของไทย, ตำนานศรีธนนชัย รวมทั้งงานวรรณคดีนาฏกรรมอย่างอิเหนา และรามเกียรติ์ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีงานเกี่ยวกับสงคราม เช่น การแปลสามก๊ก และราชาธิราช [ 252] : 68 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์นักกวี ทรงประพันธ์และทำให้แพร่หลายซึ่งละครและนิยายพื้นบ้านหลายเรื่องอย่างอิเหนา ไกรทอง และสังข์ทอง พระอภัยมณี เป็นผลงานสำคัญของกวีเอกสุนทรภู่ นอกจากนี้งานสำคัญอื่น เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน ต่อมา ในห้วงที่มีการตั้งแท่นพิมพ์ในปี 2387 พบการเขียนลีลาตะวันตกในนิตยสารและบทความหนังสือพิมพ์ เรื่องสั้น นวนิยายและการแปลวรรณกรรม[ 252] : ุ69–70 หลังการปฏิวัติสยามปี 2475 วรรณกรรมเปลี่ยนเป็นวรรณกรรมประชานิยม (popular literature) โดยนวนิยายได้รับความนิยมอย่างมาก[ 252] : 70 นักเขียนสมัยใหม่ที่สำคัญ เช่น หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช , หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน , สุภา สิริสิงห , กัณหา เคียงศิริ (ก.สุรางคนางค์), จิระนันท์ พิตรปรีชา , จิตร ภูมิศักดิ์ , ชาติ กอบจิตติ และกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา)[ 253] : 227
กีฬา
มวยไทย กีฬาประจำชาติของไทย
ธีราทร บุญมาทัน กัปตันฟุตบอลทีมชาติไทยคนปัจจุบัน
มวยไทย เป็นกีฬาประจำชาติไทย นักมวยไทยมักจะเป็นแชมเปียนระดับไลท์เวท ของสมาคมมวยโลก เสมอ[ 251] : 107 ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ประเทศไทยรับเอากีฬาจากชาติตะวันตกเข้ามาหลายชนิด โดยเริ่มมีการแข่งขันในโรงเรียนในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตามมาด้วยในระบบการศึกษาสมัยใหม่[ 254] : 38
ฟุตบอล เป็นกีฬายอดนิยมที่สุดในประเทศไทย โดยทีมชาติไทย ได้แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 7 สมัย แต่ยังไม่เคยผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ทีมชาติไทยเคยเข้ารอบรองชนะเลิศเอเชียนคัพในปี 1972 และเข้ารอบสองศึกเอเชียนคัพ ในปี 2019 นำโดยศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย และในปี 2023 นำโดยมาซาตาดะ อิชิอิ ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกหญิง ได้สองครั้ง ในปี 2015 และปี 2019 นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงของไทยมีมากมายในระดับสากล เช่น ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน , เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง , ธีรศิลป์ แดงดา , ชนาธิป สรงกระสินธ์ , ธีราทร บุญมาทัน เป็นต้น
สนุกเกอร์ แบดมินตัน เทนนิส รักบี้ กีฬาขี่ม้า และกีฬาทางน้ำได้รับความนิยมรองลงมา สำหรับกีฬาไทยเดิมที่ได้รับความนิยมนั้น ได้แก่ ว่าวพนัน (kite fighting) แข่งเรือและตะกร้อ [ 255]
ประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งแรกใน ค.ศ. 1952 และกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวใน ค.ศ. 2002 ประเทศไทยทำผลงานดีที่สุดในกีฬาชกมวย[ 256] นักมวยสากลสมัครเล่น สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นนักกีฬาคนแรกที่คว้าเหรียญทองในโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 นักกีฬาไทยทำผลงานได้ดีในกีฬาซีเกมส์ [ 256] ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 4 ครั้ง (ค.ศ. 1966 , 1970 , 1978 และ 1998 ) และซีเกมส์ 6 ครั้ง นอกจากนี้ยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชียนคัพ และฟุตบอลโลกหญิงเยาวชน อีกด้วย
สื่อมวลชน
ในรายงานเสรีภาพสื่อปี 2558 ของฟรีดอมเฮาส์ ระบุว่าสื่อไทย "ไม่เสรี" และจัดอยู่ในอันดับที่ 166 จาก 199 ประเทศในด้านเสรีภาพสื่อ [ 257] หลังรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 สื่อไทยถูกจำกัดและมีการตรวจพิจารณา
ปัจจุบันโทรทัศน์เป็นสื่อยอดนิยมในประเทศไทย ประมาณการว่าชาวไทยเกือบร้อยละ 80 ยึดโทรทัศน์เป็นแหล่งข่าวหลัก[ 258] สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินจำนวนหกแห่งมีรัฐบาลเป็นเจ้าของ ทั้งหมดแพร่สัญญาณในระบบดิจิทัลหลังยุติการแพร่สัญญาณระบบแอนะล็อกทั้งหมดในปี 2563[ 259]
ประเทศไทยมีหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายร้อยฉบับทุกสัปดาห์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มียอดจำหน่ายประมาณ 1 ล้านฉบับต่อวัน[ 260] ส่วน มติชน มียอดขาย 900,000 ฉบับ[ 260] จำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารลดลง โดยชาวไทยอายุ 15–24 ปี ร้อยละ 50.1 ระบุว่าตนอ่านนิตยสารในปี 2558 ลดลงจากร้อยละ 61.7 ในปี 2556 การบอกรับสมาชิกสิ่งพิมพ์ลดลงเมื่อมีผู้อ่านทางอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น[ 261]
ในปี 2559 ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต รวมผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ประมาณ 43.87 ล้านคน[ 262] รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2560 พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 6 ชั่วโมง 30 นาทีต่อวัน[ 263] : 30 ในปี 2559 พบว่า ประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไปใช้โทรศัพท์อัจฉริยะ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุด (90.4%) รองลงมาได้แก่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (50.1%) คอมพิวเตอร์พกพา (24.9%) และแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (15.2%)[ 264] : 8
เชิงอรรถ
↑ บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ให้สมาชิกวุฒิสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้มีอำนาจร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
↑ ในปี 2558 กรุงเทพมหานครมีผลิตภัณฑ์จังหวัด 4,437,405 ล้านบาท ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีผลิตภัณฑ์จังหวัด 11,448 ล้านบาท[ 124]
↑ ดู สถิติคริสต์ศาสนิกชนและคริสตจักรในประเทศไทย
อ้างอิง
↑ Thailand , The World Factbook .
↑ John Draper; Joel Sawat Selway (January 2019). "A New Dataset on Horizontal Structural Ethnic Inequalities in Thailand in Order to Address Sustainable Development Goal 10" . Social Indicators Research . 141 (4): 284. doi :10.1007/s11205-019-02065-4 . S2CID 149845432 . สืบค้นเมื่อ 6 Feb 2020 .
↑ "Global Religion – Religious Beliefs Across the World" (PDF) . Ipsos . May 2023. เก็บ (PDF) จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 May 2023. สืบค้นเมื่อ 23 August 2023 .
↑ "Thailand" . The World Factbook (2024 ed.). Central Intelligence Agency . สืบค้นเมื่อ 24 September 2022 . (Archived 2022 edition)
↑ (ในภาษาไทย) National Statistics Office, "100th anniversary of population censuses in Thailand: Population and housing census 2010: 11th census of Thailand" เก็บถาวร 12 กรกฎาคม 2012 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน . popcensus.nso.go.th.
↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 "World Economic Outlook Database, April 2024 Edition. (Thailand)" . imf.org . International Monetary Fund . 16 April 2024. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2024. สืบค้นเมื่อ 16 April 2024 .
↑ "Gini Index" . World Bank. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 July 2018. สืบค้นเมื่อ 12 August 2021 .
↑ "Human Development Report 2023/2024" (PDF) . United Nations Development Programme . 13 March 2024. เก็บ (PDF) จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2024. สืบค้นเมื่อ 13 March 2024 .
↑ ราชบัณฑิตยสถาน. (2545). อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม 1 . ราชบัณฑิตยสถาน. หน้า 4.
↑ 10.0 10.1 "ประกาศกรมการปกครอง เรื่อง แจ้งข้อมูลทางการปกครอง" (PDF) . กรมการปกครอง . 2020-03-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2021-05-20. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 . ; ;
↑ "The postwar crisis and the return of Phibunsongkhram" . Encyclopædia Britannica . สืบค้นเมื่อ 2018-03-11 .
↑ 12.0 12.1 12.2 "The 1973 revolution and its aftermath" . Encyclopædia Britannica . สืบค้นเมื่อ 2018-03-11 .
↑ 13.0 13.1 "Partial democracy and the search for a new political order" . Encyclopædia Britannica . สืบค้นเมื่อ 2018-03-11 .
↑ Ping, Jonathan H. (2005). Middle Power Statecraft: Indonesia, Malaysia, and the Asia Pacific . Ashgate. ISBN 0754644677 .
↑ 15.0 15.1 สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2548). คนไทยมาจากไหน? . สำนักพิมพ์มติชน บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน). ISBN 9743236236 .
↑ Cœdès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of Southeast Asia . trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-0368-1 .
↑ 17.0 17.1 "ประเทศไทย หรือประเทศสยาม" . การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2008-01-31. สืบค้นเมื่อ 2010-05-07 .
↑ ชัย เรืองศิลป์ (2541). ประวัติศาสตร์ไทยสมัย พ.ศ. 2352-2453 ด้านเศรษฐกิจ. ไทยวัฒนาพานิช. ISBN 974-08-4124-4 . หน้า 183.
↑ 19.0 19.1 19.2 19.3 ศักดิ์ศิริสัมพันธ์, ชนิดา (1999). ท่องเที่ยวไทย . กรุงเทพฯ: บริษัท สำนักพิมพ์หน้าต่างสู่โลกกว้าง จำกัด. ISBN 974-86261-9-9 .
↑ 20.0 20.1 20.2 20.3 20.4 Baker, Chris ; Phongpaichit, Pasuk (2017). A History of Ayutthaya . Cambridge University Press. ISBN 9781107190764 .
↑ 21.00 21.01 21.02 21.03 21.04 21.05 21.06 21.07 21.08 21.09 Barbara Leitch LePoer (1989). Thailand: A Country Study . Federal Research Devision, Library of Congress. ISBN 978-0739715666 .
↑ Higham, Charles; Higham, Thomas; Ciarla, Roberto; Douka, Katerina; Kijngam, Amphan; Rispoli, Fiorella (10 December 2011). "The Origins of the Bronze Age of Southeast Asia" . Journal of World Prehistory . 24 (4): 227–274. doi :10.1007/s10963-011-9054-6 . สืบค้นเมื่อ 10 February 2018 – โดยทาง Researchgate.net.
↑ 23.00 23.01 23.02 23.03 23.04 23.05 23.06 23.07 23.08 23.09 Wyatt, David K. (1984). Thailand: A Short History . New Haven and London: Yale University Press. ISBN 0300030541 .
↑ E. Jane Keyes; James A. Hafner (2018). "Thailand: History" . Encyclopædia Britannica . สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2018 .
↑ Charles F. Keyes (1997), "Cultural Diversity and National Identity in Thailand", Government policies and ethnic relations in Asia and the Pacific , MIT Press, p. 203
↑ 26.0 26.1 26.2 Baker, Christopher; Phongpaichit, Pasuk (2014). A History of Thailand . Singapore: C.O.S Printers Pte Ltd. ISBN 978-1-107-42021-2 .
↑ 27.0 27.1 27.2 27.3 27.4 27.5 เกษตรศิริ, ชาญวิทย์ (2005). อยุธยา: ประวัติศาสตร์และการเมือง . โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ISBN 9786167202808 .
↑ Higham, Charles (1989). The Archaeology of Mainland Southeast Asia . Cambridge, England: Cambridge University Press. ISBN 0-521-27525-3 . สืบค้นเมื่อ 6 September 2009 .
↑ "The Aytthaya Era, 1350–1767" . U. S. Library of Congress. สืบค้นเมื่อ 25 July 2009 .
↑ 30.00 30.01 30.02 30.03 30.04 30.05 30.06 30.07 30.08 30.09 30.10 30.11 30.12 30.13 30.14 30.15 30.16 30.17 30.18 30.19 30.20 30.21 30.22 30.23 30.24 30.25 30.26 30.27 30.28 30.29 30.30 30.31 30.32 30.33 30.34 30.35 30.36 30.37 30.38 30.39 30.40 30.41 30.42 30.43 30.44 30.45 30.46 30.47 30.48 30.49 30.50 Wyatt, David K. (2013). Thailand: A Short History [ประวัติศาสตร์ไทยฉบับสังเขป ] (ภาษาอังกฤษ). แปลโดย ละอองศรี, กาญจนี. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย. ISBN 978-616-7202-38-9 .
↑ Baker, Chris; Phongpaichit, Pasuk (2009). A history of Thailand (2 ed.). Cambridge University Press. ISBN 0521767687 .
↑ "The Greenwood Encyclopedia of International Relations: S-Z by Cathal J. Nolan" . Google Books. สืบค้นเมื่อ November 21, 2015 .
↑ "The Crawford Papers — A Collection of Official Records relating to the Mission of Dr. John Crawfurd sent to Siam by the Government of India in the year 1821" . Cambridge.org . Cambridge Journals Online. 1971. p. 285. สืบค้นเมื่อ 27 September 2015 .
↑ "Ode to Friendship, Celebrating Singapore - Thailand Relations: Introduction" . National Archives of Singapore. 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-03-03. สืบค้นเมื่อ 2007-04-24 .
↑ เพ็ญศรี ดุ๊ก. (2542). การต่างประเทศกับเอกราชและอธิปไตยของไทย . บริษัท เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น จำกัด. หน้า 3.
↑ 36.0 36.1 36.2 36.3 36.4 36.5 36.6 36.7 36.8 Warr, Peter (2007). Thailand Beyond the Crisis . Routledge Curzon. ISBN 9781134541515 .
↑ "Thailand Economic Monitor, November 2005" (PDF) . สืบค้นเมื่อ 19 February 2010 .
↑ NaRanong, Viroj, Na Ranong, Anchana, Universal Health Care Coverage: Impacts of the 30-Baht Health Care Scheme on the Rural Poor in Thailand, TDRI Quarterly Review, September 2006
↑ Protesters Jam Bangkok, but Rural Thais Love the Leader. The New York Times , 6 March 2006
↑ Thitinan, Pongsudhirak. "Victory places Thaksin at crossroads" . Bangkok Post .
↑ Skulpichetrat, Jutarat; Prak Chan Thul (4 October 2011). Alan Raybould (บ.ก.). "Thai floods kill 224, inundate World Heritage Site" . Reuters. สืบค้นเมื่อ 5 October 2011 .
↑ "Protests as Thailand senators debate amnesty bill" . The Guardian . 11 November 2013. สืบค้นเมื่อ 13 January 2014 .
↑ 43.0 43.1 43.2 Kongkirati, P., & Kanchoochat, V. (2018). The Prayuth Regime: Embedded Military and Hierarchical Capitalism in Thailand. TRaNS: Trans -Regional and -National Studies of Southeast Asia , 6(2), 279-305. doi:10.1017/trn.2018.4
↑ Montesano, Michael J. (2019). "The Place of the Provinces in Thailand's Twenty-Year National Strategy: Toward Community Democracy in a Commercial Nation?" (PDF) . ISEAS Perspective . 2019 (60): 1–11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 13 September 2020. สืบค้นเมื่อ 23 August 2020 . ; ;
↑ "[Full statement] The demonstration at Thammasat proposes monarchy reform" . Prachatai English (ภาษาอังกฤษ). 11 August 2020. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 August 2020. สืบค้นเมื่อ 23 August 2020 .
↑ Cunningham, Philip J. "An unexpectedly successful protest" . Bangkok Post . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2020. สืบค้นเมื่อ 24 September 2020 .
↑ อาณาเขตทางทะเล (Maritime Zone) ฐานข้อมูลความรู้ทางทะเล . สืบค้น 28-8-61.
↑ "Doi Inthanon National Park" . Tourism Authority of Thailand (TAT) . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 1 May 2015. สืบค้นเมื่อ 21 July 2015 .
↑ Tourism Authority of Thailand. (1996). The 'Personality' of Thailand . Darnsitha Press Co., Ltd. ISBN 974-8236-29-5 .
↑ Dr. Susan L. Woodward (1997–2014). "Tropical Savannas" . Biomes of the World . S. L. Woodward. สืบค้นเมื่อ 23 February 2014 .
↑ "ข้อมูลประเทศไทย - ภูมิอากาศ" . การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-19. สืบค้นเมื่อ 2010-05-07 .
↑ 52.0 52.1 52.2 52.3 52.4 52.5 52.6 "The Climate of Thailand" (PDF) . Thai Meteorological Department. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2016-08-01. สืบค้นเมื่อ 18 August 2016 .
↑ "รู้จัก "โลกเดือด" สัญญาณวิกฤติของภาวะโลกร้อน ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ" . ไทยรัฐ . 2023-08-22. สืบค้นเมื่อ 2024-01-10 .
↑ " 'ร้อนหน้าหนาว'ปรากฎการณ์ใหม่ฤดูหนาว 2566" . ไทยโพส . 2023-12-17. สืบค้นเมื่อ 2024-01-10 .
↑ "เตือน PM2.5 กลับมาสูงขึ้น สธ.ชี้อาจลากยาวถึงปลายเม.ย." infoquest . 2023-11-22. สืบค้นเมื่อ 2024-01-10 .
↑ "ThaiHealth issues warnings on fine dust pollution, food security in latest report" . Thai Health Promotion Foundation cited in nationthailand . 2023-12-31. สืบค้นเมื่อ 2024-01-10 .
↑ 57.0 57.1 "Thai Forests > Dept. National Parks, Wildlife & Plants" (ภาษาอังกฤษ). Thai Society for the Conservation of Wild Animals. สืบค้นเมื่อ 2010-06-23 .
↑ "Thai Forests > Geography of the Forest Regions" (ภาษาอังกฤษ). Thai Society for the Conservation of Wild Animals. สืบค้นเมื่อ 2010-06-23 .
↑ "THAILAND: Environmental Profle" (ภาษาอังกฤษ). Mongabay.com. สืบค้นเมื่อ 2010-07-26 .
↑ "Bangkok market a hub for illegal international trade in freshwater turtles and tortoises" . International Union for Conservation of Nature (IUCN). 2008-04-25. สืบค้นเมื่อ 28 July 2016 .
↑ ชิตบัณฑิตย์, ชนิดา. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การสถาปนาพระราชอำนาจนำในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (1 ed.). กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. ISBN 9789748278575 .
↑ Head, Jonathan (5 December 2007). "Why Thailand's king is so revered" . BBC News . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 February 2009. สืบค้นเมื่อ 17 October 2015 .
↑ Denby, Kenneth. "Thai protests: The king who made himself a gift to republicans" . The Times (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 31 July 2021 .
↑ Fisher, Max (December 3, 2013). "Thailand has had more coups than any other country. This is why" . Washington Post . สืบค้นเมื่อ August 28, 2018 .
↑ Gray, Denis D. (23 August 2015). "Deadly bombing in military-ruled Thailand adds to mounting woes in one-time 'Land of Smiles' " . U.S. News & World Report . Associated Press. สืบค้นเมื่อ 23 August 2015 .
↑ "Thailand's military-backed PM voted in after junta creates loose coalition" . Guardian . สืบค้นเมื่อ 2019-07-17 .
↑ Teehankee, Julio; Tiulegenov, Medet; Wang, Yi-ting; Ciobanu, Vlad; Lindberg, Staffan I. "Party System in South and Southeast Asia: A Thematic Report Based on Data 1900–2012". V-Dem Thematic Report Series, No. 2, October 2013 .
↑ 68.0 68.1 68.2 Croissant, Aurel; Völkel, Philip (21 December 2010). "Party system types and party system institutionalization: Comparing new democracies in East and Southeast Asia". Party Politics . 18 (2). doi :10.1177/1354068810380096 . S2CID 145074799 .
↑ Gray, Denis D. (23 August 2015). "Deadly bombing in military-ruled Thailand adds to mounting woes in one-time 'Land of Smiles' " . U.S. News & World Report . Associated Press. สืบค้นเมื่อ 23 August 2015 .
↑ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. กระทรวงมหาดไทย. "สรุปข้อมูล อปท ทั่วประเทศ." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dla.go.th/work/abt/index.jsp 2556. สืบค้น 21 ตุลาคม 2557.
↑ Mundus . Wissenschaftliche Verlagsgesellschaft. 1981. p. 65. สืบค้นเมื่อ 17 January 2012 .
↑ Peera Charoenvattananukul (March 2017). "Rethinking Approaches to the Study of Thai Foreign Policy Behaviours" . Kyoto Review . สืบค้นเมื่อ 2019-10-08 .
↑ FTA by country/economy . Asian Regional Integration Center. สืบค้น 1-3-61
↑ Thaksin to face charges over Burma telecom deal. ICT News, August 2, 2007 url: http://www.burmait.net/ict-news/2007/aug07/thaksin-to-face-charges-over-burma-telecom-deal/ เก็บถาวร 2009-01-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
↑ Prashanth Parameswaran. (2014). Thailand Turns to China . The Diplomat . Accessed 3-1-2018.
↑ Mongabay.com . COUNTRY PROFILES Thailand: NATIONAL SECURITY . สืบค้นเมื่อ 25 เมษายน 2553.
↑ O’Sullivan, Michael; Subramanian, Krithika (2015-10-17). The End of Globalization or a more Multipolar World? (Report). Credit Suisse AG. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-15. สืบค้นเมื่อ 2017-07-14 .
↑ "Bullets, cluster bombs at Thai arms fair despite censure over junta rule" . Agence France Presse. 2015-11-04. สืบค้นเมื่อ 8 November 2015 .[ลิงก์เสีย ]
↑ "Thailand Raises Defence Budget 5%" . Defense Studies . 2014-07-17. สืบค้นเมื่อ 8 November 2015 .
↑ 80.0 80.1 Tan, Andrew (January 2004). "Force Modernisation Trends in Southeast Asia" (PDF) . Institute of Defence and Strategic Studies, Singapore. สืบค้นเมื่อ 2018-08-27 .
↑ Howe, Brendan; Kondoch, Boris (2016). Peacekeeping and the Asia-Pacific . BRILL. ISBN 9004322051 .
↑ 82.0 82.1 "Thailand's Deep State—The Military" . Asia Sentinel . 2017-11-14. สืบค้นเมื่อ 15 November 2017 .
↑ "Thailand's Crooked Army" . Asia Sentinel . August 20, 2014. สืบค้นเมื่อ August 29, 2018 .
↑ " "เราก็แค่ของเล่นของพวกเขา" เปิดรายงานการล่วงละเมิดทหารเกณฑ์ในไทย" . BBC ไทย . 23 March 2020. สืบค้นเมื่อ 27 March 2021 .
↑ " "บิ๊กติ๊ก"ตั้งลูก ติดยศทหาร อ้างให้งานทำ" . โพสต์ทูเดย์ . 2016-04-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2019-06-20. สืบค้นเมื่อ 2018-08-29 .
↑ 86.0 86.1 86.2 86.3 Punyasavatsut, Arunee (February 2016). "Determinants of the Weighted Crime Rate in Thailand" (PDF) . Journal of Economics, Business and Management . 4 (2). สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 .
↑ Peh Shing Huei (2016-02-18). "Thailand has highest reported rate of gun-related deaths in Asia: Report" . Channel NewsAsia . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-06-27. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 . ;
↑ 88.0 88.1 88.2 88.3 88.4 88.5 88.6 "Thailand Corruption Report" . GAN Business Anti Corruption . GAN Business Anti Corruption. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2016-09-15. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 .
↑ 89.0 89.1 89.2 89.3 "สรุปผลที่สำคัญการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชน พ.ศ. 2555 (อาชญากรรมที่เกิดระหว่างเดือนตุลาคม 2553 – กันยายน 2554)" (PDF) . สำนักงานสถิติแห่งชาติ . สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2012. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ 90.0 90.1 90.2 90.3 90.4 "Country Reports on Human Rights Practices for 2016: Thailand" . US Department of State . US Department of State. 2016. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ วงษ์ปัญญา, ธนกร (2018-01-12). "ไทยติดอันดับ 10 ของโลก รั้งอันดับ 3 เอเชีย ประเทศที่มีนักโทษมากที่สุด" . The Standard . สืบค้นเมื่อ 2018-08-29 .
↑ "How powerful people use criminal-defamation laws to silence their critics" . The Economist . 13 July 2017. สืบค้นเมื่อ 14 July 2017 .
↑ "Thailand lese majeste: 'More arrests' due over Crown Prince plot" . BBC . 28 October 2015. สืบค้นเมื่อ 2018-08-29 .
↑ Bangkok Post , All eyes on Article 112 , 18 September 2011
↑ "World Report 2014: Thailand" . Human Rights Watch . สืบค้นเมื่อ 29 August 2018 .
↑ "รายได้ประชาชาติของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ แบบปริมาณลูกโซ่" . Office of the National Economic and Social Development Board. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-04-26. สืบค้นเมื่อ 2018-04-23 .
↑ 97.0 97.1 97.2 "ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2560 และแนวโน้มปี 2561" . สำนักยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค . 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-04-27. สืบค้นเมื่อ 2018-04-23 .
↑ "สรุปดัชนีเศรษฐกิจการค้า เดือนมีนาคมและไตรมาสที่ 1 ปี 2565" (PDF) . สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า . สืบค้นเมื่อ 20 April 2022 .
↑ 99.0 99.1 99.2 99.3 "ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2560" (PDF) . สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-04-26. สืบค้นเมื่อ 2018-04-23 .
↑ "หนี้สาธารณะพุ่งชน 10 ล้านล้าน ทะลุ 60% ของจีดีพี" . โพสต์ทูเดย์ (ภาษาอังกฤษ). 3 April 2022. สืบค้นเมื่อ 20 April 2022 .
↑ 101.0 101.1 101.2 เสรีวรวิทย์กุล, ชนาภรณ์; รุ่งเจริญกิจกุล, ภูริชัย (July 2011). "ฐานะทางการเงินของภาคครัวเรือนและผลของความมั่งคั่งต่อการบริโภค" (PDF) . ธนาคารแห่งประเทศไทย. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2021-10-10. สืบค้นเมื่อ 2018-04-24 . ; ;
↑ Naudin, Thierry, บ.ก. (2010). The State of Asian Cities 2010/11 (PDF) . United Nations Human Settlements Programme. ISBN 978-92-1-132274-3 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 19 January 2013. สืบค้นเมื่อ 25 September 2012 .
↑ 103.0 103.1 103.2 UNDP Report lists Thailand among Asia’s fastest growing UNDP Report lists Thailand among Asia’s fastest growing เก็บถาวร 2013-04-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน UNDP. สืบค้น 4-9-2557.
↑ Corruption Perceptions Index 2013 เก็บถาวร 2013-12-03 ที่ archive.today . Transparency International. สืบค้น 4-9-2557.
↑ Thailand Overview . The World Bank. สืบค้น 4-9-2557.
↑ Exports of goods and services (% of GDP) . The World Bank. สืบค้น 8-9-2557.
↑ ระบบรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทย เก็บถาวร 2014-09-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สืบค้น 4-9-2557.
↑ ธนาคารแห่งประเทศไทย. สินค้าออกและสินค้าเข้าจำแนกตามกลุ่มสินค้า เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
↑ ข้อมูลหนี้ต่างประเทศจำแนกตามแหล่งเงินกู้ . สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ. สืบค้น 24-4-2561.
↑ TNSO The National Statistical Office of Thailand. "over half of all Thailand’s workers are in vulnerable employment (defined as the sum of own-account work and unpaid family work) and more than 60 per cent are informally employed, with no access to any social security mechanisms." Thailand. A labour market profile, International Labour Organization, 2013.
↑ Fernquest, Jon (2015-02-04). "Why Thailand's unemployment rate is ridiculously low" . สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ "Labor Migration Trends in Thailand" (PDF) . International Organization of Migration. สืบค้นเมื่อ 28 August 2018 .[ลิงก์เสีย ]
↑ "Cambodia ramps up criticism of Thailand's junta" . BBC . BBC. 18 June 2014. สืบค้นเมื่อ 24 April 2018 .
↑ "แรงงานต่างด้าวยังทะลักออกจากไทยไม่หยุด ด้านรองนายกฯ เผยอาจใช้ ม.44 ชะลอการใช้กฎใหม่ 120 วัน" . บีบีซีไทย. 3 July 2017. สืบค้นเมื่อ 28 August 2018 .
↑ "การสำรวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2560" (PDF) . สำนักงานสถิติแห่งชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-09-21. สืบค้นเมื่อ 2018-08-27 . ;
↑ "Thailand" . World Economic Outlook Database . International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 24 April 2018 .
↑ Phisanu Phromchanya (24 February 2012). "Thailand Economy To Rebound Strongly In 2012," . Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 26 April 2012 .
↑ Kaendera, Stella; Leigh, Lamin. "Five Things to Know About Thailand's Economy and COVID-19" . IMF (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 10 August 2021 .
↑ "7 ปี ประยุทธ์ กู้ 8.47 ล้านล้าน แก้โควิด-โปะหนี้จำนำข้าว "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" " . ประชาชาติธุรกิจ . 31 May 2021. สืบค้นเมื่อ 20 April 2022 .
↑ "8 ปี หนี้สาธารณะเฉียด 10 ล้านล้าน ประยุทธ์ สมานแผลเศรษฐกิจ หรือสร้างแผลเป็น?" . ประชาชาติธุรกิจ . 2 June 2022. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022 .
↑ 121.0 121.1 121.2 Global Wealth Report 2016 . Zurich: Credit Suisse AG. November 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-05-15. สืบค้นเมื่อ 1 July 2017 . ;
↑ "Global Food Security Index" . London: The Economist Intelligence Unit. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-07-12. สืบค้นเมื่อ 24 April 2018 . ; ;
↑ "Table 3: Inequality-adjusted Human Development Index" . Human Development Report Office, United Nations Development Programme . สืบค้นเมื่อ 25 April 2018 .
↑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. สำนักนายกรัฐมนตรี. "ตารางสถิติผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัด (2547-2558). Table of Gross Regional and Provincial Product (2004-2015) (Excel) ." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.nesdb.go.th/main.php?filename=gross_regional เก็บถาวร 2018-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 2558. สืบค้น 25 กุมภาพันธ์ 2560.
↑ 125.0 125.1 "บทสรุปผู้บริหาร การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2560" (PDF) . สำนักงานสถิติแห่งชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-04-26. สืบค้นเมื่อ 2018-04-25 . ; ;
↑ 126.0 126.1 126.2 "รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้าในประเทศไทย ปี 2559" (PDF) . ส้านักพัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดภาวะสังคม ส้านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-04-26. สืบค้นเมื่อ 2018-04-24 . ; ;
↑ "Profile of the Protestors: A Survey of Pro and Anti-Government Demonstrators in Bangkok on November 30, 2013" (PDF) . Asia Foundation. December 2013. สืบค้นเมื่อ 24 April 2018 .
↑ 128.0 128.1 128.2 128.3 พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ (18 มิถุนายน 2017). "ยิ่งนานยิ่งถ่าง ช่องว่างทางรายได้ ปัญหาใหญ่ที่รอ คสช. แก้" . บีบีซีไทย . สืบค้นเมื่อ 25 เมษายน 2018 .
↑ "สสส. เผยสถานการณ์คนไร้บ้าน ทั่วประเทศกว่า 3 หมื่นคน" . โพสต์ทูเดย์ . 2017-06-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-11-07. สืบค้นเมื่อ 2018-04-25 .
↑ 6 ปี 'ประยุทธ์' เทงบฯบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวม 3.3 แสนล้าน อุ้ม 'คนจน' 14 ล้านคน
↑ 131.0 131.1 Henri Leturque and Steve Wiggins 2010.Thailand's progress in agriculture: Transition and sustained productivity growth เก็บถาวร 2011-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน . London: Overseas Development Institute
↑ 132.0 132.1 Country profile เก็บถาวร 2014-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน . FAO STAT. สืบค้น 4-9-2557. (อังกฤษ)
↑ Thailand . IRRI. สืบค้น 4-9-2557. (อังกฤษ)
↑ International Grains Council. "Grain Market Report (GMR444)" , London, 14 May 2014. Retrieved on 13 Jun 2014.
↑ Thailand Leads World in Rubber Production and Advance R&D เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Bank of Thailand. สืบค้น 4-9-2557.
↑ Boonthanom, Surapan (20 January 2017). "Thai floods harm key region for world's rubber" . Reuters. สืบค้นเมื่อ 21 January 2017 .
↑ Mydans, Seth (18 July 2010). "Wasps to Fight Thai Cassava Plague" . The New York Times . สืบค้นเมื่อ 3 May 2018 .
↑ 138.0 138.1 เอกลักษณ์ประจำชาติของไทย . สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. สืบค้น 9-12-2553.
↑ Thongnoi, Jitsiree (2015-10-18). "Milking the system" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 18 October 2015 .
↑ Getting Back on Track; Reviving Growth and Securing Prosperity for All; Thailand Systematic Country Diagnostic (PDF) . Washington: World Bank Group. 2016-11-07.
↑ "LG Electronics to move Thailand TV production to Vietnam" . Reuters. 2015-03-17. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2015-03-28. สืบค้นเมื่อ 23 Mar 2015 .
↑ "Production Statistics" . OICA (International Organization of Motor Vehicle Manufacturers). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 6 November 2013. สืบค้นเมื่อ 26 November 2012 .
↑ 143.0 143.1 Chang, Jae-Hee; Rynhart, Gary; Huynh, Phu (July 2016). ASEAN in transformation: How technology is changing jobs and enterprises (PDF) (Bureau for Employers' Activities (ACT/EMP) working paper; No. 10 ed.). Geneva: International Labour Office, Bureau for Employers' Activities (ACT/EMP). ISBN 978-92-2-131142-3 . สืบค้นเมื่อ 1 April 2017 .
↑ 144.0 144.1 Thailand – Analysis – U.S. Energy Information Administration (EIA) . EIA. (02-20-2013). Retrieved on 5-9-2014.
↑ "Energy Situation in year 2015 and trend in year 2016" . Energy Policy and Planning office, Ministry of Energy. 31 March 2016. สืบค้นเมื่อ 2018-08-27 .
↑ "ส่องโครงสร้างราคาน้ำมันไทย ใน 1 ลิตร คนไทยต้องจ่ายอะไรบ้าง?" . กรุงเทพธุรกิจ . 20 March 2022. สืบค้นเมื่อ 30 September 2022 .
↑ "ราคาน้ำมันไทย ทำไม ขึ้นแล้ว ลงยาก" . BBC News ไทย . สืบค้นเมื่อ 30 September 2022 .
↑ "จาก "ไฟฟ้าสำรองล้นเกิน" ถึง "ค่าไฟแพง" บันทึกความเปลี่ยนแปลงทางพลังงานช่วงรอยต่อปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕" . สารคดี . สืบค้นเมื่อ 30 September 2022 .
↑ 149.0 149.1 "Chapter 12 Road Transport in Thailand". The Impacts and Benefits of Structural Reforms in Transport, Energy and Telecommunications Sector . APEC . APEC Secretariat, APEC Policy Support Unit. January 2011.
↑ 150.0 150.1 150.2 150.3 "Chapter 2 Transport Sector". Thailand Infrastructure Annual Report 2008 . World Bank . World Bank.
↑ 151.0 151.1 151.2 Janssen, Peter (23 January 2017). "Thailand's expanding state 'threatens future growth' " . Nikkei Asian Review . สืบค้นเมื่อ 23 January 2017 .
↑ 152.0 152.1 Head, Jonathan (19 January 2017). "Life and death on Thailand's lethal roads" . BBC News . สืบค้นเมื่อ 19 January 2017 .
↑ 153.0 153.1 ASEAN-Japan Transport Statistics Book December 2013 . AJTP Information Center. สืบค้น 30-8-2561.
↑ "The meter is ticking" (Opinion) . Bangkok Post . 14 November 2018. สืบค้นเมื่อ 14 November 2018 .
↑ Mahittirook, Amornrat (7 November 2016). "Public vans likely to offer 10% fare cut" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 7 November 2016 .
↑ "ไทยรถติดที่ 1 ของโลก-ผลสำรวจชี้ไม่มีทางกำจัดปัญหาได้ถาวร" . บีบีซีไทย . สืบค้นเมื่อ 2018-08-03 .
↑ Mahitthirook, Amornrat; Marukatat, Saritdet (22 December 2010). "Getting on track needs strong political will". Bangkok Post .
↑ Bowring, Philip (23 October 2009). "Thailand's Railways: Wrong Track" . Asia Sentinel . Asia Sentinel. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-10-06. สืบค้นเมื่อ 22 August 2012 . ;
↑ "Airports of Thailand Plc. for the Fiscal Year 2014 (Oct 2013-Sep 2014)" (PDF) . AOT Investor Relations Center . Airports of Thailand (AOT) PLC. สืบค้นเมื่อ 16 Feb 2015 .
↑ "2016 Annual Airport Traffic Report" (PDF) . Port Authority of New York and New Jersey. 2017-04-28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2017-05-25. สืบค้นเมื่อ 2017-05-10 . ;
↑ 161.0 161.1 161.2 "สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ปี 2560 (จำนวนยอดสะสมเบื้องต้น)" . การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-01-27. สืบค้นเมื่อ 2018-03-02 .
↑ Ouyyanont, Porphant (2001). "The Vietnam War and Tourism in Bangkok's Development, 1960–70" (PDF) . Southeast Asian Studies . 39 (2): 157–187.
↑ "เกี่ยวกับ ททท" . การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย . สืบค้นเมื่อ 2018-03-02 .
↑ "UNWTO Tourism Highlights: 2017 Edition | World Tourism Organization" (ภาษาอังกฤษ). doi :10.18111/9789284419029 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-10-01. สืบค้นเมื่อ 2018-03-02 . ; ; ;
↑ The Travel & Tourism Competitiveness Report 2015 . Geneva: World Economic Forum (WEF). 2015. pp. 323–325. ISBN 978-92-95044-48-7 . สืบค้นเมื่อ 7 May 2015 .
↑ Thailand mulls legal prostitution. The Age , 26 November 2003
↑ Martin, Lorna. "Paradise Revealed" . Taipei Times . สืบค้นเมื่อ 29 January 2015 .
↑ Jamrisko, Michelle; Lu, Wei (January 23, 2018). "The U.S. Drops Out of the Top 10 in Innovation Ranking" . Bloomberg Technology. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ 169.0 169.1 169.2 169.3 169.4 169.5 "Current Status on Science and Technology in ASEAN Countries (Tentative Edition)" (PDF) . Overseas Research Project . September 2015. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ ASEAN. "Study on the State of S&T Development in ASEAN" (PDF) . 1 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-06-27. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 . ; ; ;
↑ [http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/dashboard/index.php?statType=1 ข้อมูลประชากรและบ้าน คณะกรรมการบูรณาการ
ฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย]
↑ 172.00 172.01 172.02 172.03 172.04 172.05 172.06 172.07 172.08 172.09 172.10 172.11 172.12 172.13 Impact of Demographic Change in Thailand . United Nations Population Fund. 2011. ISBN 978-974-680-287-1 .
↑ Theraphan Luangthomkun (2007). "The Position of Non-Thai Languages in Thailand". Language, Nation and Development in Southeast Asia . ISEAS Publishing: 191.
↑ Draper, John (2016-01-03). "2016: The Year of Thailand's Quantum Ethnic Communities?" . Prachathai . สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ Chua, Amy (2003). World on Fire: How Exporting Free Market Democracy Breeds Ethnic Hatred and Global Instability (Paperback) . Doubleday. ISBN 978-0-385-72186-8 . สืบค้นเมื่อ 27 April 2020 .
↑ ตารางที่ 11 ประชากรอายุ 13 ปีขึ้นไป จำแนกตามสถานภาพสมรส กลุ่มอายุ เพศ และเขตการปกครอง [ลิงก์เสีย ] . สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สืบค้น 7-9-2557.
↑ สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ระบบสถิติทางการทะเบียน : รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้านประจำปี พ.ศ. 2560." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_age_disp.php
↑ 178.0 178.1 178.2 178.3 178.4 การสำรวจสภาวะทางสังคม วัฒนธรรม และสุขภาพจิต (ความสุข) คนไทย พ.ศ. 2557 [ลิงก์เสีย ] , สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2557, สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สืบค้น 4 กุมภาพันธ์ 2559.
↑ "International Religious Freedom Report, Thailand" . US Department of State. 2006.
↑ United States Bureau of Democracy, Human Rights and Labor. Thailand: International Religious Freedom Report 2007 . The article incorporates text from this source, which is in the public domain .
↑ "No alcohol sales today - Makha Bucha Day" . Thaiger (ภาษาอังกฤษ). 8 February 2020. สืบค้นเมื่อ 31 July 2021 .
↑ "2018 Report on International Religious Freedom: Thailand" . US Department of State . สืบค้นเมื่อ 28 June 2021 .
↑ "Wayback Machine" (PDF) . 2017-11-14. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2017-11-14. สืบค้นเมื่อ 2018-02-27 . ; ;
↑ "Buddhists" . Pew Research Center's Religion & Public Life Project . 18 December 2012. สืบค้นเมื่อ 13 March 2015 .
↑ "จำนวนวัด จำแนกตามนิกาย พ.ศ. 2552 - 2559" . สำนักงานสถิติแห่งชาติ . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-03-29. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ "จำนวนพระภิกษุ สามเณร ในศาสนาพุทธ จำแนกเป็นรายภาค และจังหวัด พ.ศ. 2550 - 2559" . สำนักงานสถิติแห่งชาติ . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-01. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ Thakur, Upendra (1986). Some Aspects of Asian History and Culture . Abhinav Publications. ISBN 8170172071 .
↑ 188.0 188.1 188.2 188.3 188.4 "Muslim in Thailand" . Royal Thai Embassy, Riyadh, Saudi Arabia . สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ กองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลามและกิจการฮัจย์ กรมการปกครอง. อ้างถึงใน สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย. 7 มีนาคม 2561. สถิติจำนวนมัสยิดที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย ทั่วราชอาณาจักร. จาก https://www.cicot.or.th/th/news/detail/260/0/สถิติจำนวนมัสยิดที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย-ทั่วราชอาณาจักร
↑ "ศาสนาคริสต์" . สารานุกรมไทยฉบับเยาวชน . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2019-10-02. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 . ; ;
↑ Kataoka, Tatsuki (December 2012). "Religion as Non-religion: The Place of Chinese Temples in Phuket, Southern Thailand" . Southeast Asian Studies . Center for Southeast Asian Studies, Kyoto University. 1 (3): 461–485.
↑ Population by language, sex and urban/rural residence , UNSD Demographic Statistics, United Nations Statistics Division, UNdata, last update 5 July 2013.
↑ 193.0 193.1 คณะกรรมการเฉพาะกิจจัดทำหนังสือเมืองไทยของเรา เล่ม 2. (2535) เมืองไทยของเรา ฉบับที่สอง . สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี. ISBN 974-7771-27-6 .
↑ "Education in Thailand" . WENR. 6 February 2018.
↑ 195.0 195.1 Mala, Dumrongkiat (7 January 2018). "Govt seeks to close the great class divide" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 1 February 2018 .
↑ Education in Thailand: An OECD-UNESCO Perspective; Reviews of National Policies for Education (PDF ed.). Paris: OECD/UNESCO. 2016. ISBN 9789264259119 . สืบค้นเมื่อ 1 February 2018 .
↑ Wipatayotin, Apinya (2018-01-07). "Ex-education chief urges reform" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 1 February 2018 .
↑ BTI 2014 | Thailand country Report เก็บถาวร 27 กรกฎาคม 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
↑ QS University Rankings: Asia | Top Universities
↑ อึ้ง!การศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียน เก็บถาวร 2016-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน . คมชัดลึก. 3-9-2556. สืบค้น 8-9-2557.
↑ "English skills drop again" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 10 August 2021 .
↑ OECD/UNESCO (2016). "Education in Thailand: An OECD-UNESCO Perspective, Reviews of National Policies for Education" (PDF) . OECD Publishing, Paris. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 .
↑ MOPH reports low IQ among Thai youth . NNT. สืบค้น 8-9-2557.
↑ Maxwell, Daniel; Kamnuansilpa, Peerasit (2015-06-06). "Low IQ levels a wake-up call for Thailand" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 6 June 2015 .
↑ Draper, John (2012). "Revisiting English in Thailand" . Asian EFL Journal . 14 (4): 9–38. ISSN 1738-1460 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2014-03-12. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 . ; ;
↑ Draper, John (12 December 2011). "Solving Isaan's education problem" . The Isaan Record . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-02-26. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 .
↑ Draper, John (21 February 2014). "PISA Thailand regional breakdown shows inequalities between Bangkok and Upper North with the rest of Thailand" . The Isaan Record . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2014-03-12. สืบค้นเมื่อ 2018-03-04 .
↑ "Thailand Provides 27,231 Schools With Internet" . 11 March 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 16 July 2014. สืบค้นเมื่อ 30 January 2015 . ; ;
↑ "Covid hinders education again" . Bangkok Post . สืบค้นเมื่อ 10 August 2021 .
↑ "สถิติอุดมศึกษา Higher Education Statistics 2558–2560" (PDF) . Ofice of The higher Education Commission. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2021-10-25. สืบค้นเมื่อ 2021-08-10 .
↑ "Global Health Observatory Data Repository: Life expectancy – Data by country" (CSV) . Geneva, Switzerland: World Health Statistics 2015, World Health Organization, WHO. 2015. สืบค้นเมื่อ 2015-05-21 . the technical health information is based on data accurate with respect to the year indicated (2013)
↑ "Thailand statistics summary (2002 - present)" . WHO . WHO . 2017-11-24. สืบค้นเมื่อ 2018-05-03 .
↑ 213.0 213.1 บทที่ 5 สถานสุขภาพและปัญหาสุขภาพของคนไทย เก็บถาวร 2018-12-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก การสาธารณสุขไทย ๒๕๕๔-๒๕๕๘. กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้น 29-8-2561.
↑ Vatanasapt, V; Sriamporn, S; Vatanasapt, P (2002). "Cancer control in Thailand". Japanese journal of clinical oncology . 32 Suppl: S82–91. PMID 11959881 .
↑ "Situation Analysis of Adolescent Pregnancy in Thailand: Synthesis Report 2015" (PDF) . UNICEF . สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .[ลิงก์เสีย ]
↑ Thailand statistics summary (2002 - present) . WHO. สืบค้น 7-9-2557.
↑ Country Cooperation at a Glance: Thailand . WHO. สืบค้น 7-9-2557.
↑ "Thailand - Country statistics" . Global Health Observatory . World Health Organization. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-11-26. สืบค้นเมื่อ 21 December 2011 . ;
↑ " "สุรเดช"แจง"สปส."ควรมี"รพ."เป็นของตัวเองจริงหรือ!" . คม ชัด ลึก . 2017-03-14. สืบค้นเมื่อ 2018-08-29 .
↑ "เทียบกันชัดๆ 3 กองทุนสุขภาพ ดูแลประคับประคอง-วาระท้ายของชีวิต 'บัตรทอง' ครอบคลุมที่สุด และ 'ดีที่สุด' " . thecoverage . 2023-02-20. สืบค้นเมื่อ 2023-02-24 .
↑ "ข้อย่อย 1 '...รักษาโรงพยาบาลเอกชนเงินหมดแล้ว จะย้ายเข้ารพ.รัฐบาลก็ย้ายไม่ได้เพราะทุกแห่งก็อ้างเตียงไอซียู.เต็มหมด จะทำอย่างไร...' ในบทความหลัก'อยากอายุยืน ต้องเล่นกล้าม' " . นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ . 2016-05-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2023-12-24. สืบค้นเมื่อ 2023-12-24 .
↑ "สุดาวรรณ สั่งดูแลญาตินักท่องเที่ยวไต้หวัน ถูกรถชน รพ.ปฏิเสธรักษา จนเสียชีวิต เร่งทำประกันภัยสกัดซ้ำรอย" . มติชน . 2023-12-12. สืบค้นเมื่อ 2023-12-24 .
↑ "ไทยฉาว ! สื่อ ตปท.โจมตี รพ.ปัดรักษาคนไข้จนเสียชีวิต" . สำนักข่าวโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 . 2023-12-12. สืบค้นเมื่อ 2023-12-24 .
↑ "ทุกคน! นายกฯ สั่งทำประกันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงปีใหม่" . ไทยพีบีเอส . 2023-12-20. สืบค้นเมื่อ 2023-12-24 .
↑ "ผมต้องขอโทษด้วย แอ็พ EMS 1669 เขาคงจะเจ๊งเสียแล้ว" . นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ . 2023-12-24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2023-12-26. สืบค้นเมื่อ 2023-12-26 .
↑ "สพฉ.แจงยกเลิก สายด่วน "1669" ใช้เบอร์ "191" ขอความช่วยเหลือแทน" . thethaiger . 2023-10-20. สืบค้นเมื่อ 2023-12-26 .
↑ Paddock, Richard C. (26 December 2018). "Thailand to Allow Medical Marijuana, a First in Southeast Asia" . The New York Times . สืบค้นเมื่อ 26 December 2018 .
↑ 228.0 228.1 Otto F. von Feigenblatt. The Thai Ethnocracy Unravels: A Critical Cultural Analysis of Thailand’s Socio-Political Unrest [ลิงก์เสีย ] . Journal of Alternative Perspectives in the Social Sciences. สืบค้น 7-9-2557.
↑ 229.0 229.1 229.2 "Thai Cultural Profile 2012" (PDF) . Tablelands Regional Council Community Partners Program . สืบค้นเมื่อ 2014-09-07 .[ลิงก์เสีย ]
↑ 230.0 230.1 230.2 230.3 Kislenko, Arne (2004). Culture and Customs of Thailand . Greenwood Publishing Group. ISBN 0313321280 .
↑ Murray L Weidenbaum (1996). The Bamboo Network: How Expatriate Chinese Entrepreneurs are Creating a New Economic Superpower in Asia . Martin Kessler Books, Free Press. pp. 4 –8. ISBN 978-0-684-82289-1 .
↑ 232.0 232.1 Jermsawatdi (1979). Thai Art with Indian Influence . Abhinav Publications. ISBN 8170170907 .
↑ Cummings, Joe (2000). World Food: Thailand . Melbourne, Australia: Lonely Planet. p. 79.
↑ "Thai Food" . thaiso.com. 20 January 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 27 September 2013. สืบค้นเมื่อ 29 October 2013 .
↑ "Royal Thai Consulate General: Thai Cuisine" . Thaicongenvancouver.org. สืบค้นเมื่อ 29 October 2013 .
↑ Tucker, Ian (19 September 2010). "One night in Bangkok on the trail of Thai street food" . The Observer . London. สืบค้นเมื่อ 29 October 2013 .
↑ CNNGo staff (21 July 2011). "World's 50 most delicious foods" . CNNGo . Cable News Network. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 9 October 2011. สืบค้นเมื่อ 20 September 2011 .
↑ "Mango Sticky Rice & Tub Tim Krob Listed In CNN's 50 Best Desserts Around The World" . Buriram Times . 27 December 2018. สืบค้นเมื่อ 23 April 2022 .[ลิงก์เสีย ]
↑ "อารี, ภาณุ (2009-07-04). "ความรุ่งโรจน์ ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยุคบุคเบิก (2470 - 2489)" . Thaifilm.com . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-09-29. สืบค้นเมื่อ 2018-08-29 .
↑ Miller, Lisa (27 August 2010). "Remembrances of Lives Past" . The New York Times.
↑ "Expanding the Asean screen" . Bangkokpost.
↑ "The economic contribution of the film and television industries in Thailand" (PDF) . Oxford Economics.
↑ "ละครไทยไปเขมร เรื่อง 'น้ำเน่า' ไร้พรมแดน" . ASTV Manager . 2009-11-20. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-02-11. สืบค้นเมื่อ 2017-02-10 . ; ;
↑ "จีน-ไทยกระชับความร่วมมือในด้านวัฒนธรรมและสังคม" . Thai.CRI.cn . 2010-04-28. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-07. สืบค้นเมื่อ 2010-11-18 .
↑ วงษ์ม่วง, พัฒนพล; ศรีกุลวงศ์, มยุรี. "ตัวละครเกย์ในละครโทรทัศน์ไทยยุคใหม่" (PDF) . National Institute of Development Administration . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF ) เมื่อ 2017-07-30. สืบค้นเมื่อ 2017-05-23 .
↑ "ละคร แย่งสามี...แย่งภรรยา มาแร้งส์ส์ส์ ผู้จัดช่วงชิง ซื้อบทประพันธ์" . Mthai.com . 2014-04-22. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-30. สืบค้นเมื่อ 2017-05-24 .
↑ "รวมมิตรนางร้ายละครไทย : รสชาติ-สีสันที่ขาดไม่ได้?" . ASTV Manager . 2011-05-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-07-30. สืบค้นเมื่อ 2017-05-24 . ;
↑ 248.0 248.1 248.2 248.3 248.4 248.5 248.6 Morton, David (1976). The Traditional Music of Thailand . p. University of California Press. ISBN 0520018761 .
↑ Phillips, Douglas A. (2007). Thailand . Infobase Publishing. ISBN 1438105452 .
↑ "พระราชพิธีและประเพณีท้องถิ่น" . สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่มที่ ๑๘ . สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่มที่ ๑๘. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2021-07-27. สืบค้นเมื่อ 2018-03-16 .
↑ 251.0 251.1 Goodman, Jim (2002). Cultures of the world: Thailand . Marshall Cavendish. ISBN 0761414789 .
↑ 252.0 252.1 252.2 252.3 "THAILAND : TRAITS and TREASURES" (PDF) . National Identity Office, Office of the Permanent Secretary, Prime Minister's Office, Royal Thai Government. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2021-08-31. สืบค้นเมื่อ 2018-03-31 .
↑ Fry, Gerald W.; Nieminen, Gayla S.; Smith, Harold E. (2013). Historical Dictionary of Thailand . Scarecrow Press. ISBN 9780810875258 .
↑ Hong, Fan (2013). Sport, Nationalism and Orientalism: The Asian Games . Routledge. ISBN 1317997719 .
↑ "Sports Activities in the Philippines, Thailand and Viet Nam" . ASEAN . 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-04-30. สืบค้นเมื่อ 2018-04-04 . ; ;
↑ 256.0 256.1 "Sports and recreation" . Encyclopædia Britannica . สืบค้นเมื่อ 2018-04-01 .
↑ Freedom of the Press 2015 (PDF) . Washington DC: Freedom House. April 2015. p. 23. สืบค้นเมื่อ 6 May 2015 .
↑ "History and politics of public television in Thailand" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ July 20, 2009. สืบค้นเมื่อ April 14, 2009 .
↑ ผู้จัดการออนไลน์ (2020-03-24). "ช่อง 3 ยุติแอนะล็อก ยกสินทรัพย์คืน อสมท" . mgronline.com.com . สืบค้นเมื่อ 2020-07-07 .
↑ 260.0 260.1 Thongtep, Watchiranont; Pratruangkrai, Petchanet (2016-10-19). "Newspapers covering HM's death become collector's items" . The Nation . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-01-10. สืบค้นเมื่อ 9 January 2017 . ;
↑ Panyalimpanun, Thitipol (2016-03-01). "Why Thailand's print media is facing a grim future" . Asian Correspondent . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2017-04-07. สืบค้นเมื่อ 13 March 2016 . ;
↑ "ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย" . เนคเทค . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-20. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ "รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2560" . สพธอ . สำนักงานพัฒนาธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 .
↑ "การสำรวจการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2559" (PDF) . สำนักงานสถิติแห่งชาติ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-03-04. สืบค้นเมื่อ 2018-03-03 . ; ;
อ่านเพิ่ม
Chachavalpongpun, Pavin, บ.ก. (2020). Routledge Handbook of Contemporary Thailand . Routledge. ISBN 9781138558410 . OCLC 1110657073 .
Cooper, Robert George (2008). Culture Shock! Thailand: A Survival Guide to Customs and Etiquette . Marshall Cavendish Editions. ISBN 9789814828772 . OCLC 1101343921 .
London, Ellen (2008). Thailand Condensed: 2000 Years of History & Culture . Marshall Cavendish Editions. ISBN 9789812615206 .
Lonely Planet's Best of Thailand . Lonely Planet guidebooks. Footscray, Vic.: Lonely Planet. 2020. OCLC 1312080896 .
Mishra, Patit Paban (2010). The History of Thailand . Greenwood. OCLC 548555562 .
Moore, Frank J., บ.ก. (1974). Thailand: Its People, Its Society, Its Culture . HRAF Press. OCLC 722730 .
Wyatt, David K. (2003). Thailand: A Short History . Yale University Press. ISBN 9780300084757 . OCLC 53392823 .
Zawacki, Benjamin (2021). Thailand: Shifting ground between the US and a rising China (2nd ed.). Bloomsbury. OCLC 1232148433 .
แหล่งข้อมูลอื่น
รัฐบาล
ข้อมูลทั่วไป
การท่องเที่ยว
อื่น ๆ
สถานที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย
สมาชิกภาพระหว่างประเทศ
การเมือง
รัฐสมาชิก รัฐสังเกตการณ์ เศรษฐกิจ การประชุม กีฬา บทความที่เกี่ยวข้อง
ประเทศสมาชิก การประชุม อื่น ๆ
นานาชาติ ประจำชาติ ภูมิศาสตร์ ศิลปิน ประชาชน อื่น ๆ
15°N 101°E / 15°N 101°E / 15; 101