นักการเมืองและนายทหารเกษียณชาวไทย
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ม.ป.ช. ม.ว.ม. ป.ภ. ท.จ.ว. ม.ร. ภ.ป.ร. ๔ (เกิด 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2475) เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 22 อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตรักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับสมญา "ขงเบ้งแห่งกองทัพบก"[3][4] เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ขณะดำรงตำแหน่งทางทหาร เป็นผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคความหวังใหม่คนแรก และเป็น สส. หลายสมัย
ประวัติ
ชีวิตส่วนตัว
พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เกิดวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 ที่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรของร.อ. ชั้น ยงใจยุทธ และนางสุรีย์ศรี (นามเดิม: ละมุน) ยงใจยุทธ มีพี่สาวต่างบิดาชื่อ สุมน สมสาร และน้องชายต่างมารดาชื่อธรรมนูญ ยงใจยุทธ[5] ในวัยเด็ก พล.อ. ชวลิต มีชื่อเล่นเดิมว่า “ตึ๋ง” หรือ “หนู” แต่ต่อมาเพื่อน ๆ นายทหารมักเรียกว่า “จิ๋ว”[6]
ชวลิตสมรสครั้งแรกกับวิภา ยงใจยุทธ[5] ครั้งที่ 2 กับพิมพ์นิภา มนตรีอาภรณ์ (นามเดิม: ประเสริฐศรี จันทน์อาภรณ์)[7][8][9] สมรสครั้งที่ 3 กับคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ (ลิมปภมร) และสมรสครั้งที่สี่กับอรทัย ยงใจยุทธ ชวลิตมีบุตร 3 คนกับภรรยาคนแรก คือ
- นายกฤศพล ยงใจยุทธ
- นางอรพิณ นพวงศ์ (ถึงแก่กรรม)
- พ.ต.ต.หญิง ศรีสุภางค์ โสมกุล
ชวลิตเป็นพระภาดา (ลูกพี่ลูกน้อง) ในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชทางพระมารดา โดยหม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา มีศักดิ์เป็นป้าแท้ ๆ ของเขา
การศึกษา
พล.อ. ชวลิต เข้าศึกษาชั้นมัธยมที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากนั้น จึงไปสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อ พ.ศ. 2496 และ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เมื่อ พ.ศ. 2507
ลำดับการศึกษา
- พ.ศ. 2492 : มัธยมศึกษา โรงเรียนอำนวยศิลป์ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- พ.ศ. 2496 : ปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นแรก
- พ.ศ. 2502 : หลักสูตรการซ่อมเครื่องไมโครเวฟ, โรงเรียนทหารสื่อสารกองทัพบก ฟอร์ตบอนมัธ สหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2504 : หลักสูตรฝึกงานการประกอบซ่อมเครื่องมือสื่อสาร, กองทัพน้อยที่ 9 เกาะริวกิว โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
- พ.ศ. 2505 : หลักสูตรผู้บังคับกองพัน, โรงเรียนทหารสื่อสาร
- พ.ศ. 2506 : โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- พ.ศ. 2507 : หลักสูตรเสนาธิการกิจ, วิทยาลัยเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2512 : หลักสูตรกระโดดร่มนายทหารชั้นผู้ใหญ่ รุ่นที่ 2
- พ.ศ. 2530 : ปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเปปเปอร์ไดน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาศิลปศาสตร์บัตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ[10]
- พ.ศ. 2531 : ปริญญาบัตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น[11]
- พ.ศ. 2554 : ปริญญารัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนครพนม[12]
การทำงาน
ราชการทหารช่วงสงครามเย็น
ภายหลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงใน พ.ศ. 2518 ด้วยชัยชนะของฝ่ายเวียดนามเหนือ และกองทัพสหรัฐอเมริกาได้ถอนกำลังออกจากภูมิภาคอินโดจีน ทำให้กองทัพเวียดนามเริ่มรุกรานประเทศกัมพูชา จนเกิดเป็นสงครามกัมพูชา–เวียดนามขึ้นและทำให้รัฐบาลเขมรแดงซึ่งมีจีนคอมมิวนิสต์หนุนหลังอยู่หมดอำนาจลง แต่กองกำลังของเขมรแดงนี้ได้ถอยร่นมาอยู่บริเวณภาคตะวันตกของกัมพูชา นอกจากนี้กองทัพเวียดนามยังมีการประกาศว่ามีศักยภาพที่จะยึดกรุงเทพได้ภายใน 2 ชั่วโมง ทำให้ไทยต้องตรึงกำลังทหารตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2528 กองทัพเวียดนามส่งทหารเข้าโจมตีกองกำลังเขมรแดงจนลึกเข้ามาถึงในอาณาเขตของไทย ทำให้เกิดการปะทะกับทหารไทยเป็นระยะ ๆ ประกอบกับกองทัพสหรัฐได้ถอนกำลังจากประเทศไทยไปแล้ว ทำให้รัฐบาลไทยมีความวิตกกังวลในเรื่องการรับมือเวียดนามเป็นอันมาก
ในระหว่างนั้นรัฐบาลไทยได้ส่งคณะนายทหารจำนวนสามนายปฏิบัติราชการลับ ซึ่งประกอบด้วย
- พล.ท. ผิน เกสร
- พ.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ
- พ.อ. พัฒน์ อัคนิบุตร
เดินทางไปเจรจาความกับเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ประเทศจีน โดยจีนได้ตกลงที่จะเลิกให้ที่พักพิงกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และยังได้สนับสนุนยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งให้แก่กองทัพไทยและตัดสินใจก่อสงครามกับเวียดนาม โดยพ.อ. ชวลิต ยงใจยุทธได้รับเกียรติจากกองทัพจีนให้ยิงปืนใหญ่นัดแรกจากกว่างซีเข้าสู่ดินแดนเวียดนาม ทำให้เวียดนามต้องถอนกำลังจากกัมพูชาเพื่อไปต้านการรุกรานจากจีน
งานการเมือง
พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วเข้าสู่การเมือง ก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535 พล.อ. ชวลิต เป็นหนึ่งในผู้ที่ปราศรัยขับไล่ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ที่สนามหลวง เป็นคนแรกด้วย การเมืองหลังจากนั้น พรรคความหวังใหม่กลายเป็นพรรคที่มีผู้สนับสนุนมากที่สุดในภาคอีสาน
ต่อมาเมื่อพรรคความหวังใหม่ชนะในการเลือกตั้งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2539 พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคจึงขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี[14] แต่ต่อมาได้ลาออกเนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 ก่อนที่จะย้ายพรรคมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ในปี พ.ศ. 2544 และ พล.อ. ชวลิต ก็รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร สมัยแรกด้วย
หลังเหตุการณ์รัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 พล.อ. ชวลิต พยายามจะเป็นผู้เสนอตัวไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจระหว่างกลุ่มผู้ที่ขับไล่ทักษิณ และกลุ่มผู้ที่สนับสนุนทักษิณ ให้ "สมานฉันท์" กันโดยเรียกบทบาทตัวเองว่า"โซ่ข้อกลาง" รวมทั้งมีการข่าวว่าอาจจะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แต่แล้วตำแหน่งนี้ในที่สุดก็ตกเป็นของสมัคร สุนทรเวช
ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ. ชวลิตได้เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่เจรจากับฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยเฉพาะ แต่หลังจากรับตำแหน่งเพียงไม่กี่วัน ก็เกิดเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่หน้าอาคารรัฐสภา พล.อ. ชวลิตก็ขอลาออกทันที
ในกลางปี พ.ศ. 2552 หลังจากถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิดในกรณีเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม แล้วนั้น พลเอกชวลิตก็ได้สมัครเข้าสู่พรรคเพื่อไทย โดยให้เหตุผลว่าต้องการเข้ามาเพื่อสมานฉันท์ โดยไม่ต้องการเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร[15] และหลังจากนั้นทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีมติให้เขาดำรงตำแหน่งประธานพรรค
ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553 พล.อ. ชวลิต ขึ้นเวทีของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ[16] โดยประกาศตอนหนึ่งว่า ว่า นายวีระ นายแน่มาก และไม่เคยเห็นมหาชนที่ประกอบภารกิจที่ศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดิน และทำสำเร็จแล้ววันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะทำอะไรอย่าไปสนใจ
ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553 พล.อ. ชวลิต และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ออกแถลงการณ์ขอร้องให้[17] พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงหยุดวิกฤตการเมือง
ต่อมาในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554 ท่ามกลางข่าวลือที่มีมาช่วงระยะหนึ่ง พล.อ. ชวลิต ก็ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ คนใกล้ชิดของ พล.อ. ชวลิต อ้างว่า ไม่พอใจที่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนที่เข้าทำกิจกรรมร่วมกับทางแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ และมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อนหน้านั้นไม่นาน[18]
ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เขากล่าวให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระวังเกิดการรัฐประหารซ้ำ[19] ต่อมาในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เขากล่าวตอนนึงว่า การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ทำให้เศรษฐกิจดีหรือไม่นั้นต้องไปถามประชาชนว่ากินอิ่ม นอนหลับหรือไม่ ถ้าหากประชาชนยังไม่มีกินก็ต้องไปแก้ปัญหาตรงนี้[20] ซึ่งนับเป็นปัญหาของทุกรัฐบาล ในขณะที่คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ แสดงความเห็นว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความเคารพ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ[21]
ประวัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดนนทบุรี สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดนนทบุรี สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดนครพนม สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดนครพนม สังกัด พรรคความหวังใหม่
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 แบบบัญชีรายชื่อ สังกัด พรรคความหวังใหม่ → พรรคไทยรักไทย
งานการศาสนา
สนับสนุนให้มีการผลักดันพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขึ้นเป็นการเฉพาะ การศึกษาของคณะสงฆ์ไทยที่จัดการศึกษาในรูปแบบมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา เป็นสถาบันการศึกษาทางพระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. 2540 สุขวิช รังสิตพล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอให้รัฐสภาตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. 2540 ของคณะสงฆ์ไทย (ฝ่ายธรรมยุตินิกาย) และพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2540 ของคณะสงฆ์ไทย (ฝ่ายมหานิกาย) ส่งผลให้มหาวิทยาลัยของคณะสงฆ์ไทยทั้งสองแห่ง มีพระราชบัญญัติรับรองสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ เน้นจัดการศึกษาวิชาการด้านพระพุทธศาสนาและศาสตร์แขนงอื่น ๆ [22]
งานการศึกษา
รัฐบาลของพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นรัฐบาลที่มีส่วนรับผิดชอบต่อวิกฤตการณ์ทางการเงิน เมื่อปี พ.ศ. 2540 ที่ทำให้ประเทศไทยล้มละลาย และลุกลามไปทั่วโลกและส่งผลต่อสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2540 เนื่องจากดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลงถึง 554.26 จุด ไปปิดที่ 7161.15. จุด คิดเป็นร้อยละ 7.18 ด้วยการทำเงินคงคลังทั้งหมดของประเทศเข้าไปอุ้มค่าเงินบาท ซึ่งถูกปล่อยขายในขณะนั้น ธุรกิจของเหล่าแกนหลักของรัฐบาลชุดนี้ ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ได้รับผลกระทบต่อวิกฤตการณ์แต่อย่างใด ในขณะที่ธุรกิจของบุคคลโดยทั่วไปที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง กับคนในรัฐบาลนั้น ได้รับผลกระทบถึงขั้นล้มละลายเป็นจำนวนมาก จนมีการประท้วงโดยประชาชนส่งผลทำให้พลเอกชวลิตต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540[23]
ยศกองอาสารักษาดินแดน
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับพระราชทานยศนายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดน[24]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- เวียดนามใต้ :
- พ.ศ. 2511 – แกลแลนทรี่ครอส ประดับใบปาร์ม
- พ.ศ. 2511 – เหรียญเจ้าที่ราชการ ชั้นที่ 1 ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2511 – เหรียญรณรงค์เวียดนาม
- สหรัฐ :
- เยอรมนีตะวันตก :
- อินโดนีเซีย :
- พ.ศ. 2530 – เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราการติกาเอกปักษี ชั้นอุตมา[38]
- มาเลเซีย :
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์ยัง มูเลีย ปังกวน เนการา ชั้นที่ 2[39]
- พ.ศ. 2533 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกปาละวานัน อังกะตัน เตนเตรา ชั้นที่ 1
- สิงคโปร์ :
- พ.ศ. 2531 – เครื่องอิสริยาภรณ์อุตมะ บักติ เจเมอร์ลัง (เท็นเทรา)[40]
- เบลเยียม :
ลำดับสาแหรก
ลำดับสาแหรกของชวลิต ยงใจยุทธ
|
| | | | | | | | | | | | | | | | |
| 16. พระยามหาโยธา (มิ่ง) |
|
| | | | |
| 8. นายชำนิบริบาล (สุดใจ) | |
|
| | | | | | | |
| 17. มา |
|
| | | | |
| 4. ทองคำ ยงใจยุทธ | |
|
| | | | | | | | | | |
| 18. พระยามหานิเวศนานุรักษ์ (ยัง รักตประจิต) |
|
| | | | |
| 9. คล้าย | |
|
| | | | | | | |
| 2. ชั้น ยงใจยุทธ | |
|
| | | | | | | | | | | | | |
| 5. เย็น ยงใจยุทธ | |
|
| | | | | | | | | | |
| 1. ชวลิต ยงใจยุทธ | |
|
| | | | | | | | | | | | | | | | |
| 3. สุรีย์ศรี ยงใจยุทธ | |
|
| | | | | | | | | | | | | |
|
อ้างอิง
- ↑ พระราชทานยศพลเอก
- ↑ "พระราชทานยศพลอากาศเอก" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-07-10. สืบค้นเมื่อ 2019-01-10.
- ↑ "ฉายา ชวลิต ยงใจยุทธ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-24. สืบค้นเมื่อ 2021-11-01.
- ↑ “พระเจ้าแผ่นดินประเทศนี้ไม่มีวันหยุด”-เรื่องเล่าเมื่อ-“ขงเบ้งแห่งกองทัพบก”-รับตำแหน่งนายกฯ [ลิงก์เสีย]
- ↑ 5.0 5.1 "ชวลิต ยงใจยุทธ". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ August 31, 2014.[ลิงก์เสีย]
- ↑ ชวลิต ยงใจยุทธ (พลเอก) เก็บถาวร 2021-09-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เรียบเรียงโดย พิษณุ สุ่มประดิษฐ์ สถาบันพระปกเกล้า
- ↑ แฟ้มบุคคลในทำเนียบ สมาคมดนตรีไทย. คุณ พิมพ์นิภา มนตรีอาภรณ์ (ประเสริฐศรี จันทน์อาภรณ์) [กรรมการ-ฝ่ายต่างประเทศและดนตรีนานาชาติ] เก็บถาวร 2011-11-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เรียกดูเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2556
- ↑ "มูลนิธิมิราเคิลฯ รับดูแลเมียเก่า "บิ๊กจิ๋ว"" (Press release). เดลินิวส์. February 12, 2013. สืบค้นเมื่อ February 17, 2013.
- ↑ "ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงรับอดีตภรรยาบิ๊กจิ๋วเป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์" (Press release). ASTVผู้จัดการออนไลน์. February 12, 2013. สืบค้นเมื่อ February 17, 2013.[ลิงก์เสีย]
- ↑ งานค้นคว้าอิสระ เรื่อง พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ:นายทหารผู้มีแนวคิดในการพัฒนาการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
- ↑ พิธีพระราชทานปริญญาบัตร 2531
- ↑ ทำเนียบผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์
- ↑ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประจำปี ๒๕๖๒
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ)
- ↑ 'บิ๊กจิ๋ว'มาแล้ว ปธ.เพื่อไทย ปัด'ทักษิณ'ทาบ
- ↑ พลเอกชวลิต ขึ้นเวทีของแนวร่วม
- ↑ "แถลงการณ์ขอร้องให้ กษัตริย์ ทรงหยุดวิกฤตการเมือง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-13. สืบค้นเมื่อ 2018-10-01.
- ↑ [ลิงก์เสีย] อึดอัดแดงจาบจ้วง! 'จิ๋ว' ชี้เหตุทิ้งเพื่อไทยเตรียมแจงใหญ่ 2 วันนี้ จากประชาทรรศน์[ลิงก์เสีย]
- ↑ ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐประหาร ปี 2557[ลิงก์เสีย]
- ↑ "การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ทำให้เศรษฐกิจดีหรือไม่". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-16. สืบค้นเมื่อ 2016-05-16.
- ↑ แสดงความเห็นว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความเคารพ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
- ↑ เกี่ยวกับรัฐบาล > ทำเนียบนโยบายรัฐบาล > พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
- ↑ 6 พ.ย. 2540 ต้มยำกุ้งเป็นพิษ บิ๊กจิ๋วประกาศลาออกจากนายกฯ ข่าวสดออนไลน์ สืบค้นเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2560
- ↑ "ได้รับพระราชทานยศนายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดน" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-07-10. สืบค้นเมื่อ 2017-03-01.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2019-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๒ ตอนที่ ๑๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔๓, ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-06-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๐ ตอนที่ ๒๐๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔๔, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2011-11-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๒, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2011-05-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๔ ตอนที่ ๘๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑, ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี, เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๕๕ ง หน้า ๒๖๕๙, ๕ เมษายน ๒๕๓๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ, เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๒๐๐ ง หน้า ๘๑๕๓, ๔ ตุลาคม ๒๕๓๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิด สำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๘๖ ตอนที่ ๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๑, ๖ มกราคม ๒๕๑๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๑๐๓ ตอนที่ ๑๒๘ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑, ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๘๔ ตอนที่ ๙๗ ง หน้า ๒๗๒๙, ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๘๓ ตอนที่ ๑๑๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๖๕๗, ๑๙ ธันวาคม ๒๕๐๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๘๗ ตอนที่ ๒๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๐, ๑๓ มีนาคม ๒๕๑๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม 105 ตอนที่ 14 ฉบับพิเศษ หน้า 1, 22 มกราคม 2531
- ↑ HQDA GENERAL ORDERS: MILITARY AWARDS
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเหรียญตราต่างประเทศ, เล่ม 104 ตอนที่ 150 หน้า 5553, 6 สิงหาคม 2530
- ↑ SENARAI PENUH PENERIMA DARJAH KEBESARAN, BINTANG DAN PINGAT PERSEKUTUAN TAHUN 1988.
- ↑ PRESIDENT WEE KIM WEE PRESENTING DISTINGUISHED SERVICE ORDER (MILITARY) TO GENERAL CHAVALIT YONGCHAIYUDH AT THE ISTANA STATE ROOM
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม 108 ตอนที่ 182 หน้า 8143, 8 พฤจิกายน 2531
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ เก็บถาวร 2022-11-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 114 ตอนที่ 7 ข หน้า 3, 9 เมษายน 2540
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม 114 ตอนที่ 16 ข หน้า 1, 30 มิถุนายน 2540
- ↑ วาสนา นาน่วม. ฮุนเซน ส่งเตียบันห์มาไทยพบบิ๊กจิ๋วถึงบ้าน มอบเครื่องราชฯชั้นสูงสุด ให้เชิดชูเกียรติ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในกัมพูชามาตั้งแต่ต้น และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-กัมพูชา
แหล่งข้อมูลอื่น
ลิงก์ไปยังบทความที่เกี่ยวข้อง |
---|
|
---|
| | | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม |
---|
|
|
|
---|
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม |
---|
|
| | |
|
---|
| หมายเลข คือจำนวนสมัยที่ดำรงตำแหน่ง |
|
---|
กลุ่มเคลื่อนไหวในช่วงปี พ.ศ. 2550–2553 และ พ.ศ. 2556–2557 | | | | ผู้เป็นแนวร่วมที่มีชื่อเสียง |
---|
การเมือง | |
---|
ศิลปินและดารา | |
---|
ทหาร/ตำรวจ | |
---|
นักธุรกิจ | |
---|
นักวิชาการ | |
---|
สื่อมวลชน | |
---|
อื่น ๆ | |
---|
|
| | | |
|