ดนุพร ปุณณกันต์ ชื่อเล่น บรู๊ค (เกิด 3 กันยายน พ.ศ. 2514) อดีตนักแสดง พิธีกรชาวไทยสังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ[1] โฆษกพรรคเพื่อไทย[2] กรรมการผู้จัดการบริษัททูทเวนตี้ทรี จำกัด เป็นอดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใน ครม.ทักษิณ 2 อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ประวัติ
นายดนุพร ปุณณกันต์ มีชื่อเล่นว่า บรู๊ค เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2514 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา[3] เป็นบุตรของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ เหลือพร และนางดาริกา ปุณณกันต์ เป็นหลานชายของ พลเอกพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง นอกจากนี้นายดนุพรยังเป็นน้องชายของ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552 นายดนุพรได้เข้าพิธีสมรสกับ นางสาวสุวนันท์ คงยิ่ง (กบ) หลังจากที่คบหาดูใจกันมานานกว่า 10 ปี และปัจจุบันมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน คือ ณดา - ปุณณดา ปุณณกันต์ คลอดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2554 ที่โรงพยาบาลสมิติเวช เวลา 8 โมงเช้า ด้วยน้ำหนักตัว 3020 กรัม และล่าสุด สุวนันท์ได้ให้กำเนิดบุตรคนที่2 เป็นเพศชายให้ชื่อว่า "น้องปุญณดล ปุณณกันต์" ที่โรงพยาบาลสมิติเวช เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2557 ด้วยน้ำหนักตัว 2,805 กรัม โดยปุญณดล มีความหมายว่า "ผู้ที่เกิดจากบุญ
นายดนุพร จบการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรี และปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์สาขาการปกครอง จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จบปริญญาตรีใบที่ 2 จากมหาวิทยาลัยแอนติออก เมืองซีแอตเติล และจบปริญญาโทใบที่ 2 สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยซีแอตเติล
วงการบันเทิง
เป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2541 - 2548 (เป็นเวลา 8 ปี) ละครเรื่องแรก ลูกตาลลอยแก้ว ปี พ.ศ. 2541 แล้วเรื่องสุดท้ายทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 คือเรื่อง พยัคฆ์ร้ายหัวใจจิ๋ว ปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบันไม่ได้เป็นนักแสดง และหันมุ่งทางนักการเมืองอย่างเต็มตัว
งานการเมือง
นายดนุพร เริ่มงานการเมืองด้วยการเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นการทำงานการเมืองคนละขั้วกับพี่ชาย (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์) แต่ก็ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นตำแหน่งแรกในทางการเมือง ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2548 ในเขตสาธรและยานนาวา กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับเลือก โดยแพ้ให้กับ กรณ์ จาติกวณิช ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2548 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน (พรรคประชาธิปัตย์, พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน) ได้ประกาศบอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง โดยนายดนุพรได้รับเลือกด้วยคะแนนมากกว่าร้อยละ 20 แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 แต่ต้องยกเลิกไปเนื่องจากเกิดการรัฐประหาร
ภายหลังจากการยุบพรรคไทยรักไทย นายดนุพร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งใน เขต 7 กรุงเทพมหานคร (บางกะปิ, สะพานสูง, มีนบุรี และลาดกระบัง) ในนามพรรคพลังประชาชน และได้รับเลือกเป็นอันดับที่ 1 ของเขตเลือกตั้ง นอกจากนี้นายดนุพรยังได้ดำรงตำแหน่งโฆษกคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน ร่วมกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคคนละ 5 ปี รวม 109 คน (พรรคพลังประชาชน 37 คน,พรรคมัชฌิมาธิปไตย 29 คน และพรรคชาติไทย 43 คน) นายดนุพร จึงย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย และยังได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่โฆษกคณะทำงานเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านอีกด้วย
และในการเลือกตั้งปี 2554 นี้ นายดนุพร ได้ย้ายมาลงสมัครในแบบบัญชีรายชื่อ อันดับที่ 62 ของพรรคเพื่อไทย[4] โดยไม่ได้รับเลือก แต่เนื่องจากนายบัณฑูร สุภัควณิช ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากไปเป็นข้าราชการการเมือง เลยส่งผลให้นายดนุพร ได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคเพื่อไทย[5] ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้นายดนุพร ได้หาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เรียกร้องว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงลำดับ 1 แล้วไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ขอให้ลุกขึ้นมาสวมเสื้อแดงแล้วไปราชประสงค์กันอีกรอบ และเรียกร้องว่าทำไมกรณี 91 ศพ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจึงไม่รับผิดชอบ[6]
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 87[7] และในการเลือกตั้งอีกเก้าปีต่อมา เขาสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อสังกัดพรรคเดิม ในลำดับที่ 25[8] และได้รับการเลือกตั้ง นอกจากนี้เขายังได้รับมอบหมายเป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครของพรรคอีกด้วย[9] เดือนตุลาคมปีเดียวกันที่ประชุมพรรคเพื่อไทยได้มีมติเลือกเขาเป็นโฆษกพรรค[10]
ทางการเมือง
- รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รัฐบาลทักษิณ 2) (15 มีนาคม 2548 - 19 กันยายน 2549)
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (2551 - 2554)
- โฆษกคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร (2551 - 2554)
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ (2554 - 22 พฤษภาคม 2557)
- โฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร (5 ตุลาคม 2554 - 22 พฤษภาคม 2557)
ผลงานแสดง
ละครโทรทัศน์
ผลงานพิธีกร
- รายการ I-STYLE
- รายการเวลาพารวย (พ.ศ. 2543)
- รายการทำจริงไม่จน (พ.ศ. 2549 - 2550)
- รายการ 07 โชว์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
---|
กลุ่มเคลื่อนไหวในช่วงปี พ.ศ. 2550–2553 และ พ.ศ. 2556–2557 |
|
|
|
ผู้เป็นแนวร่วมที่มีชื่อเสียง |
---|
การเมือง | |
---|
ศิลปินและดารา | |
---|
ทหาร/ตำรวจ | |
---|
นักธุรกิจ | |
---|
นักวิชาการ | |
---|
สื่อมวลชน | |
---|
อื่น ๆ | |
---|
|
|
|
|
|