เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ (อังกฤษ: The boy scout citation medal (Special class)) เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอนุญาตให้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้อุทิศตนให้กิจการลูกเสืออย่างแท้จริง โดยมีลำดับเกียรติของเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นลำดับที่ 26[1]
ประวัติ
เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาฯ พระราชทานกำเนิดกิจการลูกเสือไทยในปี พ.ศ. 2529 และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้าง "เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ" ขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้อุทิศตนให้กิจการลูกเสืออย่างแท้จริง[2]
ลักษณะของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ เป็นดวงตรา มีลักษณะ ดังนี้[2]
- ด้านหน้า มีลักษณะรูปไข่ พื้นลงยาสีน้ำเงิน ขนาดกว้าง 2.5 เซนติเมตร ยาว 3.3 เซนติเมตร กลางดวงตรามีตราหน้าเสือประกอบวชิระเงินล้อมด้วยเม็ดไข่ปลาสีทองและมีรัศมีเงินโดยรอบแปดแฉกคั่นด้วยกระจังสีทอง เบื้องบนมีพระมหามงกุฏรัศมีโปร่งและเลข "๙" สีทอง
- ด้านหลัง บริเวณกลางดวงตราเป็นดุม พื้นลงยาสีม่วง มีรูปตราของคณะลูกเสือโลก เบื้องล่างมีอักษรสีเงินว่า "เราจะทำนุบำรุงกิจการลูกเสือสืบไป"
ที่ขอบด้านบนของดวงตรามีห่วงห้อยแพรแถบสำหรับคล้องคอ ขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร มีริ้วสีเหลืองกว้าง 2.2 เซนติเมตร อยู่กลาง ริมทั้งสองข้างมีริ้วสีขาวกว้าง 3 มิลลิเมตร และริ้วสีดำกว้าง 6 มิลลิเมตร
การพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่ 1 และได้มีอุปการคุณช่วยเหลือกิจการลูกเสืออย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่ 1 เพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้อุทิศตนให้กิจการลูกเสืออย่างแท้จริง โดยคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติจะพิจารณาผู้เหมาะสมสำหรับรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นนี้ แล้วนำความกราบทูลเพื่อขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่อไป
ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรรมสิทธิ์ เมื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นนี้เสียชีวิตลงสามารถมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ทายาทไว้เพื่อเป็นที่ระลึกได้ โดยไม่ต้องส่งคืนในภายหลัง[2]
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย เก็บถาวร 2011-11-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑
- ↑ 2.0 2.1 2.2 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๐ กำหนดให้มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ไว้สำหรับพระราชทานแก่ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่ ๑ และผู้มีอุปการคุณช่วยเหลือกิจการลูกเสือ, เล่ม ๑๐๔, ตอน ๒๔๕ ก ฉบับพิเศษ, ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐, หน้า ๑
แหล่งข้อมูลอื่น