สงฺฆ เป็นคำภาษาสันสกฤต[1][2][3] ที่ใช้ในภาษาอินเดียหลายภาษา รวมทั้งภาษาบาลี[4] ซึ่งหมายถึง "สมาคม" "การชุมนุม" "บริษัท" หรือ "ชุมชน" ในภาษาเหล่านี้ สงฺฆมักถูกใช้เป็นนามสกุล ในบริบททางการเมือง ในอดีตมีการใช้คำนี้เพื่อแสดงถึงสภาที่ปกครองในสาธารณรัฐหรืออาณาจักร และมีการใช้โดยสมาคมทางศาสนามาช้านาน รวมทั้งพุทธศาสนิกชน เชน และซิกข์ จากประวัติศาสตร์นี้ พุทธศาสนิกชนบางคนกล่าวว่าสาย สงฺฆ แสดงถึงสถาบันประชาธิปไตยที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ของมนุษยชาติ เนื่องจากสังฆะหมายถึงกลุ่มคน ที่อยู่ร่วมกันด้วยสามัคคีธรรม 5 อย่างคือ 1.ร่วมกันคิด 2.ร่วมกันทำ 3.ร่วมกันตรวจสอบ 4.ร่วมกันแก้ไข และ 5.ร่วมกันรับผิดชอบ
สังฆะในทางพุทธคือชุมชนเเห่งการเรียนรู้ แต่เดิมมีลักษณะเป็นเหมือนโรงเรียน เป็นความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ที่สั่งสอนกัน และระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องศิษย์ร่วมสำนักเรียนที่แนะนำกัน มิใช่ความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้องและผู้ปกครองผู้ใต้ปกครอง แม้แต่พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ให้เป็นศาสดาแทนพระองค์ ก็มีความหมายว่าให้เป็นครูแทนพระองค์ มิใช่ผู้ปกครอง พระพุทธเจ้าทรงตั้งสังฆะขึ้นมาเพื่อให้เป็นชุมชนที่ต่างจะช่วยเหลือกันและกันในการการเรียนรู้ การปฏิบัติธรรมและสร้างความดี[5]
ในศาสนาพุทธ สงฺฆ หมายถึงหมู่ของ ภิกษุ และ ภิกษุณี หมู่คณะเหล่านี้เรียกตามธรรมเนียมว่า ภิกษุสงฆ์ หรือ ภิกษุณีสงฆ์ อริยบุคคลไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือไม่ก็ตาม เรียกว่า อริยสงฆ์[6][7]
ตามศาสนาพุทธนิกายเถรวาทและนิจิเร็นโชชู คำว่า สงฺฆ ไม่ได้หมายถึงหมู่สาวก (สาวกฆราวาส) และไม่ได้หมายถึงหมู่พุทธศาสนิกชนโดยรวม[8][9][7]
ความหมาย
สงฆ์ หรือ สงฺฆ ในภาษาบาลีแปลว่า หมู่ เช่นในคำว่าภิกษุสงฆ์ แปลว่า หมู่ภิกษุ ใช้ในความหมายว่า ภิกษุทั้งปวงก็ได้ เช่น"จีวรนี้เป็นของสงฆ์ ควรจะจัดเป็นพิธีสงฆ์ถวาย"
เมื่อใช้ควบกับคำว่า พระ เป็น พระสงฆ์ ซึ่งมีความหมายว่าภิกษุ เช่น "นิมนต์ภิกษุสงฆ์มาฉันในงานเมื่อวาน มีพระสงฆ์มาเป็นจำนวนมาก" ตามพระวินัย ภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปจึงเรียกว่าสงฆ์ เช่นในคำว่า สังฆกรรม (กรรมที่สงฆ์ คือภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปพึงทำรวมกัน)
ประเภทของพระสงฆ์
พระไตรปิฎกภาษาบาลีได้กล่าวถึงถึง พระสงฆ์ ไว้ 2 ประเภท ได้แก่ สาวกสงฆ์ และ ภิกขุสงฆ์[10]
สาวกสงฆ์
สาวกสงฆ์ หรือที่สมัยหลังนิยมเรียกว่า อริยสงฆ์ คือหมู่พระอริยบุคคล ไม่ว่าเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต ไม่ว่าเป็นมนุษย์หรือเทวดา ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า โดยการบรรลุมรรคผล อริยบุคคล 4 ประเภท คือ
- พระโสดาบัน
- พระสกทาคามี
- พระอนาคามี
- พระอรหันต์
ภิกขุสงฆ์
ภิกขุสงฆ์ หรือที่สมัยหลังนิยมเรียกว่า สมมุติสงฆ์ คือ หมู่ภิกษุ ที่ได้รับการอุปสมบทตามพระบรมพุทธานุญาต จากพระเถระตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปเรียกว่าสงฆ์ เนื่องจากคำว่าสงฆ์แปลว่าหมู่ จึงเรียกหมู่พระภิกษุว่าภิกษุสงฆ์ และหมู่พระภิกษุณีว่าภิกษุณีสงฆ์ จัดเป็น 4 วรรค ตามตามพระบรมพุทธานุญาตให้ทำสังฆกิจตามพระวินัย คือ จตุวรรค 4 รูป ปญฺจวรรค 5 รูป ทสวรรค 10 รูป วิสติวรรค 20 รูป แต่ถ้าพระภิกษุ 2-3 รูป เรียกว่า คณะ (เนื่องจากแบ่งพวกกันฝ่ายละ 2 รูปมิได้) ถ้าพระภิกษุรูปเดียว จัดเป็นบุคคล
สังฆคุณ
- สุปฏิปณฺโณ ผู้ปฏิบัติดีงาม
- อุชุปฏิปณฺโณ ผู้ปฏิบัติตรง ถูกต้อง
- ญายปฏิปณฺโณ ผู้ปฏิบัติชอบ , เพื่อธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์
- สามีจิปฏิปณฺโณ ผู้ปฏิบัติสมควร , เหมาะสม
- อนุตฺตรํ ปุญฺญเขตฺตํ โลกสฺส เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
- อาหุเนยฺโย เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา (นำมาถวาย เช่นนำมาใส่บาตรขณะบิณฑบาตร)
- ปาหุเนยฺโย เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ (จัดไว้รอท่าให้ท่านมารับ เช่น การนิมนต์มาฉันที่บ้าน)
- ทกฺขิเนยฺโย เป็นสงฆ์ควรแก่การรับทักษิณาทาน (การเอ่ยปากขอเองจากท่าน)
- อฺญชลีกรณีโย เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี (การประนมมือ)
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิพจนานุกรม มีความหมายของคำว่า
พระสงฆ์