พระเจ้าอโศกมหาราช

พระเจ้าอโศกมหาราช
พระเจ้าจักรพรรดิ
Mahasamrat
Magadhapati
Magadhadhiraj
Magadha Samrat
Priyadarśin เทวานัมปริยะ
Mahasammata janapadasthamaviryaprapt
ภาพนูน ป. คริสต์ศตวรรษที่ 1/ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช จากสาญจี แสดงพระเจ้าอโศกบนราชรถ เสด็จไปยังโกลิยะที่รามคาม[1][2]
จักรพรรดิโมริยะองค์ที่ 3
ครองราชย์ป. 268 –  232 ปีก่อน ค.ศ.[3]
ราชาภิเษก269 ปีก่อน ค.ศ.[3]
ก่อนหน้าพระเจ้าพินทุสาร
ถัดไปพระเจ้าทศรถ
พระราชสมภพป. 304 ปีก่อน ค.ศ.
ปาฏลีบุตร แคว้นมคธ จักรวรรดิเมารยะ
(ปัจจุบันคือปัฏนา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย)
สวรรคต232 ปีก่อน ค.ศ. (ป. 71 – 72 พรรษา)
ปาฏลีบุตร แคว้นมคธ จักรวรรดิเมารยะ
ชายา
  • จักรพรรดินี เทวี (ธรรมเนียมศรีลังกา)
  • จักรพรรดินี พระนางอสันธิมิตรา (ธรรมเนียมศรีลังกา)
  • จักรพรรดินี ปัทมาวตี (ธรรมเนียมอินเดียเหนือ)
  • จักรพรรดินี Karuvaki (จารึกของพระองค์)
  • จักรพรรดินี Tishyaraksha (ธรรมเนียมศรีลังกาและอินเดียเหนือ)
พระราชบุตร
  • เจ้าชาย มเหนทระ (ธรรมเนียมศรีลังกา)
  • เจ้าหญิง สังฆมิตตา (ธรรมเนียมศรีลังกา)
  • มกุฎราชกุมาร กุณาละ (ธรรมเนียมอินเดียเหนือ)
  • เจ้าชาย Jalauka
  • เจ้าหญิง Charumati
  • เจ้าชาย Tivala (จารึกของพระองค์)
ราชวงศ์โมริยะ
พระราชบิดาจักรพรรดิ พินทุสาร เมารยะ
พระราชมารดาจักรพรรดินี สุภัทรางคี หรือ ธรรมะ[note 1]
ศาสนาพุทธ[4][5]

จักรพรรดิอโศก (เสียงอ่านภาษาสันสกฤต: [ɐˈɕoːkɐ], IAST: Aśoka; ป. 304 – 232 ปีก่อน ค.ศ.) หรือรู้จักกันในทั่วไปในพระนาม อโศกมหาราช เป็นจักรพรรดิเมาริยะองค์ที่ 3 แห่งแคว้นมคธในอนุทวีปอินเดียตั้งแต่ ป. 268 ถึง 232 ปีก่อน ค.ศ. พระองค์เป็นผู้มีบทบาทมากต่อการเผยแผ่ศาสนาพุทธจักรพรรดิอโศกขยายดินแดนของจักรวรรดิจากสมัยของพระเจ้าจันทรคุปตเมารยะไปถึงพื้นที่ที่ปัจจุบันคืออัฟกานิสถานจนถึงบังกลาเทศ เกือบทั่วทั้งอนุทวีปอินเดีย ยกเว้นเพียงบางส่วนของที่ซึ่งปัจจุบันคือรัฐทมิฬนาฑู, กรณาฏกะ และเกรละ ราชธานีในรัชสมัยคือปาฏลีบุตร (ใน มคธ, ปัจจุบันคือปัฏนา) และราชธานีชนบทที่ตักศิลา และ อุชไชนะ

ศึกครั้งสำคัญของจักรพรรดิอโศกคือศึกอันโหดร้ายต่อรัฐกลิงคะ ข้อมูลจากการตีความจารึกพระเจ้าอโศก ระบุว่าพระองค์เปลี่ยนศาสนาเป็นศาสนาพุทธ[6] หลังต้องเผชิญกับการล้มตายครั้งใหญ่ในสงครามกลิงคะ ซึ่งมีรายงานเสียชีวิตอยู่ที่ราว 100,000 รายเป็นอย่างต่ำ[7] จักรพรรดิอโศกเป็นที่จดจำในฐานผู้ตั้งอโศกสตมภ์ และเผยแผ่จารึกของพระองค์[8] และจากการส่งพระสงฆ์ไปยังศรีลังกาและเอเชียกลาง[4] รวมถึงการสร้างวิหารขึ้นเพื่อบูชาและเป็นอนุสรณ์ต่อช่วงชีวิตสำคัญของพระโคตมพุทธเจ้า[9]

การมีตัวตนของพระเจ้าอโศกในฐานะจักรพรรดิในประวัติศาสตร์เกือบถูกลืมไปแล้ว แต่นับตั้งแต่การถอดความข้อมูลที่เขียนด้วยอักษรพราหมีในคริสต์ศตวรรษที่ 19 พระเจ้าอโศกได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของประวัติศาสตร์อินเดีย ตราแผ่นดินของสาธารณรัฐอินเดียดัดแปลงมาจากหัวเสาอโศกรูปสิงห์ ส่วนอโศกจักรนำมาดัดแปลงไปตั้งตรงกลางธงชาติอินเดีย

แหล่งที่มาของข้อมูล

ข้อมูลของพระเจ้าอโศกมีทั้งจากจารึกของพระองค์ จารึกอื่นที่ระบุถึงพระองค์หรืออาจมาจากสมัยพระองค์ และวรรณกรรมสมัยโบราณ โดยเฉพาะข้อมูลศาสนาพุทธ[10] ข้อมูลเหล่านั้นมักขัดแย้งกันเอง แม้ว่านักประวัติศาสตร์หลายคนพยายามเชื่อมโยงหลักฐานของตนก็ตาม[11] เช่น ในขณะที่พระอโศกมักได้รับการระบุด้วยการสร้างโรงพยาบาลหลายแห่งในสมัยของพระองค์ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีโรงพยาบาลในอินเดียโบราณช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช หรือพระอโศกมีส่วนรับผิดชอบในการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างหรือไม่[12]

พระราชกฤษฎีกาศิลาหลักของพระเจ้าอโศกที่ชูนาครห์มีจารึกของพระเจ้าอโศก (พระราชกฤษฎีกาของพระเจ้าอโศกทั้ง 14 เล่ม) Rudradaman I และ Skandagupta

จารึก

จารึกของพระเจ้าอโศกเป็นการแสดงอำนาจของจักรวรรดิแรกสุดในอนุทวีปอินเดีย[13] อย่างไรก็ตาม จารึกเหล่านี้ส่วนใหญ่เน้นไปที่หัวข้อ ธรรมะ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับมุมมองอื่น ๆ ของรัฐหรือสังคมเมารยะน้อย[11] แม้แต่ในหัวข้อ ธรรมะ เนื้อหาเหล่านี้ก็ไม่สามารถตีความหมายอย่างตรงไปตรงมา จอห์น เอส. สตรอง นักวิชาการชาวอเมริกัน พูดไว้ว่า บางครั้งเป็นประโยชน์กว่าที่คิดว่าข้อความของพระเจ้าอโศกเป็นการโฆษณาชวนเชื่อโดยนักการเมืองที่มีจุดมุ่งหมายนำเสนอภาพลักษณ์อันดีของตนเองและฝ่ายบริหาร มากกว่าบันทึกข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์[14]

ตำนานศาสนาพุทธ

ข้อมูลเกี่ยวกับพระเจ้าอโศกจำนวนมากมาจากตำนานศาสนาพุทธที่แสดงพระองค์เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอุดมคติ[15] ตำราเกี่ยวกับตำนานนี้ไม่ได้อยู่ร่วมสมัยพระเจ้าอโศกและเรียบเรียงโดยนักเขียนชาวพุทธที่ใช้เรื่องราวต่าง ๆ ในการแสดงให้เห็นถึงผลของศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าอโศก ทำให้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในขณะที่ใช้ข้อมูลนี้ในทางประวัติศาสตร์[16] ในบรรดานักวิชาการสมัยใหม่ มีความเห็นตั้งแต่ละเรื่องราวเหล่านี้เป็นตำนาน ไปจนถึงการยอมรับส่วนที่ดูมีความเป็นไปได้ทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด[17]

ตำนานศาสนาพุทธเกี่ยวกับพระเจ้าอโศกปรากฏอยู่ในหลายภาษา เช่น สันสกฤต, บาลี, ทิเบต, จีน, พม่า, เขมร, สิงหล, ไทย, ลาว และโคตัน ตำนานทั้งหมดสืบต้นตอถึงธรรมเนียมปฐมภูมิ 2 แหล่ง คือ:[18]

  • ธรรมเนียมอินเดียเหนือที่บันทึกในภาษาสันสกฤต เช่น ทิวยาวทาน (รวมถึง อโศกาวทาน); และข้อมูลภาษาจีนอย่าง A-yü wang chuan และ A-yü wang ching[18]
  • ธรรมเนียศรีลังกาที่บันทึกในภาษาบาลี เช่น ทีปวงศ์, มหาวงศ์, Vamsatthapakasini (อรรถาธิบายของ มหาวงศ์), อรรถาธิบายของพระพุทธโฆสะในเรื่องวินัย และ Samanta-pasadika[18][19]

มีความแตกต่างที่ชัดเจนบางส่วนระหว่างสองธรรมเนียมนี้ เช่น ธรรมเนียมศรีลังกาเน้นบทบาทของพระเจ้าอโศกในตติยสังคายนา และการส่งพระสงฆ์หลายรูปไปยังพื้นที่ห่างไกล ซึ่งรวมถึง มเหนทระ พระโอรส ไปยังศรีลังกา[18] อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมอินเดียเหนือไม่มีระบุถึงเหตุการณ์เหล่านี้ แต่ก็มีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ไม่ปรากฏในธรรมเนียมศรีลังกา เช่นเรื่องราวเกี่ยวกับพระโอรสอีกองค์ที่มีพระนาม Kunala [20]

พระเจ้าอโศกเสด็จไปยังรามคามเพื่อนำพระบรมสารีริกธาตุจากนาค แต่ไม่ได้ผล ประตูทางใต้ สถูปที่ 1 สาญจี[2]

ข้อมูลอื่น

หลักฐานเกี่ยวกับเหรียญ ประติมากรรม และโบราณคดีเป็นส่วนเสริมการวิจัยเกี่ยวกับพระเจ้าอโศก[21] พระนามของพระองค์ปรากฏในรายพระนาามจักรพรรดิเมารยะในปุราณะหลายบท อย่างไรก็ตาม ข้อความเหล่านี้ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์มาก เนื่องจากนักเขียนพราหมณ์ไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากราชวงศ์เมารยะ[22] ข้อมูลอื่น ๆ อย่าง Arthashastra และ Indica of Megasthenes ที่ให้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสมัยเมารยะ สามารถใช้อนุมานเกี่ยวกับรัชสมัยของพระเจ้าอโศกได้[23] กระนั้น Arthashastra เป็นข้อมูลเชิงบรรทัดฐานที่เน้นไปที่อุดมคติมากกว่าสถานะทางประวัติศาสตร์ และการสืบย้อนไปถึงสมัยเมารยะยังคงเป็นประเด็นถกเถียง ส่วน Indica เป็นผลงานที่สูญหาย และมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่รอดมาได้ในรูปแบบของการถอดความในงานเขียนสมัยหลัง[11]

Rajatarangini ข้อมูลในคริสต์ศตวรรษที่ 12 กล่าวถึงกษัตริย์กัศมีร์นาม อโศกแห่งราชวงศ์ Gonandiya ผู้สรา้งสถูปหลายแห่ง: นักวิชาการบางสว่น เช่น Aurel Stein ระบุกษัตริย์องค์นี้เป็นจักรพรรดิอโศกแห่งเมารยะ ในขณะที่นักวิชาการอีกกลุ่ม อย่าง Ananda W. P. Guruge ปัดการระบุตัวตนนี้ว่าไม่ถูกต้อง[24]

พระนามและตำแหน่ง

พระนาม "อโศก" หมายถึง "ไร้ซึ่งความเศร้า" ตำนาน อโศกาวทาน ระบุไว้ว่า พระราชมารดาให้พระนามนี้เนื่องจากการที่พระองค์กำเนิดขจัดความเศร้าของพระนาง[25]

สวรรคต

ธรรมเนียมศรีลังการะบุว่า พระเจ้าอโศกสวรรคตในปีรัชสมัยที่ 37[26] ซึ่งเสนอแนะว่าพระองค์สวรรคตประมาณ 232 ปีก่อน ค.ศ.[27]

ตำนานระบุว่าในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระวรกายของพระองค์ถูกเผาไหม้เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน[28]

สิ่งสืบทอด

หมายเหตุ

  1. ข้อมูลอินเดียเหนือระบุว่าพระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่า สุภัทรางคี ส่วนข้อมูลศรีลังการะบุพระนางมีพระนามว่า ธรรมะ

อ้างอิง

  1. Lahiri 2015, pp. 295–296.
  2. 2.0 2.1 Singh 2017, p. 162.
  3. 3.0 3.1 Singh 2008, p. 331.
  4. 4.0 4.1 Strong, John S. (2002–2003). Faure, Bernard (บ.ก.). "Aśoka's Wives and the Ambiguities of Buddhist Kingship". Cahiers d'Extrême-Asie. Paris: École française d'Extrême-Orient. 13 (1): 35–54. doi:10.3406/asie.2002.1176. eISSN 2117-6272. ISSN 0766-1177. JSTOR 44167352. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 August 2021. สืบค้นเมื่อ 8 August 2021.
  5. Lahiri 2015, p. 219.
  6. Bentley 1993, p. 44.
  7. Bentley 1993, p. 45.
  8. Bisschop, Peter C.; Cecil, Elizabeth A. (May 2019). Copp, Paul; Wedemeyer, Christian K. (บ.ก.). "Columns in Context: Venerable Monuments and Landscapes of Memory in Early India". History of Religions. University of Chicago Press for the University of Chicago Divinity School. 58 (4): 355–403. doi:10.1086/702256. ISSN 0018-2710. JSTOR 00182710. LCCN 64001081. OCLC 299661763.
  9. Bentley 1993, p. 46.
  10. Thapar 1961, pp. 5–8.
  11. 11.0 11.1 11.2 Singh 2012, p. 132.
  12. Kenneth Zysk. Asceticism And Healing in Ancient India Medicine in the Buddhist Monastery. Oxford University Press, 1991, 44. Link to book.
  13. Singh 2012, p. 131.
  14. Strong 1995, p. 141.
  15. Singh 2008, pp. 331–332.
  16. Thapar 1961, pp. 8–9.
  17. Strong 1989, p. 12.
  18. 18.0 18.1 18.2 18.3 Strong 1995, p. 143.
  19. Thapar 1961, p. 8.
  20. Strong 1995, p. 144.
  21. Thapar 1961, p. 11.
  22. Thapar 1995, p. 15.
  23. Thapar 1961, p. 9.
  24. Guruge, Review 1995, pp. 185–188.
  25. Strong 1989, p. 205.
  26. Guruge, Unresolved 1995, p. 51.
  27. Kosmin 2014, p. 36.
  28. Strong, John (2007). Relics of the Buddha. Motilal Banarsidass Publishers. p. 149. ISBN 978-81-208-3139-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 May 2016. สืบค้นเมื่อ 15 November 2015.

บรรณานุกรม

อ่านเพิ่ม

  • James Merry MacPhail (1918). Asoka. London: Oxford University Press.
  • Olivelle, Patrick (2024). Ashoka: Portrait of a Philosopher King. New Haven: Yale University Press. ISBN 978-0-300-27490-5.
  • Sen, Colleen Taylor (2022). Ashoka and the Mauraya Dynasty: the history and legacy of ancient India's greatest empire. Dynasties. London: Reaktion Books. ISBN 978-1-78914-596-0.
  • สุรพศ ทวีศักดิ์. (2560). ความคิดทางการเมืองของพุทธศาสนายุคต้น: กำเนิดและพัฒนาการรัฐพุทธศาสนายุคอโศกและยุคกลาง. ใน ความ (ไม่) เป็นสมัยใหม่: ความเปลี่ยนแปลงและย้อนแย้งของไทย. บรรณาธิการโดย ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ. น. 115-39. กรุงเทพฯ: สยามปริทัศน์, 2560.

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า พระเจ้าอโศกมหาราช ถัดไป
พระเจ้าพินทุสาร กษัตริย์แห่งราชวงศ์โมริยะ
(ประมาณ 268–232 ปีก่อนคริสตกาล)
พระเจ้าทศรถ เมารยะ

Read other articles:

Ця стаття не містить посилань на джерела. Ви можете допомогти поліпшити цю статтю, додавши посилання на надійні (авторитетні) джерела. Матеріал без джерел може бути піддано сумніву та вилучено. (Березень 2018) Вулиця Степана БандериХмельницький Місцевість ЗаріччяНазва н...

 

العلاقات الأنغولية المولدوفية أنغولا مولدوفا   أنغولا   مولدوفا تعديل مصدري - تعديل   العلاقات الأنغولية المولدوفية هي العلاقات الثنائية التي تجمع بين أنغولا ومولدوفا.[1][2][3][4][5] مقارنة بين البلدين هذه مقارنة عامة ومرجعية للدولتين: وجه الم...

 

Belarusian footballer (born 1975) Vadim Skripchenko Coaching FC Ural in 2015Personal informationFull name Vadim Viktorovich SkripchenkoDate of birth (1975-11-26) 26 November 1975 (age 47)Place of birth Malaryta, Brest Oblast, Byelorussian SSR, Soviet UnionHeight 1.74 m (5 ft 9 in)Position(s) Defender, midfielderTeam informationCurrent team Dinamo Minsk (manager)Youth career1991–1994 RUOR MinskSenior career*Years Team Apps (Gls)1992 Dinamo-93 Minsk 7 (0)1993 Traktor Minsk...

Island and surrounding area in Ireland This article needs additional citations for verification. Please help improve this article by adding citations to reliable sources. Unsourced material may be challenged and removed.Find sources: Rutland Island, County Donegal – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (February 2016) (Learn how and when to remove this template message) Rutland IslandNative name: Inis Mhic an DoirnRemains of Conyngham's fishing ...

 

Atentados de Teherán de 2017 Ubicación de la Asamblea Consultiva Islámica y del Mausoleo del Ayatolá Jomeini en TeheránLugar Teherán, Provincia de Teherán, IránCoordenadas 35°41′46″N 51°25′23″E / 35.696111111111, 51.423055555556Blanco(s) CivilesFecha 7 de junio de 201710: 50-14: 14 (hora de Irán) (UTC)Tipo de ataque Bomba Tiroteo masivo Toma de rehenesArma(s) armas de fuegoMuertos 19 (13 víctimas y 6 atacantes)Heridos 40[1]​Perpetrador(es) Desconocido...

 

David BrownInformación personalNacimiento 10 de mayo de 1904 Huddersfield (Reino Unido) Fallecimiento 3 de septiembre de 1993 (89 años)Montecarlo (Mónaco) Nacionalidad BritánicaEducaciónEducado en King James's SchoolRossall School Información profesionalOcupación Empresario, comerciante y emprendedor [editar datos en Wikidata] David Brown (Huddersfield, Reino Unido; 10 de mayo de 1904 - Montecarlo, Mónaco; 3 de septiembre de 1993) fue un industrial inglés, director gerente ...

Im Ellinger Tor ist die Ratsbibliothek untergebracht Die Historische Ratsbibliothek ist eine historische Schriftensammlung in der mittelfränkischen Stadt Weißenburg in Bayern, einer Großen Kreisstadt im bayerischen Landkreis Weißenburg-Gunzenhausen. Sie diente als Bibliothek des Rates der Reichsstadt Weißenburg. Die Bibliothek ist dem Stadtarchiv zugeordnet[1] und ist im Ellinger Tor untergebracht. Der Bestand der 1517 gegründeten Bibliothek umfasst etwa 3.100 Bände und wi...

 

Мееріська сільська рада Meeri külanõukogu сільська рада (1945—1954) Країна  СРСР Естонська РСР Район Елваський (1950—1954) Повіт Тартумаа (1945—1950) Волость Нио (1945—1950) Адм. центр Меері Дата заснування 13 вересня 1945 Дата ліквідації 17 червня 1954   Ме́еріська сільська рада (ест. M...

 

Mercedes-Benz Kelas-CInformasiProdusenMercedes-BenzMasa produksi1993-sekarangBodi & rangkaKelasMobil eksekutif kompakKronologiPendahuluMercedes-Benz 190 E (W201) Mercedes-Benz Kelas-C merupakan sebuah mobil eksekutif kompak yang diciptakan produsen otomotif Jerman, Mercedes-Benz, sejak tahun 1993. Di Indonesia, mobil ini dijual dalam beberapa varian seperti C200, C250, dan C300. Mobil ini merupakan penerus dari Mercedes-Benz W201. W201 (1982-1993) Artikel utama: Mercedes-Benz W201 Mercede...

Girl Guide organisation in MaldivesMaldives Girl Guide Associationމޯލްޑިވްސް ގާލް ގައިޑް އެސޯސިއޭޝަންHeadquartersH. Crescent Moon, VaijeheymaguLocationMaléCountryMaldivesFounded1962Membership7,307PresidentAishath AliChief CommissionerNiumaath ShafeegChief GuideFazna AhmedAffiliationWorld Association of Girl Guides and Girl Scouts Websitehttps://girlguides.org.mv/ Scouting portal The Maldives Girl Guide Association (MGGA) (Dhivehi, މޯލްޑިވްސް ގ...

 

Stadion OlimpiadeInformasi stadionNama lengkapStadion Olimpiade San MarinoPemilikPemerintah Republik San MarinoLokasiLokasi Serravalle, San MarinoKoordinat43°58′16.55″N 12°28′37.16″E / 43.9712639°N 12.4769889°E / 43.9712639; 12.4769889KonstruksiDibuka1969Data teknisPermukaanRumputKapasitas7.000 Ukuran lapangan 105 m × 75 m Pemakai Tim nasional San Marino Calcio (Seri C2) Stadion Olimpiade San Marino merupakan sebuah stadion multi-purpose yang terletak di S...

 

Human settlement in EnglandAston juxta MondrumSt Oswald's Church, WorlestonAston juxta MondrumLocation within CheshirePopulation292 (2011)OS grid referenceSJ651567Civil parishAston juxta MondrumUnitary authorityCheshire EastCeremonial countyCheshireRegionNorth WestCountryEnglandSovereign stateUnited KingdomPost townNANTWICHPostcode districtCW5Dialling code01270PoliceCheshireFireCheshireAmbulanceNorth West UK ParliamentEddisbury List of places UK En...

2009 video game 2009 video gameInquisitorDeveloper(s)CinemaxWriter(s)Johan JustoňPlatform(s)Microsoft WindowsReleaseCzech Republic: November 9, 2009 Worldwide: September 5, 2012Genre(s)Role-playingMode(s)Single player Inquisitor is a role-playing video game developed by Czech company Cinemax. The game was in development for almost 10 years before its release in 2009.[1][2] Three more years were needed to translate the game into English, and it was released on GOG.com on ...

 

Radio station in Sterling City, TexasKSCK-LPSterling City, TexasBroadcast areaMetro Sterling CityFrequency100.5 FM MHzBrandingKSCK 100.5ProgrammingFormatClassic CountryOwnershipOwnerConcho Valley FellowshipHistoryFirst air dateSeptember 13, 2014Call sign meaningK Sterling Classic KountryTechnical informationFacility ID191109ClassL1Power100 WattsHAAT−8.03 meters (−26.3 ft)Transmitter coordinates31°49′8.80″N 100°59′47.70″W / 31.8191111°N 100.9965833°W...

 

The Queen's Head, Newton The Queen's Head is a pub in Newton, Cambridgeshire, England. It is Grade II listed[1] and has been a pub since 1729.[2] It is on the Regional Inventory of Historic Pub Interiors for East Anglia.[2] The pub sign depicts Anne of Cleves.[3] It has been listed in every edition of CAMRA's Good Beer Guide since 1974, one of only five pubs to achieve this. In 2021 it received a Golden Award from CAMRA, one of only 32 pubs.[4] Referenc...

Irredentist concept among Macedonian nationalists A map distributed by Macedonian nationalists c. 1993. It shows the geographical region of Macedonia split with barbed wire between Republic of Macedonia, Bulgaria and Greece. Postcard issued during the 1920s by the Ilinden organization in Sofia, presenting an imagined United Macedonia. Map of the whole geographical region of Macedonia as seen by F. Bianconi, 1885. United Macedonia (Macedonian: Обединета Македонија, Obe...

 

2008 social media video game 2008 video gameMob WarsDeveloper(s)David MaestriPublisher(s)Kano/AppsPlatform(s)Facebook PlatformRelease2008Genre(s)MMORPGMob Wars is a multiplayer role-playing game hosted on the social networking site Facebook. It allows players to engage in Mafia-style wars with one another and has become one of the most lucrative Facebook applications and the first to net US$1M per month in revenue.[1] However, this number has never been confirmed by the developer or a...

 

2013 studio album by WebbieSavage Life 4Studio album by WebbieReleasedNovember 19, 2013Recorded2012–2013GenreHip hopLength60:04LabelTrill Entertainment FontanaWebbie chronology Savage Life 3(2011) Savage Life 4(2013) Savage Life V(2016) Singles from Savage Life 4 What I DoReleased: April 16, 2013 Bad Bitch 2Released: October 8, 2013 Savage Life 4 is the fourth studio album by American rapper Webbie. The album was released on November 19, 2013, by Trill Entertainment.[1][...

City Municipality in Chonburi, ThailandChaophraya Surasak เจ้าพระยาสุรศักดิ์City MunicipalityCity of Chaophraya Surasakเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ SealCountry ThailandProvinceChonburiDistrictSi RachaSanitation12 December 1967Subdistrictmunicipality25 May 1999Citymunicipality26 July 2013Named forChaophraya SurasakmontriGovernment • MayorAkom PanchalermchaiArea • City Municipal...

 

Short, heavy fighting knife Smatchet lodged in wood A smatchet is a short, heavy fighting knife 16.5 inches (42 cm) in overall length (including grip). It was designed by William E. Fairbairn during World War II. Design Though described in the Office of Strategic Services catalogue as a cross between a machete and a bolo, it was actually based on the Royal Welch Fusiliers Trench Knife of World War I, and was designed as a pure combat knife. It has a broad, leaf-shaped blade sharpened the...

 

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!