เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)

เจ้าพระยาบดินทรเดชา
(สิงห์ สิงหเสนี)
รูปปั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ที่วัดจักรวรรดิราชาวาส
สมุหนายก
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2370 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าเจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์)
ถัดไปเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร)
เจ้ากรมพระสุรัสวดีกลาง
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2373
ก่อนหน้าพระยาราชสุภาวดี (ขุนทอง)
ถัดไปพระยาราชสุภาวดี (โต กัลยาณมิตร)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
สิงห์

11 มกราคม พ.ศ. 2319
บ้านเชิงสะพานช้างโรงสี เมืองพระนคร อาณาจักรธนบุรี
เสียชีวิต24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 (73 ปี)
บ้านเชิงสะพานหัน เมืองพระนคร อาณาจักรรัตนโกสินทร์
ศาสนาพุทธ
คู่สมรสท่านผู้หญิงเพ็ง
บุตรเจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ สิงหเสนี)
เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี)
บุพการี
สกุลสิงหเสนี

เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) (11 มกราคม พ.ศ. 2319 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392) อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก และแม่ทัพใหญ่ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้นสกุล "สิงหเสนี" "บดินทรเดชา" เป็นราชทินนามพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทั้งนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาทางสมาชิกสกุลสิงหเสนี ได้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเชิญไปไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่แผ่นดิน

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 และมีการพระราชทานนามสกุลให้แก่พระราชวงศ์ ขุนนาง บุคคลต่าง ๆ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล "สิงหเสนี" เป็นลำดับที่ 7 ในสมุดทะเบียนนามสกุลพระราชทาน เพื่อเป็นเกียรติยศแก่บรรดาบุตรหลานผู้สืบสกุลจากเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)

ในเอกสารภาษาเขมร ออกนามเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ว่า "เจ้าคุณบดินทร์"(เขมร: ចៅ ឃុន បឌិន)[1] ส่วนในภาษาเวียดนามเรียกเป็น 2 อย่าง คือ Sửu Pha Họa Di (chữ Hán: 醜頗禍移) จากบรรดาศักดิ์พระยา/เจ้าพระยาราชสุภาวดี และ Phi nhã Chất tri (chữ Hán: 丕雅質知) ซึ่งมาจากการออกนามตามธรรมเนียมในท้องตราพระราชสีห์ตามฐานะสมุหนายกว่า เจ้าพระยาจักรีศรีองค์รักษ์

ประวัติ

อนุสาวรีย์เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ณ วัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เดิมชื่อว่าสิงห์ เป็นบุตรคนที่ 4 ของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กับท่านผู้หญิงฟัก เกิดเมื่อวันศุกร์ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ. 2318[2] เทียบกับปฏิทินปัจจุบันตรงกับวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2319 ปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สถานที่เกิดอยู่บริเวณเชิงสะพานช้างโรงสีหน้ากระทรวงมหาดไทยในเขตพระนครทุกวันนี้[3][4][5] เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สืบเชื้อสายมาจากพราหมณ์ศิริวัฒนาพราหมณ์ปุโรหิตในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเจ้าพระยาบดินทรเดชาเป็นเหลนของพราหมณ์ศิริวัฒนา[6] เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) บิดาของเจ้าพระยาบดินทรเดชาเป็นสมุหพระกลาโหมในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยาบดินทรเดชามีพี่น้องรวมกันทั้งหมดเก้าคน[6] มีพี่สาวคือเจ้าจอมปริกในรัชกาลที่ 1 และเจ้าจอมปรางในรัชกาลที่ 2

เมื่อเจริญวัยขึ้น ในช่วงปลายรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) ผู้เป็นบิดาได้นำตัวนายสิงห์เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรในตำแหน่งจมื่นเสมอใจราช ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เลื่อนเป็นจมื่นศรีบริรักษ์ เป็นปลัดกรมพระตำรวจนอกขวาในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ใน พ.ศ. 2352 จมื่นศรีบริรักษ์โดยเสด็จกรมพระราชวังบวรฯไปในการศึกพม่าตีเมืองถลางเป็นปลัดรองนายเรือลาดตระเวณ หลังจากศึกสิ้นสุดลงจมื่นศรีบริรักษ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระพรหมสุรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวาในกรมพระราชวังบวรฯ และหลังจากศึกที่อาณาจักรเขมรอุดงใน พ.ศ. 2354 ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชโยธาเจ้ากรมมหาดไทยของฝ่ายกรมพระราชบวรฯ และต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาเกษตรรักษาเป็นเกษตราธิบดีในกรมพระราชวังบวรฯ

ใน พ.ศ. 2359 เจ้าเมืองน่านคล้องช้างเผือกมาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงเสด็จออกไปรับช้างเผือก พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) ออกรับเสด็จด้วยแต่เนื่องจากหมอกลงจัดทำให้พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) แล่นเรือตัดหน้าฉานขบวนเรือพระที่นั่งขบวนหลังต้องโทษกบฏ กรมพระราชวังบวรฯทรงให้จำคุกพระยาเกษตรรักษา (สิงห์) ไว้เป็นเวลาสี่เดือนจนกระทั่งกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ทรงช่วยทูลขอให้ไว้ชีวิตพระยาเกษตรรักษา พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) จึงได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษออกมาและใน พ.ศ. 2360 กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ทิวงคต พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) จึงดำรงฐานะเป็น "พระยาเกษตรรักษานอกราชการ"[7] ใน พ.ศ. 2362 พระยาเกษตรรักษานอกราชการ (สิงห์) บูรณะวัดสามปลื้มซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้เคียงกับนิวาสถานของพระยาเกษตรรักษาริมคลองโองอ่างบริเวณเวิ้งนครเกษมหรือสำเพ็งในเขตสัมพันธวงศ์ในปัจจุบัน

พระยาเกษตรรักษานอกราชการได้ช่วยราชการในกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ในการต่อเรือค้าขายและการศาลต่างๆ ต่อมาเมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาเกษตรรักษานอกราชการ (สิงห์) จึงได้เข้ารับราชการอีกครั้งในตำแหน่งพระยาราชสุภาวดีเจ้ากรมพระสุรัสวดี พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ได้ถวายวัดสามปลื้มขึ้นเป็นพระอารามหลวงใน พ.ศ. 2368 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯพระราชทานนามวัดใหม่ว่าวัดจักรวรรดิราชาวาส

ศึกเจ้าอนุวงศ์

พระเจดีย์เก้ายอด ซึ่งเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ ณ จุดที่เคยเป็นค่ายทหารเพื่อระดมพลไปทำสงครามกับเจ้าอนุวงศ์ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วัดทุ่งสว่างชัยภูมิ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

ใน พ.ศ. 2369 กบฏเจ้าอนุวงศ์ พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ขณะนั้นอายุห้าสิบเอ็ดปีได้รับโปรดเกล้าฯให้ยกทัพไปทางอีสานใต้ลาวใต้จำปาศักดิ์ หลังจากที่ตีทัพของเจ้าโถง (หลานของเจ้าอนุวงศ์) ที่เมืองพิมายแตกแล้วจึงยกทัพต่อไปตีค่ายเวียงคุกที่เมืองยโสธรแตก เจ้าราชบุตร (โย้) โอรสของเจ้าอนุวงศ์และเป็นเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ยกทัพมาตั้งมั่นที่เมืองอุบล พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ยกทัพจากยโสธรเข้าโจมตีเมืองอุบล ชาวลาวเมืองอุบลลุกฮือขึ้นขับไล่เจ้าราชบุตรออกจากเมือง เจ้าราชบุตรหลบหนีกลับไปยังเมืองจำปาศักดิ์แต่ไม่สามารถเข้าเมืองได้เนื่องจากความวุ่นวายในเมือง พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) จึงสามารถเข้ายึดเมืองจำปาศักดิ์และจับกุมตัวเจ้าราชบุตรได้ได้

ในระหว่างการศึกเจ้าอนุวงศ์นั้นเจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์) สมุหนายกซึ่งนำทัพในการศึกครั้งนี้ด้วยนั้นล้มป่วงลงจนถึงแก่อสัญกรรมใน พ.ศ. 2370 กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพมีพระบัณฑูรให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) จัดการบ้านเมืองลาวอยู่ที่เวียงจันทน์ เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพยกทัพเสด็จกลับกรุงเทพมหานครแล้วจึงกราบทูลความดีความชอบให้แก่พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯจึงมีตราให้เลื่อนเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ขึ้นเป็นเจ้าพระยาราชสุภาวดีที่สมุหนายก เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) นำตัวเจ้าราชบุตร (โย้) พร้อมทั้งอัญเชิญพระบางจากเวียงจันทน์มายังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงขัดเคืองเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ที่มิได้ทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงให้ราบคาบ[8] แล้วจึงทรงให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ไปทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงอย่างสิ้นเชิง ในปี พ.ศ. 2371

เจ้าอนุวงศ์ซึ่งได้หลบหนีไปยังเวียดนามราชวงศ์เหงียนได้กลับมายังเมืองเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2371 พร้อมคณะทูตของพระจักรพรรดิมิญหมั่ง เจ้าอนุวงศ์เข้าลอบสังหารกองกำลังฝ่ายไทยและเข้าครองเมืองเวียงจันทน์อีกครั้ง เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ซึ่งยกทัพมาตั้งมั่นที่เมืองพันพร้าว (ตำบลพานพร้าว อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย) จึงล่าถอยไปทางใต้ไปยังยโสธร เจ้าอนุวงศ์จึงส่งโอรสเจ้าราชวงศ์ (เหง้า) ยกทัพลาวจากเวียงจันทน์ข้ามแม่น้ำโขงลงมาทางใต้เพื่อตามทัพของเจ้าพระยาราชสุภาวดี เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ได้ยกทัพขึ้นมาตั้งรับที่ค่ายบกหวาน (ตำบลบกหวาน อำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย) เจ้าพระยาราชสุภาวดีได้ต่อสู้ตัวต่อตัวกับเจ้าราชวงศ์ (เหง้า) เจ้าพระยาราชสุภาวดีตกจากม้าล้มลง เจ้าราชวงศ์ใช้หอกแทกถูกเฉียดตัวเจ้าพระยาราชสุภาวดีเป็นแผลถลอก[9] เจ้าราชวงศ์จะให้ดาบฟันซ้ำหลวงพิพิธน้องชายของเจ้าพระยาราชสุภาวดีเข้ารับแทนทำให้หลวงพิพิธถูกฟันเสียชีวิต เจ้าพระยาราชสุภาวดีอาศัยจังหวะใช้มีดแทงที่ต้นขาของเจ้าราชวงศ์ประกอบกับฝ่ายไทยยิงปืนถูกเข่าของเจ้าราชวงศ์ล้มลงเสียโลหิตมาก ฝ่ายลาวจึงนำเจ้าราชวงศ์ขึ้นแคร่หามหนีไป เจ้าพระยาราชสุภาวดีแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บยังคงติดตามเจ้าราชวงศ์ไปแต่ไม่สำเร็จ

หลังจากชัยชนะของเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ที่บกหวานทำให้เจ้าอนุวงศ์หลบหนีออกจากเวียงจันทน์อีกครั้งไปยังเมืองพวนอาณาจักรเชียงขวาง เจ้าพระยาราชสุภาวดียกทัพกลับไปพันพร้าวอีกครั้งและเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้เผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายพระจักรพรรดิมิญหมั่งส่งทูตมาอีกครั้งแต่เจ้าพระยาราชสุภาวดีไม่ไว้วางใจฝ่ายเวียดนามจึงออกอุบายให้จัดงานเลี้ยงให่แก่คณะทูตเวียดนามและสังหารคณะทูตเวียดนามเกือบหมดสิ้น[10] เจ้าน้อยเมืองพวน ได้จับกุมตัวเจ้าอนุวงศ์ส่งมาให้เจ้าพระยาราชสุภาวดีได้สำเร็จ หลังจากเสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้วพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงแต่งตั้งเจ้าพระยาราชสุภาวดีขึ้นเป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชา อัครมหาเสนาบดีสมุหนายกใน พ.ศ. 2373 เวลานั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาอายุห้าสิบสามปี

อานามสยามยุทธ

อนุสาวรีย์เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ณ วัดปริณายก กรุงเทพมหานคร

ใน พ.ศ. 2376 เกิดกบฏขึ้นที่เมืองไซง่อน เมื่อเจ้าพระยาบดินทรเดชาอายุห้าสิบแปดปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชโองการให้เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพจำนวน 40,000[10] ยกไปตีเมืองไซ่ง่อนโดยร่วมกับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ซึ่งนำทัพเรือ และพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ผู้เป็นน้องเขย (ท่านผู้หญิงบุนนาคน้องสาวของเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯสมรสกับพระยานครราชสีมา) เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ตั้งมั่นที่เมืองโจฎกหรือเจิวด๊ก (เวียดนาม: Châu Đốc จังหวัดอานซาง) ของเวียดนาม ทัพเรือสยามล่องเรือไปตามแม่น้ำบาสักพบกับทัพเรือฝ่ายญวนที่คลอมหวั่มนาว (Vàm Nao) ฝ่ายญวนสามารถต้านทานทัพฝ่ายสยามได้เจ้าพระยาบดินทรเดชาและเจ้าพระยาพระคลังต้องล่าถอยกลับไปยังเมืองโจฏก ฝ่ายญวนยกทัพตามมาตีเมืองโจฎกทำให้เจ้าพระยาบดิทรเดชาฯตัดสินใจถอยทัพไปทางอาณาจักรเขมรตั้งอยู่ที่เมืองพระตะบอง มอบหมายให้นักองค์อิ่มรักษาเมืองพระตะบองแล้วจึงกลับเข้ากรุงเทพฯ

ใน พ.ศ. 2379 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ได้รับโปรดเกล้าฯเดินทางไปสำรวจทำบัญชีกำลังพลในหัวเมืองเขมรป่าดง[10] ระหว่างทางผ่านเมืองพระตะบองจึงบูรณะปรับปรุงสร้างกำแพงเมืองพระตะบองขึ้นใหม่ เจ้าพระยาบดินทรเดชาเดินทางถึงเมืองขุขันธ์ใน พ.ศ. 2380 ทำบัญชีกำลังพลและสร้างป้อมเมืองพระตะบองเสร็จสิ้นแล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ

การลำเลียงกองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิง สิงหเสนี) ขณะลาดทัพไปยังเมืองพระตะบอง เมื่อ พ.ศ. 2380 สงครามอานามสยามยุทธ[11]

หลังจากที่สมเด็จพระอุทัยราชาแห่งกัมพูชาสวรรคตแล้ว พระจักรพรรดิมิญหมั่งจึงตั้งนักองค์มีขึ้นครองกัมพูชาแทน นักองค์อิ่มเห็นเป็นโอกาสจึงกวาดต้อนผู้คนเมืองพระตะบองไปเข้ากับฝ่ายเวียดนามที่เมืองพนมเปญใน พ.ศ. 2382 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) จึงออกไปรักษาเมืองพระตะบองอีกครั้ง ในปีนั้นชาวกัมพูชาลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของฝ่ายเวียดนาม เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงยกทัพเข้าโจมตีเมืองโพธิสัตว์พร้อมกับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) "องเดดก"แม่ทัพเวียดนามสามารถป้องกันเมืองโพธิสัตว์ได้ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เจรจากับองเดดกแม่ทัพฝ่ายเวียดนาม องเดดกยินยอมถอยกำลังออกจากเมืองโพธิสัตว์[10] ทำให้ฝ่ายเวียดนามล่าถอยไปอยู่ที่เมืองโจฎก เจ้าพระยาบดินทรเดชาตั้งอยู่ที่เมืองโพธิสัตว์และส่งนักองค์ด้วงไปตั้งมั่นที่เมืองอุดงมีชัย จักรพรรดิเถี่ยวจิส่งเหงียนวันเจือง (เวียดนาม: Nguyễn Văn Chương) ยกทัพจากโจฎกเข้ายึดพนมเปญได้ เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯจึงยกทัพจากโพธิสัตว์ไปยังเมืองอุดงเพื่อช่วยเหลือนักองค์ด้วง หลังจากที่องตาเตียงกุนยึดเมืองพนมเปญได้แล้วจึงยกมาที่เมืองอุดงต่อ เจ้าพระยาบดินทรเดชานำทัพเข้าซุ่มโจมตีทัพเวียดนามแตกพ่ายแพ้กลับไป

สงครามอานามสยามยุทธระหว่างสยามและเวียดนามซึ่งกินเวลายืดเยื้อกว่าสิบปีไม่มีข้อสรุป นำไปสู่การเจรจาระหว่างฝ่ายสยามและเวียดนาม เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯบูรณะวัดพระพุทธโฆสาจารย์ที่เมืองพนมเปญใน พ.ศ. 2389 เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯอยู่จัดการเรื่องอาณาจักรเขมรอยู่ที่เมืองอุดงจนถึง พ.ศ. 2390 เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ เป็นผู้แทนพระองค์นำเครื่องอิสริยยศและสุพรรณบัฏแต่งตั้งนักองค์ด้วง ขึ้นเป็นสมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี กษัตริย์แห่งกัมพูชาใน พ.ศ. 2390

ปราบจีนตั้วเหี่ย

หลังจากราชาภิเษกนักองค์ด้วงขึ้นเป็นกษัตริย์กัมพูชาแล้วเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ จึงเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ มาถึงเมืองฉะเชิงเทราใน พ.ศ. 2391 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) นำทัพเข้าปราบจีนตั้วเหี่ยที่เมืองฉะเชิงเทรา หลังจากปราบจีนตั้วเหี่ยได้สำเร็จแล้ว เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯจึงเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ พร้อมกับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ขณะนั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯมีอายุเจ็ดสิบสองปี

หลังจากที่เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) กลับมาพำนักอยู่ที่กรุงเทพมหานครได้หนึ่งปี เกิดอหิวาตกโรคระบาดมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดียมาถึงกรุงเทพฯในเดือนห้า พ.ศ. 2392 วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ก็ถึงแก่อสัญกรรมที่นิวาสสถานบริเวณริมคลองโอ่งอ่างบริเวณเชิงสะพานหันกับบ้านดอกไม้ สิริอายุได้เจ็ดสิบสามปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯให้พระราชทานเพลิงศพที่วัดสระเกศเมื่อเดือนหก พ.ศ. 2393

เมื่อพระหริรักษ์รามาธิบดีเจ้ากัมพูชาได้ทราบว่าเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงครั้งที่เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ ได้ช่วยเหลือปราบปรามหมู่ปัจจามิตรทั้งช่วยจัดราชการเมืองเขมรให้ราบคาบเรียบร้อยตลอดมา จึงดำรัสสั่งสร้างเก๋งขึ้นที่หน้าค่ายใหญ่ใกล้วัดโพธารามในเมืองอุดงมีชัย แล้วให้พระภิกษุสุกชาวเขมร ช่างปั้นฝีมือเยี่ยมในยุคนั้นปั้นรูปเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ ขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ด้วยปูนเพชร และประกอบการกุศลมีสดับปกรณ์เป็นต้นปีละครั้งที่เก๋ง ชาวเขมรเรียกว่า "รูปองบดินทร" ตลอดมาจนบัดนี้ รูปนี้สร้างขึ้นในราวปีจอ พ.ศ. 2392

ปีพ.ศ. 2441 พระพุฒาจารย์ (มา) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาสให้คนไปวาดรูปปั้นองค์บดินทร์ที่เมืองอุดงมีชัยมาเป็นต้นแบบ แล้วให้นายเล็กช่างหล่อหล่อถอดแบบรูปปั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯขึ้น[12]มาตั้งไว้ที่วัดจักรวรรดิราชาวาส

ความทรงจำ

จากผลงานและคุณงามความดีที่ปรากฏต่อประเทศชาติ ทำให้อนุชนรุ่นหลังสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงพระคุณของท่านหลายแห่ง เช่น เมืองอุดงมีชัย ประเทศกัมพูชา, วัดจักรวรรดิราชาวาส (วัดสามปลื้ม), โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี), โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๒, โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๔, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ, โรงเรียนเทพลีลา, โรงเรียนพระปริยัติธรรมเจ้าพระยาบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร, วัดมหาธาตุ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร, ค่ายบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี, ค่ายเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี), กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว, ค่ายบดินทรเดชา กรมทหารราบที่ 16 อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์ตาก อำเภอโพธิ์ตาก และองค์การบริหารส่วนตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย

บุตร-ธิดา

จารึกระบุนามสกุลพระราชทาน "สิงหเสนี" ภายในศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร

เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มีบุตรธิดา ดังนี้

  1. จมื่นมหาสนิท (น้อย สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา
  2. บัว สิงหเสนี (ญ.) รับราชการฝ่ายใน
  3. คุณหญิงแย้ม ราชสุภาวดี สมรสกับพระยาราชสุภาวดี (ปาน สุรคุปต์)
  4. เจ้าพระยามุขมนตรี (เกด สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา
  5. จมื่นทิพย์เสนา (อินทร์ สิงหเสนี)
  6. คุณหญิงเกษร วิสูตรโยธามาตย์ สมรสกับพระยาวิสูตรโยธามาตย์ (กุหลาบ หงสกุล)
  7. เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา
  8. คุณหญิงมรกด พิบูลสงคราม สมรสกับพระยาพิบูลสงคราม (นุ้ย)
  9. เจ้าจอมมารดากลีบ ในรัชกาลที่ 3 - ท่านผู้หญิงหนู เป็นมารดา
  10. ท่านผู้หญิงปุก วิเชียรคีรี สมรสกับเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น ณ สงขลา)
  11. เจ้าจอมมาลัย ในรัชกาลที่ 3
  12. จมื่นประธานมณเฑียร (แสง สิงหเสนี)
  13. ทิม สิงหเสนี (ญ.) สมรสกับพระอภัยพลรบ
  14. สารภี สิงหเสนี (ญ.) สมรสกับพระศรีกาฬสมุทร (บุญมี สุวรรณสุภา)
  15. อำพัน สิงหเสนี (ญ.) สมรสกับพระเสนีพิทักษ์ (ทองสุก)
  16. จมื่นประธานมณเฑียร (เวียง สิงหเสนี)
  17. หม่อมเป้า เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา หม่อมในหม่อมเจ้าสวัสดิ์ เดชาติวงศ์
ศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร

ด้านการสงคราม

  • แม่ทัพใหญ่ในศึกสู้ศึกเจ้าอนุวงศ์[13]
  • แม่ทัพในเหตุการณ์ญวนแทรกแซงเขมร
  • ว่าราชการที่เขมรกว่า 15 ปี
  • ช่วยทำราชการปราบปรามจีนตั้วเหี่ยที่ก่อการกำเริบที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

ด้านศาสนา

แหล่งข้อมูลอื่น

อ้างอิง

  1. "ប្រវត្តិសាស្ត្រប្រទេសកម្ពុជា-ជំពូកទី៣" (ภาษาเขมร). 14 March 2008.
  2. อ้างอิงตามจารึกที่ศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร
  3. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๗
  4. "ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงเสนี)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2010-09-28.
  5. ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โรงเรียน บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
  6. 6.0 6.1 "ประวัติ เจ้าพระยาบดินทรเดชา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-27. สืบค้นเมื่อ 2020-04-25.
  7. เสวนา “บดินทรเดชา แม่ทัพกล้า-ขุนพลแก้ว” คึกคัก สกุล ‘สิงหเสนี’ ร่วมงาน
  8. ดังความในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๓ ว่า "เจ้าพระยาราชสุภาวดีนั้นทรงขัดเคืองอยู่ที่ไม่ทำลายเมืองเวียงจันทน์เสียให้สาบสูญ มาคิดตั้งขึ้นให้เป็นบ้านเมืองไว้ ยังหาโปรดตั้งให้เป็นที่จักรีไม่ ให้ที่ว่าที่อยู่ก่อน"
  9. เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รอดตายเพราะ “แขม่วพุง” !? ครั้งสยามปราบเจ้าอนุวงศ์
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓.
  11. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2512). "ฉบับที่ ๒ บัญชีกองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิง สิงหเสนี) เมื่อยกไปเมืองพระตะบอง," ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๔๒ (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๗ (ต่อ) ๖๘) จดหมายเหตุเกี่ยวกับเขมรและญวนในรัชกาลที่ ๓ ตอนที่ ๑ (ต่อ) และตอนที่ ๒. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา. หน้า 182.
  12. เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ณ วัดสามปลื้ม
  13. แม่ทัพคู่บัลลังก์พระนั่งเกล้า ฯ [ลิงก์เสีย]

Read other articles:

Het Sint-Jansplein is een van de grootste pleinen van Antwerpen en is gelegen in het noorden van de stad. Het plein heeft een vierkante plattegrond met rondom een zoom van bomen. Op het plein worden wekelijkse markten (op woensdag en vrijdag) maar ook regelmatig grote evenementen georganiseerd. Geschiedenis Pepto Bismo (Panamerenko) Op 8 augustus 1868 werd in een collegebesluit vastgelegd dat het nieuw aan te leggen stadsplein vernoemd zou worden naar herberg Den ouden Sint-Jan. Met de daadwe...

 

Biografi ini tidak memiliki sumber tepercaya sehingga isinya tidak dapat dipastikan. Bantu memperbaiki artikel ini dengan menambahkan sumber tepercaya. Materi kontroversial atau trivial yang sumbernya tidak memadai atau tidak bisa dipercaya harus segera dihapus.Cari sumber: Agus Prayogo – berita · surat kabar · buku · cendekiawan · JSTOR (Pelajari cara dan kapan saatnya untuk menghapus pesan templat ini) Artikel ini membutuhkan penyuntingan lebih lanju...

 

Preparando un modelo para su prueba en el túnel aerodinámico. La teoría de las semejanzas es aquella que se emplea para el trabajo con modelos a escala en túneles aerodinámicos con el objetivo de que el comportamiento de los mismos sea lo más cercano posible a como se comportaría en una situación real el objeto en cuestión. Manifiesta que los criterios fundamentales para establecer la semejanza de un modelo a escala con el objeto real son los del número de Reynolds y el número de M...

Delegate to the Second Continental Congress Timothy MatlackMatlack by Charles Willson Peale, 1790, Musem of Fine Arts, BostonBorn(1736-03-28)March 28, 1736Haddonfield, Province of New Jersey, British AmericaDiedApril 14, 1829(1829-04-14) (aged 93)Holmesburg, Pennsylvania, U.S.Resting placeWetherills Cemetery, Audubon, PennsylvaniaNationalityAmericanKnown forScribe of the Declaration of IndependenceSpouses Eleanor Yarnell ​ ​(m. 1758; died 1791&#...

 

Mikami - Agenzia acchiappafantasmiGS(ゴーストスイーパー)美神 極楽大作戦!!(Gōsuto Suīpā Mikami: Gokuraku daisakusen!!)Copertina del ventinovesimo volume dell'edizione italiana, raffigurante i protagonisti Reiko Mikami e Tadao Yokoshima Genereazione, commedia, soprannaturale[1] MangaAutoreTakashi Shiina EditoreShogakukan RivistaWeekly Shōnen Sunday Targetshōnen 1ª edizione17 aprile 1991 – 8 settembre 1999 Tankōbon39 (completa...

 

Артем Меркушов Особисті дані Повне ім'я Артем Альбертович Меркушов Народження 7 червня 1996(1996-06-07) (27 років)   Маріуполь, Україна Зріст 168 см Вага 59 кг Громадянство  Україна Позиція півзахисник, нападник Юнацькі клуби 2013—2014 2014—2015 «Іллічівець» (Маріуполь) «Шахтар» (Дон

هذه المقالة يتيمة إذ تصل إليها مقالات أخرى قليلة جدًا. فضلًا، ساعد بإضافة وصلة إليها في مقالات متعلقة بها. (أبريل 2019) تيم والاس   معلومات شخصية الميلاد 6 أغسطس 1984 (39 سنة)  أنكوريج  مواطنة الولايات المتحدة  الوزن 207 رطل  الحياة العملية المدرسة الأم جامعة نوتر دام ...

 

Pemuda HitlerHitlerjugendLogo Pemuda HitlerDibentuk4 Juli 1926Negara Jerman NaziTipe unitOrganisasi pemuda, paramiliterJumlah personel8 juta (1940)Divisi HitlerjugendDivisi Hitlerjugend SS Panzer ke-12MotoBlut und Ehre(Darah dan Kehormatan)MarkasKaufhaus Jonaß, BerlinCabang Pemuda Jerman Liga Putri Jerman Dibubarkan10 Oktober 1945TokohReichsjugendführer Baldur von Schirach (pertama) Artur Axmann (terakhir)Stabsführer Karl Nabersberg (pertama) Kurt Petter (terakhir)InsigniaBenderaLamba...

 

Labuan Bajo Entidad subnacional Coordenadas 8°29′47″S 119°53′16″E / -8.4963888888889, 119.88777777778Entidad Kelurahan e Ibu kota kabupaten • País  IndonesiaAltitud   • Media 63 m s. n. m.Huso horario UTC+08:00[editar datos en Wikidata] Labuan Bajo es un pueblo de pescadores, con un epíteto totalmente en castellano: bajo,[1]​ ubicado en el extremo occidental de la gran isla de Flores en la provincia de Nusa Tenggara Oriental ...

2003 video game series This article is about the video game series. For other uses, see True Crime. Video game seriesTrue CrimeLogo from True Crime: New York CityGenre(s)Action-adventureDeveloper(s)LuxofluxPublisher(s)ActivisionCreator(s)Peter MorawiecComposer(s)Sean MurrayPlatform(s)PlayStation 2, Xbox, GameCube, Windows, Mobile, macOSFirst releaseTrue Crime: Streets of LANovember 4, 2003 (2003-11-04)Latest releaseTrue Crime: New York CityNovember 16, 2005 (2005...

 

الريال الإسبانيمعلومات عامةصنف فرعي من real (en) سُمِّي باسم ملك البلد إسبانيا الاختصاص إسبانيا حل محله سكودو إسباني(1864) تاريخ البدء القرن 14 تاريخ الانتهاء 1864 تعديل - تعديل مصدري - تعديل ويكي بيانات عملة معدنية من الفضة 8 حقيقية لعام 1768 من دار سك بوتوسي. الريال (بالإنجليزية: /reˈal/...

 

سوني اريكسون اكسبيريا برومعلومات عامةالنوع هاتف محمول الصانع سوني موبايل كوميونيكيشنزعائلة المنتج Sony Xperia (en) أهم التواريختاريخ الإصدار 2011الوظائفالشاشة إل سي ديالإدخال مقياس تسارعالخصائصالمعالج الرئيسي 1 جيجا هرتزسعة التخزين 1 جيجابايتنظام التشغيل أندرويدالبطارية بطار...

American scholar, literary critic, and folklorist (1860–1941) George Lyman KittredgeA 1906 portrait of KittredgeBorn(1860-02-28)February 28, 1860Boston, Massachusetts, U.S.DiedJuly 23, 1941(1941-07-23) (aged 81)Barnstable, Massachusetts, U.S.Alma materHarvard UniversityOccupation(s)English professor, folkloristSpouseFrances Eveline Gordon George Lyman Kittredge (February 28, 1860 – July 23, 1941) was a professor of English literature at Harvard University. His scholarly edition ...

 

2016 World Grand PrixTournament detailsHost nation ThailandCityBangkok (Group 1 Final)Dates3 June – 10 JulyTeams28 (from 5 confederations)Venue(s)20 (in 20 host cities)Champions Brazil (11th title)Runners-up United StatesThird place NetherlandsFourth place RussiaTournament awardsMVP Natália PereiraBest Setter Nootsara TomkomBest OH Sheilla Castro Kimberly HillBest MB Rachael Adams Thaísa MenezesBest OPP Lonneke SlöetjesBest Libero Lin LiTournament stati...

 

Indian actress and model For the cricketer, see Neha Sharma (cricketer). Neha SharmaSharma in 2023BornBhagalpur, Bihar, IndiaAlma materNational Institute of Fashion Technology, New DelhiOccupation(s)Actress, modelYears active2007–presentParentAjit Sharma (father)RelativesAisha Sharma (sister) Neha Sharma (pronounced [ˈnɛːɦa ˈʃərma]) is an Indian actress and model.[1] Sharma made her acting debut with the Telugu film Chirutha (2007) and her Hindi film debut w...

Chinese television network This article is about the Chinese Television Channel. For the parent, see Fujian Radio Film and TV Group. This article has multiple issues. Please help improve it or discuss these issues on the talk page. (Learn how and when to remove these template messages) This article relies largely or entirely on a single source. Relevant discussion may be found on the talk page. Please help improve this article by introducing citations to additional sources.Find sources: ...

 

Pete Townshend Pete Townshend in 2007 Algemene informatie Volledige naam Peter Dennis BlandfordTownshend Geboren 19 mei 1945 Geboorteplaats Chiswick, Londen Land Vlag van Verenigd Koninkrijk Verenigd Koninkrijk Werk Jaren actief 1962 – heden Genre(s) HardrockRockPop Beroep GitaristSongwriterMuziekproducent[1] Instrument(en) GitaarPianoSynthesizerKeyboardsBasgitaar DrumsVioolMandolineUkeleleBanjo Invloed(en) Bo DiddleyJohn Lee HookerHank B. MarvinLink Wray Label(s) TrackRyk...

 

Catedral de Santa María y Santa Elena Cathedral Church of St Mary and St Helen monumento clasificado Grado II* Vista de la catedralLocalizaciónPaís  Reino UnidoDivisión  InglaterraSubdivisión EssexLocalidad BrentwoodCoordenadas 51°37′10″N 0°18′23″E / 51.6194, 0.3063Información religiosaCulto Iglesia católicaDiócesis Diócesis de BrentwoodHistoria del edificioFundación 1991Construcción 18611989-1991 (ampliación)Arquitecto Quinlan Terry (ampliacón...

2015 children's non-fiction book Most Dangerous: Daniel Ellsberg and the Secret History of the Vietnam War AuthorSteve SheinkinCountryUnited StatesLanguageEnglishPublisherRoaring Brook PressPublication dateSeptember 22, 2015Pages384ISBN9781596439528Websitehttp://stevesheinkin.com/books/most-dangerous/ Most Dangerous: Daniel Ellsberg and the Secret History of the Vietnam War is a 2015 non-fiction book, aimed for young adolescent readers, written by Steve Sheinkin and published through Roaring ...

 

Protein-coding gene in the species Homo sapiens FGGAvailable structuresPDBOrtholog search: PDBe RCSB List of PDB id codes1DUG, 1FIB, 1FIC, 1FID, 1FZA, 1FZB, 1FZC, 1FZE, 1FZF, 1FZG, 1LT9, 1LTJ, 1N86, 1N8E, 1RE3, 1RE4, 1RF0, 1RF1, 2A45, 2FFD, 2FIB, 2H43, 2HLO, 2HOD, 2HPC, 2HWL, 2OYH, 2OYI, 2Q9I, 2VDO, 2VDP, 2VDQ, 2VDR, 2VR3, 2XNX, 2XNY, 2Y7L, 2Z4E, 3BVH, 3E1I, 3FIB, 3GHG, 3H32, 3HUS, 4B60IdentifiersAliasesFGG, fibrinogen gamma chainExternal IDsOMIM: 134850 MGI: 95526 HomoloGene: 429 GeneCards: ...

 

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!