กบฏหวันหมาดหลี

กบฏหวันหมาดหลี

การปราบปรามและการสู้รบของกรุงรัตนโกสินทร์กับเจ้าเมืองปัตตานี
วันที่มิถุนายน พ.ศ. 2381 - มีนาคม พ.ศ. 2382
สถานที่
ผล สยามสามารถปราบกบฏไทรบุรีได้สำเร็จ
คู่สงคราม
อาณาจักรรัตนโกสินทร์
จักรวรรดิบริติช
รัฐไทรบุรี
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)
พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค)
เจ้าพระยายมราช (บุนนาค)
พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง)
พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง)
พระวิชิตสรไกร (กล่อม)
พระสุนทรนุรักษ์ (บุญสัง)
พระยายะหริ่ง (พ่าย)
พระยาสาย (ต่วนหนิดะ)

เชอราร์ด ออสบอร์น

สุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดิน ฮาลิม ชะฮ์ที่ 2 (ตวนกูปะแงหรัน)
ตนกูอับดุลเลาะฮ์ (Tunku Abdullah)
ตนกูมูฮาหมัดซาอัด (Tunku Muhammad Sa'ad)
ตนกูมูฮาหมัดทาอิบ (Tunku Muhammad Taib)
ตนกูมูฮาหมัดยิหวา (Tunku Muhammad Jiwa)

หวัน มูฮาหมัด อาลี (Wan Muhammad Ali)

กบฏหวันหมาดหลี หรือ กบฏไทรบุรี พ.ศ. 2381-82 เป็นการกบฏของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตสุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดิน ฮาลิม ชะฮ์ที่ 2 (Ahmad Tajuddin Halim Shah) แห่งไทรบุรี หรือตวนกูปะแงหรัน (Tunku Pengeran) เป็นความพยายามในการกอบกู้รัฐไทรบุรีจากการปกครองของสยามในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้นำการกบฏในครั้งนี้ได้แก่ตนกูมูฮาหมัดซาอัด (Tunku Muhammad Sa'ad) และตนกูมูฮาหมัดทาอิบ (Tunku Muhammad Taib) สองพี่น้องผู้เป็นหลานชายของอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรัน ร่วมมือกับหวันมาลี (Wan Mali) ซึ่งเป็นโจรสลัดในทะเลอันดามัน เข้ายึดเมืองไทรบุรีได้ใน พ.ศ. 2381 จากนั้นยึดได้เมืองตรังและเข้ารุกรานเมืองสงขลาและปัตตานี

เหตุการณ์นำ

สุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดิน ฮาลิม ชะฮ์ (Ahmad Tajuddin Halim Shah) แห่งไทรบุรี หรือตวนกูปะแงหรัน (Tunku Pengeran) แข็งเมืองไม่ขึ้นต่อสยามและหันไปสร้างสัมพันธไมตรีกับฝ่ายพม่า[1] พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงมีพระบรมราชโองการให้พระยานครศรีธรรมราช (น้อย) นำทัพเข้ายึดไทรบุรีใน พ.ศ. 2364 เมื่อพระยานครฯ (น้อย) เข้ายึดไทรบุรีแล้ว สุลต่านตวนกูปะแงหรันเดินทางหลบหนีไปยังเกาะปีนัง ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ (ไทรบุรีได้มอบเกาะปีนังให้แก่อังกฤษตั้งแต่ พ.ศ. 2329) ฝ่ายสยามผนวกไทรบุรีเข้ามาปกครองโดยตรงขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช พระภักดีบริรักษ์ (แสง) บุตรชายของเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ได้เป็นเจ้าเมืองไทรบุรีแทน ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระยาอภัยธิเบศร์เจ้าเมืองไทรบุรี หลังจากที่สยามเข้ายึดเมืองไทรบุรีแล้ว มีชาวมลายูไทรบุรีจำนวนมากรวมทั้งเชื้อวงศ์ของอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันหลบหนีไปยังเกาะลังกาวี[2] ในปีต่อมา พ.ศ. 2365 เจ้าพระยานครฯ (น้อย) ยกทัพเรือเข้าโจมตีและยึดเกาะลังกาวีได้สำเร็จ[2] หวันมูฮาหมัดอาลี (Wan Muhammad Ali) ผู้เป็นบุตรชายของผู้ปกครองเกาะลังกาวี หลบหนีจากเกาะลังกาวีไปยังหมู่เกาะมะริดและตะนาวศรี[2] ในขณะที่ตนกูมูฮาหมัดซาอัด (Tunku Muhammad Sa'ad) หลานชายของอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันหลบหนีไปยังแขวงเมืองอาเจะฮ์เกาะสุมาตรา[2]

สนธิสัญญาเบอร์นี (Burney Treaty) ระหว่างสยามและอังกฤษในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2369 อังกฤษยอมรับอำนาจของสยามเหนือไทรบุรี โดยมีข้อแลกเปลี่ยนให้สยามงดเว้นการรุกรานรัฐเปรักและเซอลาโงร์ ตามสัญญาข้อที่สิบสาม อังกฤษให้สัญญาเรื่องการวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งระหว่างสยามและไทรบุรี สัญญาว่าจะนำตัวอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันออกจากเกาะปีนังไปพำนักที่อื่น และจะไม่ให้การสนับสนุนแก่กองกำลังของอดีตสุลต่านแห่งไทรบุรีในการกบฏต่อสยาม แม้ว่าอังกฤษจะให้สัญญาเช่นนี้แล้ว แต่เกาะปีนังและทะเลอันดามันยังคงเป็นแหล่งของผู้ที่สนับสนุนอดีตสุลต่านในการกอบกู้รัฐไทรบุรี[3]

ใน พ.ศ. 2374 รัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตนกูกูเด่น (Tunku Kudin) ผู้เป็นบุตรของพี่ชายอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรัน ยกทัพทางบกจากโปรวินซ์เวลส์เลย์เข้ายึดเมืองอาโลร์เซอตาร์เมืองหลวงของไทรบุรีได้สำเร็จ พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) เจ้าเมืองไทรบุรีหลบหนีมาอยู่ที่พัทลุง ฝ่ายหัวเมืองปัตตานีห้าหัวเมืองจากเจ็ดหัวเมืองนำโดยต่วนสุหลง (Tuan Sulong) เจ้าเมืองปัตตานี เมื่อถูกเกณฑ์กำลังพลไปสู้รบกับไทรบุรีจึงก่อการกบฏขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐกลันตันและรัฐตรังกานู เจ้าพระยานครฯ (น้อย) สามารถยึดเมืองอาโลร์เซอตาร์คืนมาได้ตนกูกูเด่นฆ่าตัวตาย และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เข้ายึดเมืองปัตตานีได้ หลังจากการกบฏหัวเมืองมลายูใน พ.ศ. 2375 ทางฝ่ายอังกฤษจึงบังคับให้อดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันย้ายจากเกาะปีนังไปพำนักที่เมืองมะละกา

ใน พ.ศ. 2380 กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สิ้นพระชนม์ บรรดาเจ้าเมืองข้าราชการกรมการต่าง ๆ ในหัวเมืองภาคใต้รวมทั้งเจ้าพระยานครฯ (น้อย) และพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) ต่างอยู่ที่กรุงเทพฯเพื่อร่วมพระราชพิธี โดยมีพระวิชิตสรไกร (กล่อม) และพระสุนทรนุรักษ์ (บุญสัง) เป็นผู้รักษาเมืองนครศรีธรรมราชและสงขลาตามลำดับ กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันจึงอาศัยโอกาสนี้ในการกอบกู้รัฐไทรบุรี หวันมูอาหมัดอาลีบุตรของผู้ครองเกาะลังกาวี หรือหวันหมาดหลี หรือหวันมาลี (Wan Mali) ได้ตั้งตนขึ้นเป็นโจรสลัดในทะเลอันดามันประกอบด้วยกองกำลังของขาวมลายูและชาวอูรักลาโว้ย โดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่เกาะยาวในแขวงเมืองถลาง รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดเตรียมทัพฝ่ายไทรบุรีปรากฏในบันทึกของนายเชอราร์ด ออสบอร์น (Sherard Osborn) แม่ทัพเรือชาวอังกฤษผู้นำเรือเข้าล้อมเมืองไทรบุรี ในหนังสือชื่อเรื่องว่า The Blockade of Kedah in 1838: A Midshipman’s Exploits in Malayan Waters[4] ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2400 ตนกูมูฮาหมัดซาอัดซึ่งได้หลบหนีไปยังแขวงเมืองอาเจะฮ์ได้จัดตั้งกองกำลังขึ้นอย่างเป็นความลับที่บาตูปูเตะ (Batu Puteh) บนเกาะสุมาตราใกล้กับเมืองอาเจะฮ์ ประกอบด้วยกำลังพล 2,000 คน[4]และเรือ 40 ลำ โดยได้รับความช่วยเหลือทางอาวุธยุทโปกรณ์จากชาวมลายูและพ่อค้าชาวอังกฤษบนเกาะปีนังซึ่งให้การสนับสนุนแก่อดีตสุลต่าน

การสู้รบ

กบฏยึดเมืองไทรบุรี

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2381 ตนกูมูฮาหมัดซาอัดอาศัยจังหวะซึ่งทัพเรือของอังกฤษที่รักษาเกาะปีนังนั้นย้ายไปทำการปราบโจรสลัดที่ตรังกานู[4] ยกทัพเรือจากเกาะสุมาตรามายังเซอเบอรังเปอไร (Seberang Perai) หรือโปร์วินซ์เวลส์เลย์ซึ่งเป็นเขตแดนของประเทศอังกฤษ สมทบกับกองกำลังโจรสลัดของหวันมาลี ตนกูมูฮาหมัดซาอัดป่าวประกาศร้องเรียกให้ชาวมลายูผู้สนับสนุนอดีตสุลต่านฯออกมารวบรวมเป็นกองกำลังที่แม่น้ำมุดา (Muda River) และแม่น้ำเมอร์บก (Merbok River) ซึ่งเป็นเขตแตนรอยต่อระหว่างไทรบุรีและโปร์วินซ์เวลส์เลย์ ในเดือนพฤษภาคมตนกูมูฮาหมัดทาอิบ (Tunku Muhammad Taib) ผู้เป็นน้องชายของตนกูซาอัด[5] นำกองกำลังชาวมลายูตั้งขึ้นที่แม่น้ำเมอร์บกรวมกับทัพของตนกูซาอัดได้กำลัง 1,000 คน ตนกูซาอัดยกทัพมลายูเข้าโจมตีป้อมกัวลาเกอดะฮ์ (Kuala Kedah) หรือป้อมปากน้ำไทรบุรีในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2381 โดยที่ฝ่ายสยามไม่ทันตั้งตัว นำไปสู่การรบที่กัวลาเกอดะฮ์ ส่วน พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) เจ้าเมืองไทรบุรีในขณะนั้นรวบรวมกำลังพลจัดตั้งทัพขึ้นประกอบด้วยชาวไทยได้ 200 คน ได้ชาวมลายู 800-900 คน มาตั้งรับ ในชั้นแรกฝ่ายสยามสามารถป้องกันป้อมปากน้ำไทรบุรีไว้ได้ ตนกูซาอัดจึงเข้ายึดป้อมปากน้ำไม่สำเร็จ ต่อมาในเดือนสิงหาคม ตนกูทาอิบได้นำตัวครอบครัวของทหารชาวมลายูซึ่งป้องกันป้อมอยู่ฝ่ายสยาม ประกอบด้วยเด็กสตรีและคนชรามาเดินนำหน้าทัพ เมื่อเด็กสตรีและคนชราเหล่านั้นถูกสังหารในที่รบ ทำให้ทหารฝ่ายมลายูซึ่งอยู่ฝ่ายสยามแปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายกบฏ ตนกูทาอิบจึงเข้ายึดป้อมปากน้ำไทรบุรีได้ พระยาอภัยธิเบศร์และทัพสยามจึงล่าถอยกลับเข้าเมืองอาโลร์เซอตาร์ ทัพฝ่ายมลายูของตนกูซาอัดและตนกูทาอิบเข้ายึดเมืองอาโลร์เซอตาร์ได้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2381 พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) รวมทั้งพระเสนานุชิต (นุช) ปลัดเมืองไทรบุรีผู้เป็นน้องชายและครอบครัวหลบหนีไปยังกูปังบาซู และหลบหนีต่อไปจนถึงเมืองพัทลุงในที่สุด

การรบฝั่งอันดามัน

กัปตันเชอราร์ด ออสบอร์น (Sherard Osborn) ผู้นำเรือรบอังกฤษจำนวนสี่ลำเข้าปิดปากน้ำเมืองไทรบุรีใน พ.ศ. 2381 ต่อมาได้เป็นผู้สำรวจขั้วโลกเหนือ

เมื่อยึดเมืองอาโลร์เซอตาร์ไว้ได้แล้ว ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2381 ตนกูมูฮาหมัดซาอัดจึงส่งหวันมาลี หรือเจ๊ะหมัดอาลี ยกทัพเรือไปยึดเมืองปะลิส ยึดเกาะลังกาวี และยกทัพเรือจำนวน 95 ลำ 1,000 คน[6] เข้าโจมตีเมืองตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ต่อเรือของเจ้าพระยานครฯ (น้อย) นำไปสู่การยึดเมืองตรัง พระสงครามวิชิตเจ้าเมืองตรังนำทัพออกสู้รบกับทัพของหวัดมาลีที่ปากน้ำพระม่วงและเขาราชสีห์[6]แต่ชาวมลายูซึ่งอยู่ด้านหลังเขาโจมตีกระหนาบหลังทำให้ทัพของพระสงครามวิชิตแตกพ่ายไป หวันมาลีจึงสามารถเข้ายึดเมืองตรังได้ กวาดต้อนผู้คนเมืองตรังไปอยู่ที่เกาะลังกาวี

เมื่อเข้ายึดไทรบุรีได้แล้ว ฝ่าายกบฏนำโดยตนกูซาอัดได้เชิญตนกูอับดุลเลาะฮ์ (Tunku Abdullah) ผู้เป็นบุตรชายคนโตของอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันมาเข้าร่วมขบวนการในเดือนตุลาคมพ.ศ. 2381 โดยตนกูอับดุลเลาะฮ์ตั้งอยู่ที่บ้านตะพานช้างหรืออาลูร์กานู (Alur Ganu) ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2382 หวันมาลียกทัพเรือเข้าโจมตีเมืองสตูลปล้นสะดมนำอาหารเสบียงไป[6]

ฝ่ายอังกฤษเมื่อทราบว่าผู้สนับสนุนอดีตสุลต่านเข้ายึดเมืองไทรบุรีได้สำเร็จ นายจอร์จ บอแนม (George Bonham) เจ้าเมืองสิงคโปร์และผู้ปกครองอาณานิคมช่องแคบได้เดินทางมายังเกาะปีนังและส่งเรือรบอังกฤษจำนวนสี่ลำ[4]ได้แก่ เรือไฮยาซินท์ (HMS Hyacinth) เรือเพิร์ล (HMS Pearl) เรือเอเมอราลด์ (HMS Emerald) และเรือไดมอนด์ (HMS Diamond) นำโดยกัปตันเชอราร์ด ออสบอร์น (Sherard Osborn) เข้าปิดกั้นกัวลาเกอดะฮ์หรือปากน้ำเมืองไทรบุรีในระยะวิถีกระสุนปืนใหญ่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2381 เพื่อปิดกั้นไม่ให้ฝ่ายกบฏไทรบุรียกทัพเรือออกทางทะเลและตัดการติดต่อระหว่างไทรบุรีและเกาะปีนัง แต่เรือรบอังกฤษไม่ได้โจมตีหรือสู้รบกับฝ่ายมลายูไทรบุรีแต่อย่างใด เมื่ออังกฤษเข้ามาปิดปากน้ำ ตนกูซาอัดจึงมาประจำการณ์ที่ป้อมปากน้ำเพื่อคอยระวังท่าทีของอังกฤษ

เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)[7] เจ้าเมืองตรัง กลับมาถึงก็ระดมกำลังทหารตั้งค่ายอยู่ที่ ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (ในปัจจุบัน) เพื่อเตรียมยกโอบไปตีหวันหมาดหลีซึ่งยึดชัยภูมิอยู่ที่ควนธานี โดยส่งกองกำลังลำเลียงไปทางคลองลำเลียง เมื่อหวันหมาดหลีทราบข่าวว่าเจ้าพระยานคร (น้อย) ยกทัพมา ประกอบกับรับรู้ถึงกิตติศัพท์การออกทัพจับศึกของเจ้าพระยานคร (น้อย) ว่าเก่งกาจ จึงถอยร่นหนีไป

การรบที่สงขลาและปัตตานี

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2381 ตนกูมูฮาหมัดซาอัดส่งตนกูมูฮาหมัดทาอิบ และตนกูมูฮาหมัดยิหวา (Tunku Muhammad Jiwa) นำทัพจำนวน 3,000 คน จากไทรบุรีไปทางเหนือเข้ารุกรานเมืองสงขลา ฝ่ายเมืองสงขลาพระสุนทรนุรักษ์ (บุญสัง) ผู้รักษาเมืองสงขลาส่งพระยาไชยานอกราชการยกทัพจากเมืองสงขลาจำนวน 800 คน เข้าสู้รบกับทัพของตนกูทาอิบ ตนกูทาอิบถอยไปอยู่ที่สะเดา[6] ในขณะที่พระยาไชยานอกราชการคอยตั้งรับอยู่ที่บ้านปริก ตนกูทาอิบส่งทัพแยกย้ายกระจายไปตั้งตามที่ต่าง ๆ ได้แก่ ปังลิมาโปปและปังลิมามระ ตั้งอยู่ที่บ้านสะเดา จำนวน 1,000 คน โต๊ปดังตั้งที่ยางงาม 300 คน โต๊ะนุเระอยู่ที่ตะพานสูง 400 คน ปังลิมาที่สบาเพน 300 คน ตนกูยิหวาตั้งที่ทุ่งบ้านโพธิ์ 1,000 คน

ข่าวการกบฏของไทรบุรีไปถึงกรุงเทพฯในเดือนกันยายนพ.ศ. 2381 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครฯ (น้อย) และพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) รีบเดินทางลงมาเพื่อป้องกันเมืองของตน รวมทั้งมีพระราชโองการให้เกณฑ์ไพร่พลจากเมืองชุมพร เมืองไชยา และเมืองปะทิว เพื่อนำไปสู้รบกับฝ่าบกบฏอีกด้วย พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) เดินทางถึงเมืองสงขลาในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2381 ยกทัพจากเมืองสงขลาประกอบไปด้วยคนไทยและคนจีนออกไปพร้อมกับพระยายะหริ่ง (พ่าย) เจ้าเมืองยะหริ่ง และพระยาสาย (ต่วนหนิดะ) เจ้าเมืองสาย ไปตั้งอยู่ที่หาดใหญ่ พระยาสงขลาส่งพระยายะหริ่ง (พ่าย) และพระยาสาย (ต่วนหนิดะ) ยกทัพสยามเข้าโจมตีทัพของตนกูทาอิบที่สะเดาแตกพ่ายและถอยร่นไปอยู่ที่ทุ่งโพธิ์ฝั่งไทรบุรี พระยายะหริ่งและพระยาสายยกทัพติดตามตนกูทาอิบไปที่ทุ่งโพธิ์แต่ฝ่ายมลายูวกโจมตีด้านหลังตัดเส้นทางเสบียง พระยายะหริ่งและพระยาสายจึงถอยกลับมาอยู่ที่คลองหินเหล็กไฟ ตนกูทาอิบยกทัพติดตามกลับมาโจมตีทัพของฝ่ายสยามที่คลองหินเหล็กไฟ พระยายะหริ่งและพระยาสายแบ่งทัพกระจายออกไปตั้งรับที่เขาลูกช้าง (ปัจจุบันคือเขารูปช้าง) เขาเก้าเส้ง และที่คลองสำโรง คุมเชิงกันอยู่

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2381 ตนกูทาอิบได้แบ่งทัพ 300 คน นำโดยตนกูมูฮาหมัดยิหวาไปทางตะวันออกเข้าโจมตีเมืองจะนะ ในเวลานั้นเจ้าเมืองจะนะคือพระยาจะนะ (บัวแก้ว) ไม่อยู่ไปราชการที่สงขลา ปลัดเมืองจะนะเป็นผู้รักษาป้องกันเมือง ฝ่ายไทรบุรีสามารถเข้ายึดเมืองจะนะได้และเผาทำลายเมือง จากนั้นจึงยกไปตั้งอยู่ที่บ้านนาเกลี้ยกล่อมเมืองเทพาและหนองจิกให้เข้าร่วมการกบฏ เมืองหนองจิกจึงเข้าร่วมกับฝ่ายกบฏ[6] ตนกูยิหวายกทัพต่อเข้าโจมตีเมืองปัตตานี พระยาระแงะ (ตุวันบอซู) และพระพิทักษ์ธานีเมืองสายสามารถป้องกันเมืองปัตตานีไว้ได้ ตนกูยิหวาถอยร่นออกไป ในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2382 พระยาสงขลาส่งหลวงไชยสุรินทร์ยกทัพ 500 คน ไปโจมตีทัพฝ่ายมลายูของตนกูยิหวาที่บ้านนา ตนกูยิหวาเอาชนะหลวงไชยสุรินทร์ได้ หลวงไชยสุรินทร์จึงถอยกลับมาตั้งอยู่ที่ปลักแรด (ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ) ตนกูยิหวายกทัพติดตามมาสู้รบที่ปลักแรด พระยาสงขลาให้กำลังเสริมแก่หลวงไชยสุรินทร์ที่ปลักแรด 500 คน หลวงไชยสุรินทร์จึงต้านทานตนกูยิหวาได้ คุมเชิงกันอยู่อีกเช่นกัน

ในเดือนกุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริ[6]ว่าสถานการณ์ทางเมืองสงขลาและปัตตานีไม่สู้ดี จึงมีพระราชโองการให้พระวิชิตณรงค์และพระราชวรินทร์นำทัพเรือจำนวน 700 คน ยกลงไปช่วยเมืองสงขลา พระวิชิตณรงค์โดยสารเรือกำปั่นแกล้วกลางสมุทรและพระราชวรินทร์ลงเรือกำปั่นอีกลำหนึ่งยกทัพไปจากกรุงเทพฯในเดือนกุมภาพันธ์ และในเดือนมีนาคม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค) และเจ้าพระยายมราช (บุนนาค) ยกทัพเรือออกไปช่วยปราบกบฏทางใต้อีกทัพหนึ่ง

สยามยึดไทรบุรีคืน

เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เดินทางถึงเมืองนครศรีธรรมราชในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2382 ประสบกับปัญหาขาดแคลนกำลังพล ไพร่พลที่จะเกณฑ์มาจาก ชุมพร ไชยา และปะทิว ยังไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อย ใช้เวลารวบรวมไพร่พลจากนครศรีธรรมราชและพัทลุงและส่งคนไปซื้อเรือรบจากสิงคโปร์ รวมทั้งส่งพระยาวิชิตภักดีเจ้าเมืองไชยานำทัพไปตั้งที่เมืองพังงาเพื่อคอยสังเกตการณ์ทางภูเก็ต จนกระทั่งในเดือนมีนาคม เจ้าพระยานครฯ (น้อย) ซึ่งล้มป่วยมาตั้งแต่กรุงเทพฯต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่นครศรีธรรมราชไม่สามารถนำทัพเองได้ จึงมอบหมายให้บุตรชายทั้งสามคือพระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) เจ้าเมืองไทรบุรี พระเสนานุชิต (นุช) ปลัดเมืองไทรบุรี และพระวิชิตสรไกร (กล่อม) นำทัพเมืองนครศรีธรรมราชและพัทลุงจำนวน 3,995 คน[6] ยกลงไปทางใต้พบกับทัพของตนกูมูฮาหมัดซาอัดที่สะเดา ฝ่ายตนกูซาอัดมีกองกำลังเพียง 500 คนจึงแตกพ่ายหนีไป โดยที่ตนกูซาอัดเหลือกองกำลังติดตามตัวเพียง 50 คนเท่านั้นและถอยไปตั้งรับที่กูปังบาซู พระยาอภัยธิเบศร์ พระเสนานุชิต และพระวิชิตสรไกร ยกทัพฝ่ายสยามเข้าโจมตีเมืองกูปังบาซู และสามารถเข้ายึดเมืองกูปังบาซูได้สำเร็จ ฝ่ายตนกูซาอัดเมื่อเสียเมืองกูปังบาซูแล้วจึงถอยไปอยู่ที่ตะพานช้างและมีคำสั่งให้ตนกูมูฮาหมัดทาอิบและตนกูมูฮาหมัดยิหวาถอนกำลังถอยออกจากสงขลามาช่วยต้านทัพของนครศรีธรรมราช

ในเดือนมีนาคม พระยาสงขลาให้นำปืนใหญ่จ่ารงค์ขึ้นไปไว้บนเขาลูกช้าง ระดมยิงใส่ค่ายทหารต่าง ๆ ของตนกูมูฮาหมัดทาอิบ ถูกหอรบพังทลายลงห้าหอและถูกชาวมลายูเสียชีวิตจำนวนมาก พระยายะหริ่ง (พ่าย) พระยาสาย (ต่วนหนิดะ) และหลวงไชยสุรินทร์ ยกทัพเข้าโจมตีค่ายต่าง ๆ ของฝ่ายไทรบุรีจนแตกพ่ายไป เมื่อทัพเรือของพระวิชิตณรงค์และพระราชวรินทร์มาถึงเมืองสงขลาในเดือนมีนาคมพบว่าทางทัพของฝ่ายไทรบุรีได้ถอยไปจากสงขลาแล้ว

ทัพนครศรีธรรมราชเข้าโจมตีค่ายตะพานช้างทางเหนือของเมืองอาโลร์เซอตาร์ ตนกูอับดุลเลาะฮ์และตนกูมูฮาหมัดทาอิบไม่สามารถป้องกันค่ายได้แตกพ่ายไป ทัพนครศรีธรรมราชเข้ายึดเมืองอาโลร์เซอตาร์ เมืองหลวงของไทรบุรีได้ในเดือนมีนาคมนั้น การกบฏจึงสิ้นสุดลง

ผลลัพธ์

หลังจากที่ฝ่ายสยามเข้ายึดเมืองอาโลร์เซอตาร์และรัฐไทรบุรีคืนได้แล้ว บรรดาผู้นำการกบฏในครั้งนี้ต่างหลบหนีไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตนกูมูฮาหมัดซาอัดหลบหนีไปยังเซอเบอรังเปอไรหรือโปร์วินซ์เวลส์เลย์ซึ่งเป็นเขตแดนของอังกฤษ หวันมาลีหลบหนีไปยังเกาะลังกาวี และหลบหนีต่อไปยังหมู่เกาะมะริด จากนั้นไม่ปรากฏตัวอีกเลย[2] ตนกูอับดุลเลาะฮ์หลบหนีไปยังเกาะปีนังและมอบตัวให้แก่ทางการอังกฤษ ตนกูมูฮาหมัดทาอิบหลบหนีไปยังเมืองมะละกา ใน พ.ศ. 2383 ตนกูมูฮาหมัดซาอัดถูกทางการอังกฤษจับกุมในข้อหาโจรสลัด[8] แม้ว่าทางการอังกฤษตัดสินให้ตนกูมูฮาหมัดซาอัดพ้นข้อกล่าวหาแต่ก็ถูกบังคับให้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ยังเมืองกัลกัตตาของบริติชอินเดีย (ในเวลาต่อมาตนกูซาอัดได้รับอนุญาตให้กลับมาอาศัยอยู่ที่เกาะปีนัง)

ทัพเรือของพระวิชิตณรงค์และทัพเรือของพระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) มาถึงเมืองสงขลาหลังจากที่การกบฏจบสิ้นลงแล้ว แต่จะมีบทบาทในเหตุการณ์สงครามกลางเมืองกลันตันซึ่งเกิดขึ้นต่อมาในปีพ.ศ. 2382

เจ้าพระยานครฯ (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรมที่นครศรีธรรมราชในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2382 เมื่อเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต บุนนาค) เข้ามาเป็นผู้จัดการปกครองของหัวเมืองมลายูเสียใหม่ โดยแต่งตั้งให้ผู้ที่ได้รับความนับถือในหมู่ชาวมลายู[6]ขึ้นเป็นเจ้าเมืองต่าง ๆ แทนที่จะให้ฝ่ายสยามเข้าปกครองโดยตรงดังเช่นที่เป็นในยุคสมัยของเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ตนกูอาหนุ่ม (Tunku Anom) ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์ของอดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันขึ้นเป็นเจ้าเมืองไทรบุรี รัฐไทรบุรีถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนได้แก่สตูล ปะลิส กูปังบาซู และไทรบุรีเดิม ถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแก่กรุงเทพฯ ต่อมาใน พ.ศ. 2384 อดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันส่งตนกูอับดุลเลาะฮ์หรือตนกูดาอี (Tunku Daik) ผู้เป็นบุตรชายคนโตมายังกรุงเทพฯ เพื่อเจรจาขอให้อดีตสุลต่านฯ กลับมาครองรัฐไทรบุรีดังเดิม หลังจากที่หลบหนีออกจากเมืองไทรบุรีเป็นเวลาประมาณยี่สิบปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้อดีตสุลต่านตวนกูปะแงหรันหวนคืนสู่ตำแหน่งเจ้าเมืองไทรบุรีอีกครั้งในที่สุดใน พ.ศ. 2385 เป็นเจ้าประเทศราชถวายบรรณาการแก่กรุงเทพฯดังเดิม

อ้างอิง

  1. สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Maziar Mozaffari Falarti (2013). Malay Kingship in Kedah: Religion, Trade, and Society. Rowman & Littlefield.
  3. Wynne, Mervyn Llewelyn (2000). Triad Societies: Western Accounts of the History, Sociology and Linguistics of Chinese Secret Societies. Taylor & Francis.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 Stearn, Duncan. Slices of Thai History: From the curious & controversial to the heroic & hardy. Proglen Trading Co
  5. continued from the previous page.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 6.6 6.7 กรมศิลปากร. จดหมายหลวงอุดมสมบัติ. พุทธศักราช ๒๕๓๐.
  7. siamsouth from the previous page.[ลิงก์เสีย]
  8. Naval War College (U.S.). (1988). International Law Studies. U.S. Government Printing Office.

Read other articles:

Chevrolet Orlando 4x4InformasiProdusenGM Korea (General Motors)Masa produksi2010–sekarang[1]PerakitanKunsan, Korea SelatanHanoi, Vietnam (GM Vietnam)Kaliningrad, Rusia (Avtotor)Bodi & rangkaKelasMPV kompak/SUV kompakBentuk kerangkaminivan/SUV 4 pintuTata letakMesin depan, penggerak roda depan/penggerak 4 rodaPlatformPlatform Delta II GMMobil terkaitOpel Astra (J)Opel AmperaOpel Zafira (C)Chevrolet VoltChevrolet CruzeBuick VeranoBuick Excelle XTPenyalur dayaMesin1.8L Ecotec ...

 

Estonia-related events during 2022 ← 2021 2020 2019 2022 in Estonia → 2023 2024 2025 Decades: 2000s 2010s 2020s See also: Other events of 2022 Timeline of Estonian history Events in the year 2022 in Estonia. Incumbents President: Alar Karis Prime Minister: Kaja Kallas Events Ongoing — COVID-19 pandemic in Estonia 18 February – Estonia delivers a shipment of U.S.-made FGM-148 Javelin anti-tank missiles to Ukraine.[1] 26 February – Estonia announces that it will close ...

 

El concepto de guerra informática, guerra digital, guerra cibernética o ciberguerra –en inglés: cyberwarfare– hace referencia al desplazamiento de un conflicto, que toma el ciberespacio y las tecnologías de comunicación e información como campo de operaciones. Richard Clarke, especialista en seguridad del gobierno estadounidense, define la guerra cibernética como el conjunto de acciones llevadas por un Estado para penetrar en los ordenadores o en las redes de otro país, con la fin...

São João do Estoril Estação Ferroviária de São João do Estorila estação de São João do Estoril, em 2018 Identificação: 69237 SJE (S. João Est)[1] Denominação: Apeadeiro de São João do Estoril Administração: Infraestruturas de Portugal (até 2020: centro;[2] após 2020: sul)[3] Classificação: A (apeadeiro)[1] Tipologia: B [2] Linha(s): Linha de Cascais (PK 22+517) Altitude: 10 m (a.n.m) Coordenadas: 38°42′4.93″N × 9°23′9.99″W (=+38.70137;

 

Bilateral relationsBrazilian–American relations Brazil United States Diplomatic missionEmbassy of Brazil, Washington, D.C.Embassy of the United States, BrasíliaEnvoyBrazilian Ambassador to the United States Nestor ForsterAmerican Ambassador to Brazil Todd C. Chapman U.S. President Joe Biden (left) meets Brazilian President Luiz Inácio Lula da Silva at Washington, D.C. in February 2023. The United States was, in 1824, the second country to recognize the independence of Brazil, after Argent...

 

{{{الاسم}}}   بيانات المراقبة الكوكبة الحواء[1]  البعد () القدر الظاهري (V) 8.55 ،  و7.39 ،  و2.72 [2]  سرعة شعاعية -70.0 كيلومتر في الثانية[3]  معدنية (فلك) -1.18 [4][5]،  و-1.60 [5]،  و-1.30 [5]،  و-1.50 [5]،  و-0.99 [6]  القدر المطلق(H) -9.18 [4] ...

جزء من سلسلة مقالات حولاقتصاد تاريخأفرع تاريخ الاقتصاد مدارس الاقتصاد اقتصاد سائد اقتصاد بدعي المنهجية الاقتصادية اقتصاد سياسي الاقتصاد الجزئي الاقتصاد الكلي اقتصاد دولي اقتصاد تطبيقي اقتصاد رياضي اقتصاد قياسي المفاهيمالنظريةالتقنيات الأنظمة الاقتصادية النمو الاقتص...

 

2011 South Korean television series The MusicalPromotional posterGenreMusical Romance DramaWritten byKim Hee-jaeDirected byKim Kyung-yongStarringKoo Hye-sun Choi Daniel Park Ki-woong Ock Joo-hyunCountry of originSouth KoreaOriginal languageKoreanNo. of episodes15ProductionProduction locationsSouth Korea, New York CityRunning timeFridays at 21:55Production companiesFilm BookDVS KoreaOriginal releaseNetworkSeoul Broadcasting SystemRelease2 September (2011-09-02) –23 December 2011...

 

This article needs additional citations for verification. Please help improve this article by adding citations to reliable sources. Unsourced material may be challenged and removed.Find sources: Hybrid Universe – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (April 2019) (Learn how and when to remove this template message) 2006 studio album by Nana MizukiHybrid UniverseStudio album by Nana MizukiReleased 3 May 2006GenreJ-popLength66:45LabelKing R...

Passport of the Republic of Djibouti issued to Djiboutian citizens Djiboutian passportFront cover of a contemporary Djiboutian biometric passport introduced in 2020.TypePassportIssued by DjiboutiPurposeIdentificationEligibilityDjiboutian nationals The Djiboutian passport is issued to citizens of Djibouti for international travel. The document is a biometric machine-readable passport with a blue cover with the text République de Djibouti above the coat of arms, and the text passport belo...

 

Shimanto redirects here. For other uses, see Shimanto (disambiguation). This article is about the city in Takaoka District in Kōchi Prefecture, Japan. For the town in the same prefecture with the same name, see Shimanto, Kōchi (town). City in Shikoku, JapanShimanto 四万十市CityShimanto River FlagEmblemLocation of Shimanto in Kōchi PrefectureShimantoLocation in JapanCoordinates: 33°0′N 132°56′E / 33.000°N 132.933°E / 33.000; 132.933CountryJapanRegionShiko...

 

Canadian actor, writer, and director Gregory SmithSmith at the 2012 Toronto International Film FestivalBornGregory Edward Smith (1983-07-06) July 6, 1983 (age 40)[1]Toronto, Ontario, CanadaCitizenship Canadian American Occupation(s)Actor, director, writerYears active1991–presentSpouse Taylor McKay ​(m. 2018)​Children2[2]RelativesDouglas Smith (brother) Gregory Edward Smith (born July 6, 1983) is a Canadian actor, writer, and director. S...

Indian athletics competitor This article relies largely or entirely on a single source. Relevant discussion may be found on the talk page. Please help improve this article by introducing citations to additional sources.Find sources: Mehar Chand Dhawan – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (September 2022) Mehar Chand DhawanDhawan at the 1932 OlympicsPersonal informationBorn3 June 1912Shimla, IndiaSportSportAthleticsEvent(s)Triple jump, 100 mAch...

 

Net.wars Book coverAuthorWendy M. GrossmanCountryUnited StatesLanguageEnglishSubjectInternetGenreNon-fictionPublisherNYU PressPublication date1997Media typeHardbackPages256ISBN0-8147-3103-1Followed byFrom Anarchy to Power The Net Comes of Age  Net.wars is a non-fiction book by journalist Wendy M. Grossman about conflict and controversy among stakeholders on the Internet. It was published by NYU Press in 1997, and was simultaneously made available free as an online version. The ...

 

Posthumous Poems Title pageAuthorPercy Bysshe ShelleyGenrePoetryPublishedLondon: C. H. Reynell for John and Henry L. Hunt, 1824 Posthumous Poems is a collection of poems by Percy Bysshe Shelley, with a preface by his widow Mary Shelley, which was published in 1824.[1] Publication Ruth S. Granniss makes the following statement about the circumstances of the publication: It was with difficulty that a publisher was found for the book, the sale of two hundred and fifty copies being guaran...

Pimpin' All Over the World Сингл Ludacris з альбому The Red Light DistrictВипущений 16 травня 2005Формат CD, LPЖанр Хіп-хопТривалість 5:29Лейбл Disturbing tha PeaceDef Jam SouthПродюсер Polow da Don, Donnie ScantzХронологія синглів Ludacris Попередній The Potion(2005) Georgia(2005) Наступний Музичне відео «Pimpin' All Over the World» на YouTube «Pimpin' All Over th...

 

The topic of this article may not meet Wikipedia's notability guidelines for companies and organizations. Please help to demonstrate the notability of the topic by citing reliable secondary sources that are independent of the topic and provide significant coverage of it beyond a mere trivial mention. If notability cannot be shown, the article is likely to be merged, redirected, or deleted.Find sources: Real Story Group – news · newspapers · books · scholar&#...

 

2021 offensive as part of the Tigray War in EthiopiaThis article relies too heavily on Twitter. Relevant discussion may be found on the talk page. Please help improve this article by introducing citations to additional sources.Find sources: ENDF National Unity Offensive – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (November 2023)ENDF National Unity OffensivePart of Tigray WarDate26 November – 23 December 2021(1 month and 2 days)LocationEth...

Peta menunjukan lokasi Laurel Data sensus penduduk di Laurel Tahun Populasi Persentase 199523.781—200027.6043.25%200734.9533.31% Laurel adalah munisipalitas yang terletak di provinsi Batangas, Filipina. Pada tahun 2007, wilayah ini memiliki jumlah penduduk sebesar 34.953 jiwa atau 5.153 rumah tangga. Pembagian wilayah Laurel terbagi menjadi 23 barangay, yaitu: As-Is Balakilong Berinayan Bugaan East Bugaan West Buso-buso Dayap Itaas Gulod Leviste Molinete Niyugan Paliparan Barangay 1 (Pob.) ...

 

静岡県道405号足高三枚橋線(しずおかけんどう405ごう あしたかさんまいばしせん)は、静岡県沼津市、および静岡県駿東郡長泉町にある道路(県道)である。 概要 路線データ 本線 起点:沼津市足高 終点:沼津市三枚橋(杉崎町交差点)[1] 総延長:5.9km[1] 主な交差点: 杉崎町交差点:国道414号との交点。 共栄町交差点:国道1号沼津バイパス交点。 宮下...

 

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!