ภาษาชอง
ภาษาชอง (ชอง: พะซา ช์อง ) เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก สาขามอญ-เขมร สาขาย่อยปอร์ตะวันตก[ 3] ใช้พูดกันในหมู่ชาวชอง ในจังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และจังหวัดระยอง (ในอดีตมีในจังหวัดฉะเชิงเทรา เรียกว่า ภาษาป่า )[ 4] ในปัจจุบันภาษาชองเป็นจุดสนใจของโครงการฟื้นฟูภาษาโครงการหนึ่งในประเทศไทย [ 5]
ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของภาษาชองคือการจำแนกความต่างระหว่างลักษณะน้ำเสียง 4 ลักษณะ ระบบไวยากรณ์ยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง ภาษาชองเป็นภาษาที่ไม่มีตัวเขียนจนกระทั่ง พ.ศ. 2543 เมื่อเจ้าของภาษาได้ร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล สร้างระบบการเขียน ภาษาชองด้วยอักษรไทย หลังจากนั้นจึงมีการจัดทำสื่อการเรียนการสอนเป็นภาษาชองขึ้น
ในขณะที่ภาษาชองในประเทศไทยได้รับการศึกษาเรื่อยมา แต่ภาษาชองในประเทศกัมพูชา ยังไม่ได้รับการค้นคว้าวิจัยมากนัก เดวิด แบรดลีย์ นักภาษาศาสตร์ชาวอเมริกัน รายงานว่าไม่มีผู้พูดภาษานี้เหลืออยู่แล้วในประเทศกัมพูชา[ 1]
การจำแนก
ภาษาจำนวนหนึ่งในกลุ่มภาษาปอร์ ถูกเรียกว่า "ภาษาชอง" แต่ทั้งหมดไม่ได้ประกอบกันเป็นภาษาเดียว ภาษาชองแท้ประกอบด้วยวิธภาษา ส่วนใหญ่ที่พอล ซิดเวลล์ จัดอยู่ในกลุ่ม "ชองตะวันตก" ซึ่งรวมถึงภาษาถิ่นภาษาหลักในจังหวัดจันทบุรี (ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของอำเภอเขาคิชฌกูฏ และทางด้านตะวันตกของอำเภอโป่งน้ำร้อน )[ 6] วิธภาษาในกลุ่มดังกล่าวเป็นคนละกลุ่มกับวิธภาษาที่เรียกว่า "กะซอง " หรือ "ชองจังหวัดตราด " ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม "ชองกลาง" ร่วมกับภาษาซำเร ในทำนองเดียวกัน บรรดาภาษาและวิธภาษาที่เรียกว่า "ชอุง" หรือ "สโอจ" ในจังหวัดกาญจนบุรี และในประเทศกัมพูชา เป็นภาษาย่อยของภาษาเดียวกันคือภาษาชอุง และจัดอยู่ในกลุ่ม "ชองใต้" ร่วมกับภาษาซูโอย
ภาษาหรือวิธภาษาในกลุ่มภาษาชองตะวันตก (ชองแท้) ตามการจำแนกของซิดเวลล์มีดังนี้[ 7]
ชองจันทบุรี (Baradat ms.)
(สาขา)
ชองเฮิบ (Martin, 1974)
ชองคลองพลู (Siripen Ungsitibonporn, 2001)
(สาขา)
ชองลอ (Martin, 1974)
ชองวังกระแพร (Siripen Ungsitibonporn, 2001)
ชอง (Huffman, 1983)
มารี อา. มาร์แต็ง ได้แบ่งภาษาชอง (ในจังหวัดจันทบุรี) ออกเป็น 2 ภาษาถิ่นตามคำลงท้ายประโยค โดยเรียกภาษาชองที่พูดในอำเภอเขาคิชฌกูฏว่า ชองลอ และเรียกภาษาชองที่พูดในอำเภอโป่งน้ำร้อนว่า ชองเฮิบ [ 8] ต่อมาอิสระ ชูศรี ได้ศึกษาภูมิศาสตร์ภาษาถิ่นของภาษาชองในจังหวัดจันทบุรีแล้วเสนอให้แบ่งภาษาชองออกเป็น 3 ภาษาถิ่นตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ดังนี้[ 6]
ภาษาชองถิ่นเหนือ อยู่บริเวณบ้านคลองพลู บ้านน้ำขุ่น ตำบลคลองพลู และบ้านตะเคียนทอง บ้านชำเคราะห์ ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ เป็นภาษาถิ่นที่มีจำนวนผู้พูดมากที่สุดและเป็นส่วนหนึ่งของภาษาชองถิ่นตะวันตกหรือ ชองลอ ตามการแบ่งของมาร์แต็ง
ภาษาชองถิ่นใต้ อยู่บริเวณบ้านพังคะแลง บ้านทุ่งตาอิน บ้านกระทิง ตำบลพลวง และบ้านทุ่งสะพาน ตำบลชากไทย อำเภอเขาคิชฌกูฏ เป็นส่วนหนึ่งของภาษาชองถิ่นตะวันตกหรือ ชองลอ ตามการแบ่งของมาร์แต็ง
ภาษาชองถิ่นตะวันออก อยู่บริเวณบ้านวังกระแพร ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน ในปัจจุบันมีผู้พูดอยู่เพียงจำนวนน้อยและส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ภาษาถิ่นนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ชองเฮิบ ตามการแบ่งของมาร์แต็ง
จากการสัมภาษณ์ผู้พูดภาษาถิ่นเหนือและผู้พูดภาษาถิ่นใต้ของอิสระ ชูศรี ทำให้ทราบว่าผู้พูดภาษาถิ่นทั้งสองสามารถเข้าใจภาษาของอีกฝ่ายได้ดีแม้จะมีความแตกต่างด้านการออกเสียงและด้านวงศัพท์อยู่บ้าง แต่พวกเขาไม่ทราบเกี่ยวกับภาษาถิ่นตะวันออก (ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเขาสอยดาว) มากนัก[ 9]
สัทวิทยา
พยัญชนะ
หน่วยเสียงที่อยู่ในวงเล็บคือหน่วยเสียงที่ปรากฏในคำยืมจากภาษาไทย
หน่วยเสียงที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้น และพยัญชนะท้าย มี 12 หน่วยเสียง ได้แก่ /m/ , /n/ , /ɲ/ , /ŋ/ , /p/ , /t/ , /c/ , /k/ , /ʔ/ , /h/ , /w/ และ /j/
หน่วยเสียงพยัญชนะต้นควบในภาษาชองถิ่นตะเคียนทองและคลองพลูมี 12 หน่วยเสียง ได้แก่ /mr/ , /ml/ , /pr/ , /pl/ , /pʰr/ , /pʰl/ , /kr/ , /kl/ , /kw/ , /kʰr/ , /kʰl/ และ /kʰw/ ทั้งนี้ ในภาษาชองถิ่นวังกระแพรออกเสียง /kʰw/ เป็น [f]
สระ
สระเดี่ยว
หน่วยเสียงสระเดี่ยวภาษาชองถิ่นตะเคียนทองและคลองพลู จังหวัดจันทบุรี [ 11]
ระดับลิ้น
ตำแหน่งลิ้น
หน้า
กลาง
หลัง
สูง
i, iː
ɨ, ɨː
u, uː
กลาง
e, eː
ə, əː
o, oː
ต่ำ
ɛ, ɛː
a, aː
ɔ, ɔː
สระประสม
ภาษาชองถิ่นตะเคียนทองและคลองพลูมีหน่วยเสียงสระประสม 3 หน่วยเสียง ได้แก่ /iə/ , /ɨə/ และ /uə/ สองหน่วยเสียงแรกปรากฏเฉพาะในคำยืมจากภาษาไทย[ 11]
ลักษณะน้ำเสียง
ภาษาชองถิ่นตะเคียนทองและคลองพลูมีลักษณะน้ำเสียง 4 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะน้ำเสียงปกติ (เสียงกลางปกติ) [V] , ลักษณะน้ำเสียงก้องมีลม (เสียงต่ำใหญ่) [V̤̀] , ลักษณะน้ำเสียงปกติตามด้วยการกักของเส้นเสียง (เสียงสูงบีบ) [V̂ˀ] และลักษณะน้ำเสียงก้องมีลมตามด้วยการกักของเส้นเสียง (เสียงต่ำกระตุก) [V̤̀ˀ] [ 12]
ระบบการเขียน
เดิมทีภาษาชองไม่มีตัวอักษรสำหรับเขียน เนื่องจากเป็นภาษาที่ใช้พูดเท่านั้น ต่อมาเฉิน ผันผาย อดีตกำนันตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ที่มีความพยายามในการรักษาอัตลักษณ์ชอง ได้คิดค้นระบบการเขียนใหม่ โดยศึกษาจากอักษรไทย อักษรมอญ อักษรเขมร และอักษรโรมัน และได้รับคำแนะนำจากนักภาษาศาสตร์แคนาดาที่ออกแบบอักษรให้ใช้งานง่าย มีระบบการเขียนบรรทัดเดียวแบบภาษาอังกฤษ ไม่มีสระและวรรณยุกต์อยู่เหนือหรือใต้บรรทัด และมีความพยายามที่จะทำเป็นชุดแบบอักษร ใน พ.ศ. 2553 มีผู้สามารถใช้อักษรนี้ได้ระดับคล่องแคล่ว 20 คน[ 13] [ 2]
ตัวเขียนภาษาชองอักษรไทยตามที่คณะกรรมการจัดทำระบบเขียนภาษาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยอักษรไทยแห่งราชบัณฑิตยสถาน (ปัจจุบันคือสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ) ได้กำหนดไว้ มีดังนี้
พยัญชนะ
อักษรไทย
เสียง
ตัวอย่างคำ
ความหมาย
ก
/k/
ชกู้ บ
กบ
เกื อก
รองเท้า
ค
/kʰ/
ค้ อน
หนู
ง
/ŋ/
งั่ ว
วัว
ปาง
ดอกไม้
จ
/c/
เจ้ ด
กวาง
กะมูจ
ตะไคร้
ช
/cʰ/
ช อ
หมา
ซ
/s/
ซี
งู
ญ
/ɲ/
ญ้ าม
นิ้ว
คะนัญ
แห
ด
/d/
ดู ง
มะพร้าว
/t/ (เมื่อเป็นพยัญชนะท้าย)
กะมาด
แรด
ต
/t/ (เมื่อเป็นพยัญชนะต้น)
ตุ ง
ไข่
ท
/tʰ/
ท้ าม
ปู
น
/n/
น่ อง
ภูเขา
คี์น
น้ำเต้า
บ
/b/
บู ย
หลังคา
/p/ (เมื่อเป็นพยัญชนะท้าย)
กรึบ
มะเขือเปราะ
ป
/p/ (เมื่อเป็นพยัญชนะต้น)
กะป าว
ควาย
พ
/pʰ/
โพ่ น
กลอง
ฟ
/f/
ฟู ง
ฝูง (ลักษณนาม)
ม
/m/
เม์ ว
ปลา
ม ะง่าม
ผึ้ง
ย
/j/
กะย าง
เต่า
โม์ย
หนึ่ง
ร
/r/
ร่ อง
ตะขาบ
ล
/l/
แล ก
ไก่
ว
/w/
ว า
ลิง
เพล่ว
ไฟ
อ
/ʔ/ (เมื่อเป็นพยัญชนะต้น)
อู ด
ท่อนไม้
ฮ
/h/
ฮ าย
ต้นข้าว, ข้าวเปลือก
กะทุฮ
ข้าวตอก
ไม่มีรูป
/ʔ/ (เมื่อเป็นพยัญชนะท้าย)
เคละ
อาย
สระ
อักษรไทย
เสียง
ตัวอย่างคำ
ความหมาย
–ะ
/a/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ )
กะละ
ใบไม้
/ə/ (เมื่ออยู่ในพยางค์ที่ไม่เน้นหนัก)
กะ วาญ
กระวาน
–ั
/a/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายที่ไม่ใช่/ʔ/ , /m/ , /j/ , /w/ )
ฮั จ
กระโดด
พั่ ฮ
แห้ง
–า
/aː/
กะตา
เป็ด
ง์า ย
ไกล
–ิ
/i/
มั่ดตะงิ
พระอาทิตย์
พิ่จ
นอน
–ี
/iː/
พรี่
ป่า
ปี ง
สุก
–ึ
/ɨ/
กึ ย
อยู่
ชึ่ มคึ น
ผู้หญิง
–ือ
/ɨː/ (เมื่อเป็นพยางค์เปิด)
กะพื่อ
มะเฟือง
–ื
/ɨː/ (เมื่อเป็นพยางค์ปิด)
ทื่ ด
ขี่
–ุ
/u/
กะชุ่
กระชุ
กะมรุ่ ย
ลิ่น
–ู
/uː/
กะพู่
อ้อย
คู้ ย
พังพอน
เ–ะ
/e/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ )
เ ละ
หมวกคล้ายงอบ
เ–็
/e/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น และไม่มีเครื่องหมายลักษณะน้ำเสียง)
เล็ ง
เล็ง
เอ็ น
เส้นเอ็น
เ–
/e/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น และมีเครื่องหมายลักษณะน้ำเสียง)
เ ญ่ญ
โคลงเคลง
เ ล้จ
นิดหน่อย
/eː/
เ ปล
เปล
เ ตว
ขวา
แ–ะ
/ɛ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ )
แ พ่ะ
แพะ
แ–็
/ɛ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น และไม่มีเครื่องหมายลักษณะน้ำเสียง)
กะแท็ ฮ
ฟ้าผ่า
แป็ น
เป็น
แ–
/ɛ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น และมีเครื่องหมายลักษณะน้ำเสียง)
กะแท่ฮ
เกวียน
แ ซ้จ
หนาว
/ɛː/
แ ซ
นา
กะแ มล่ง
บ่า
โ–ะ
/o/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ )
คะโ มะ
ก้อนหิน
โ–ะ (ลดรูป)
/o/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น)
กะท่ง
กระต่าย
โ–
/oː/
กะโ ค
ครก
โ พล้ม
ขี้ผึ้ง (จากรังผึ้ง)
เ–าะ
/ɔ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ )
เ ง่าะ
เงาะ
–็อ
/ɔ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น และไม่มีเครื่องหมายลักษณะน้ำเสียง)
ต็อ ง
บ้าน
ท็อ ม
ลุง
–อ
/ɔ/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น และมีเครื่องหมายลักษณะน้ำเสียง)
คะม้อ ก
ไอ
ม่อ ง
กับ, ด้วย
/ɔː/
กะค่อ
จระเข้
พรอ ก
กระรอก
เ–อะ
/ə/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายเป็น /ʔ/ )
เ ล่อะ
เลอะ, สกปรก
เ–อ
/əː/ (เมื่อเป็นพยางค์เปิด)
กะเ ช่อ
กระบุงแต่งงาน
เ–ิ
/ə/ (เมื่อมีพยัญชนะท้ายอื่น)
กะเทิ่ น
น่อง
/əː/ (เมื่อเป็นพยางค์ปิด)
เยิ่ ง
สูง
เ–ีย
/ia/
ซุกเปีย
ผมเปีย
เ–ือ
/ɨə/
เกือ ก
รองเท้า
–ัว
/uə/ (เมื่อไม่มีพยัญชนะท้าย)
บัว
บัว
–ว–
/uə/ (เมื่อมีพยัญชนะท้าย)
ฮว จ
ผิวปาก
–ำ
/am/
กำ ตี
กำมือ
ไ–
/aj/
ไ ฮ
ไห
เ–า
/aw/
เ อา
เสื้อ
ลักษณะน้ำเสียง
อักษรไทย
ลักษณะ น้ำเสียง
ตัวอย่างคำ
ความหมาย
ไม่มีรูป
กลางปกติ
กะตาก
ถั่ว
ซาบ
จืด
ซูจ
เซ่น
–่
ต่ำใหญ่
กะล่ าง
หู
ช่ ก
ชก
ลุ่ ย
แหลม
–้
สูงบีบ
กะต้ าก
ลิ้น
ซ้ าบ
สว่าง
ซู้ จ
มด
–์
ต่ำกระตุก
กะล์ าง
ทราย
ช์ ก
หมู
ลุ์ ย
ไส้เดือน
สถานการณ์ในปัจจุบัน
ปัจจุบันภาษาชองอยู่ภาวะวิกฤตใกล้สูญ คนเฒ่าคนแก่เสียดายที่ภาษาชองจะสูญหายไป โดยปัจจุบันมีชาวชองอยู่อาศัยถิ่นฐานเดิมบริเวณตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฏ (แต่แหล่งที่พูดกันมากที่สุดอยู่ที่ตำบลตะเคียนทอง) จังหวัดจันทบุรี ประมาณ 6,000 คน แต่ที่พูดได้มีเพียงประมาณ 500 คน โดยส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ส่วนวัยรุ่นชาวชองนั้นอายที่จะพูดภาษาดั้งเดิมประจำชาติพันธุ์ของตน
ขณะนี้มหาวิทยาลัยมหิดล พยายามจะฟื้นฟูโดยให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการบันทึกเสียงและถอดภาษาพูดเป็นภาษาเขียน ให้โรงเรียนบ้านคลองพลูสอนภาษาชองให้กับลูกหลานชอง แทรกเป็นหลักสูตรท้องถิ่นในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
จากการศึกษาของอิสระ ชูศรี พบว่า ผู้พูดภาษาชองถิ่นเหนือ (ตะเคียนทอง–คลองพลู) มองว่าตนเองเป็นกลุ่มผู้พูดภาษาถิ่นแยกต่างหากจากผู้พูดภาษาชองถิ่นใต้ (พลวง–ชากไทย) ความตระหนักนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้พูดภาษาถิ่นเหนือเลือกที่จะเปิดโครงการฟื้นฟูภาษาชองในถิ่นตนเองแทนที่จะเป็นภาษาชองของทั้งอำเภอเขาคิชฌกูฏ[ 9] อิสระ ชูศรี ยังให้ความเห็นว่า จากมุมมองทางภาษาศาสตร์สังคม ภาษาชองถิ่นเหนือมีอนาคตที่สดใสกว่าภาษาชองถิ่นใต้ในแง่การคงจำนวนผู้พูดไว้ ในขณะที่ภาษาชองถิ่นตะวันออก (วังกระแพร) ในอำเภอโป่งน้ำร้อน นั้นอยู่ในภาวะใกล้สูญเต็มที[ 9]
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 ภาษาชอง ที่ Ethnologue (21st ed., 2018) อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "e21" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
↑ 2.0 2.1 แบบเรียนภาษาชอง = Chong language
↑ Hammarström, Harald; Forke, Robert; Haspelmath, Martin; Bank, Sebastian, บ.ก. (2020). "Chong of Chanthaburi" . Glottolog 4.3 .
↑ วิบูลย์ เข็มเฉลิม. วิถีคนป่าตะวันออกผืนสุดท้าย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, หน้า 69–71.
↑ Premsrirat, Suwilai. "Chong Language Revitalization Project" (PDF) . Mekong Watch . Mahidol University. สืบค้นเมื่อ 22 June 2019 .
↑ 6.0 6.1 Choosri, Isara. (2002). Mapping dialects of Chong in Chanthaburi province, Thailand: an application of Geographical Information System (GIS) (M.A. dissertation, Mahidol University).
↑ Sidwell, Paul. (2009). Classifying Austro Asiatic languages: history and state of the art . LINCOM studies in Asian linguistics, 76. Munich: Lincom Europa.
↑ * Martin, Marie A. (1975). "Les dialectes Pears dans leurs rapports avec les langues nationales." Journal of the Siam Society, 63 (2), 86.
↑ 9.0 9.1 9.2 Choosri, Isara. (2002). "Dialects of Chong." Mon-Khmer Studies, 32 , 67.
↑ ราชบัณฑิตยสถาน. (2555). คู่มือระบบเขียนภาษาชองอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 33.
↑ 11.0 11.1 ราชบัณฑิตยสถาน. (2555). คู่มือระบบเขียนภาษาชองอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 38.
↑ ราชบัณฑิตยสถาน. (2555). คู่มือระบบเขียนภาษาชองอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 39.
↑ องค์ บรรจุน. (2553). สยาม หลากเผ่าหลายพันธุ์. กรุงเทพฯ: มติชน, หน้า 132.
อ่านเพิ่ม
เจตน์จรรย์ อาจไธสง, พระอธิการธวัชชัย จนฺทโชโต, พระอาจารย์สี เตชพโล, เฉิน ผันผาย, และคำรณ วังศรี. (2556). แบบเรียนภาษาชอง. พิมพ์ครั้งที่ 3. จันทบุรี: [ต้นฉบับ].
พระครูธรรมสรคุณ (เขียน ขนฺธสโร), และธรรม พันธุศิริสด. (2541). "อารยธรรมชอง จันทบุรี." ใน อารยธรรม ชอง จันทบุรี และอาณาจักรจันทบูร เมืองเพนียต. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยรายวัน.
Gordon, Raymond G., Jr. (ed.). (2005). Ethnologue: Languages of the World, Fifteenth edition. Dallas, Tex.: SIL International. Online version: http://www.ethnologue.com/ .
DiCanio, C.T. (2009) The Phonetics of Register in Takhian Thong Chong , Journal of the International. Phonetic Association, 39(2): 162–188
Huffman, Franklin E. (1985). "The phonology of Chong, a Mon-Khmer language of Thailand".
Isarangura, N. N. (1935). Vocubulary of Chawng words collected in Krat Province . [S.l: s.n.].
Premsrirat, Suwilai; Rojanakul, Nattamon (2015). Chong . In Paul Sidwell and Mathias Jenny (eds.), The Handbook of Austroasiatic Languages, 603-642. Leiden: Brill.
Suphanphaiboon, Surekha (1982). The Phonology of Chong (Takianthong, Makham District Chantaburi) (วิทยานิพนธ์).
ภาษาราชการ กลุ่มภาษาไท
เชียงแสน ตะวันตกเฉียงเหนือ ลาว–ผู้ไท สุโขทัย กลุ่มอื่น ๆ
ชนกลุ่มน้อย ตามตระกูลภาษา
ไม่ใช่ภาษาพื้นเมือง
ภาษามือ