ผลที่ตามมาจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ พ.ศ. 2554

ผลที่ตามมาจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 รวมทั้งวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมและผลกระทบต่อเศรษฐกิจขนานใหญ่ คลื่นสึนามิส่งผลให้มีผู้อพยพมากถึง 300,000 คนในภูมิภาคโทโฮกุ ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร น้ำ ที่พักอาศัย ยาและเชื้อเพลิงในผู้รอดชีวิต รัฐบาลญี่ปุ่นตอบสนองโดยระดมกำลังป้องกันตนเอง ขณะที่อีกหลายประเทศส่งทีมค้นหาและกู้ภัยช่วยค้นหาผู้รอดชีวิต องค์การช่วยเหลือทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกยังได้ตอบสนอง โดยกาชาดญี่ปุ่นรายงานได้รับเงินบริจากว่า 1 พันล้านเยน ผลกระทบทางเศรษฐกิจมีทั้งปัญหาเฉียบพลัน ซึ่งการผลิตทางอุตสาหกรรมหยุดชะงักไปในหลายโรงงาน และปัญหาในระยะยาวกว่าในด้านการฟื้นฟูบูรณะ ซึ่งมีการประเมินไว้ที่ 10 ล้านล้านเยน ผลกระทบร้ายแรงอีกประการหนึ่งของสึนามิคือความเสียหายหนักอันเกิดแก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง ซึ่งส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีและโอกาสเกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และต้องการการทำความสะอาดราคาแพง

วิกฤตการณ์มนุษยธรรม

แผ่นดินไหวทำให้คนจำนวนมากต้องย้ายออกจากถิ่นฐาน จำนวนผู้อพยพครั้งหนึ่งเคยสูงเกิน 300,000 คน[1] ผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวบางส่วนเสียชีวิตในค่ายอพยพหรือในระหว่างขั้นตอนการอพยพ ค่ายอพยพจำนวนมากพยายามอย่างยิ่งในการจัดหาอาหารให้แก่ผู้อพยพ และไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงพอ[2][3]

การขาดแคลนเชื้อเพลิงทำให้ปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยล่าช้า ในสัปดาห์แรกหลังแผ่นดินไหว เสบียงอาหาร น้ำและยาต้องรอออกไปเพราะการขาดแคลนเชื้อเพลิงและสภาพอากาศ[4] อาหารจำกัดสำหรับประชาชนที่ไม่อพยพ และจนถึงปลายเดือนมีนาคม ผู้อพยพบางคนได้รับอาหารเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน[5]

มีความต้องการที่พักอาศัยชั่วคราว ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามนำตัวผู้อพยพบางส่วนออกจากค่ายอพยพขนาดใหญ่ ซึ่งมีรายงานว่าสภาพสุขอนามัยไม่ดี จนถึงปลายเดือนมีนาคม มีแผนสร้างหน่วยชั่วคราว 8,800 หน่วยในอิวาเตะ 10,000 หน่วยในมิยางิ และ 19,000 หน่วยในฟูกูชิมะ[6]

จนถึงปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 จำนวนผู้อพยพในญี่ปุ่นอยู่ที่ 87,063 คน ในจำนวนนี้ 12,905 คนอาศัยอยู่ในค่ายอพยพสาธารณะ และอีก 19,918 คนอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมหรือโรงแรม หน่วยที่พักอาศัยชั่วคราวสี่หมื่นหกพันแปดสิบเอ็ดหน่วย คิดเป็นราว 88 เปอรเซ็นต์ของจำนวนตามแผน ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว ผู้อพยพได้ย้ายเข้าไปอยู่ในที่พักอาศัยชั่วคราวที่มีอยู่ 73 เปอร์เซ็นต์[7]

อุบัติเหตุนิวเคลียร์

ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิชิ พ.ศ. 2554 อุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 25 ปี ส่งผลให้ราษฎร 50,000 ครัวเรือนต้องอพยพ หลังกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกสู่อากาศ พื้นดินและทะเล[8]

หลังเกิดแผ่นดินไหว คลื่นสึนามิและการล้มเหลวของระบบหล่อเย็นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง และปัญหาซึ่งเกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งอื่นในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 มีการประกาศภาวะฉุกเฉินนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และราษฎร 140,000 คนที่อาศัยอยู่โดยรอบรัศมี 20 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าถูกอพยพ[9] เหตุระเบิดและเพลิงไหม้ส่งผลให้กัมมันตภาพรังสีระดับที่เป็นอันตราย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ปิดตัวลดลงอย่างรุนแรงและการแห่ซื้อของ (panic buying) ในซูเปอร์มาร์เก็ต[10] สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและประเทศอื่นอีกบางประเทศแนะนำให้ประชาชนของตนพิจารณาออกจากกรุงโตเกียว จากความกลัวว่าจะมีการปนเปื้อนนิวเคลียร์ที่ขยายลุกลามออกไป อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ความสนใจมึ่งไปยังปัญหามาตรฐานการออกแบบโครงสร้างแผ่นดินไหวนิวเคลียร์ญี่ปุ่น และส่งผลให้รัฐบาลประเทศอื่นประเมินโครงการนิวเคลียร์ของตนเช่นกัน จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 น้ำยังคงถูกเทเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์ที่ได้รับความเสียหายเพื่อหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงที่กำลังหลอมละลายนั้น จอห์น ไพรซ์ อดีตสมาชิกฝ่ายนโยบายด้านความปลอดภัยที่บรรษัทนิวเคลียร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า "อาจใช้เวลา 100 ปี ก่อนที่แท่งเชื้อเพลิงที่กำลังหลอมละลายนั้นจะสามารถถูกนำออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่นได้อย่างปลอดภัย"[11]

ปัญหาในการรักษาความเสถียรของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่งทำให้ทัศนะต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554 "ชาวญี่ปุ่นมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ว่า ตนเป็นพวกต่อต้านนิวเคลียร์และไม่เชื่อข้อมูลเกี่ยวกับรังสีของรัฐบาล"[12] วิกฤตการณ์ฟูกูชิมะทีกำลังดำเนินไปอาจเป็นจุดจบของพลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น เมื่อ "พลเมืองที่เห็นค้านเพิ่มขึ้นและทางการท้องถิ่นปฏิเสธจะอนุญาตให้เครื่องปฏิกรณ์ที่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแล้วกลับมาทำงานใหม่" ทางการท้องถิ่นสงสัยว่า ได้ดำเนินมาตรการความปลอดภัยเพียงพอหรือยัง และสงวนท่าทีที่จะให้อนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด ก่อนที่จะนำเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ชะลอการทำงานไปนั้นกลับมาทำงานอีกครั้ง[12]

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

หลังเหตุแผ่นดินไหวนักวิเคราะห์บางคนทำนายว่าค่าฟื้นฟูบูรณะทั้งหมดอาจสูงถึง 10 ล้านล้านเยน (122,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[13] อย่างไรก็ตาม จนถึงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554 รัฐบาลญี่ปุ่นประเมินว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดแก่วัสดุโดยตรงนั้นอาจสูงกว่า 25 ล้านล้านเยนแล้ว (300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของญี่ปุ่นหดตัวลง 3.7% ในไตรมาสแรกของ พ.ศ. 2554

พื้นที่โทโฮกุเหนือซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด มีส่วนสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึงราว 8% ซึ่งมีทั้งโรงงานที่ผลิตสินค้า เช่น รถยนต์และเบียร์ ตลอดจนสาธารณูปโภคด้านพลังงาน[14] พื้นที่ดังกล่าวรวมไปถึงทางเหนือของจังหวัดมิยางิ อันเป็นที่ตั้งของเมืองเซ็นได ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 300 กิโลเมตร พื้นที่จังหวัดมิยางิมีเขตผลิตและอุตสาหกรรมซึ่งมีทั้งเครื่องปฏิกรณ์เคมีและไฟฟ้า มีการประเมินว่าจังหวัดมิยะงิมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของญี่ปุ่น 1.7%[15]

แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิมีผลกระทบอย่างรุนแรงเฉียบพลันแก่ธุรกิจ อย่างเช่น โตโยต้า นิสสันและฮอนด้า ซึ่งชะลอการผลิตอัตโนมัติทั้งหมดจนถึงวันที่ 14 มีนาคม บริษัทนิปปอนสตีล ก็ได้ยุติการผลิตด้วยเช่นกัน บริษัทโตโยไทร์แอนด์รับเบอร์ และซุมิโตโมรับเบอร์อินดัสตรีส์ ปิดสายการผลิตยางรถยนต์และยาง ขณะที่จีเอส ยูอาซะได้เปิดการผลิตแบตเตอร์รีรถยนต์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่คาดว่าจะขัดขวางการสามารถจัดหาอุปทานสำหรับผู้ผลิตรถยนต์[16] บริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว โตชิบา บริษัททางรถไฟญี่ปุ่นตะวันออก และชินเอ็ตสึเคมิคัล ได้รับการเสนอว่าเป็นบริษัทที่ไม่มั่นคงที่สุดจากผลของแผ่นดินไหว[17] โซนียังได้ชะลอการผลิตที่โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดหกแห่งในพื้นที่ ขณะที่ฟูจิเฮฟวีอินดัสตรีส์ไม่สามารถดำเนินการผลิตต่อได้ในโรงงานอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมดในจังหวัดกุมมะและจังหวัดโทจิงิ[18] โรงงานอื่น ๆ ชะลอการผลิต ซึ่งรวมไปถึง คิรินโฮลดิงส์ แกล็กโซสมิทไคล์น เนสต์เล่[19] และโตโยต้า เนื่องจากการถูกตัดพลังงาน[20] การปิดตัวลงของโรงงาน การตัดไฟฟ้า และผลกระทบตามมาที่สันนิษฐานไว้ต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจส่งผลร้ายต่อจีดีพีของประเทศเป็นเวลาหลายเดือน ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ ไมเคิล บอสกิน จะทำนายว่า "เศรษฐกิจโดยรวมของญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย"[14][21]

ชั้นวางขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แทบไม่เหลือสินค้าอยู่เลย

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่นที่เครดิตสวิส ฮิโรมิชิ ชิรากาวะ กล่าวในบันทึกถึงลูกค้าว่าประมาณการความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจอยู่ที่ระหว่าง 171,000-183,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แค่เฉพาะพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเท่านั้น เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ธนาคากลางญี่ปุ่น ในความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาด[22][23] ได้อัดฉีดเงินกว่า 15 ล้านล้านเยนเข้าสู่ตลาดการเงินเพื่อรับประกันเสถียรภาพทางการเงินท่ามกลางสภาวะที่หุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็วและความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หลังจากที่ธนาคารกลางได้จัดคณะทำงานเฉพาะกิจฉุกเฉินเพื่อรับประกันสภาพคล่องหลังจากเกิดภัยพิบัติขึ้น ผู้ว่าการมาซาอากิ ชิรากาวา และคณะกรรมการบริหารธนาคารได้ขยายโครงการโดยซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยน-ค้ากองทุนถึง 10 ล้านล้านเยน ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่า การอัดฉีดเงินจะดำเนินต่อไปหากจำเป็น[24] อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดวิกฤตนิวเคลียร์รั่วไหล การกระทำของธนาคารกลางถูกตลาดมองว่าไร้ประสิทธิภาพ[25] ถึงแม้ว่าจะมีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดมากกว่า 8 ล้านล้านเยนก็ตาม[26] วันที่ 15 ตุลาคม ดัชนีโทปิกซ์ดิ่งลงอีกครั้ง นับเป็นการดิ่งลงสองวันติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ พ.ศ. 2530 เมื่อความเสี่ยงทางการเงินของญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นาโอโตะ คัง ประกาศเตือนว่ามีการรั่วไหลเพิ่มเติมจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ไม่รับความเสียหาย โภคภัณฑ์ได้มีจำนวนลดลงอย่างมาก[27] มีรายงานว่าผู้อยู่อาศัยในโตเกียวแตกตื่นแห่กันไปเลือกซื้อสินค้าเพื่อกักตุนของใช้ประจำวันที่จำเป็นและน้ำมัน จากความเสี่ยงจากการรั่วไหลของกัมมันตรังสีนิวเคลียร์ที่เพิ่มมากขึ้น[28]

เลขานุการคณะรัฐมนตรี ยูกิโอะ เอดาโนะ กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประชุมในวันที่ 13 มีนาคม เพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อหายนะดังกล่าว[29] เขายังกล่าวแก่โทรทัศน์เอ็นเอชเคว่า รัฐบาลจะใช้เงิน 200,000 ล้านเยนซึ่งยังคงเหลือจากปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เพื่อความพยายามฟื้นฟูประเทศอย่างเร่งด่วน มาตรการเพิ่มเติมอาจสามารถก่อหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นได้ (ซึ่งมีหนี้สาธารณะสูงที่สุดในโลกอยู่แล้ว) การใช้จ่ายเพิ่มเติมนี้ยังอาจกระทบต่อความต้องการพันธบัตรรัฐบาลอีกด้วย[14]

การผลิตซิลิกอนเวเฟอร์ชะงักในโรงงานของชินเอ็ตสึเคมิคอลและเอ็มอีเอ็มซีอิเล็กทรอนิกส์แมทีเรียล ซึ่งผลผลิตของทั้งสองบริษัทนี้คิดเป็น 25% ของการผลิตซิลิกอนเวเฟอร์ทั่วโลก การชะลอการผลิตดังกล่าวเป็นที่คาดว่าจะกระทบต่อการผลิตสารกึ่งตัวนำในประเทศอย่างรุนแรง ขึ้นอยู่กับการสามารถหาซิลิกอนเวเฟอร์ดังกล่าว[30][31]

นักวิเคราะห์เศรษฐกิจบางคนมองว่า ท้ายที่สุดแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยเป็นการเพิ่มอาชีพระหว่างความพยายามฟื้นฟูประเทศ โดยหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน พ.ศ. 2538 ผลประกอบการทางอุตสาหกรรมลดลง 2.6% แต่ได้เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนต่อมา และอีก 1% ในอีกสองเดือนถัดมา หลังจากนั้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเวลาอีกสองปีต่อมา และเร็วกว่าอัตราเติบโตเดิมเสียอีก[21] ขณะที่ความคิดเห็นบางส่วนระบุว่าภัยพิบัติดังกล่าวจะสร้างผลเสียต่อเศรษฐกิจ[32]

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ตลาดหลักทรัพย์นิกเกของญี่ปุ่น ในส่วนของตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้ามีการปรับตัวลดลง 5% หลังจากทำการซื้อขายในตลาด[33] ธนาคารกลางญี่ปุ่นออกมาระบุว่าจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน[34] เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ข่าวของระดับกัมมันตรังสีที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ตลาดนิกเกดิ่งลงมากกว่า 1,000 จุด หรือ 10.6% (รวมแล้วทั้งสัปดาห์ลดลงถึง 16%) [35]

ตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดัชนีแด็กซ์ของเยอรมนีดิ่งลง 1.2% ภายในไม่กี่นาที[36] ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงดิ่งลง 1.8% ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตเกาหลีใต้ตกลงไป 1.3%[37] เมื่อตลาดปิดทำการซื้อขายในวันที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นนั้น ดัชนีเอ็มเอสซีไอเอเชียแปซิฟิกลดลงถึง 1.8%[38] ตลาดหุ้นสำคัญของสหรัฐเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.5% ถึง 0.7%[39] ราคาน้ำมันเองก็ได้ปรับตัวลดลงจากผลของการปิดโรงกลั่นน้ำมันในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในลิเบียจะยังคงดำเนินต่อไป และการเดินขบวนประท้วงซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในซาอุดีอาระเบีย ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเหลือ 99.01 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 100.08 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเที่ยง และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 2.62 ปอนด์ เหลือ 112.81 ปอนด์[40]

เงินสกุลเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่หลังจากเกิดแผ่นดินไหว และแตะระดับสูงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ 76.25 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีการคาดคะเนว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะส่งทรัพย์สินกลับประเทศเพื่อใช้จ่ายในการบูรณะ[41] เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาภาคการส่งออกเป็นหลัก เงินเยนที่แข็งค่านั้นอาจทำลายเศรษฐกิจยิ่งลงไปอีก ความไร้เสถียรภาพของตลาดการเงินได้ทำให้กลุ่มจี 7 ประชุมกันเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นความตกลงในการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนกับดอลล่าร์ร่วมกัน[42] ซึ่งนับเป็นพฤติการณ์ดังกล่าวครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ศ. 2543[43]

การตอบสนองในญี่ปุ่น

กิจกรรมค้นหาและกู้ภัยตามซากปรักหักพังหลังเกิดเหตุคลื่นสึนามิพัดเข้าถล่ม

นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ประกาศว่ารัฐบาลได้เรียกระดมกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวแล้วหลายพื้นที่[44] เขาขอร้องให้สาธารณชนญี่ปุ่นให้อยู่ในความสงบและคอยรับฟังข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เพื่อรับทราบข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง[44][45] เขายังได้รายงานว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลายครั้งได้ปิดตัวลงอัตโนมัติเพื่อป้องกันความเสียหายและการรั่วไหลของกัมมันตรังสี[44] นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินในสำนักงานของเขาเพื่อประสานการตอบสนองของรัฐบาล[45]

ปัจจุบันที่พักอพยพกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มพกพา อาหาร ผ้าห่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกห้องน้ำ โดยรัฐบาลได้จัดการของจำเป็นเหล่านี้ส่งไปยังพื้นที่ที่ต้องการเร่งด่วนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นและต่างประเทศ[46] อุณหภูมิที่ลดลงเนื่องจากสายไฟฟ้าและแก๊สถูกรบกวนนั้นได้สร้างปัญหาเพิ่มเติมที่ที่พักพิงชั่วคราวดังกล่าว[47] เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554 มีประชากรในญี่ปุ่น 336,521 คนที่ต้องย้ายออกจากบ้านและอาศัยอยู่ที่อื่น รวมทั้งในที่พักพิงชั่วคราว 2,367 แห่ง[48]

ทีมค้นหาและกู้ภัยในเมืองของญี่ปุ่นที่ถูกส่งตัวไปยังนิวซีแลนด์ ภายหลังแผ่นดินไหวที่ไครสต์เชิร์ช พ.ศ. 2554 ถูกเรียกตัวกลับประเทศ[49]

สื่อหลายสำนักรายงานว่าชาวญี่ปุ่นรับมือกับภัยธรรมชาติดังกล่าวอย่างเป็นระเบียบและอดทน โดยไม่มีการปล้นสะดมหรือเกิดเหตุรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังเข้าแถวรอซื้อสินค้าแม้ว่าสินค้านั้นจะหมดไปแล้วก็ตาม[50] ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นลักษณะเฉพาะของชาวญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า กามัง ซึ่งมีความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่า "ความอดทนและความอุตสาหะ"[51][52][53]

สิบวันหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ได้เริ่มต้นมีรายงานการลักขโมยและลักทรัพย์ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ เมื่อถึงวันที่ 20 มีนาคม ตำรวจจังหวัดมิยางิได้รับรายงานว่ามีการก่อเหตุลักทรัพย์ขึ้น 250 ครั้ง และสินค้าถูกขโมยไปจากร้านค้ารวมมูลค่า 4.9 ล้านเยน และเงินสด 5.8 ล้านเยน พยานรายงานว่าโจรได้ขโมยเงินสดและสมุดเงินฝากธนาคารจากบ้านที่ถูกทำลาย ฉกชิงทรัพย์จากร้านค้า และถ่ายน้ำมันจากยานพาหนะที่ถูกทิ้งไหว้หรือได้รับความเสียหาย[54][55][56]

การตอบสนองจากนานาชาติ

ทหารเรือลำเลียงของช่วยเหลือโดยเฮลิคอปเตอร์

การร้องขอความช่วยเหลือ

ทางประเทศญี่ปุ่นได้ขอทีมช่วยเหลือจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา[57][58] และได้ขอร้องผ่านทางองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นให้มีการเคลื่อนไหวด้านกฎบัตรระหว่างประเทศในพื้นที่และภัยพิบัติครั้งใหญ่ ให้ดาวเทียมได้แสดงความหลากหลายของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมใช้งานร่วมกันกับการกู้ภัยและองค์กรให้ความช่วยเหลือ[59]

ความเกี่ยวข้องกับโลก

ญี่ปุ่นได้รับสาส์นแสดงความเสียใจและเสนอความช่วยเหลือจากผู้นำนานาประเทศ ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม มี 128 ประเทศ และ 33 องค์การระหว่างประเทศได้เสนอความช่วยเหลือไปยังญี่ปุ่น[60]

เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะได้จุดประเด็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้รับความสนใจในระดับนานาชาติ และนำไปสู่การเดินขบวนประท้วงต่อต้านนิวเคลียร์ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50,000 คนในชตุทการ์ทและการยกเลิกการแถลงข่าวที่เห็นด้วยกับนิวเคลียร์ในสหราชอาณาจักร[61]

ขณะที่กำลังเฝ้าจับตาระดับกัมมันตรังสีตามแนวชายฝั่งหลังจากเกิดวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ จีนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในปฏิบัติการช่วยเหลือในญี่ปุ่นถึงแม้ว่าจะประสบกับวิกฤตการณ์แผ่นดินไหวในประเทศของตนด้วยในขณะเดียวกัน ได้เริ่มต้นอพยพพลเมืองของตนจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติเลวร้ายที่สุดในญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554[62] ฝรั่งเศสเองก็ได้เริ่มต้นอพยพผู้ที่มีสัญชาติจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติเลวร้ายที่สุดเช่นกัน โดยมีการส่งเครื่องบินของสายการบินไปช่วยเหลือการอพยพเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554[63][64] และเพื่อเป็นการรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของกัมมันตรังสี รัฐบาลออสเตรียได้ย้ายสถานทูตในญี่ปุ่นของตนจากโตเกียวไปยังโอซากะ ห่างออกไป 400 กิโลเมตร[65]

ในหลายประเทศ ได้มีการจัดการรณรงค์ช่วยเหลือขึ้นทั้งโดยภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเงินสนับสนุนและส่งความช่วยเหลือมายังผู้ประสบภัยพิบัติและประชากรทั่วไปในญี่ปุ่น ไซท์ซื้อแบบเป็นกลุ่มได้จัดการรณรงค์ออนไลน์ซึ่งมีการระดมเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อส่งไปให้กับองค์การช่วยเหลือที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น[66]

อ้างอิง

  1. "asahi.com(朝日新聞社):避難者、16都県で31万9121人―21日午後11時 – 社会". Asahi.com. 2011-03-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-22. สืบค้นเมื่อ 2011-03-29.
  2. "asahi.com(朝日新聞社):避難所など震災関連死27人 医療設備不足や寒さ響く – 社会". Asahi.com. 2011-03-17. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-18. สืบค้นเมื่อ 2011-03-29.
  3. Fujimura, Naoko. "Quake Evacuees Survive on Rice Balls, Bread, Seek to Avoid Contracting Flu". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-29.
  4. / Asia-Pacific – Fuel shortages hamper humanitarian effort. Ft.com (2011-03-17). Retrieved on 2011-04-01.
  5. Fackler, Martin (29 March 2011). "In Japanese Whaling Town, Food Is Rationed but Resolve Is Plentiful". The New York Times.
  6. Fujimura, Naoko. (2011-03-28) Japan Moves to Relocate Quake Victims After Meeting Food, Clothing Targets. Bloomberg. Retrieved on 2011-04-01.
  7. Kyodo News, "87,000 still in limbo five months after quake", Japan Times, 12 August 2011, p. 1.
  8. Tomoko Yamazaki and Shunichi Ozasa (June 27, 2011). "Fukushima Retiree Leads Anti-Nuclear Shareholders at Tepco Annual Meeting". Bloomberg.
  9. Weisenthal, Joe (11 March 2011). "Japan Declares Nuclear Emergency, As Cooling System Fails At Power Plant". Business Insider. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
  10. "Blasts escalate Japan's nuclear crisis". World News Australia. March 16, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-07. สืบค้นเมื่อ 2011-09-05.
  11. David Mark, Mark Willacy (April 1, 2011). "Crews 'facing 100-year battle' at Fukushima". ABC News.
  12. 12.0 12.1 Gavin Blair, (June 20, 2011). "Beginning of the end for nuclear power in Japan?". CSMonitor.{{cite web}}: CS1 maint: extra punctuation (ลิงก์)
  13. "Japan looks for market stability after quake". The Independent. 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  14. 14.0 14.1 14.2 Anstey, Christopher. "Japan Plans Spending Package as Quake Slams World's Most Indebted Economy". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  15. Osamu Tsukimori and Stanley White (2011-03-11). "BoJ pledges support; Toyota halts output". Reuters via Financial Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-12. สืบค้นเมื่อ 2011-09-04.
  16. "Toyota, other automakers to suspend production at all domestic plants". Mainichi Daily News. Tokyo. 2011-03-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  17. Fujimura, Naoko. "Tokyo Electric, Toshiba, East Japan Rail May Be Among Most Hurt by Quake". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  18. Knight, Ben (2011-03-13). "Japan's monster quake cripples industry, strains economic recovery". Deutsche Welle. Reuters; Agence France-Presse. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  19. Webb, Tim (2011-03-13). "Japan's economy heads into freefall after earthquake and tsunami". The Guardian. UK. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  20. Langeland, Terje. "Sony, Toyota Close Plants After Earthquake Damages Factories, Cuts Power". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
  21. 21.0 21.1 Wiseman, Paul; Rugaber, Christopher S. (2011-03-11). "Quake and tsunami a blow to fragile Japan economyR". San Francisco Chronicle. Associated Press. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
  22. Kihara, Leika; Ishiguro, Rie (2011-03-14). "BOJ offers record 7 trillion yen to soothe markets". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-16. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
  23. Wearden, Graeme (2011-03-14). "Bank of Japan pumps billions into financial markets". The Guardian. UK. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
  24. Christopher Anstey and Mayumi Otsuma (2011-03-11). "BOJ Pledges Support on Japan Earthquake; Toyota Halts Output". Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
  25. Ujikane, Keiko. "Bank of Japan Fails to Contain Investor Panic as Nuclear Danger Escalates – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
  26. Funabiki, Saburo. "Bank of Japan Adds 8 Trillion Yen Through 1-Day Operations – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
  27. Armstrong, Paul. "Stocks, Commodities Fall Amid Japan Disaster; Treasuries Up – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
  28. Ozasa, Shunichi. "Tokyo Shoppers Strip Stores as Nuclear Risk Sparks Panic – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
  29. "Japan says quake impact on economy 'considerable'". Agence France-Presse. 2011-03-13. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  30. Becker, Nathan (21 March 2011). "Japan Quake Has Stopped About 25% Of Silicon-Wafer Production -IHS iSuppli". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  31. King, Ian (21 March 2011). "Japan Earthquake Suspends 25% of World Silicon, ISuppli Says". Bloomberg News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-21. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  32. "Japan's Tsunami- The Broken Window Fallacy Returns | XChange – The NBR Blog | Nightly Business Report". PBS. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
  33. Japan earthquake: market reaction
  34. "BOJ to Work to Ensure Financial Market Stability". 2011-03-11.
  35. "Treasurys Surge Following Nikkei Plunge". CNBC. 2011-03-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-16. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
  36. "Erdbeben Japan: Riesige Flutwelle spült Trümmer übers Land". Zeit Online (ภาษาเยอรมัน). 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
  37. "Japan earthquake hits global markets". London: The Telegraph. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
  38. "Roubini Says Earthquake Is 'Worst Thing' at Worst Time for Japan Economy". Bloomberg. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
  39. Bharatwaj, Shanthi (2011-03-11). "Stocks rebound after Japan earthquake". The Street. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
  40. "Oil prices drop after Japan quake". Raidió Teilifís Éireann. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
  41. "Yen hits record-high against US dollar as Nikkei falls". BBC. 17 March 2011. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  42. "Yen Declines After G-7's Post-Earthquake Market Intervention Pares Gain". Bloomberg.com. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  43. "G7 agrees joint intervention to curb strong yen". Reuters.com. 18 March 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-24. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  44. 44.0 44.1 44.2 Christopher Anstey (2011-03-11). "Kan Mobilizes Forces, BOJ Pledges Liquidity After Quake".
  45. 45.0 45.1 Nikkei Inc. (2011-03-11). "Govt Takes Emergency Steps, Kan Asks People To Stay Calm". Nikkei.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-20. สืบค้นเมื่อ 2011-09-04.
  46. Watts, Jonathan (2011-03-16). "After Japan's quake and tsunami, freezing weather threatens relief efforts". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
  47. "World English". NHK. 12 March 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
  48. NHK, 17 Mar, 04:01 am.
  49. "Japanese rescue team in NZ heads home". BigPond News. 2011-03-12.
  50. โลกทึ่งญี่ปุ่นไร้เหตุการณ์ปล้นสะดม-รับมือวิกฤตอย่างมีระเบียบวินัย เป็นตัวอย่างให้โลกอย่างดี. (15 มีนาคม 2554). มติชน. สืบค้น 23-3-2554.
  51. "U.S. troops exposed to radiation". Detroit Free Press. 16 March 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-17. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
  52. Lloyd, Mike (16 March 2011). "Japanese remain calm while dealing with quake aftermath". National Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-24. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
  53. "Crushed, but true to law of 'gaman'". The Australian. 16 March 2011. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
  54. Agence France-Presse and Jiji Press, "Desperation tests crime taboo", Japan Times, 21 March 2011, p. 2.
  55. Jiji Press, "Thieves, looters targeting Miyagi's quake-hit stores", Japan Times, 21 March 2011, p. 2.
  56. Allen, Nick (21 March 2011). "Japan earthquake: Looting reported by desperate survivors". The Daily Telegraph. London. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-21. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  57. Nebehay, Stephanie (11 March 2011). "Japan requests foreign rescue teams, UN says". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-16. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
  58. "Japan earthquake: Aid request to the UK". BBC News. 12 March 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
  59. "Disaster Charter – Earthquake in Japan". Disasterscharter.org. 28 May 2010. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
  60. Nomiyama, Chiz (21 March 2011). "Factbox: Japan disaster in figures". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 March 2011. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
  61. Stuart, Becky (2011-03-14). "Nuclear power comes under attack; solar stocks increase". pv magazine. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
  62. "China evacuates citizens from Japan quake areas". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-17. สืบค้นเมื่อ 2011-09-04.
  63. "Japan earthquake: Anger over Fukushima evacuation plan". BBC. 16 March 2011.
  64. "Japan earthquake and tsunami: UN predicts nuclear plume could hit US by Friday | Mail Online". The Daily Mail. London. 17 March 2011. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
  65. Joe McDonald. "China activating plans to evacuate citizens from Japan". The Washington Times.
  66. "After Japan's Earthquake, Daily Deals became a Useful Tool for Daily Giving". Pinggers Blog. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-19. สืบค้นเมื่อ 2011-09-04 {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)CS1 maint: postscript (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!