เดวิด วิลเลียม มอยส์ (อังกฤษ: David William Moyes; เกิด 25 เมษายน ค.ศ. 1963) เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ เขายังเคยเป็นผู้จัดการทีมให้แก่หลายสโมสรในอังกฤษ ได้แก่ เพรสตันนอร์ทเอนด์, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์แฮมยูไนเต็ด และยังเคยเป็นผู้จัดการทีมเรอัลโซซิเอดัด ในลาลิกา ประเทศสเปน มอยส์ได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของสมาคมผู้จัดการทีมแห่งลีกอังกฤษ (LMA Manager of the Year) 3 สมัยใน ค.ศ. 2003, 2005 และ 2009 และยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฝ่ายบริหารของสมาคมดังกล่าวในปัจจุบัน
มอยส์ลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกว่า 540 นัดในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง โดยเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรเซลติกในสกอตแลนด์ซึ่งเขาชนะเลิศการแข่งขันสกอตติชพรีเมียร์ชิปในฤดูกาล 1981–82 ก่อนจะย้ายไปเล่นกับอีกหลายสโมสร ได้แก่ เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด, บริสตอลซิตี, ชรูว์สบรีทาวน์, ดันเฟิร์มลิน แอธเลติก และเล่นให้กับเพรสตันนอร์ทเอนด์เป็นสโมสรสุดท้าย และผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนให้แก่สโมสร พาทีมชนะเลิศสกายเบ็ตลีกทูฤดูกาล 1999–2000 และเข้ารอบชิงชนะเลิศเพลย์ออฟของอีเอฟแอลลีกวันในฤดูกาลถัดมา อาชีพผู้จัดการทีมของมอยส์เริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้น เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งต่อจาก วอลเตอร์ สมิธ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2002 พาทีมจบในอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2004–05 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ ค.ศ. 1988 ทำให้ได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบคัดเลือกในฤดูกาลต่อมาซึ่งเป็นการเข้าร่วมครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1970–71 ก่อนจะพาทีมเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพฤดูกาล 2008–09[2] ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่สโมสรชนะเลิศรายการดังกล่าวใน ค.ศ. 1995 มอยส์มักจะพาเอฟเวอร์ตันรักษาอันดับต้น ๆ ในลีกได้อย่างมั่นคง โดยมักจะจบในอันดับ 5 ถึงอันดับ 8 เตลอดระยะเวลา 11 ฤดูกาลที่เขาอยู่กับทีม[3] และในช่วงที่เขาลาออกจากสโมสร เขาถือเป็นผู้จัดการทีมที่คุมทีมในพรีเมียร์ลีกยาวนานที่สุดเป็นอันดับสามต่อจาก อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อาร์แซน แวงแกร์[4]
มอยส์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่อจาก อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 แต่ถูกปลดในเดือนมีนาคมปีถัดมาจากผลงานอันย่ำแย่ซึ่งยูไนเต็ดตกไปอยู่อันดับ 7 ของตาราง และหมดสิทธิ์ทำอันดับแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[5] ต่อมา มอยส์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม เรอัลโซซิเอดัดใน ค.ศ. 2014 แต่ก็ถูกปลดในหนึ่งปีหลังจากนั้น[6] ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2016 เขาเข้ารับตำแหน่งต่อจาก แซม อัลลาร์ไดซ์ เพื่อคุมทีมซันเดอร์แลนด์ ก่อนจะลาออกเมื่อจบฤดูกาล 2016–17[7] เนื่องจากสโมสรตกชั้นสู่อีเอฟแอลแชมเปียนชิป และได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมเวสต์แฮมยูไนเต็ดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017 พาทีมรอดพ้นการตกชั้นขึ้นมาจบอันดับ 13 แต่ไม่ได้รับการต่อสัญญาเมื่อจบฤดูกาล อย่างไรก็ตาม มอยส์ได้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 แทนที่มานูเอล เปเลกรินิ[8] ในการคุมในครั้งที่สองนี้ มอยส์พาทีมจบใน 7 อันดับแรกได้สองฤดูกาลติดต่อกัน และพาทีมชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก ฤดูกาล 2022–23 ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลแรกของสโมสรในรอบกว่า 43 ปี มอยส์อำลาทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2023–24
การจัดการทีม
เปรสตันนอร์ธเอนด์ และเอฟเวอร์ตัน
มอยส์เคยเป็นทั้งผู้จัดการทีม และผู้เล่นของเปรสตันนอร์ธเอนด์ ในฤดูกาล 1998-99 ก่อนจะประกาศยุติการเล่นฟุตบอล เมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว และพาทีมชนะเลิศการแข่งขันลีกทูได้ในฤดูกาล 1999–2000 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเพลย์ออฟของอีเอฟแอลลีกวันได้ในฤดูกาลถัดมา
มอยส์มีชื่อเสียงเมื่อเป็นผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน เป็นระยะเวลานานถึง 11 ปี มีผลงานโดดเด่นที่สุดคือการพาทีมเข้าไปเล่นรอบตัดเลือกยูฟ่าแชมเปียส์ลีก และเข้ารอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพได้หนึ่งครั้ง รวมถึงพาทีมจบในอันดับกลางตารางได้อย่างต่อเนื่อง มอยส์เป็นผู้จัดการทีมที่ขึ้นชื่อในด้านการวางระบบทีมและการสร้างรากฐานสโมสรในระยะยาว แม้จะไม่ประสบความสำเร็จมากมายในแง่ของจำนวนถ้วยรางวัล แต่เขามีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพนักเตะในทีมโดยเฉพาะผู้เล่นเยาวชน[9] เขาลาออกมาเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 โดยเข้าแทนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งประกาศยุติการทำหน้าที่เมื่อจบฤดูกาล 2012-13 ในวันพุธที่ 8 พฤษภาคม ปีเดียวกัน หลังจากเป็นผู้จัดการทีมมานานถึง 26 ปีครึ่ง ทั้งนี้ มอยส์ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 ของผู้จัดการทีมชาวสกอตซึ่งทำผลงานได้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ รองจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเคนนี แดลกลีช
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แม้จะเริ่มต้นได้ดีด้วยการชนะเลิศเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ด้วยการชนะวีแกนแอทเลติก 2–0 ทว่าหลังจากนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของมอยส์กลับทำผลงานได้ย่ำแย่ โดยเปิดฤดูกาลมา 6 นัดแรก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเก็บคะแนนไปได้เพียง 7 คะแนน และอันดับตกไปอยู่ที่ 12 เป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบ 24 ปีของสโมสร[10] โดยจากข้อมูลทางสถิติระบุว่า ในช่วงเวลาที่มอยส์คุมทีมเพียงครึ่งฤดูกาล เขาเสียคะแนนไปมากกว่าส่วนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเคยเสียจากทั้งฤดูกาล[11] รวมถึงการบุกไปแพ้สองคู่ปรับสำคัญอย่างลิเวอร์พูล 0–1 และแพ้แมนเชสเตอร์ซิตีอย่างยับเยิน 1–4 รวมถึงการแพ้ในบ้านต่อเวสต์บรอมมิชอัลเบียน 1–2 ซึ่งเป็นการแพ้คาบ้านต่อเวสต์บรอมมิชเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1978[12] มอยส์เซ็นสัญญากับอดีตลูกทีมที่เอฟเวอร์ตัน ได้แก่ มารวน แฟลายนี ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายในเดือนกันยายนด้วยราคา 27.5 ล้านปอนด์[13]
ผลงานของยูไนเต็ดยังคงย่ำแย่ต่อเนื่อง ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 มอยส์พาทีมแพ้คาบ้านสองนัดรวดต่อเอฟเวอร์ตันและนิวคาสเซิล ซึ่งเป็นการแพ้ในบ้านต่อเอฟเวอร์ตันเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี และแพ้ในบ้านต่อนิวคาสเซิลเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี[14] รวมถึงเป็นการแพ้ในบ้านสองนัดติดต่อกันครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2001–02[15] ส่งผลให้ยูไนเต็ดตกไปอยู่อันดับ 9 ของตารางหลังจากลงเล่นไป 15 นัด ตามหลังทีมอันดับหนึ่งอย่างอาร์เซนอลถึง 13 คะแนน ตามด้วยการตกรอบเอฟเอคัพในเดือนมกราคมปีต่อมาโดยแพ้คาบ้านต่อสวอนซี 1–2 ซึ่งเป็นการแพ้คาบ้านต่อสวอนซีครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร[16] และยังตกรอบรองชนะเลิศลีกคัพจากการแพ้จุดโทษซันเดอร์แลนด์ และมีผลงานย่ำแย่อีกมากมาย เช่น การแพ้คาบ้านทั้งสองนัดต่อคู่อริลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ซิตี 0–3, การแพ้ในลีกต่อสโตกซิตีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และยังตกรอบก่อนรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[17]แม้จะเซ็นสัญญากับผู้เล่นฝีเท้าดีอย่าง ฆวน มาตา เข้ามาเสริมทีมเพิ่มในเดือนมกราคมด้วยค่าตัวถึง 37.1 ล้านปอนด์[18]
การคุมทีมนัดสุดท้ายของมอยส์คือการแข่งขันพรีเมียร์ลีกวันที่ 20 เมษายน 2014 ซึ่งยูไนเต็ดบุกไปแพ้เอฟเวอร์ตัน 0–2 ซึ่งเป็นการแพ้เอฟเวอร์ตันทั้งเหย้า-เยือน ในลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี[19] และในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2014 บอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดลงมติปลดมอยส์ออกจากตำแหน่ง โดยยูไนเต็ดอยู่ในอันดับที่ 7 ของตาราง และไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี เนื่องจากเหลือการแข่งขันอีก 4 นัดเท่านั้น มอยส์ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ 10 เดือนเท่านั้น ถือเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่มีระยะเวลาการคุมทีมน้อยที่สุดเป็นอันดับสามตลอดกาล และน้อยที่สุดในรอบ 82 ปี แม้เขาจะได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นตำนานของสโมสรอย่าง เดนิส ลอว์[20] และ เดวิด เบคแคม[21] ให้ทำหน้าที่ต่อไป
สโมสรได้แต่งตั้งให้ไรอัน กิกส์ ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้จัดการทีมและผู้เล่นเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะจบฤดูกาล โดยฝ่ายบริหารสโมสรจะจ่ายค่าชดเชยอายุสัญญาที่ยังคงเหลืออีก 5 ปี เป็นเงิน 10 ล้านปอนด์ เนื่องจากมอยส์เซ็นสัญญาไว้เป็นเวลา 6 ปี[22] ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีของสโมสร ที่บอร์ดบริหารลงมติปลดผู้จัดการทีมออกอย่างกะทันหันเช่นนี้[23] แต่เอาเข้าจริงแล้ว ทางสโมสรจะจ่ายค่าชดเชยให้เพียงแค่ 5 ล้านปอนด์เท่ากับแค่ปีเดียวเท่านั้น เนื่องจากในสัญญาระบุว่าหากทำทีมเข้าไปเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไม่ได้จะลาออก และมีการเปิดเผยอีกว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้แนะนำให้ผู้บริหารทีมปลดมอยส์ออก[24] มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าการแนะนำให้สโมสรแต่งตั้งมอยส์ ถือเป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดของเฟอร์กูสัน[25] มอยส์ถูกแทนที่โดย ลูวี ฟัน คาล ในฤดูกาลต่อมา[26]
เรอัลโซเซียดัด
มอยส์ว่างงานนานอยู่ถึง 10 เดือน ก่อนที่ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ปีเดียวกันนั้น จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเรอัลโซเซียดัด ในลาลิกา ของสเปน ด้วยสัญญา 18 เดือน แทนที่ ฆาโคบาร์ อาร์ราเซเต ผู้จัดการคนเก่าที่ถูกปลดออกเนื่องจากทำผลงานได้แย่มาก โดยชนะไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากทั้งหมด 10 นัด[27] ซึ่งในการทำหน้าที่นัดที่ 18 มอยส์สามารถทำให้เรอัลโซเซียดัด เอาชนะทีมใหญ่อย่างบาร์เซโลนา ไปได้ 1–0[28] ซึ่งมอยส์ได้นำพาทีมให้รอดพ้นจากการตกชั้นในฤดูกาลนี้ไปได้ ด้วยจบฤดูกาลที่อันดับ 12
แต่ในต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2015 ทางผู้บริหารทีมเรอัลโซเซียดัดตัดสินใจปลดเดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากทำผลงานได้แย่ เมื่อทีมตกไปอยู่อันดับ 16 ซึ่งเป็นท้ายตารางคะแนน มีเพียง 9 คะแนน และผลงานในระยะหลัง 5 นัดหลังสุด ชนะเพียงนัดเดียว[29]
ซันเดอร์แลนด์
ก่อนเปิดฤดูกาล 2016–17 มอยส์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมซันเดอร์แลนด์ แทนที่ของแซม อัลลาร์ไดซ์ ที่ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ โยกไปคุมทีมชาติอังกฤษ[30] โดยจบฤดูกาลในอันดับที่ 20 ถูกลดชั้นลงไปเล่นใน อีเอฟแอลแชมเปียนชิป และมอยส์ได้ลาออกภายหลังสิ้นสุดฤดูกาล 1 วัน
เวสต์แฮมยูไนเต็ด
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2017 ทางสโมสรเวสต์แฮมยูไนเต็ดได้ประกาศตั้งเดวิด มอยส์ เป็นผู้จัดการทีมด้วยสัญญา 6 เดือน เพื่อพาเวสต์แฮมยูไนเต็ดให้พ้นจากการตกชั้นใน ฤดูกาล 2017–18[31] โดยมอยส์สามารถช่วยให้เวสต์แฮมไม่ต้องตกชั้นโดยสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับที่ 13 อย่างไรก็ตามเมื่อจบฤดูกาลทางสโมสรก็ไม่ต่อสัญญาทำให้มอยส์ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้จัดการทีมไป
กลับมาเวสต์แฮมยูไนเต็ดอีกครั้ง
ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2019 มอยส์กลับมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเวสต์แฮมอีกครั้งด้วยสัญญา 18 เดือน[32] เข้ารับตำแหน่งต่อจาก มานูเอล เปเลกรินิ ซึ่งทำผลงานย่ำแย่โดยสโมสรตกไปอยู่อันดับ 17 ในขณะนั้น มีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียงแค่คะแนนเดียว เกมแรกของมอยส์คือการพาทีมชนะเอเอฟซี บอร์นมัธ 4–0 ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2020 และพาสโมสรรอดจากการตกชั้นได้โดยจบในอับดับ 16 เก็บไปได้ 33 คะแนน ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2010–11 ผลงานฤดูกาลแรกของมอยส์คือการพาทีมเก็บได้ 20 คะแนนจากการคุมทีม 19 นัด[33]
ต่อมาในฤดูกาล 2020–21 มอยส์พาทีมเก็บไปได้ถึง 65 คะแนนเป็นสถิติใหม่ของสโมสรในการแข่งขันฟุตบอลลีก และจบในอับดับ 6 ได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีก สโมสรชนะได้ถึง 19 นัดในลีก รวมถึงชนะเกมเยือนได้ 9 นัด ซึ่งทั้งสองความสำเร็จถือเป็นสองสถิติใหม่ของสโมสรเช่นกัน[34] จากผลงานดังกล่าวทำให้กลุ่มกองเชียร์ของสโมสรได้ตั้งฉายาเขาว่า 'Moyesiah'[35] ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2021 มอยส์ได้รับการต่อสัญญาจากสโมสรออกไปอีกสามปี[36] มอยส์คุมทีมครบ 1,000 นัดในฐานะผู้จัดการทีม ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ในนัดที่เวสต์แฮมบุกไปเสมอกาแอร์เซ แค็งก์ 2–2 ในยูโรปาลีก[37][38]
สถิติการคุมทีม
- ณ วันที่ 1 มกราคม 2022
สโมสร
|
เริ่มต้น
|
สิ้นสุด
|
สถิติ
|
|
ชนะ
|
เสมอ
|
แพ้
|
เปอร์เซ็นต์ในการชนะ
|
เพรสตันนอร์ทเอนด์
|
12 มกราคม 1998
|
14 มีนาคม 2002
|
234
|
112
|
60
|
62
|
047.86
|
เอฟเวอร์ตัน
|
14 มีนาคม 2002
|
30 มิถุนายน 2013
|
518
|
218
|
139
|
161
|
042.08
|
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
|
1 กรกฎาคม 2013
|
22 เมษายน 2014
|
51
|
27
|
9
|
15
|
052.94
|
เรอัลโซเซียดัด
|
10 พฤศจิกายน 2014
|
9 พฤศจิกายน 2015
|
42
|
12
|
15
|
15
|
028.57
|
ซันเดอร์แลนด์
|
23 กรกฎาคม 2016
|
22 พฤษาคม 2017
|
43
|
8
|
7
|
28
|
018.60
|
เวสต์แฮมยูไนเต็ด
|
7 พฤศจิกายน 2017
|
13 พฤษภาคม 2018
|
31
|
9
|
10
|
12
|
029.03
|
เวสต์แฮมยูไนเต็ด
|
29 ธันวาคม 2019
|
ปัจจุบัน
|
94
|
44
|
19
|
31
|
046.81
|
รวม
|
1,013
|
430
|
259
|
324
|
042.45
|
ผลงานผู้จัดการทีม
- เอฟเวอร์ตัน
- นำทีมอยู่ในพรีเมียร์ลีก 10 ฤดูกาลติดต่อกัน : ตั้งแต่ฤดูกาล 2002-03 ถึงฤดูกาล 2012-2013 (รางวัลจากประธานสโมสร)
- ชนะเลิศ ซีเนียร์คัพ 3 สมัย : 2002-03, 2004-05, 2006-07
- เข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ 1 สมัย : 2008-09
- แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 Hugman, Barry J., บ.ก. (1998). The 1998–99 Official PFA Footballers Factfile. Harpenden: Queen Anne Press. p. 211. ISBN 978-1-85291-588-9.
- ↑ "FA Cup (Sky Sports)". SkySports (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "David Moyes". www.evertonfc.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Bairner, Robin. "The 10 longest-serving Premier League managers of all time". www.footballtransfers.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Manchester United sack manager Moyes". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "Moyes sacked as Real Sociedad boss". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "Moyes resigns as Sunderland boss". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "David Moyes returns to West Ham United | West Ham United". www.whufc.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Sportsmail (2012-09-15). "The kids are alright! Moyes believes Everton set benchmark for giving youth the chance". Mail Online.
- ↑ หน้า 19 กีฬา, แฉมอยส์ดื้อไม่ฟังเสียงเฟอร์กีจนทีมพัง. เดลินิวส์ฉบับที่ 23,364: วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปีมะเส็ง
- ↑ "แฉ 'มอยส์' คุมทีมครึ่งซีซั่น เสียแต้มเยอะกว่า 'เฟอร์กี้' ทั้งฤดูกาล". ไทยรัฐ. 3 January 2014. สืบค้นเมื่อ 3 January 2014.
- ↑ "Manchester United manager David Moyes feels heat after shock 2-1 home defeat to West Brom". www.telegraph.co.uk.
- ↑ staff, Guardian (2013-09-02). "Manchester United complete £27.5m deal for Everton's Marouane Fellaini". the Guardian (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "David Moyes Record Breaker: Here are some of the most unwanted stats of the Moyes era". JOE.ie (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Manchester United 0-1 Newcastle United". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "Manchester United 1-2 Swansea City". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "Bayern Munich 3-1 Manchester United (4-2 agg)". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "Man Utd complete £37.1m Mata signing". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "David Moyes Record Breaker: Here are some of the most unwanted stats of the Moyes era". JOE.ie (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Handler, Paul (2013-11-07). "The King gives his assent to Moyes' Red reign". Manchester Evening News (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ http://www.squawka.com/news/exclusive-david-beckham-talks-about-englands-midfield-man-uniteds-signings-and-stats-in-football/178134
- ↑ "ด่วนมากที่สุด!! ผีประกาศแยกทาง "มอยส์"". ผู้จัดการออนไลน์. 22 April 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-26. สืบค้นเมื่อ 22 April 2014.
- ↑ "สายล่อฟ้า 22 04 57". สายล่อฟ้า. 22 April 2014. สืบค้นเมื่อ 22 April 2014.
- ↑ หน้า 17 ต่อ 19 กีฬา, สื่อนอกแฉเซอร์สั่งเชือดมอยส์. เดลินิวส์ฉบับที่ 23,569: วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557 แรม 10 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเส็ง
- ↑ Luckhurst, Samuel (2020-04-22). "David Moyes became the problem at Manchester United over leaked teams". Manchester Evening News (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Van Gaal appointed Man Utd boss". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ หน้า 17 ต่อ 19 กีฬา, มอยส์รับงานใหม่ นั่งคุม'โซเซียดัด'. เดลินิวส์ฉบับที่ 23,771: วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ 2557 แรม 6 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย
- ↑ ""บาร์ซา" ยิงตัวเองพ่าย 0-1 อดเถลิงจ่าฝูง". ผู้จัดการออนไลน์. 5 January 2015. สืบค้นเมื่อ 5 January 2015.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "มาเชลซี? โซเซียดัดปลด "มอยส์" สังเวยผลงานห่วย". ผู้จัดการออนไลน์. 9 November 2015. สืบค้นเมื่อ 10 November 2015.[ลิงก์เสีย]
- ↑ ""มอยส์" รีเทิร์นพรีเมียร์ฯ เซ็นคุมแมวดำ 4 ปี". ผู้จัดการออนไลน์. July 23, 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-27. สืบค้นเมื่อ July 24, 2016.
- ↑ "มอยส์" รับเผือกร้อนคุมขุนค้อน 6 เดือน|url=https://www.posttoday.com/sports/football/524031
- ↑ "West Ham re-appoint David Moyes on 18-month deal". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Villa avoid relegation with draw at West Ham". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "David Moyes: I'm so proud to set a Premier League points record and lead West Ham United into Europe | West Ham United". www.whufc.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Rosser, Jack (2021-04-09). "Moyes happy with 'Moyesiah' nickname after West Ham miracle". www.standard.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Moyes signs three-year West Ham deal". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ "West Ham TV Exclusive - David Moyes passes 1,000 games in management | West Ham United". www.whufc.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Moyes to celebrate 1,000th game as manager". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-12-06.
- ↑ Stone, Simon (7 June 2023). "Fiorentina 1–2 West Ham United: Jarrod Bowen goal decides Europa Conference League final". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 7 June 2023.
แหล่งข้อมูลอื่น
เดวิด มอยส์ – ประวัติการคุมทีม |
---|
|
---|
(s) = เลขานุการ; (c) = รักษาการ |
|
---|
(s) = เลขาธิการ; (p) = ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม; (c) = รักษาการแทน; (i) = ชั่วคราว |
|