จีเมล
เนื้อหาในบทความนี้
ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดู
หน้าอภิปราย ประกอบ
จีเมล (อังกฤษ : Gmail ) เป็นบริการอีเมล ที่ให้บริการโดยกูเกิล ณ ปี 2019 มีผู้ใช้งานที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกจำนวน 1.5 พันล้านคน ทำให้เป็นบริการอีเมลที่ใหญ่ที่สุดในโลก[ 1] นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เฟซเว็บเมลที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ อย่างเป็นทางการ กูเกิลยังรองรับการใช้งานไคลเอนต์อีเมลของบุคคลที่สามผ่านโปรโตคอล POP และ IMAP อีกด้วย
เมื่อเปิดตัวในปี 2004 จีเมลมีพื้นที่เก็บข้อมูล 1 จิกะไบต์ ต่อผู้ใช้ ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในขณะนั้นอย่างมาก ปัจจุบัน บริการนี้มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 15 จิกะไบต์สำหรับผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งแบ่งปันกับบริการอื่น ๆ ของ กูเกิล เช่น กูเกิล ไดรฟ์ และ กูเกิล โฟโต้[ 3] ผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมสามารถซื้อ กูเกิล วัน เพื่อเพิ่มขีดจำกัด 15 จิกะไบต์นี้[ 4] ผู้ใช้สามารถรับอีเมลได้สูงสุด 50 เมกะไบต์ รวมถึงไฟล์แนบ และสามารถส่งอีเมลได้สูงสุด 25 เมกะไบต์ จีเมลรองรับการผนวกเข้ากับ กูเกิล ไดรฟ์ ช่วยให้สามารถแนบไฟล์ขนาดใหญ่ได้ จีเมลมีอินเทอร์เฟซที่เน้นการค้นหา และรองรับ "มุมมองการสนทนา" คล้ายกับฟอรัมอินเทอร์เน็ต [ 5] บริการนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้พัฒนาเว็บไซต์สำหรับการนำ Ajax มาใช้ในช่วงแรก
เซิร์ฟเวอร์อีเมลของกูเกิล สแกนอีเมลโดยอัตโนมัติเพื่อหลายวัตถุประสงค์ อย่างการกรองสแปม และมัลแวร์ และก่อนเดือนมิถุนายน 2017 เพื่อเพิ่มโฆษณาตามบริบทข้างอีเมล การปฏิบัติด้านโฆษณาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มปกป้องความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลอย่างไม่จำกัด ความง่ายในการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ผู้ใช้บริการอีเมลอื่นที่ไม่ได้ยินยอมต่อนโยบายเมื่อส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมล จีเมล และศักยภาพของกูเกิล ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อลดความเป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยการรวมข้อมูลกับการใช้งานข้อมูลกูเกิล อื่น ๆ บริษัทได้ถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ กูเกิลได้ระบุว่าผู้ใช้อีเมล "จำเป็นต้องคาดหวัง" ว่าอีเมลของพวกเขาจะต้องถูกประมวลผลโดยอัตโนมัติ และอ้างว่าบริการงดแสดงโฆษณาข้างข้อความที่อาจมีความละเอียดอ่อน เช่น ข้อความที่กล่าวถึงเชื้อชาติ ศาสนา เสน่หา สุขภาพ หรือรายงานทางการเงิน ในเดือนมิถุนายน 2017 กูเกิลประกาศยุติการใช้เนื้อหาจีเมลแบบตามบริบทเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา โดยพึ่งพาข้อมูลที่รวบรวมมาจากการใช้บริการอื่น ๆ แทน[ 6]
คุณสมบัติ
พื้นที่เก็บข้อมูล
วันที่ 1 เมษายน 2004 จีเมลเปิดตัวด้วยพื้นที่เก็บข้อมูล 1 จิกะไบต์ (GB) ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในขณะนั้นอย่างมาก[ 7]
วันที่ 1 เมษายน 2005 ซึ่งตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของจีเมล ขีดจำกัดได้เพิ่มเป็นสองเท่าเป็นสอง จิกะไบต์ จอร์จ ฮาริก (Georges Harik) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของจีเมล กล่าวว่า กูเกิลจะ "ให้พื้นที่คนเพิ่มขึ้นตลอดไป"[ 8]
ตุลาคม 2007 จีเมลเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลเป็น 4 จิกะไบต์ หลังจากการเปลี่ยนแปลงล่าสุดจากคู่แข่งอย่างยาฮู! และไมโครซอฟท์ [ 9]
วันที่ 24 เมษายน 2012 กูเกิลประกาศเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลที่รวมอยู่ในจีเมลจาก 7.5 เป็น 10 จิกะไบต์ ("และนับต่อไป") ในฐานะส่วนหนึ่งของการเปิดตัวกูเกิล ไดรฟ์ [ 10]
วันที่ 13 พฤษภาคม 2013 กูเกิลประกาศการรวมพื้นที่เก็บข้อมูลโดยรวมของจีเมล กูเกิล ไดรฟ์ และ กูเกิล โฟโต้ ทำให้ผู้ใช้มีพื้นที่เก็บข้อมูลรวม 15 จิกะไบต์ สำหรับสามบริการ[ 11] [ 12]
วันที่ 15 สิงหาคม 2561 กูเกิลเปิดตัวกูเกิล วัน บริการที่ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม แบ่งปันกันระหว่างจีเมล กูเกิล ไดรฟ์ และ กูเกิล โฟโต้ ผ่านแผนการสมัครสมาชิกแบบรายเดือน ณ ปี 2021 มีพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 15 จิกะไบต์ รวมอยู่ด้วย และมีแผนการชำระเงินสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลสูงสุด 2 เทระไบต์ [ 13]
นอกจากนี้ยังมีขีดจำกัดการจัดเก็บสำหรับข้อความจีเมลแต่ละรายการ ในขั้นต้น ข้อความหนึ่งข้อความ รวมถึงไฟล์แนบทั้งหมด ไม่สามารถมีขนาดใหญ่กว่า 25 เมกะไบต์ ได้[ 14] ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมีนาคม 2017 เพื่อให้สามารถรับอีเมลได้สูงสุด 50 เมกะไบต์ ในขณะที่ขีดจำกัดการส่งอีเมลยังคงอยู่ที่ 25 เมกะไบต์[ 15] [ 16] เพื่อส่งไฟล์ขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถแทรกไฟล์จาก กูเกิล ไดรฟ์ ลงในข้อความ[ 17]
อินเทอร์เฟซ
อินเทอร์เฟซผู้ใช้ของจีเมลในตอนแรกแตกต่างจากระบบเว็บเมลอื่น ๆ โดยเน้นไปที่การค้นหาและการเรียงลำดับการสนทนาของอีเมล โดยจัดกลุ่มข้อความหลายข้อความระหว่างสองคนหรือมากกว่าลงในหน้าเดียว ซึ่งเป็นแนวทางที่คู่แข่งได้ทำตามมาภายหลัง เควิน ฟ็อกซ์ (Kevin Fox) ผู้ออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของจีเมลต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนอยู่บนหน้าเดียวและเพียงแค่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ บนหน้านั้นแทนที่จะต้องนำทางไปยังสถานที่อื่น[ 18]
อินเทอร์เฟซของจีเมลยังใช้ 'ป้ายกำกับ' (แท็ก) ซึ่งแทนที่โฟลเดอร์แบบเดิมและให้วิธีการจัดระเบียบอีเมลที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ตัวกรองสำหรับการจัดระเบียบ การลบ หรือส่งต่ออีเมลขาเข้าไปยังที่อยู่อื่นโดยอัตโนมัติ และเครื่องหมายความสำคัญสำหรับการทำเครื่องหมายข้อความเป็น 'สำคัญ' โดยอัตโนมัติ
ในเดือนพฤศจิกายน 2011 กูเกิลเริ่มเปิดตัวการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ที่ "เรียบง่าย" รูปลักษณ์ของจีเมลให้เป็นการออกแบบแบบมินิมัลลิสต์มากขึ้น เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกันตลอดทั้งผลิตภัณฑ์และบริการของตนในฐานะส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงการออกแบบโดยรวมของกูเกิล องค์ประกอบที่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างมากรวมถึงมุมมองการสนทนาที่เรียบง่าย ความหนาแน่นของข้อมูลที่สามารถกำหนดค่าได้ ธีมใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น แถบนำทางแบบปรับขนาดได้พร้อมป้ายกำกับและรายชื่อติดต่อที่มองเห็นได้เสมอ และการค้นหาที่ดีขึ้น[ 19] [ 20] ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ได้หลายเดือนก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รวมถึงสามารถย้อนกลับไปใช้อินเทอร์เฟซเดิมได้จนถึงเดือนมีนาคม 2012 เมื่อกูเกิลหยุดความสามารถในการย้อนกลับและเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงเป็นการออกแบบใหม่สำหรับผู้ใช้ทุกคน[ 21]
ในเดือนพฤษภาคม 2013 กูเกิลอัปเดตกล่องจดหมายของจีเมลด้วยแท็บที่ช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถจัดหมวดหมู่อีเมลของผู้ใช้ได้ แท็บทั้งห้าคือ หลัก สังคม โปรโมชัน อัปเดต และฟอรัม นอกจากตัวเลือกการปรับแต่งแล้ว การอัปเดตทั้งหมดสามารถปิดใช้งานได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถกลับไปใช้โครงสร้างกล่องจดหมายแบบเดิมได้[ 22] [ 23]
ในเดือนเมษายน 2018 กูเกิลเปิดตัวเว็บ UI ใหม่สำหรับจีเมล การออกแบบใหม่นี้เป็นไปตาม Material Design ของกูเกิล และการเปลี่ยนแปลงในอินเทอร์เฟซผู้ใช้รวมถึงการใช้ฟอนต์ Product Sans ของกูเกิล การอัปเดตอื่น ๆ รวมถึงโหมดลับ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ส่งตั้งวันที่หมดอายุสำหรับข้อความที่ละเอียดอ่อนหรือเพิกถอนทั้งหมด การจัดการสิทธิ์แบบรวม และการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย[ 24]
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 กูเกิลประกาศการตั้งค่าใหม่สำหรับคุณสมบัติอัจฉริยะและการปรับแต่งในจีเมล ภายใต้การตั้งค่าใหม่ ผู้ใช้ได้รับการควบคุมข้อมูลของตนในจีเมล แชท และ Meet โดยนำเสนอคุณสมบัติอัจฉริยะ เช่น Smart Compose และ Smart Reply[ 25]
วันที่ 6 เมษายน 2564 กูเกิลเปิดตัวฟีเจอร์กูเกิล แชทและรูม (การเข้าถึงเบื้องต้น) สำหรับผู้ใช้จีเมลทั้งหมด[ 26] [ 27]
วันที่ 28 กรกฎาคม 2022 กูเกิลเปิดตัว Material You สำหรับผู้ใช้จีเมลทั้งหมด[ 28]
ตัวกรองสแปม
ฟีเจอร์การกรองสแปมของจีเมลมีระบบที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน เมื่อผู้ใช้รายใดทำเครื่องหมายอีเมลว่าเป็นสแปม ข้อมูลนี้จะช่วยระบบระบุข้อความที่คล้ายกันในอนาคตสำหรับผู้ใช้จีเมลทุกคน[ 29]
ในการอัปเดตเดือนเมษายน 2018 แบนเนอร์การกรองสแปมได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีตัวอักษรที่ใหญ่และหนาขึ้น
จีเมลแลปส์
ฟีเจอร์ จีเมล แลปส์ (Gmail Labs) เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2008 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทดสอบฟีเจอร์ใหม่หรือทดลองใช้ของจีเมล ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานฟีเจอร์ Labs ได้อย่างเลือกสรร และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแต่ละฟีเจอร์ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาของจีเมลได้รับอินพุตจากผู้ใช้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงและประเมินความนิยม[ 30]
ฟีเจอร์ยอดนิยม เช่น ตัวเลือก "ยกเลิกการส่ง" มักจะ "จบการศึกษา" จากจีเมลแลปส์เพื่อกลายเป็นการตั้งค่าอย่างเป็นทางการในจีเมล[ 31]
ฟีเจอร์แลปส์ทั้งหมดเป็นการทดลองและอาจถูกยกเลิกได้ตลอดเวลา[ 32]
การค้นหา
จีเมลมีแถบค้นหาสำหรับค้นหาอีเมล แถบค้นหายังสามารถค้นหาผู้ติดต่อ ไฟล์ที่เก็บไว้ใน กูเกิล ไดรฟ์ เหตุการณ์จาก กูเกิลปฏิทิน และ กูเกิลไซต์ ได้อีกด้วย[ 33] [ 34] [ 35]
ในเดือนพฤษภาคม 2012 จีเมลปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาเพื่อรวมการคาดการณ์การเติมเต็มอัตโนมัติจากอีเมลของผู้ใช้[ 36]
ฟังก์ชันการค้นหาของจีเมลไม่รองรับการค้นหาส่วนย่อยของคำ (หรือที่เรียกว่า 'การค้นหาสตริงย่อย' หรือการค้นหาคำบางส่วน) มีวิธีแก้ปัญหา[ 36]
การรองรับภาษา
ข้อมูลเมื่อ มีนาคม 2015[update] , อินเทอร์เฟซของจีเมลรองรับ 72 ภาษา รวมถึง: อาหรับ , บาสก์ , บัลแกเรีย , คาตาลัน , จีน (ตัวย่อ) , จีน (ตัวเต็ม) , โครเอเชีย , เช็ก , เดนมาร์ก , ดัตช์ , อังกฤษ (สหราชอาณาจักร) , อังกฤษ (สหรัฐอเมริกา) , เอสโตเนีย , ฟินแลนด์ , ฝรั่งเศส , เยอรมัน , กรีก , กุจราต , ฮิบรู , ฮินดี , ฮังการี , ไอซ์แลนด์ , อินโดนีเซีย , อิตาลี , ญี่ปุ่น , กันนาดา , เกาหลี , ลัตเวีย , ลิทัวเนีย , มาเลย์ , มาลายาลัม , มราฐี , นอร์เวย์ (บ๊อกมอล) , โอเดีย , โปแลนด์ , ปัญจาบ , โปรตุเกส (บราซิล) , โปรตุเกส (โปรตุเกส) , โรมาเนีย , รัสเซีย , เซอร์เบีย , สิงหล , สโลวัก , สโลวีเนีย , สเปน , สวีเดน , ตากาล็อก (ฟิลิปปินส์) , ทมิฬ , เตลูกู , ไทย , ตุรกี , ยูเครน , อูรดู , เวียดนาม , เวลส์ และซูลู .[ 37]
รูปแบบการป้อนข้อมูลภาษา
ในเดือนตุลาคม 2012 กูเกิลเพิ่มแป้นพิมพ์เสมือนจริงมากกว่า 100 รายการ การทับศัพท์ และตัวแก้ไขวิธีการป้อนข้อมูลให้กับจีเมล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลได้หลายรูปแบบสำหรับภาษาต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เขียนในภาษาที่ "ไม่จำกัดด้วยภาษาของแป้นพิมพ์"[ 38] [ 39]
ตุลาคม 2013 กูเกิลเพิ่มการรองรับการป้อนข้อมูลด้วยลายมือให้กับจีเมล[ 40]
สิงหาคม 2014 จีเมลกลายเป็นผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่รายแรกที่อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งและรับอีเมลจากที่อยู่อีเมลที่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์และตัวอักษรจากนอกตัวอักษรละติน [ 41] [ 42]
คุณสมบัติอื่น ๆ
คุณสมบัติของจีเมล
รับรองระบบ POP3 IMAP และ SMTP รองรับการเพิ่มบัญชี 5 ชื่อ
มีระบบการค้นหาภายใน ทั้งที่เป็นอีเมลเฉพาะหมวดหมู่ที่ผู้ใช้กำหนดขึ้น และอีเมลทั้งหมด
สามารถแท็ก อีเมลเพื่อแยกเป็นหมวดหมู่ได้ มีป้ายกำกับให้โดยเฉพาะ
มีระบบป้องกันสแปม และป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ และระบบคัดกรองจดหมายขยะด้วยตนเองได้
มีบริการแชทจากหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์ ที่เรียกว่า กูเกิลทอล์ก โดยรองรับการเชื่อมต่อด้วยกล้องแล้ว
มีระบบบันทึกอีเมลก่อนส่ง และระบบบันทึกอัตโนมัติ (auto-save) สามารถเซฟอีเมล ที่เรากำลังพิมพ์อยู่ได้ ทำให้ถึงแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีปัญหา หรือเกิดไฟดับ เราอาจจะไม่ต้องมาพิมพ์ใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้งการเก็บบันทึกไว้เป็บแบบร่างได้ทันที
สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบหน้าต่างของจีเมลได้
บริการทั้งหมดเป็นบริการฟรี ยกเว้นการซื้อพื้นที่เก็บอีเมลเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ที่จีเมลจัดให้
แพลตฟอร์ม
เว็บเบราว์เซอร์
เวอร์ชัน AJAX ที่ทันสมัยได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการในเว็บเบราว์เซอร์หลักปัจจุบันและก่อนหน้านี้ของ กูเกิล โครม , มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ , ไมโครซอฟท์ เอดจ์ และ ซาฟารี บนพื้นฐานแบบต่อเนื่อง[ 43] [ 44] [ 45]
เวอร์ชัน "HTML พื้นฐาน" ของจีเมลทำงานบนเกือบทุกเบราว์เซอร์ เวอร์ชันนี้ของจีเมลได้ถูกยกเลิกตั้งแต่มกราคม 2024[ 46]
ในเดือนสิงหาคม 2554 กูเกิลเปิดตัว จีเมล ออฟไลน์ ซึ่งเป็นแอปที่ใช้ HTML5 สำหรับให้บริการในการเข้าถึงบริการขณะออฟไลน์ จีเมล ออฟไลน์ ทำงานบนเบราว์เซอร์ กูเกิล โครม และสามารถดาวน์โหลดได้จาก โครม เว็บ สโตร์ [ 47] [ 48] [ 49]
นอกจากแอปพื้นฐานบน ไอโอเอส และ แอนดรอยด์ แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงจีเมลผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อีกด้วย[ 50]
มือถือ
จีเมลมีแอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ ไอโอเอส[ 51] (รวมถึง iPhone, iPad และ iPod Touch) และสำหรับอุปกรณ์ แอนดรอยด์ [ 52]
พฤศจิกายน 2014 กูเกิลได้แนะนำฟังก์ชันการทำงานในแอป จีเมล สำหรับ แอนดรอยด์ ที่ช่วยให้สามารถส่งและรับอีเมลจากที่อยู่อีเมลนอกเหนือจากจีเมล (เช่น Yahoo! Mail และ Outlook.com) ผ่าน POP หรือ IMAP[ 53]
พฤศจิกายน 2016 กูเกิลได้ออกแบบแอปจีเมลสำหรับแพลตฟอร์ม iOS ใหม่ โดยเป็นการยกเครื่องภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ครั้งแรกใน "เกือบสี่ปี" การอัปเดตนี้เพิ่มการใช้สีสันมากขึ้น การเปลี่ยนผ่านที่ลื่นไหลขึ้น และการเพิ่มคุณสมบัติที่ "ผู้ใช้ร้องขอเป็นอย่างมาก" หลายประการ รวมถึง ยกเลิกการส่ง, การค้นหาที่เร็วขึ้นพร้อมผลลัพธ์ทันทีและคำแนะนำการสะกดคำ และ ปัดเพื่อเก็บถาวร/ลบ[ 54] [ 55]
พฤษภาคม 2017 กูเกิลได้อัปเดต จีเมล บน แอนดรอยด์ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติป้องกันการโจมตีฟิชชิง[ 56] [ 57] [ 58] สื่อสังเกตเห็นว่า การป้องกันใหม่นี้ได้รับการประกาศท่ามกลางการโจมตีฟิชชิงที่แพร่หลายบนบริการอีเมล จีเมล และบริการเอกสาร กูเกิล เอกสาร ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน[ 57] [ 58]
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม กูเกิลได้ประกาศเพิ่ม "การตอบกลับอัจฉริยะ" ให้กับ จีเมล บน แอนดรอยด์ และ iOS "การตอบกลับอัจฉริยะ" ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวครั้งแรกสำหรับบริการ Inbox by Gmail ของ กูเกิล จะสแกนข้อความเพื่อหาข้อมูลและใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเสนอคำตอบสามแบบที่ผู้ใช้สามารถแก้ไขและส่งได้ตามต้องการ ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษในตอนเปิดตัว โดยมีการรองรับภาษาสเปนเพิ่มเติม ตามด้วยภาษาอื่น ๆ ในภายหลัง[ 59] [ 60]
Inbox by Gmail แอปพลิเคชันอีกตัวจากทีมจีเมล ยังมีให้บริการสำหรับอุปกรณ์ iOS[ 61] และ แอนดรอยด์ [ 62] ด้วย บริการนี้ยุติการให้บริการในเดือนเมษายน 2562
โปรแกรมของบุคคลที่สามสามารถใช้เพื่อเข้าถึงจีเมล โดยใช้โปรโตคอล POP หรือ IMAP[ 63] ในปี 2019 กูเกิล เปิดตัวโหมดมืดสำหรับแอปมือถือใน แอนดรอยด์ และ iOS[ 64]
Inbox by Gmail
ในเดือนตุลาคม 2557 กูเกิลเปิดตัว Inbox by Gmail ในรูปแบบเชิญเท่านั้น พัฒนาโดยทีม จีเมล แต่เป็น "กล่องจดหมายประเภทใหม่โดยสิ้นเชิง" บริการนี้สร้างขึ้นเพื่อช่วยผู้ใช้รับมือกับความท้าทายของอีเมลที่ใช้งานอยู่ โดยอ้างถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น การรบกวน ความยากลำบากในการค้นหาข้อมูลสำคัญที่ฝังอยู่ในข้อความ และการรับอีเมลจำนวนมากขึ้น Inbox by Gmail มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการจาก จีเมล รวมถึง บันเดิลที่จัดเรียงอีเมลที่มีหัวข้อเดียวกันโดยอัตโนมัติ ไฮไลต์ที่แสดงข้อมูลสำคัญจากข้อความ และการเตือน การช่วยเหลือ และการเลื่อนเวลา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้จัดการอีเมลขาเข้าได้ในเวลาที่เหมาะสม[ 65] [ 66] [ 67]
Inbox by Gmail เปิดให้บริการสาธารณะในเดือนพฤษภาคม 2015[ 68] ในเดือนกันยายน 2018 กูเกิลประกาศว่าจะยุติบริการในปลายเดือนมีนาคม 2019 โดยมีการนำคุณสมบัติหลักส่วนใหญ่ไปรวมไว้ในบริการ จีเมล มาตรฐานแล้ว[ 69] บริการนี้ถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2019[ 70]
การผนวกกับผลิตภัณฑ์ของกูเกิล
ในเดือนสิงหาคม 2010 กูเกิล เปิดตัวปลั๊กอินที่ให้บริการโทรศัพท์แบบบูรณาการภายในอินเทอร์เฟซกูเกิล แชทของ จีเมล ฟีเจอร์นี้ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการในตอนแรก โดย กูเกิล อ้างอิงถึงทั้ง "Google Voice ใน จีเมล แชท" และ "โทรศัพท์แบบเรียลไทม์ในจีเมล"[ 71] [ 72] [ 73] บริการนี้บันทึกการโทรมากกว่าหนึ่งล้านครั้งใน 24 ชั่วโมง[ 73] [ 74] ในเดือนมีนาคม 2014 Google Voice ถูกยกเลิก และแทนที่ด้วยฟังก์ชันการทำงานจาก กูเกิล แฮงเอาตส์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารอีกแพลตฟอร์มหนึ่งจาก กูเกิล[ 75] [ 76]
9 กุมภาพันธ์ 2010 กูเกิล เริ่มใช้เครื่องมือเครือข่ายสังคมใหม่ Google Buzz ซึ่งรวมเข้ากับจีเมล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ลิงก์และสื่อ รวมถึงการอัปเดตสถานะ[ 77] Google Buzz ถูกยกเลิกในเดือนตุลาคม 2011 แทนที่ด้วยฟังก์ชันการทำงานใหม่ใน กูเกิล+ แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมใหม่ของ Google ในขณะนั้น[ 78] [ 79]
จีเมลได้รับการรวมเข้ากับ กูเกิล+ ในเดือนธันวาคม 2011 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรวบรวมข้อมูล กูเกิล ทั้งหมดไว้ในบัญชี กูเกิล เดียว โดยมีโปรไฟล์ผู้ใช้ กูเกิล+ แบบรวมศูนย์[ 80] การตอบโต้จากการย้ายครั้งนี้ทำให้ กูเกิล ต้องถอยกลับและลบข้อกำหนดของบัญชีผู้ใช้ กูเกิล+ โดยเก็บเฉพาะบัญชี กูเกิล ส่วนตัวโดยไม่มีโปรไฟล์สาธารณะ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2015[ 81]
ในเดือนพฤษภาคม 2013 กูเกิล ประกาศการรวมกันระหว่าง Google Wallet และจีเมล ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้จีเมล ส่งเงินเป็นไฟล์แนบอีเมล แม้ว่าผู้ส่งจะต้องใช้บัญชีจีเมล แต่ผู้รับไม่จำเป็นต้องใช้ที่อยู่อีเมลของจีเมล[ 82] [ 83] ฟีเจอร์นี้ไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่สามารถส่งได้[ 84] ในขั้นต้นมีให้บริการบนเว็บเท่านั้น ฟีเจอร์นี้ได้ขยายไปยังแอป แอนดรอยด์ ในเดือนมีนาคม 2017 สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา[ 85] [ 86]
กันยายน 2016 กูเกิล เปิดตัว Google Trips แอปที่สร้างการ์ดการเดินทางโดยอัตโนมัติจากข้อมูลในข้อความจีเมลของผู้ใช้ การ์ดการเดินทางประกอบด้วยรายละเอียดการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบิน และรถเช่า และแนะนำกิจกรรม อาหารและเครื่องดื่ม และสถานที่ท่องเที่ยวตามสถานที่ เวลา และความสนใจ แอปยังมีฟังก์ชันการทำงานแบบออฟไลน์[ 87] [ 88] ในเดือนเมษายน 2017 Google Trips ได้รับการอัปเดตเพิ่มฟีเจอร์สำคัญหลายอย่าง แอปนี้ยังสแกนจีเมลเพื่อค้นหาตั๋วรถบัสและรถไฟ และอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลการจองการเดินทางด้วยตนเอง ผู้ใช้สามารถส่งรายละเอียดการเดินทางไปยังอีเมลของผู้ใช้รายอื่น และหากผู้รับมี Google Trips ด้วย ข้อมูลจะพร้อมใช้งานในแอปของพวกเขาโดยอัตโนมัติเช่นกัน[ 89] [ 90]
ความปลอดภัย
ประวัติ
กูเกิล สนับสนุน เอชทีทีพีเอส ที่ปลอดภัยตั้งแต่วันที่เปิดตัว ในตอนแรก มันเป็นค่าเริ่มต้นเฉพาะบนหน้าเข้าสู่ระบบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Ariel Rideout วิศวกรของ กูเกิล กล่าวว่า เอชทีทีพีเอส ทำให้ "อีเมลของคุณช้าลง" อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถสลับไปใช้โหมด เอชทีทีพีเอส แบบปลอดภัยด้วยตนเองภายในกล่องจดหมายหลังจากล็อกอิน ในเดือนกรกฎาคม 2008 กูเกิล ทำให้ความสามารถในการเปิดใช้งานโหมดปลอดภัยด้วยตนเองง่ายขึ้น โดยมีตัวสลับในเมนูการตั้งค่า[ 91]
ในปี 2007 กูเกิล แก้ไขปัญหาความปลอดภัยแบบ cross-site scripting ที่อาจทำให้ผู้โจมตีรวบรวมข้อมูลจากรายชื่อติดต่อจีเมล[ 92]
ในเดือนมกราคม 2010 กูเกิล เริ่มเปิดตัว เอชทีทีพีเอส เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ทุกคน[ 93]
ในเดือนมิถุนายน 2012 มีการแนะนำฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้จากการโจมตีที่สนับสนุนโดยรัฐ แบนเนอร์จะปรากฏที่ด้านบนของหน้าเพื่อเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการถูกบุกรุกบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต[ 94] [ 95]
ในเดือนมีนาคม 2014 กูเกิล ประกาศว่าจะใช้การเชื่อมต่อ เอชทีทีพีเอส ที่เข้ารหัสสำหรับการส่งและรับจีเมลทั้งหมด และ "ข้อความอีเมลทุกข้อความที่คุณส่งหรือรับ - 100% - ถูกเข้ารหัสขณะเคลื่อนที่ภายใน" ผ่านระบบของบริษัท[ 96]
เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้จีเมลจะใช้ transport layer security (TLS) เพื่อเข้ารหัสอีเมลที่ส่งและรับโดยอัตโนมัติ บนเว็บและบนอุปกรณ์ แอนดรอยด์ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบว่าข้อความถูกเข้ารหัสหรือไม่โดยตรวจสอบว่าข้อความมีแม่กุญแจสีแดงปิดหรือเปิดอยู่[ 97]
จีเมลสแกนอีเมลขาเข้าและขาออกทั้งหมดเพื่อหาไวรัสในไฟล์แนบอีเมลโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ไม่สามารถส่งไฟล์บางประเภท รวมถึงไฟล์ที่สามารถเรียกใช้งานได้ ในอีเมล[ 98]
ในปลายเดือนพฤษภาคม 2017 กูเกิล ประกาศว่าได้นำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องมาใช้ในการระบุอีเมลที่มีการหลอกลวงและสแปม โดยมีความแม่นยำในการตรวจจับ 99.9% บริษัทประกาศด้วยว่า จีเมลจะเลื่อนข้อความบางข้อความประมาณ 0.05% ของทั้งหมด เพื่อทำการวิเคราะห์โดยละเอียดเพิ่มเติมและรวบรวมรายละเอียดเพื่อปรับปรุงอัลกอริทึม[ 99] [ 100]
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 กูเกิล เริ่มเพิ่มการป้องกันลิงก์แบบคลิกครั้งเดียวโดยการเปลี่ยนเส้นทางลิงก์ที่คลิกไปยัง กูเกิล ในไคลเอ็นต์ จีเมลอย่างเป็นทางการ[ 101]
การเข้ารหัสขณะส่งข้อมูลโดยบุคคลที่สาม
การเข้ารหัสการส่งข้อมูลของจีเมลตามประเทศ
ในรายงานความโปร่งใสของ กูเกิล ภายใต้ส่วนอีเมลที่ปลอดภัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ของอีเมลที่เข้ารหัสขณะส่งข้อมูลระหว่างจีเมลและผู้ให้บริการอีเมลของบุคคลที่สาม[ 102]
การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
จีเมลนับสนุนการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ในการปกป้องบัญชีของตนเมื่อล็อกอิน [ 103]
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้จะต้องยืนยันตัวตนโดยใช้วิธีการที่สองหลังจากป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเมื่อล็อกอินบนอุปกรณ์ใหม่ วิธีการทั่วไปรวมถึงการป้อนรหัสที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้ผ่านข้อความ การป้อนรหัสโดยใช้แอป กูเกิล ออเทนทิเคเทอร์ บนสมาร์ทโฟน การตอบสนองต่อพร้อมท์บนอุปกรณ์ แอนดรอยด์ /iOS [ 104] หรือโดยการใส่คีย์ความปลอดภัยทางกายภาพลงในพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์[ 105]
การใช้คีย์ความปลอดภัยสำหรับการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนสามารถใช้ได้เป็นตัวเลือกในเดือนตุลาคม 2014[ 106] [ 107]
การล็อกดาวน์ 24 ชั่วโมง
หากอัลกอริทึมตรวจพบสิ่งที่กูเกิลเรียกว่า "การใช้งานผิดปกติที่อาจบ่งชี้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุก" บัญชีสามารถถูกล็อกดาวน์โดยอัตโนมัติเป็นเวลาตั้งแต่หนึ่งนาทีถึง 24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจกรรมที่ตรวจพบ เหตุผลที่ระบุสำหรับการล็อกดาวน์ ได้แก่:[ 108]
"รับ ลบ หรือดาวน์โหลดอีเมลจำนวนมากผ่าน POP หรือ IMAP ในระยะเวลาอันสั้น หากคุณได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดว่า 'ล็อกดาวน์ในภาค 4' คุณควรจะสามารถเข้าถึงจีเมลได้อีกครั้งหลังจากรอ 24 ชั่วโมง"
"ส่งข้อความที่ส่งไม่สำเร็จจำนวนมาก (ข้อความที่ส่งกลับ)"
"การใช้ซอฟต์แวร์การแชร์ไฟล์หรือการจัดเก็บไฟล์ หรือซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามที่ล็อกอินเข้าบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ"
"ปล่อยให้จีเมลเปิดหลายอินสแตนซ์"
"ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเบราว์เซอร์ โปรดทราบว่าหากคุณพบว่าเบราว์เซอร์ของคุณโหลดซ้ำอย่างต่อเนื่องขณะพยายามเข้าถึงกล่องจดหมายของคุณ อาจเป็นปัญหาของเบราว์เซอร์ และอาจจำเป็นต้องล้างแคชและคุกกี้ของเบราว์เซอร์ของคุณ"
นโยบายต่อต้านสื่อลามกเด็ก
กูเกิล ร่วมกับ NCMEC ใช้ระบบสแกนภาพอัจฉริยะในจีเมล เพื่อปกป้องเด็กจากสื่อลามกอนาจาร โดยระบบจะเปรียบเทียบภาพที่พบกับฐานข้อมูลภาพสื่อลามกเด็กขนาดใหญ่ เมื่อพบภาพที่ตรงกัน ระบบจะแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ช่วยให้เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กได้มากขึ้น[ 109]
ประวัติ
ความคิดในการสร้างอีเมล์ถูกเสนอขึ้นระหว่างการสัมภาษณ์งานกับกูเกิลโดยRajen Sheth จากนั้นโครงการจึงเริ่มโดยนักพัฒนาของกูเกิลชื่อ Paul Buchheit เขาใช้เวลาพัฒนามาหลายปีก่อนจะเปิดเป็นสาธารณะ โดยแรกเริ่ม จีเมลถูกใช้สำหรับพนักงานในบริษัทกูเกิลเท่านั้น ต่อมากูเกิลจึงเปิดเผยต่อสาธารณะในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2004 [ 110] (วันเมษาหน้าโง่ ) ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องโกหก
การพัฒนา
ภาษาพัฒนา
การเริ่มโครงการจีเมลของ กูเกิลนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นมาหลายปีก่อนที่จะเปิดให้บริการ โดยในระยะแรกเริ่มของการเปิดให้บริการ จะให้สิทธิ์ในการสมัครจีเมลโดยแจกจ่ายสิทธิทางอีเมลเชิญชวนเท่านั้น จนกระทั่งต่อมาจึงได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว โดยเปิดให้สมัครได้กับทางเว็บไซต์โดยตรง โดยหลักแล้วภาษาที่ใช้พัฒนาคือ AJAX เป็นภาษาที่ใช้ในเว็บรุ่น 2.0 (เน้นหนักไปที่ AJAXSLT framework [ต้องการอ้างอิง ] ) นอกจากนี้จะมีการเรียกใช้คุณสมบัติของ JavaScript ภายในเครื่องเพื่อการรับค่าแสดงผล จีเมลสามารถรับภาษาได้มากกว่า 52 ภาษาทั่วโลก
ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 จีเมลได้มีการทดลองก่อนที่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์[ 111] ในญี่ปุ่น 3 กันยายน พ.ศ. 2549[ต้องการอ้างอิง ] และในอียิปต์ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549[ 112] นอกจากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งในยุโรป อเมริกากลาง และแอฟริกา[ 113] จนกระทั่งระบบรองรับการใช้งาน ทำการเปิดให้ลงทะเบียนใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ได้ติดป้าย ทดลองใช้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550[ 113]
เครื่องบริการ
ระบบปฏิบัติการที่ให้บริการจีเมลคือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ ของกูเกิล GFE/1.3 server พร้อมระบบปฏิบัติการลินุกซ์ [ 114] [ 115]
พื้นที่เก็บอีเมล
ในระยะแรก จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมล 1 จิกะไบต์ต่อหนึ่งอีเมลของจีเมล และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา[ 116] จีเมลจะเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมลมากกว่า 10 จิกะไบต์ และยังคงเพิ่มขึ้นทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา โดยหากมีการใช้งานมาก ต้องการความจุเพิ่มขึ้นจากที่ทางจีเมลให้บริการฟรี สามารถอัปเกรดได้โดยเสียค่าบริการเพิ่ม โดยความจุที่เพิ่มขึ้นจะใช้ร่วมกันระหว่างบริการ ปีกาซา กูเกิล ด็อกส์ และ จีเมล [ 117]
รูปร่างหน้าตา
โดยเริ่มแรก จีเมลยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้
แต่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2008 จีเมลได้เพิ่มชุดรูปแบบกราฟิกการแสดงผล (สกิน ) ของกูเกิลให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้
โปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ตที่รองรับ
จีเมลสามารถแสดงผลได้ดีตามรายชื่อต่อไปนี้ : อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 5.5+, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ 1.0+, Safari 1.2.1+, K-Meleon 0.9+, Netscape 7.1+, Opera 9+, กูเกิล โครม
โดยมีการเพิ่มโค้ดในการรองรับ Firefox 2.0+ และ Internet Explorer 7 / 8
จีเมลสามารถใช้งานแบบไม่มีการใช้จาวาและอาเจ็คได้โดยมีชื่อว่า "Basic HTML view" หรือแสดงผลแบบเอชทีเอ็มแอล ปกติ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้งานในแบบปกติได้ เช่น ใช้เว็บเบราว์เซอร์รุ่นเก่า หรือไม่ได้เปิดการทำงานของจาวาสคริปต์ ไว้ จีเมลจะเข้าระบบเอชทีเอ็มแอลปกติ
การใช้งานร่วม
จีเมลมีความสามารถในการใช้งานระหว่าง Blogger หรือระบบโทรศัพท์มือถือได้หลายอย่าง
โดยสามารถใช้งานได้โดยไม่มีการเรียกใช้โปรแกรมภายในเครื่องจะเป็นระบบข้อความ text messaging ในเฉพาะโทรศัพท์ที่มีระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
[ 118]
การใช้ชื่อ
กูเกิลใช้ชื่อบริการอีเมลนี้ว่า จีเมล (Gmail) เกือบทั่วโลก ยกเว้นในประเทศเยอรมนี สหพันธรัฐรัสเซีย และสหราชอาณาจักร โดยเลือกใช้ชื่ออื่นคือ "กูเกิลเมล" (Google Mail) เนื่องจากชื่อ Gmail ซ้ำกับชื่อที่มีอยู่แล้วขององค์กรอื่น จึงได้เปลี่ยนชื่อเพื่อความเหมาะสมในการให้บริการ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์ ที่อาจเกิดขึ้นได้
รางวัลที่ได้รับ
จีเมลได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับที่สองจากนิตยสาร PC World ใน "100 Best Products of 2005"[ 119] โดยอันดับที่ 1 คือ มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ นอกจากนี้ นิตยสาร PC World ยังได้มอบรางวัล "Honorable Mention" ใน The Bottom Line Design Awards 2005[ 120] แก่จีเมลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่น ๆ ที่ทางจีเมลได้รับ โดยจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของจีเมลเอง[ 121]
ผู้ให้บริการอีเมลอื่น
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 Petrova (October 26, 2019). "Gmail dominates consumer email with 1.5 billion users" . CNBC.com . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 17, 2019. สืบค้นเมื่อ November 19, 2019 .
↑ Siegler, MG (March 14, 2010). "The Key To Gmail: Sh*t Umbrellas" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 22, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Manage files in your Google Drive storage - Gmail Help" . support.google.com . สืบค้นเมื่อ 2023-02-11 .
↑ "Buy more Google storage - Computer - Google Drive Help" . support.google.com . สืบค้นเมื่อ 2023-04-04 .
↑ "Group emails into conversations - Computer - Gmail Help" . support.google.com . สืบค้นเมื่อ 2023-12-08 .
↑ Bergen, Mark (June 23, 2017). "Google Will Stop Reading Your Emails for Gmail Ads" . Bloomberg.com . Bloomberg L.P. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ June 23, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 . (ต้องรับบริการ)
↑ Singer, Michael (March 31, 2004). "Google Testing Free Webmail" . Internet News . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Kuchinskas, Susan (April 1, 2005). "Endless Gmail Storage" . Internet News . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Moltzen, Edward F. (2007-10-21). "Google Ups GMail to 4 GB of Storage" . CRN . สืบค้นเมื่อ 2022-10-27 .
↑ Behrens, Nicholas (April 24, 2012). "Gmail, now with 10 GB of storage (and counting)" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Bavor, Clay (May 13, 2013). "Bringing it all together: 15 GB now shared between Drive, Gmail, and Google+ Photos" . Google Drive Blog . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ December 30, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Petkov, Jason (May 13, 2013). "15GB of Free Storage, Thanks Google!" . W3Reports . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Pricing guide" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ September 16, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Send attachments with your Gmail message" . Gmail Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ September 16, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Receive emails of up to 50 MB in Gmail" . G Suite Updates . March 1, 2017. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Coldewey, Devin (March 1, 2017). "Huzzah! Gmail now accepts attachments up to 50 MB" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Send Google Drive attachments in Gmail" . Gmail Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Lenssen, Philipp (June 2, 2008). "Kevin Fox of Gmail & FriendFeed on User Experience Design" . Google Blogoscoped . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ September 6, 2013. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Cornwell, Jason (November 1, 2011). "Gmail's new look" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Houston, Thomas (November 1, 2011). "Gmail redesign adds enhanced search box, profile pictures, conversations, and more" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Gmail New Look will be released to all users starting March 27th" . G Suite Updates . March 20, 2012. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Gilad, Itamar (May 29, 2013). "A new inbox that puts you back in control" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Bonnington, Christina (May 29, 2013). "Gmail's New Inbox Sorts Emails Into Tabbed Categories" . Wired . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Savov, Vlad (April 25, 2018). "Gmail's biggest redesign is now live" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Google will soon let you opt out of Gmail's data-hungry smart features entirely" . The Verge . November 16, 2020. สืบค้นเมื่อ 16 November 2020 .
↑ "Google begins rolling out Chat and Rooms tabs in Gmail for all accounts" . Android Central . 2021-04-05. สืบค้นเมื่อ 2021-04-06 .
↑ "Google made chats in Gmail available to all users of the service" . Gizchina.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-04-05. สืบค้นเมื่อ 2021-04-06 .
↑ Mehta, Ivan (28 July 2022). "Gmail rolls out its latest Material You redesign and search improvements to all users" . TechCrunch . สืบค้นเมื่อ 4 August 2022 .
↑ "Mark or unmark Spam in Gmail" . Gmail Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ August 15, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Coleman, Keith (June 5, 2008). "Introducing Gmail Labs" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Williams, Owen (June 23, 2015). "Gmail's 'Undo Send' feature finally graduates out of labs after six years" . The Next Web . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "About Google Labs" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 1, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Moolenaar, Bram (October 15, 2012). "Find your stuff faster in Gmail and Search" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ July 10, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Racz, Balazs (May 23, 2013). "Search emails, Google Drive, Calendar and more as you type" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Protalinski, Emil (May 23, 2013). "Google adds Google Drive files and Calendar events to Gmail's search for US users" . The Next Web . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ 36.0 36.1 "Gmail workarounds for sub-string (partial word) search" . Confluence . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ January 17, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Change your Gmail language settings" . Gmail Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Warren, C. Andrew (October 9, 2012). "Communicate more easily across languages in Gmail" . The Keyword . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Lardinois, Frederic (October 9, 2012). "Google Brings More Than 100 Virtual Keyboards, Transliterations And IMEs To Gmail" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Xiao, Xiangye (October 22, 2013). "Handwriting input comes to Gmail and Google Docs" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Monferrer, Pedro Chaparro (August 5, 2014). "A first step toward more global email" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Grandoni, Dino (August 5, 2014). "Google To Recognize Emails That Use Special Characters" . Huffington Post . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ January 8, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Panchapakesan, Venkat (June 1, 2011). "Our plans to support modern browsers across Google Apps" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Supported browsers" . Chat Help . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ March 19, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Supported browsers" . Gmail Help . สืบค้นเมื่อ 2023-09-24 .
↑ "Use the latest version of Gmail in your browser" . Gmail Help . สืบค้นเมื่อ 2023-09-24 .
↑ Boursetty, Benoît (August 31, 2011). "Using Gmail, Calendar and Docs without an Internet connection" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 14, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Zukerman, Erez (May 10, 2013). "Review: Give Gmail an extreme makeover with Gmail Offline" . PC World . International Data Group . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 7, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Siegler, MG (May 11, 2011). "Coming This Summer: Fully Offline Gmail, Google Calendar, And Google Docs" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Kroeger, Rob (April 7, 2009). "A new mobile Gmail experience for iPhone and Android" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Gmail - Email by Google on the iOS App Store" . iTunes . Apple . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Gmail on the Google Play Store" . Google Play . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Izatt, Matthew (November 3, 2014). "A more modern Gmail app for Android" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Izatt, Matthew (November 7, 2016). "Gmail and Google Calendar get a whole lot better on iOS" . The Keyword Google Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 19, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Welch, Chris (November 7, 2016). "Google just redesigned Gmail for iPhone and made it way faster" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Lawler, Richard (May 4, 2017). "Now the Android Gmail app keeps an eye out for phishing links" . Engadget . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ 57.0 57.1 Tung, Liam (May 4, 2017). "Google gives Android Gmail users new shady link warnings amid fake Docs attack" . ZDNet . CBS Interactive . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2019. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ 58.0 58.1 Perez, Sarah (May 4, 2017). "Google adds phishing protection to Gmail on Android" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Vincent, James (May 17, 2017). "Smart Reply is coming to Gmail for Android and iOS" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Ingraham, Nathan (May 17, 2017). "Google's impersonal-but-handy Smart Replies come to the Gmail app" . Engadget . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Inbox by Gmail on the iOS App Store" . iTunes . Apple . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Inbox by Gmail on the Google Play Store" . Google Play . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Read Gmail messages on other email clients using POP" . Gmail Support . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Mix (October 10, 2019). "Google is rolling out dark mode for Gmail and Maps" . The Next Web (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 10, 2019. สืบค้นเมื่อ October 10, 2019 .
↑ Pichai, Sundar (October 22, 2014). "An inbox that works for you" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 24, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Bohn, Dieter (October 22, 2014). "Inbox is a total reinvention of email from Google" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ September 5, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Etherington, Darrell (October 22, 2014). "Google's Inbox is A New Email App From The Gmail Team Designed Not To Be Gmail" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Gawley, Alex (May 28, 2015). "Thanks to you, Inbox by Gmail is now open to everyone" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ January 6, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Izatt, Matthew (September 12, 2018). "Inbox is signing off. Find your favorite features in the new Gmail" . The Keyword . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ September 12, 2018. สืบค้นเมื่อ September 12, 2018 .
↑ Schoon, Ben (March 19, 2019). "Inbox by Gmail officially shuts down on April 2nd, 2019" . 9to5Google (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 20, 2019. สืบค้นเมื่อ April 3, 2019 .
↑ Calore, Michael (August 25, 2010). "Gmail Gets Dialed Up a Notch With New Calling Feature" . Wired . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Nowak, Peter (August 25, 2010). "Google launches free voice calls from Gmail" . CBC News . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ 73.0 73.1 Mullany, Anjali (August 27, 2010). "Google announces via Twitter: 1,000,000 Gmail calls in 24 Hours" . New York Daily News . Mortimer Zuckerman . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Shankland, Stephen (August 26, 2010). "Google: 1 million Gmail calls on first day" . CNN . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Weintraub, Seth (March 18, 2014). "Google plans to kill Google Voice in coming months, integrate features into Hangouts" . 9to5Google . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Russell, Brandon (March 18, 2014). "Google Planning To Discontinue Google Voice In Favor of Hangouts" . TechnoBuffalo . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ November 5, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Guynn, Jessica (February 9, 2010). "Google aims to take on Facebook with new social feature called 'Buzz' " . Los Angeles Times . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Cheredar, Tom (July 11, 2011). "Google says Google+ integration for Gmail is coming; users sound off" . VentureBeat . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Horowitz, Bradley (October 14, 2011). "A fall sweep" . Official Google Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Striebeck, Mark (December 8, 2011). "Gmail and Contacts get better with Google+" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Horowitz, Bradley (July 27, 2015). "Everything in its right place" . The Keyword . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2019. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Green, Travis (May 15, 2013). "Send money to friends with Gmail and Google Wallet" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 27, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Honig, Zach (May 15, 2013). "Google Wallet will soon let you send payments as a Gmail attachment" . Engadget . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 27, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Send money or pay a request" . Google Wallet Help . สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Welch, Chris (March 14, 2017). "Gmail for Android now lets you send people money right in the app" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Lopez, Napier (March 14, 2017). "Google now lets you send money via Gmail on Android" . The Next Web . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Frank, Stefan (September 19, 2016). "See more, plan less – try Google Trips" . The Keyword Google Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 6, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Newton, Casey (September 19, 2016). "Google Trips is a killer travel app for the modern tourist" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 30, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Perez, Sarah (April 26, 2017). "Personalized travel planner Google Trips gets better at handling your reservations" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ April 27, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Kastrenakes, Jacob (April 26, 2017). "Google's Trips app is becoming an even better travel companion" . The Verge . Vox Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ April 26, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Rideout, Ariel (July 24, 2008). "Making security easier" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Kirk, Jeremy (January 2, 2007). "Google closes Gmail cross-site scripting vulnerability" . InfoWorld . International Data Group . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Schillace, Sam (January 12, 2010). "Default https access for Gmail" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Grosse, Eric (June 5, 2012). "Security warnings for suspected state-sponsored attacks" . Google Security Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 8, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Google to warn users of 'state-sponsored attacks' " . CBC News . June 6, 2012. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Lidzborski, Nicolas (March 20, 2014). "Staying at the forefront of email security and reliability: HTTPS-only and 99.978% availability" . Official Gmail Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 2, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Check the security of your emails" . Gmail Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "File types blocked in Gmail" . Gmail Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Lardinois, Frederic (May 31, 2017). "Google says its machine learning tech now blocks 99.9% of Gmail spam and phishing messages" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Locklear, Mallory (May 31, 2017). "Google beefs up Gmail security to fight phishing attempts" . Engadget . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Google Workspace security updates—November 2020" . Google Cloud Blog (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-09-14 .
↑ "Email encryption in transit" . Google Transparency Report . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Google 2-Step Verification" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Sign in with Google Prompts" . สืบค้นเมื่อ December 30, 2021 .
↑ "Google 2-Step Verification" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 4, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Shah, Nishit (October 21, 2014). "Strengthening 2-Step Verification with Security Key" . Google Security Blog . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ December 15, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Turner, Adam (November 5, 2014). "Google security keys may offer extra layer of online protection" . The Sydney Morning Herald . Fairfax Media . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ "Can't sign in to your Google Account" . Google Account Help . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ October 7, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Perez, Sarah (August 6, 2014). "Why The Gmail Scan That Led To A Man's Arrest For Child Porn Was Not A Privacy Violation" . TechCrunch . AOL . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018 .
↑ Sullivan, Danny. "Google Launches Gmail, Free Email Service - Search Engine Watch" . searchenginewatch.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2008-02-26. สืบค้นเมื่อ 2008-03-12 .
↑ "Gmail finally open for business" (website) . APC Magazine . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-01-27. สืบค้นเมื่อ 2008-06-01 .
↑ "Google announces that Gmail is now available to all users in Egypt" . AME Info . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (website) เมื่อ 2007-06-02. สืบค้นเมื่อ 2008-06-01 .
↑ 113.0 113.1 "From Gmail with <3" (website) . Google Official Web Blog . สืบค้นเมื่อ 2008-06-01 .
↑ "WHOIS for Gmail.com" . domaintools.com.
↑ "Netcraft "What's this site running?" report" . Netcraft.
↑ Endless Gmail Storage , สืบค้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552
↑ "How it works : Google Storage - Picasa Help" (website) . , retrieved June 28, 2011
↑ "Can I sign up without the invitation code? Or without a mobile phone?" . Gmail Help Center . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (website) เมื่อ 2006-11-18. สืบค้นเมื่อ 2006-12-13 .
↑ aid,120763, pg, 12, 00.asp PCWorld.com - The 100 Best Products of 2005 [ลิงก์เสีย ] , retrieved May 14, 2006
↑ Bottom Line Design Awards เก็บถาวร 2007-03-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Honorable Mentions. Retrieved February 14, 2007
↑ About Gmail - Reviews , retrieved May 14, 2006
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิตำรามีตำราในหัวข้อ
Gmail
บุคลากรหลัก โฆษณา การสื่อสาร ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม เครื่องมือพัฒนา เผยแพร่สารสนเทศ สืบค้น (เพจแรงก์ ) ยุติการให้บริการ อื่น ๆ