จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1
พระบรมสาทิสลักษณ์ โดย
ฌ็อง มาร์ค แนททีแยร์ หลังปี 1717
ซาร์/จักรพรรดิแห่งรัสเซีย[หมายเหตุ 1]
ครองราชย์7 พฤษภาคม 1682 – 8 กุมภาพันธ์ 1725
ราชาภิเษก25 มิถุนายน 1682
ก่อนหน้าซาร์ฟิโอดอร์ที่ 3
ถัดไปจักรพรรดินีเยกาเจรีนาที่ 1
ผู้ร่วมบัลลังก์ซาร์อีวานที่ 5 (1682–1696)
ผู้สำเร็จราชการซาเรฟนาโซฟียา อะเลคเซยีฟนา (1682–1689)
พระราชสมภพ9 มิถุนายน ค.ศ. 1672(1672-06-09)
มอสโก, อาณาจักรซาร์รัสเซีย
สวรรคต8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1725(1725-02-08) (52 ปี)
เซนต์ปีเตอส์เบิร์ก, จักรวรรดิรัสเซีย
ฝังพระศพมหาวิหารปีเตอร์และพอล
คู่อภิเษก
พระราชบุตร
พระนามเต็ม
ปิออตร์ อะเลคเซเยวิช โรมานอฟ
ราชวงศ์โรมานอฟ
พระราชบิดาซาร์อะเลคเซย์ที่ 1 แห่งรัสเซีย
พระราชมารดานาตาลยา นาริชากีนา
ศาสนารัสเซียออร์ทอดอกซ์
ลายพระอภิไธย

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 (รัสเซีย: Пётр Первый, อักษรโรมัน: Pyotr Pyervyy, สัทอักษรสากล: [ˈpʲɵtr ˈpʲɛrvɨj]) หรือ จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (รัสเซีย: Пётр Вели́кий, อักษรโรมัน: Pyotr Velíkiy, สัทอักษรสากล: [ˈpʲɵtr vʲɪˈlʲikʲɪj]) หรือ ปิออตร์ อะเลคเซเยวิช (รัสเซีย: Пётр Алексе́евич, อักษรโรมัน: Pyotr Alekséyevich, สัทอักษรสากล: [ˈpʲɵtr ɐlʲɪˈksʲejɪvʲɪtɕ], 9 มิถุนายน [ตามปฎิทินเก่า: 30 พฤษภาคม] ค.ศ. 1672 - 8 กุมภาพันธ์ [ตามปฎิทินเก่า: 28 มกราคม] ค.ศ. 1725)[หมายเหตุ 2] เป็นพระมหากษัตริย์ของ อาณาจักรซาร์รัสเซีย ซึ่งต่อมาเป็น จักรวรรดิรัสเซีย ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1682 จนกระทั่งพระองค์สวรรคตในปี ค.ศ. 1725 โดยปกครองร่วมกับ ซาร์อีวานที่ 5 แห่งรัสเซีย พระเชษฐาต่างพระราชมารดาของพระองค์ ภายใต้การปกครองของพระองค์ รัสเซียได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยและเติบโตเป็นมหาอำนาจยุโรป

จากสงครามที่ประสบความสำเร็จหลายครั้ง เขาได้ยึดท่าเรือที่ อาซอฟ และ ทะเลบอลติก วางรากฐานสำหรับ กองทัพเรือจักรวรรดิรัสเซีย ยุติอำนาจสูงสุดของสวีเดนที่ไม่มีใครโต้แย้งในทะเลบอลติก และเริ่มการขยายตัวของ อาณาจักรซาร์ ไปสู่ จักรวรรดิ ที่ใหญ่กว่ามากกลายเป็นมหาอำนาจยุโรปที่สำคัญ พระองค์เป็นผู้นำการปฏิวัติทางวัฒนธรรมที่เข้ามาแทนที่ระบบสังคมและการเมืองแบบอนุรักษนิยมและยุคกลางด้วยระบบสมัยใหม่ทั้ง วิทยาศาสตร์ และ วิทยาการตะวันตก ที่มีพื้นฐานมาจาก การตื่นรู้[1] การปฏิรูปของจักรพรรดิปีเตอร์มีผลกระทบยาวนานต่อรัสเซีย พระองค์นำตำแหน่งจักรพรรดิมาแทนตำแหน่งซาร์ในปี ค.ศ. 1721 ก่อตั้งและพัฒนาเมือง เซนต์ปีเตอส์เบิร์ก ซึ่งยังคงเป็นเมืองหลวงของรัสเซียจนถึงปี ค.ศ. 1918

พระราชประวัติ

เจ้าชายปีออตร์

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1672 เป็นพระราชโอรสในซาร์อะเลคเซย์ที่ 1 กับซารีนานาตัลยา นารีสกีนา พระมเหสีองค์ที่ 2 พระมารดาของพระองค์เป็นเด็กหญิงจากครอบครัวขุนนางเล็กๆ มีรสนิยมไปทางประเทศทางยุโรปตะวันตก และไม่เข้มงวดเช่นขุนนางรัสเซียทั่วไป ด้วยเหตุนี้พระนางจึงทรงเฉลียวฉลาด มีกิริยาคล่องแคล่ว จนเมื่อพระนางมีอายุได้ 18 ปี พระเจ้าซาร์อเล็กซิสที่ 1 จึงทรงรับตัวเข้าเป็นมเหสีองค์ที่ 2 และด้วยเหตุดังกล่าวเจ้าชายปีเตอร์จึงทรงเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงมีสติปัญญาเฉียบแหลมตามพระมารดา ต่างกับพระเชษฐาต่างมารดาที่ชื่อว่าเจ้าชายฟิโอดอร์ ที่ทรงไม่แข็งแรงและมีความพิการทางพระวรกาย แต่เนี่องจากเป็นพระโอรสของพระมเหสีองค์แรก เจ้าชายฟิโอดอร์จึงทรงได้เป็นซาเรวิชหรือองค์รัชทายาท เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี ค.ศ. 1676 ขณะที่เจ้าชายปีเตอร์มีพระชนมายุเพียง 4 ปี พระเชษฐาต่างพระมารดา พระนามว่า หิโอดอร์ ซึ่งมีพระชนมายุได้ 15 ปีจึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ฉลองพระนามว่า "ซาร์ฟิโอดอร์ที่ 3"

พระราชกรณียกิจ

นโยบายการปฏิรูปของจักรพรรดืปีเตอร์มหาราชได้สร้างรัสเซียให้เป็นรัฐทันสมัยตามแบบอย่างอารยธรรมประเทศทางยุโรปตะวันตก โดยการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ การปกครองทั้งฝ่ายฆราวาสและฝ่ายบรรพชิต สังคม และวัฒนธรรม ดังต่อไปนี้

ด้านเศรษฐกิจ

ทรงจัดระบบเศรษฐกิจของประเทศตามระบบพาณิชย์นิยมของตะวันตกโดยการห้ามนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ารัสเซีย และเร่งส่งเสริมอุตสาหกรรมต่าง ในประเทศ เช่น การทอผ้า การต่อเรือ การผลิตอาวุธ สร้างโรงงานถลุงเหล็ก รองเท้า สบู่ ช้องผม ฯลฯ อีกทั้งยังเปิดประเทศต้อนรับช่างผู้ชำนาญงานสาขาต่างๆ ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานและลงทุนในรัสเซีย ทรงจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมของรัฐเพื่อให้เอกชนดำเนินการ มีการเกณฑ์และบังคับแรงงานชาวไร่ ชาวนาให้ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนกระตุ้นให้พวกชุนนางลงทุนในด้านการค้า ในช่างระยะเวลาเพียง 20 ปี ในกรุงมอสโกมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้น 200 แห่ง และขนาดเล็กมากกว่า 2500 แห่ง ทรงละเว้นภาษีแก่โรงงานอุตสาหกรรมเอกชน แต่ขณะเดียวกันก็ทรงเพิ่มรายได้แก่รัฐด้วยการจัดเก็บภาษีอื่นๆ ในอัตราที่สูง

นอกจากนี้ยังมีการเรียกเก็บภาษีสินค้าบางชนิดที่ไม่เคยจัดเก็บมาก่อนและให้มีการผูกขาดการค้าในสินค้าบางประเภท เช่น บังเหียนม้า ไพ่ กระจก โลงศพ แตงกวา หรือแม้แต่การอาบน้ำและการแต่งงาน ในปี ค.ศ. 1718 มีพระราชโองการให้จัดเก็บภาษีบุคคล (soul tax) ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมของระบบการเก็บภาษี แต่ก็ทำรายได้ให้แก่ประเทศสูงถึง 4 เท่า มากกว่ารายรับจากภาษีอื่นๆ ส่วนรัฐบาลได้ลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยเช่น อุตสาหกรรมเหล็ก อาวุธและผ้า เป็นต้น ผลผลิตของสินค้ารัสเซียได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอันมากจนรัฐบาลสามารถส่งสินค้า อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ออกไปขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว และทำรายได้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ก็ถูกนำไปใช้ในการขยายตัวของกองทัพและการทำสงคราม ระหว่าง ค.ศ. 1700 - 1711 ได้มีการจัดตั้งงบประมาณแผ่นดินประจำปีด้วยซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรัสเซีย นอกจากนี้ ยังมีการสร้างถนน สะพาน และขุดคูคลองต่างๆ มากมายเพื่อประโยชน์ในการคมนาคมขนส่งสินค้า ส่วนในด้านเกษตรกรรมได้นำกรรมวิธีใหม่ๆ มาใช้ปรับปรุงการเกษตรอันมีผลทำให้ผลิตผล เช่น ข้าวไรย์ ป่าน ปอ ยาสูบ เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนกลายเป็นสินค้าออกที่สำคัญของประเทศ

อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยเฉพาะการถูกบังคับเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มและการถูกเกณฑ์แรงงานก็ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้ นับแต่ช่วงดังกล่าวเป็นต้นมา รัสเซียจึงต้องเผชิญกับการลุกฮือของประชาชนในภูมิภาคต่างๆ เช่น ในอัสตราฮัน (Astrakhan) ภูมิภาคกลางและตะวันตกของรัสเซีย และพวกคอสแซคในลุ่มแม่น้ำดอน (Don Cossacks) เป็นต้น ซึ่งจักรพรรดืปีเตอร์มหาราชก็ได้ทรงใช้มาตรการรุนแรงในการปราบปราม มีการจัดตั้งหน่วยงานหรือกระทรวงเพื่อสอดส่องดูแลและควบคุมประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ ในปี ค.ศ. 1714 พระองค์ได้ทรงออกพระราชโองการกำหนดลักษณะของการก่ออาชญากรรมทางการเมืองซึ่งไม่เคยมีการปฏิบัติมาก่อน และรัฐบาลก็กระตุ้นให้มีการแจ้งเบาะแสการเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งผู้แจ้งจะได้รับเงินรางวัลเป็นค่าตอบแทนด้วย

ด้านการปกครอง

จักรพรรดิปิออตร์ได้ทรงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 เขตแดน (guberny) ได้แก่ มอสโก อินเกอร์แมนแลนด์ เคียฟ สโมเลนสค์ คาซัน อาร์เซนเกล อาซอฟ และไซบีเรีย ทุกเขตแดนยกเว้นมอสโกจะมีข้าหลวงซึ่งเป็นคนสนิทของจักรพรรดิออกไปประจำอยู่ ข้าหลวงดังกล่าวมีอำนาจสูงสุดในเขตแดน ทั้งในด้านการบริหาร ตุลาการ การคลัง ตลอดจนการรักษาความปลอดภัย การรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางในลักษณะนี้เป็นการลดอำนาจของขุนนางท้องถิ่น อย่างไรก็ดี ต่อมาในปี ค.ศ. 1719 ได้มีการแบ่งเขตแดนออกอีกเป็น 45 มณฑล (ภายหลังเป็น 50 มณฑล) แต่ละมณฑลปกครองโดย "นายทหารข้าหลวง" มีการแบ่งการปกครองเขตมณฑลย่อยลงเป็นเขต (district) และให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดูแลปกครองตามแบบอย่างการปกครองท้องถิ่นของสวีเดน แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ไม่สามารถเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะภาษีบุคคลจึงมอบอำนาจให้ทหารปกครองเขตแทนในปี ค.ศ. 1722

ส่วนพวกขุนนางเก่าถูกบังคับให้มอบมรดกที่ดินแก่บุตรชายคนโตเพียงคนเดียวและให้ส่งลูกชายคนรองๆ เข้ารับราชการทหารและราชการพลเรือน ยกเลิกยศขุนนางระดับสูงที่เรียกว่า “โบยาร์” และให้ใช้ยศเคานต์ (count) และบารอน (baron) แบบยุโรปตะวันตกแทน พวกขุนนางหนุ่มดังกล่าวก็จะถูกส่งตัวไปรับการศึกษาในประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตกเพื่อนำเอาความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาประเทศ แต่ขณะเดียวกันจักรพรรดิปีเตอร์ก็ทรงพยายามลดบทบาทของขุนนางโดยทำให้สภาโบยาร์หมดความสำคัญลงด้วย โดยทรงใช้วิธีจัดตั้งสภาองคมนตรี เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา

สภาองคมนตรีประกอบด้วยสมาชิก 8 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นคนสนิทของพระองค์ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังทรงจัดตั้งวุฒิสภา ขึ้นตามแบบของสวีเดน ประกอบด้วยสมาชิก 9 คน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบริหารกิจการภายในเกือบทั้งหมด ยกเว้นด้านตุลาการและการทหาร แต่สิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือ การออก “ทำเนียบตำแหน่ง” (Table of Ranks) ในปี ค.ศ. 1722 ตามแบบอย่างของสวีเดน เดนมาร์ก และปรัสเซีย โดยแบ่งตำแหน่งขุนนางทั้งฝ่ายทหาร พลเรือน และราชสำนัก ออกเป็น 14 ตำแหน่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งจากคุณงามความดีที่ประกอบในราชการเท่านั้น ดังนั้น การออกทำเนียบตำแหน่งซึ่งเท่ากับสานต่อนโยบายเลิกการสืบทอดยศทหาร (mestnichestro) ของซาร์เฟโอดอร์ที่ 3 จึงมีผลให้สามัญชนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นขุนนางได้ ขณะเดียวกันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงฐานะของขุนนางให้มาเป็นข้าราชการ และยกเลิกอภิสิทธิ์ของขุนนางในการสืบทอดตำแหน่งต่างๆ กันในตระกูลหรือครอบครัว

ด้านศาสนา

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 มีพระราชประสงค์ที่จะปฏิรูปคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ทรงจัดการกับสถาบันขุนนาง โดยการเข้าควบคุมและทำให้ศาสนจักรรับใช้รัฐ ระหว่างปี ค.ศ. 1699 - 1700 ทรงยกเลิกอภิสิทธ์ของพวกนักบวชที่ได้รับการยกเว้นเงินภาษีและเข้าควบคุมศาสนจักรอย่างเข้มงวด ในปี ค.ศ. 1700 เมื่ออัครบิดรเอเดรียน (Patriarch Adrian) แห่งกรุงมอสโก ประมุขของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียสิ้นพระชนม์ลง พระองค์ก็ทรงเห็นเป็นโอกาสที่จะไม่แต่งตั้งพระรูปใดให้ดำรงสมณศักดิ์ดังกล่าวอีก เขตอัครบิดรถูกโอนให้แก่กรมอาราม (Monastery Department) และรายได้ของทรัพย์สินดังกลางก็ตกเป็นของรัฐด้วย ซึ่งพระองค์ก็ทรงนำไปใช้ในการทำนุบำรุงกองทัพและปรับปรุงพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ

ในปี ค.ศ. 1716 จักรพรรดิปิออตร์ทรงออกพระบรมราชโองการให้พระระดับมุขนายกขึ้นไปทุกรูปต้องถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะจงรักภักดีปละรับใช้จักรพรรดิ พระที่ยอมอุทิศตนให้แก่จักรพรรดิและเทศน์ให้ประชาชนเคารพยำเกรงในอำนาจอัตตาธิปไตยก็จะได้รับการส่งเสริมให้มีสมณศักดิ์สูงขึ้น

ต่อมาในปี ค.ศ. 1721 พระองค์ได้ทรงเข้าควบคุมศาสนจักรมากยิ่งขึ้น โดยประกาศยุบตำแหน่งอัครบิดรอย่างเป็นทางการ (ไม่มีการตั้งอัครบิดรแห่งกรุงมอสโกอีกเป็นเวลาเกือบ 200 ปี จนถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1917 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดการปฏิวัติเดือนตุลาคมเพียงเล็กน้อย) และจัดตั้งสมัชชาศักดิ์สิทธิ์ (Holy Synod) ขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรบริหารสูงสุดแทนตำแหน่งอัครบิดร แต่สมัชชาต้องอยู่ใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง (Chief Procurator) ที่เป็นฆราวาสซึ่งมีอำนาจในการยับยั้ง (veto) การออกศาสนบัญญัติหรือการดำเนินงานต่าง ๆ ของสภาศาสนาได้ ขณะเดียวกัน คริสตจักรได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของรัฐในการเพิ่มอำนาจให้แก่จักรพรรดิ โดยสร้างแนวคิดใหม่ว่าจักรพรรดิทรงเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกสรรให้ปกครองจักรวรรดิ (God’s chosen ruler) ดังนั้น การภักดีต่อพระองค์จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของคริสต์ศาสนิกชนกรีกออร์ทอดอกซ์และเป็นเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งของศาสนา

ด้านสังคม

ชาวนาซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งรวมทั้งทาสที่ต่างมีสถานภาพไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ถูกแยกออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ ทาสติดที่ดิน (serf) และชาวนารัฐ (state peasants) ทั้ง 2 ต่างมีหน้าที่ในการผลิตพืชผลทางการเกษตรและอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐอย่างเคร่งครัด ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองก็ถูกแยกออกเป็นพวกทำการค้า (trader) และพวกช่างฝีมือ (artisan) พวกทำการค้าต้องเข้าสังกัดในองค์กรพ่อค้า (merchants’ guild) ส่วนพวกช่างฝีมือต้องเป็นสมาชิกขององค์กรช่างฝีมือต่างๆ ตามที่ตนถนัด ซึ่งนับว่าเป็นการสวนกระแสของสังคมในยุโรปตะวันตกอย่างมากที่องค์กร (guild) ต่างๆ เหล่านี้กำลังสูญหายหรือเสียบทบาทไปจากดินแดนต่างๆ แต่ในรัสเซียองค์กรพ่อค้าและองค์กรช่างฝีมือได้รับสิทธิให้ปกครองดูแลกันเองในรูปแบบของการจัดการบริหารแบบเทศาภิบาล (municipal administration) โดยมีองค์กรบริหารของเมือง (town administration) จัดการดูแลและควบคุมอีกทีหนึ่ง

ส่วนชนชั้นขุนนางซึ่งรวมทั้งขุนนางระดับสูงหรือโบยาร์ สมาชิกสภา คหบดี ข้าราชสำนัก ทหารวัง และอื่นๆ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มชนชั้นขุนนางเดียวกัน เรียกว่า “dvorianin” การมีบรรดาศักดิ์หรือฐานันดรศักดิ์ต้องเป็นไปตามความดีความชอบในหน้าที่ราชการที่ได้รับมอบหมาย บุตรหลานของขุนนางถูกบังคับให้เข้ารับราชการตั้งแต่อายุยังน้อย และต้องอยู่ในราชการตลอดชีวิต พวกขุนนางยังถูกบังคับให้โกนหนวดเคราและแต่งเครื่องแบบเลียนแบบชุนนางหรือชนชั้นสูงชาวยุโรปตะวันตก ทั้งยังต้องแสดงความกระตือรือร้นที่จะศึกษาและรับความเจริญก้าวหน้าใหม่ๆ ตลอดจนต้องประพฤติปฏิบัติตามรอยพระจริยาวัตรของจักรพรรดิอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ในการรับราชการดังกล่าวพวกขุนนางจะได้รับที่ดินพร้อมด้วยชาวนาเป็นรางวัลตอบแทน รวมทั้งบรรดาศักดิ์หรือฐานันดรศักดิ์ชั้นบารอนหรือเคานต์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลต่างๆ และเหรียญตรา และที่สำคัญที่สุดคือ อำนาจในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐตามที่กำหนดไว้ในทำเนียบตำแหน่ง

ด้านวัฒนธรรม

จักรพรรดิปีเตอร์ในยุทธการโปลตาวา

ในปี ค.ศ. 1699 จักรพรรดิปิออตร์ก็ทรงคิดประดิษฐ์ธงชาติตามแบบอย่างชาติตะวันตก ประกอบด้วยแถบสีขาว น้ำเงิน แดง ในแนวนอนเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศและสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวรัสเซียและของภูมิภาคต่างๆของประเทศ ซึ่งธงสามสีดังกล่าวนี้ก็ได้ใช้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยกเว้นในช่วงเวลาระหว่างที่รัสเซียเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 ทรงพยายามเปลี่ยนแปลงสังคมและวัฒนธรรมของรัสเซียที่มีลักษณะเป็นแบบตะวันออกให้เป็นตะวันตกโดยการประกาศพระราชโองการให้ประชาชนโกนหนวดเคราทิ้งให้สอดคล้องกับความนิยมของนานาประเทศในยุโรปตะวันตกขณะนั้น เพราะพระองค์ถือว่าหนวดเคราเป็นสัญลักษณ์ของ “โลกเก่า” หรือโลกตะวันออกที่ล้าหลัง หากผู้ใดขัดขืนจะถูกลงโทษ นอกจากนั้นยังทรงนำปฏิทินจูเลียน (Julian Calendar) ที่นิยมกันในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์มาบังคับใช้ในรัสเซียในปี ค.ศ. 1699 แทนปฏิทินแบบเก่าที่นับปีตั้งแต่มีการสร้างโลก ซี่งมีปีศักราชมากกว่าปฏิทินตะวันตก 6508 ปี โดยในปฏิทินใหม่ให้ถือเอาวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1700 เป็นวันเริ่มปีและศักราชใหม่ของรัสเซีย (เดิมใช้วันที่ 1 กันยายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) เพื่อให้นับวันเวลาเดียวกันกับประเทศเหล่านั้น นอกจากนี้ในปี ดังกล่าวและปีต่อมายังทรงออกประกาศบังคับให้ชาวรัสเซียเปลี่ยนแปลงการแต่งกายจากเสื้อคลุมยาวหลวมรุ่มร่ามไม่กระชับตัว เสื้อคลุมมีขนาดยาวประมาณหัวเข่า พร้อมกับมีการจัดแสดงแบบเครื่องแต่งกายทั้งชายหญิงไว้ในที่สาธารณะ เพื่อให้ดูเป็นตัวอย่างซึ่งแบบการแต่งกายที่เริ่มนิยมกันในสหราชอาณาจักรในปลายราชวงศ์สจวต ผู้ฝ่าฝืนที่ปรากฏตัวที่ประตูเมืองในชุดเสื้อคลุมยาว จะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านประตูเมืองจนกว่าจะยอมตัดชายเสื้อคลุมให้มีขนาดสั้นขึ้น

เมื่อปี ค.ศ. 1705 พระองค์ทรงออกพระบรมราชโองการเก็บ “ภาษีหนวดเครา” กับผู้ที่ฝ่าฝืนซึ่งเห็นว่าหนวดเคราเป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าประทานหรือกำหนดให้ผู้ชายต้องมี และการโกนหนวดเคราจึงถือว่าเป็นบาปโดยทรงกำหนดอัตราภาษีหนวดเคราสูงถึง 60-100 รูเบิล กับชนชั้นต่างๆ นับแต่พวกราชสำนัก พ่อค้า ชาวเมือง คนรับใช้ คนขับรถม้า คนขับเกวียน และชาวมอสโกทุกคน (ยกเว้นพวกพระและนักเทศน์) ส่วนชาวนาที่ยากจนก็ถูกกำหนดให้จ่ายภาษีหนวดเคราครั้งละ 2.5 โคเปก ทุกที่เดินเข้าออกประตูเมืองกรุงมอสโก อีกทั้งได้มีการพิมพ์หนังสือสมบัติผู้ดีชื่อ The Hunourable Miror of Youth (ค.ศ. 1717) ขึ้นเพื่อให้เยาวชนลูกผู้ดีมีสกุลได้เรียนรู้กิริยามารยาทในการเข้าสังคมแบบตะวันตกอีกด้วย

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 ยังทรงให้เลิกธรรมเนียมเทเรมอย่างเด็ดขาดในปี ค.ศ. 1702 โดยเปิดโอกาสให้สตรีทุกเพศทุกวัยและทุกชนชั้นไม่จำกันแต่เฉพาะสตรีชั้นสูงทั่วจักรวรรดิได้มีโอกาสได้รับการศึกษา มีอิสรภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องถูกเก็บตัวอยู่แต่ภายในบ้านเท่านั้น และอนุญาตให้หนุ่มสาวได้พบกันก่อนการแต่งงาน การยกเลิกธรรมเนียมเทเรมที่เริ่มใช้ในรัชสมัยของราชบิดาของพระองค์อย่างเด็ดขาด ดังกล่าวนี้เท่ากับเป็นการยกฐานะของผู้หญิงรัสเซียให้สูงขึ้นและมีอิสระมากขึ้น และทำให้ผู้หญิงสามารถแสวงหาความรู้และแม้กระทั่งความบันเทิง เช่น เต้นรำ ฟังเพลง ดื่มสุรา เล่นไพ่และอื่นๆ ได้อย่างทัดเทียมผู้ชาย

ด้านการศึกษา

การส่งเสริมการศึกษา จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 โปรดให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาชาวดัตช์ปรับปรุงแก้ไขตัวอักษรในภาษารัสเซียให้มีลักษณะใกล้เคียงกับตัวอักษรละตินและกรีกเพื่อความสะดวกในการเขียนและการอ่านมากยิ่งขึ้น ทรงส่งเสริมให้มีการแปลหนังสือและตำราต่างๆ ที่น่าสนใจในสาขาคณิตศาสตร์ การป้องกันประเทศ การสร้างและการเดินเรือ การสงครามและสถาปัตยกรรม และในปี ค.ศ. 1702 จักรพรรดิยังทรงกระตุ้นให้รัสเซียออกหนังสือพิมพ์ชื่อ เวโดมอสติ (Vedomosti) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของประเทศ

นอกจากนี้บุตรหลานของขุนนางต้องผ่านการศึกษาภาคบังคับและนับแต่ ค.ศ. 1714 เป็นต้นไปก็ไม่อนุญาตให้ชนชั้นขุนนางแต่งงานกันจนกว่าชายหญิงคู่นั้นจะจบการศึกษาในระดับประถมศึกษาเป็นอย่างต่ำ แต่หากไม่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์และเรขาคณิตก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันด้วย นอกจากนี้ ยังมีการอนุญาตและกระตุ้นให้ชนชั้นขุนนางส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นสิ่งต้องห้ามในรัสเซีย อย่างไรก็ดี ในการปฏิรูปการศึกษาดังกล่าว มีประชาชนอยู่ทั่วไปเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ แต่ก็กล่าวได้ว่าเป็นการวางรากฐานการศึกษาให้แก่รัสเซียเพื่อสามารถพัฒนาก้าวหน้าต่อไป

ในส่วนของสถาบันการศึกษา ทรงโปรดให้มีการจัดตั้งโรงเรียนสามัญขึ้นเป็นครั้งแรกในรัสเซียที่เปิดสอนในด้านศิลปะ อักษรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ ตลอดจนโรงเรียนนายทหารบกและทหารเรือ และสถาบันการสอนภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ดัตช์ เยอรมัน เพื่อให้ความรู้แก่ชาวรัสเซียอีกด้วย นำเอาตัวเลขอารบิกมาใช้ สร้างพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด เภสัชสถานตามเมืองต่างๆ และในกองทัพตลอดจนการจัดการสอนการแสดงละคอรแบบตะวันตก เป็นต้น และที่สำคัญได้สถาปนาวิทยาลัยราชสำนักชั้นสูงขึ้นที่เมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์กและได้พัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศรัสเซียในปี ค.ศ.1724 อันได้แก่ มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก อีกด้วย

การสร้างกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก

เมื่อปี ค.ศ. 1712 จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 ทรงย้ายนครหลวงจากกรุงมอสโกไปยังกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของอ่าวฟินแลนด์เพื่อเป็น “หน้าต่างแลยุโรป” การสร้างกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์กได้เริ่มขึ้นหลังจากที่รัสเซียสามารถยึดปอลตาวาจากสวีเดนได้ในปี ค.ศ. 1703 โดยมีโดมินิโก เทรซซินี ชาวสวิซ-อิตาลี และต่อมาชอง แบบติสท์ เลอบอลอด ชาวฝรั่งเศสเป็นสถาปนิก จักรพรรดิทรงชื่นชมศิลปะและสถาปัตยกรรมยุโรปตะวันตกเป็นอันมากและเห็นว่ามีความเหมาะสมกับรัสเซียมากกว่าศิลปะสลาฟที่มีอิทธิพลในรัสเซียมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ดังนั้น ทาสติดที่ดิน นักโทษสงครามและนักโทษอุกฉกรรจ์จำนวนนับแสนจึงถูกเกณฑ์แรงงานไปก่อสร้างเมือง และจำนวนมากได้เสีอชีวิตจากอากาศที่หนาวเย็น โรคภัยไข้เจ็บและการขาดอาหาร ในระยะแรก อาคารต่างๆ สร้างด้วยซุงเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย แต่ต่อมาจักรพรรดิปีเตอร์ทรงให้สร้างด้วยหินเพื่อความคงทนถาวรและสง่างามดังเมืองใหญ่ๆ ในยุโรปตะวันตก จักรพรรดิปีเตอร์และพระราชวงศ์ทรงย้ายมาประทับ ณ เมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์กในปี ค.ศ. 1710 ก่อนที่จะจัดตั้งเป็นนครหลวงแห่งใหม่ และบังคับให้พวกขุนนางพ่อค้าและเจ้าที่ดินที่ครอบครองทาสติดที่ดินตั้งแต่ 30 ครอบครัวขึ้นไป ต้องไปตั้งบ้านเรือนอยู่ในกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์กด้วย ใน ค.ศ. 1714 จักรพรรดิทรงออกพระราชโองการห้ามการก่อสร้างอาคารด้วยหินหรืออิฐในที่อื่นๆ ในรัสเซียเพื่อสงวนวัสดุก่อสร้างไว้สร้างอาคารสถานที่ต่างๆ ในกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก

ในปี ค.ศ. 1725 การก่อสร้างพระราชวังเปเตียร์กอฟ ได้สิ้นสุดลง ซึ่งพระราชวังนี้สามารถเปรียบได้กับพระราชวังแวร์ซายในประเทศฝรั่งเศส

การประพาสยุโรปครั้งที่ 2

จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช

ขณะที่กรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์กอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างนั้น ในปี ค.ศ. 1717 จักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 ได้เสด็จประพาสยุโรปตะวันตกเป็นครั้งที่ 2 โดยทรงเยี่ยมเยียนดูความก้าวหน้าของศิลปวิทยาการในกรุงโคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก) กรุงอัมสเตอร์ดัม (ประเทศเนเธอร์แลนด์) กรุงเบอร์ลิน (ปรัสเซีย) และกรุงปารีส (ประเทศฝรั่งเศส) ซึ่งพระองค์ทรงมีโอกาสเข้าเยี่ยมพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ขณะพำนักอยู่ในกรุงปารีส จักรพรรดิปีเตอร์ก็ทรงให้ความสนพระทัยเป็นพิเศษในความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ จักรพรรดิปีเตอร์ยังทรงได้รับการทูลเชิญให้เป็นสมาชิกของราชบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส ดังนั้นเมื่อเสด็จนิวัติกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์กจักรพรรดิจึงทรงคิดจัดตั้งราชบัณฑิตยสภาหรือสถาบันวิทยาศาสตร์ขึ้น นอกจากนี้ยังทรงทำให้กรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์กเป็นศูนย์กลางของความเจริญและวัฒนธรรมตะวันตก นครแห่งนี้ซึ่งสร้างขึ้นตามชื่อของนักบุญปีเตอร์ อัครสาวกของพระเยซูยังเป็นอนุสรณ์สถานและสัญลักษณ์ของจักรพรรดิปีเตอร์มหาราชในความพยายามสร้างรัสเซียให้เป็นมหาอำนาจยุโรปและเจริญทัดเทียมอารยประเทศตะวันตก นับแต่นั้นเป็นต้นมา รัสเซียไม่สามารถที่จะหันหลังให้แก่ความเจริญ การแข่งขัน และความขัดแย้งของยุโรปได้อีกต่อไป ส่วนกรุงเซนต์ปีเตอส์เบิร์กเองก็ได้รับการพัฒนาและการขยายตัวในรัชสมัยขององค์ประมุขต่อๆ มา มีการวางผังเมือง การสร้างพระราชวังและอาคารอย่างถาวรสวยงามเป็นระเบียบมากมายจนเสร็จสมบูรณ์เป็น “มหานคร” ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปในรัชสมัยจักรพรรดินีนาถเยกาเจรีนาที่ 2 มหาราชินี และเป็น “อัญมณีประดับยอดพระมหามงกุฎ” ของราชวงศ์โรมานอฟจนกระทั่งรัสเซียประกาศยกเลิกระบอบการปกครองแบบอัตตาธิปไตยและสถาบันจักรพรรดิในปี ค.ศ. 1917

การสวรรคต

จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1725 เวลาประมาณตีสี่ถึงตีห้า พระชันษาได้ 52 ปี ครองราชย์สมบัติได้ 42 ปี จากการที่พระองค์พยายามว่ายน้ำไปช่วยเหลือพลเมืองที่กำลังจมน้ำ ทำให้พระองค์เสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา

หมายเหตุ

  1. พระอิสริยยศถูกเปลี่ยนพระนามจาก "ซาร์" เป็น "จักรพรรดิ" ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1721
  2. Dates indicated by the letters "O.S." are in the Julian calendar with the start of year adjusted to 1 January. All other dates in this article are in Gregorian calendar (see Adoption of the Gregorian calendar#Adoption in Eastern Europe).

อ้างอิง

  1. Cracraft 2003.
ก่อนหน้า จักรพรรดิปิออตร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย ถัดไป
สถาปนาพระอิสริยยศ
จักรพรรดิแห่งรัสเซีย
(2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1721 - 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1725)
จักรพรรดินีเยกาเจรีนาที่ 1

Read other articles:

كاتسوؤبوشيشرائح كاتسوؤبوشي.معلومات عامةالمنشأ اليابان — الصين النوع الأسماك المُعَالَجة — طبق سمك — سمك مجفف — smoked fish (en) المكونات الرئيسية تونة وثابة تعديل - تعديل مصدري - تعديل ويكي بيانات هذه المقالة هي واحدة من سلسلة عنالمطبخ الياباني日本料理 مكوناتقرطب أكبر  • ميس...

 

The list of Italian Coast Guard vessels[1] is a listing of all vessels to have been commissioned by the Corps of the Port Captaincies - Coast Guard during the history of that service. Assets in service Offshore vessels Class Picture ShipyardOrigin Vessels Pennantnumber Commissioned Displacementt Note Dattiloclass[2] Fincantieri SpaCantiere Navale diCastellammare di Stabia(Napoli) Luigi Dattilo CP 940 2013 3600 armed with4 x MG 42/59machine gunsFFBNW x 1OTO Melara76/62 mm Super...

 

  لمعانٍ أخرى، طالع سرخة (توضيح). سرخة بستان ابادسرخه  - قرية -  تقسيم إداري البلد إيران  الدولة  إيران المحافظة أذربيجان الشرقية المقاطعة مقاطعة بستان أباد الناحية ناحية تيكمه داش القسم الريفي قسم عباس الغربي الريفي إحداثيات 37°45′01″N 47°04′25″E / 3...

روجر جوزيف بوسكوفيتشRuđer Josip Bošković (بالكرواتية: Ruđer Josip Bošković)‏، و(بالإيطالية: Ruggero Giuseppe Boscovich)‏  بورتريه بريشة روبرت إدج باين، يرجع إلى سنة 1760 في لندن. معلومات شخصية الميلاد 18 مايو 1711(1711-05-18)دوبروفنيك، جمهورية راغوزا (في كرواتيا الحالية) الوفاة 13 فبراير 1787 (75 سنة)ميلانو، دوق...

 

TegalharjoDesaPeta lokasi Desa TegalharjoNegara IndonesiaProvinsiJawa TimurKabupatenBanyuwangiKecamatanGlenmoreKode pos68466Kode Kemendagri35.10.10.2001 Luas... km²Jumlah penduduk... jiwaKepadatan... jiwa/km² Tegalharjo adalah sebuah nama desa di wilayah Glenmore, Kabupaten Banyuwangi, Provinsi Jawa Timur, Indonesia. Pembagian wilayah Desa ini terdiri dari 4 dusun, yaitu: Dusun Darungan Dusun Gunungkrikil (Krikilan) Dusun Krajan Dusun Sidodadi Dusun Sidomakmur Pranala luar Situs resmi ...

 

Kaart van de officiële talen in Finse gemeenten. – Wit: eentalig, Fins – Lichtblauw: tweetalig met Fins als meerderheidstaal – Blauw: tweetalig met Zweeds als meerderheidstaal – Donkerblauw: eentalig, Zweeds Er zijn in Finland naast gemeenten waar Fins gesproken wordt ook gemeenten waar alleen (of overwegend) Zweeds gesproken wordt en tweetalige gemeenten. Dit komt doordat Finland historisch gezien een belangrijke Zweedstalige minderheid heeft. Tegenwoordig heeft 5,3 procent van de b...

Ґуставо Маркассіо Gustavo Marcaccio Громадянство  АргентинаМісце проживання Буенос-Айрес, АргентинаДата народження 3 травня 1977Місце народження Буенос-Айрес, АргентинаЗріст 170 смРобоча рука праваБекхенд одноручнийПризові, USD $131,434Одиночний розрядМатчів в/п 2–3 (на турнірах...

 

Kali Opak adalah anak sungai Ciliwung di sebelah barat Kali Besar, Jakarta Kota. Pada abad ke-19, banyak kapal layar yang mengarungi Nusantara berlabuh di kali ini.[1] Artikel bertopik geografi atau tempat Indonesia ini adalah sebuah rintisan. Anda dapat membantu Wikipedia dengan mengembangkannya.lbs Referensi Artikel ini tidak memiliki referensi atau sumber tepercaya sehingga isinya tidak bisa dipastikan. Tolong bantu perbaiki artikel ini dengan menambahkan referensi yang layak. Tuli...

 

This article needs additional citations for verification. Please help improve this article by adding citations to reliable sources. Unsourced material may be challenged and removed.Find sources: List of The Texas Chainsaw Massacre (franchise) characters – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (August 2016) (Learn how and when to remove this template message) This article may need to be rewritten to comply with Wikipedia's quality standards. You c...

This article uses citations that link to broken or outdated sources. Please improve the article by addressing link rot or discuss this issue on the talk page. (January 2023) (Learn how and when to remove this template message) Species of amphibian Wallace's flying frog Conservation status Least Concern (IUCN 3.1)[1] Scientific classification Domain: Eukaryota Kingdom: Animalia Phylum: Chordata Class: Amphibia Order: Anura Family: Rhacophoridae Genus: Rhacophorus Species: R. ...

 

Tajikistani footballer This biography of a living person needs additional citations for verification. Please help by adding reliable sources. Contentious material about living persons that is unsourced or poorly sourced must be removed immediately from the article and its talk page, especially if potentially libelous.Find sources: Rashid Rakhimov – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (July 2014) (Learn how and when to remove this template messa...

 

Carex cruciata Klasifikasi ilmiah Kerajaan: Plantae Divisi: Tracheophyta Kelas: Liliopsida Ordo: Poales Famili: Cyperaceae Genus: Carex Spesies: Carex cruciata Nama binomial Carex cruciataWahlenb. Carex cruciata adalah spesies tumbuhan seperti rumput yang tergolong ke dalam famili Cyperaceae. Spesies ini juga merupakan bagian dari ordo Poales. Spesies Carex cruciata sendiri merupakan bagian dari genus Carex.[1] Nama ilmiah dari spesies ini pertama kali diterbitkan oleh Wahlenb.. Refer...

Salón de actos de la Academia, en el segundo piso del edificio de la Lonja de Barcelona. La Real Academia Catalana de Bellas Artes de San Jorge[1]​[2]​[3]​ (en catalán: Reial Acadèmia Catalana de Belles Arts de Sant Jordi) es una institución cultural, sin ánimo de lucro, establecida en la ciudad española de Barcelona desde 1850.[4]​ Historia Fachada de la Lonja de Barcelona, donde tiene su sede la Real Academia Catalana de Bellas Artes de San Jorge. Tiene su orig...

 

Brama Holsztyńska (niem. „Holstentor”), ok. 1879 Brama Holsztyńska Brama Holsztyńska[1] (niem. Holstentor) – zbudowana z cegły brama miejska w Lubece, część średniowiecznych fortyfikacji tego miasta. Od początku XX w. brama jest symbolem Lubeki. Można zauważyć, że jest trochę pochyła. Jest jednym z najznamienitszych zabytków lubeckiego hanzeatyckiego Starego Miasta, które w 1987 zostało wpisane na listę dziedzictwa kulturowego UNESCO. Architektura Czterokondygnacyjna ...

 

1999 studio album by Dragana Mirković and Zlaja BandU godiniStudio album by Dragana Mirković and Zlaja BandReleasedJanuary 28, 1999GenreAtlantic RecordsLabelPGP RTS, Grand ProductionDragana Mirković and Zlaja Band chronology Kojom gorom(1997) U godini(1999) Sama(2000) U godini is the fifteenth studio album by Serbian singer Dragana Mirković and a collaborative album with Zlaja Band. It was released in 1999.[1] Track listing U godini (In the year) Koliko je prevarenih (How ...

American YouTuber and producer (born 1986) Sean EvansEvans in 2021Born (1986-04-26) April 26, 1986 (age 37)Evanston, Illinois, U.SAlma materUniversity of Illinois at Urbana–Champaign (BA)Occupation(s)YouTuber, producerYears active2014–present Sean Evans (born April 26, 1986)[1] is an American YouTuber who is best known for co-creating and hosting the series Hot Ones, in which he interviews celebrities as they eat progressively spicier chicken wings. Education and ea...

 

Music and dance school in Paris, France Conservatoire de ParisConservatoire national supérieur de musique et de danse de Paris (CNSMDP)TypeGrande écoleEstablished1795; 228 years ago (1795)AffiliationPSL UniversityDirectorÉmilie Delorme[1]Address209 avenue Jean-Jaurès, Paris, Île-de-France, 75019, FranceCampusUrbanWebsitewww.conservatoiredeparis.fr/en/accueil/ The Conservatoire de Paris (French: [kɔ̃sɛʁvatwaʁ də paʁi]), also known as the Paris Cons...

 

Street Fighter character Fictional character MakotoStreet Fighter characterMakoto in Street Fighter IIIFirst appearanceStreet Fighter III: 3rd Strike (1999)Designed byKeigo Chimoto[1]Voiced byMakoto Tsumura[2] Jessica D. Stone (English, Street Fighter IV)[3]In-universe informationFighting styleRindoukan KarateOriginJapanNationalityJapanese Makoto (Japanese: まこと) is a character in Capcom's Street Fighter fighting game series, designed by Keigo Chimoto and first ap...

This article needs additional citations for verification. Please help improve this article by adding citations to reliable sources. Unsourced material may be challenged and removed.Find sources: Commandos Singapore Army – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (October 2018) (Learn how and when to remove this template message) CommandosLogo of the Commandos FormationActive1 December 1969 – presentCountry SingaporeBranch Singapore ...

 

Franz Blei nel 1918 Franz Blei (Vienna, 18 gennaio 1871 – Westbury, 10 luglio 1942) è stato un saggista, drammaturgo, traduttore, bibliofilo austriaco di famiglia ebraica. Amico e collaboratore di Franz Kafka[1], fu anche un editore, critico letterario e redattore, noto con vari pseudonimi: Medardus, Dr. Peregrinus Steinhövel, Amadée de la Houlette, Franciscus Amadeus, Gussie Mc-Bill, Prokop Templin, Heliogabal, Nikodemus Schuster, L. O. G., Hans Adolar. Indice 1 Biografia 2 Amet...

 

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!