แผนผังหน่วยของกองทัพบกเดนมาร์ก , เมษายน พ.ศ. 2483
หน่วยทางทหาร [ 1] หรือ องค์การทหาร[ 1] (อังกฤษ : military organization หรือ military organisation ) คือการจัดโครงสร้างกองทัพ ของรัฐ เพื่อให้มีขีดความสามารถทางทหาร (military capability) ให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันประเทศที่ได้กำหนดไว้ ในบางประเทศ กองกำลังกึ่งทหาร อาจจะถูกรวมอยู่ในกองทัพของประเทศด้วย แม้ว่าจะไม่ถือว่าเป็นทหารก็ตาม กองทัพที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยทางทหารหรือกำลังกึ่งทหาร เช่น กองกำลังผู้ก่อความไม่สงบ มักจะเลียบแบบการจัดหน่วยทางทหาร หรือใช้โครงสร้างเหล่านี้ ในขณะที่หน่วยทางทหารที่เป็นทางการจะใช้รูปแบบการจัดหน่วยตามลำดับชั้น
ประวัติ
การใช้ยศทหาร เป็นโครงสร้างในการกำหนดลำดับชั้นเริ่มมีการใช้งานครั้งแรกในกองทัพโรมัน
ในยุคปัจจุบัน การควบคุม การจัดการ และการบริหารปฏิบัติการหน่วยทหารมักดำเนินงานโดยรัฐบาลผ่านหน่วยงานของรัฐบาล ภายในโครงสร้างการบริหารรัฐกิจ (public administration) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่ากระทรวงกลาโหม หรือกรมกลาโหม โดยหน่วยงานนี้จะควบคุมสั่งการผ่านเหล่าทัพ ในการสั่งการหน่วยและรูปขบวนทหารในการรบ การสนับสนุนการรบ และการสนับสนุนการช่วยรบ
การควบคุม การจัดการ และการบริหารปฏิบัติการ
โดยปกติแล้ว การควบคุมปฏิบัติการโดยพลเรือนหรือพลเรือนบางส่วนต่อหน่วยทางทหารระดับชาติ นั้นจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย ที่ได้ผู้นำทางการเมืองมาจากการเลือกตั้งในฐานะของสมาชิกของคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาล หรือที่รู้จักกันในชื่อว่ากระทรวงกลาโหม ในขณะที่ระบบประธานาธิบดี เช่น สหรัฐ ประธานาธิบดีจะเป็นผู้บัญชาการทหาร และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับรองลงมา สายการบังคับบัญชาในระดับรองลงมาจากรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมมักจะเป็นเลขานุการของส่วนปฏิบัติการของกองทัพโดยรวม เช่น หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั่วไปกับกองทัพ หรือหน่วยงานภายใต้กองทัพ
จากนั้นจะมีผู้บัญชาการในระดับรองลงมาที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือสาขาเพื่อให้คำปรึกษา เช่น ผู้ให้คำแนะนำด้านยุทธศาสตร์ การประเมินขีดความสามารถทางทหาร หรือการจัดหางานวิจัย การออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีด้านวิทยาการทหาร และภายในแต่ละส่วนจะพบกับเหล่าบริการที่มีความชำนาญด้านธุรกิจ
เหล่าทัพ
รูปขบวนพาหนะทางทหารผสมอากาศยานและเรือรบระหว่างการฝึกระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ และกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่น
ในประเทศส่วนใหญ่ กองทัพแบ่งออกเป็น 3 เหล่าทัพ (military branches , service, armed service, หรือ military service) กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
หลายประเทศมีรูปแบบมาตรฐานของเหล่าทัพทางการทหาร 3 เหล่าทัพ บางประเทศยังมีการจัดหน่วยของกองกำลังไซเบอร์ (cyber force), บริการฉุกเฉิน (emergencies service), การแพทย์ (medical service), การส่งกำลังบำรุงทางทหาร (military logistics), กองทัพอวกาศ (space force), นาวิกโยธิน (marines) และหน่วยรบพิเศษ (special forces) เช่น คอมมานโด (commando) หรือหน่วยส่งทางอากาศ (airborne force) ซึ่งเป็นหน่วยติดอาวุธอิสระ ส่วนของหน่วยยามชายแดน (border guard) หรือหน่วยยามฝั่ง (coast guard) ในระดับชาติอาจเป็นหน่วยงานอิสระแยกออกมาจากเหล่าทัพ แม้ว่าในหลายประเทศหน่วยยามชายแดนหรือหน่วยยามฝั่งนั้นเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของพลเรือนก็ตาม ในขณะที่หลายประเทศไม่มีกองทัพเรือด้วยเหตุผลด้านภูมิศาสตร์
ในกองทัพขนาดใหญ่ อาจจะมีวัฒนธรรมระหว่างเหล่าทัพที่แตกต่างกันไปอย่างมากในแต่ละเหล่าทัพ
ส่วนในประเทศที่มีขนาดเล็กส่วนใหญ่จะมีองค์กรเดียวในการจัดการกองทัพทุกเหล่าทัพในประเทศ โดยกองทัพบกในประเทศกำลังพัฒนา มีแนวโน้มที่จะมีกำลังหลักเป็นทหารราบ เป็นหลัก ในขณะที่กองทัพบกในประเทศพัฒนาแล้ว มักจะมีหน่วยขนาดใหญ่กว่า มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีราคาสูงและใช้กำลังพลจำนวนไม่สูงมากในหน่วยทหารราบ
ในกองทัพตะวันตก กำลังรบร่วม (joint force) หมายถึงหน่วยหรือรูปแบบที่ประกอบไปด้วยตัวแทนของหน่วยรบจากสองหรือสามเหล่าทัพขึ้นไปประกอบกำลังร่วมกัน
กองกำลังรักษาความมั่นคงภายใน
ฌ็องดาร์เมอรี (gendarmerie), สารวัตรทหาร (military police) และกองกำลังความมั่นคง (security force) หรือกองกำลังที่มีศักยภาพเทียบเท่า เช่น กำลังกึ่งทหาร (paramilitary force), กองกำลังอาสาสมัคร (militia) กองกำลังภายใน (internal troop) และหน่วยยุทธวิธีตำรวจ (police tactical unit) เป็นการรักษาความมั่นคงภายในที่พบได้ทั่วไปในประเทศส่วนใหญ่บนโลก แต่พบไม่บ่อยในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ใช้งานระบบกฎหมายจารีตประเพณี ของอังกฤษและจ้างตำรวจพลเรือนในการบังคับใช้กฎหมาย และมีข้อจำกัดในการใช้กำลังทหารเพื่อช่วยเหลือกำลังตำรวจพลเรือน[ a]
หน่วยบัญชาการ รูปขบวนและหน่วยทหาร
เป็นเรื่องปกติ อย่างน้อยในกองทัพของยุโรปและอเมริกาเหนือจะเรียกองค์ประกอบพื้นฐานของกองทัพว่าเป็น หน่วยบัญชาการ รูปขบวน และหน่วยทหาร
ในบริบททางทหาร หน่วยบัญชาการคือชุดของหน่วยและรูปขบวนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนายทหารเพียงคนเดียว แม้ว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หน่วยบัญชาการก็เป็นชื่อที่ตั้งให้กับกลุ่มชุดรบ (battle group) ในกองทัพบกสหรัฐ โดยทั่วไปกองบัญชาการด้านการบริหารและทางยุทธศาสตร์ จะถูกรับผิดชอบโดยรัฐบาลแห่งชาติหรือหรือกองบัญชาการทหารแห่งชาติ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การบริการระดับชาติของแต่ละหน่วยจะมีการบังคับบัญชาเป็นของตนเอง (เช่น ส่วนทางบก, ส่วนทางอากาศ, ส่วนทางเรือ และส่วนการแพทย์ในกองทัพบกเบลเยียม ) แต่การมีอยู่ของส่วนบัญชาการเฉพาะหน่วยไม่ได้เป็นการขัดขวางคำสั่งการที่ไม่ได้อิงตามส่วนบริการเหล่านั้น
รูปขบวน (formation) ถูกกำหนดโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ว่าเป็น "อากาศยาน, เรือ หรือหน่วย ตั้งแต่ 2 ลำ (หน่วย) ขึ้นไปที่ดำเนินกิจกรรมร่วมกันภายใต้ผู้บังคับหน่วย"[ 2] คำว่า Fomin ในสารานุกรมสหภาพโซเวียตที่ยิ่งใหญ่ เน้นถึงการรวมกำลังว่าเป็น "รูปขบวนคือหน่วยทางทหารที่ก่อตั้งขึ้นมาจากหน่วยกองกำลังที่เชี่ยวชาญด้านอาวุธและบริการเพื่อสร้างความสมดุลในการรบผสมเหล่า รูปขบวนต่าง ๆ แตกต่างกันเพียงความสามารถในการใช้กำลังเพื่อบรรลุพลในระดับต่าง ๆ ต่อเป้าหมายในทางยุทธศาสตร์ การปฏิบัติการ ทางยุทธวิธีตามวัตถุประสงค์ของภารกิจที่แตกต่างกัน"[ 3] เป็นหน่วยทางทหารที่มีการผสมผสานกันระหว่างหน่วยย่อยที่สามารถบูรณาการและปฏิบัติการ และปกติจะมีขีดความสามารถในการรบได้ ตัวอย่างของรูปขบวน เช่น กองพล , กองพลน้อย , กองพัน , กองบิน เป็นต้น นอกจากนี้รูปขบวนอาจจะหมายถึงรูปแบบทางยุทธวิธี[ 4] การจัดเตรียมกำลังทางกายภาพหรือการจัดวางกำลังทหารและอาวุธ เช่น รูปขบวนแบบกระดองเต่า (testudo formation), รูปขบวนลิ่ม เป็นต้น
หน่วยทั่วไป คือหน่วยทางทหารที่เป็นเนื้อเดียวกัน (ทั้งการรบ, การสนับสนุนการรบ หรือสมรรถภาพในเชิงไม่ใช่การสู้รบ) ซึ่งรวมไปถึงเจ้าหน้าที่บริการที่ส่วนใหญ่มาจากหน่วยบริการเดียว หรือเหล่าบริการเดียว โดยมีภาระหน้าที่ในทั้งด้านการบริหารและการบังคับการอยู่ในตัวเอง หน่วยใด ๆ ก็ตามที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของอีกหน่วยหนึ่งถือเป็นหน่วยย่อยหรือหน่วยรอง ไม่ใช่เรื่องแปลกในสหรัฐที่หน่วยและรูปขบวนจะใช้ตรงกัน ส่วนในทางปฏิบัติของเครือจักรภพ รูปขบวนจะไม่ถูกใช้กับหน่วยทหารขนาดเล็ก เช่น กองพัน, หมวด จะถูกเรียกว่า "หน่วย" (unit) และหมวด หรือ กองร้อยจะใช้เรียกว่าเป็นหน่วยย่อย ในเครือจักรภพ รูปขบวนจะหมายถึง กองพัน, กองพลน้อย เป็นต้น
กองทัพ ที่แตกต่างกัน และแม้แต่เหล่าบริการที่แตกต่างกันของกองทัพ อาจจะใช้ชื่อเดียวกันเพื่อแสดงถึงความแตกต่างของหน่วยทางทหารประเภทต่าง ๆ เช่น กองเรือ (squadron) ในกองทัพเรือส่วนใหญ่ กองเรือคือรูปขบวนของเรือหลายลำ ในกองทัพอากาศส่วนใหญ่เป็นหน่วยเรียกว่าฝูงบิน (squadron) ในกองทัพบกสหรัฐเป็นหน่วยขนาดกองพันของทหารม้าเรียกว่ากองพันทหารม้า (squadron) และในกองทัพบกในเครือจักรภพขนาดกองร้อยในระดับหน่วยย่อย
อัตราการจัดและยุทโธปกรณ์
อัตราการจัดและยุทโธปกรณ์ (table of organization and equipment: TOE หรือ TO&E) เป็นเอกสารที่เผยแพร่โดยหน่วยสนับสนุนการจัดการกองทัพบกสหรัฐ (U.S. Army Force Management Support Agency) ซึ่งกำหนดหน่วยทางทหาร, กำลังพล, และยุทโธปกรณ์ของหน่วยตั้งแต่กองพลลงมา แต่รวมไปถึงกองบัญชาการของกองทัพน้อยและกองทัพ
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจและขีดความสามารถของหน่วยตลอดจนสถานะปัจจุบันของหน่วย อัตราการจัดและยุทโธปกรณ์ทั่วไปสามารถใช้ได้กับหน่วยทั่วไป (เช่น ทหารราบ) มากกว่าหน่วยเฉพาะ (เช่น กองพลทหารราบที่ 3) ด้วยวิธีนี้ ทุกหน่วยในเหล่าเดียวกัน (เช่น ทหารราบ) จะปฏิบัติตามแนวทางตามโครงสร้างเดียวกัน
ลำดับชั้นสมัยใหม่
กองทัพบก
ตารางต่อไปนี้แสดงถึงภาพรวมของคำศัพท์บางคำที่ใช้อธิบายลำดับชั้นของกองทัพบกในกองทัพทั่วโลก แม้ว่าจะเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่ากองทัพบกของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน แต่หลายกองทัพบกก็เลือกใช้รูปแบบของสหราชอาณาจักร หรือสหรัฐ หรือทั้งสองประเทศ[ 5] อย่างไรก็ตาม หน่วยและรูปขบวนทหารจำนวนมากมีประวัติย้อนกลับไปในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้รับการคิดค้นโดยนักคิดทางการทหารหลายคนตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของยุโรป
ตัวอย่าง เช่น กองทัพน้อย สมัยใหม่ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกในฝรั่งเศสประมาณปี พ.ศ. 2348 โดยนโปเลียน โดยเป็นการจัดกลุ่มยุทธวิธีที่ยืดหยุ่นมากขึ้นของสองกองพลในช่วงระหว่างสงครามนโปเลียน
สัญลักษณ์เนโท
ชื่อ
รูปแบบ
กำลังพล
การประกอบหน่วย
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ
หน่วยบัญชาการรบรวม [ 6] หรือเทียบเท่าภูมิภาค [ b] [ 5] ยุทธบริเวณ
หน่วยบัญชาการ
1,000,000–10,000,000
4+ หมู่กองทัพ
OF-10: จอมพล OF-9: พลเอก , พลเอกทหารบก หรือ พลเอกอาวุโส
หมู่กองทัพ หรือเทียบเท่าแนวรบ
หน่วยบัญชาการ
400,000–1,000,000[ 5]
2+ กองทัพ
OF-10 จอมพล OF-9: พลเอก, พลเอกทหารบก หรือ พลเอกอาวุโส
กองทัพสนาม
หน่วยบัญชาการ
100,000–200,000
2–4 กองทัพน้อย
OF-10: จอมพล OF-9: พลเอก, พลเอกทหารบก หรือ พลเอกอาวุโส
กองทัพน้อย
รูปขบวน
20,000–60,000
2+ กองพล
OF-9: พลเอก หรือ พลเอกทหารบก[ c] OF-8: พลโท , นายพลกองทัพน้อย หรือ พลเอกอาวุโส[ d] OF-7: พลตรี [ e]
กองพล
รูปขบวน
6,000–25,000
2–8 กองพลน้อย หรือ กรม
OF-8: พลโท OF-8 หรือ OF-7: นายพลกองพล OF-7: พลตรี หรือ OF-6: พันเอกอาวุโส [ f]
กองพลน้อย
รูปขบวน
3,000–5,000[ 5]
2+ กรม หรือ กลุ่ม, หรือ 3–8 กองพัน หรือเทียบเท่า
OF-7: พลตรี OF-7 or OF-6: พลจัตวา OF-6: บริกกะเดียร์ , พลจัตวา , พันเอกอาวุโส OF-5: พันเอก
กรม หรือ กลุ่ม
หน่วย
1,000–3,000
2+ กองพัน หรือเทียบเท่า
OF-5: พันเอก
กองพัน หรือเทียบเท่ากรม (บางประเทศสำหรับอาวุธบางส่วนเท่านั้น)กองพันทหารม้า (ทหารม้าสหรัฐ)ฝูงบิน (บางประเทศสำหรับการบิน)โคฮอร์ต
หน่วย
300–1,000
2–6 sub-units (กองร้อย หรือเทียบเท่า)
OF-4: พันโท
กองร้อย หรือเทียบเท่ากองร้อยปืนใหญ่
สควอดเดริน (บางประเทศสำหรับอาวุธบางส่วนเท่านั้น)กอง ทหารม้าสหรัฐเซนทูเรีย
หน่วย หรือ หน่วยรอง
100–250
2–8 หมวด หรือเทียบเท่า
OF-3: พันตรี OF-2: ร้อยเอก OR-9: พันดาบ
ชตัฟเฟิล [ 7] หรือ เอชลอน[ 8]
หน่วยรองย่อย
50–90
2 หมวด / กอง หรือ 6–10 ตอน
OF-2: ร้อยเอก หรือ ร้อยเอกเสนาธิการ OR-8: นายดาบ หรือ พันดาบ
หมวด หรือเทียบเท่ากอง (บางประเทศสำหรับอาวุธบางชนิด)
หน่วยรองย่อย
20–50
2+ ตอน, หรือ ยานพาหนะ
OF-1: ร้อยโท หรือ ร้อยตรี OR-7: นายดาบ
ตอน หรือ ชุดลาดตระเวน
-
12–24
2–3 หมู่ หรือ 3–6 ชุดยิง
OR-6: จ่าสิบตรี OR-5: สิบเอก
หมู่
-
6–12
2–3 ชุดยิง หรือ 1+ เซลล์
OR-5: สิบเอก OR-4: สิบโท
ชุดยิง หรือ ชุด
-
2–4
ไม่มี
OR-3: สิบตรี ถึง OR-5: สิบเอก
OR-2: พลทหาร
แต่ละขั้นอาจจะถูกข้ามไปในลำดับนี้ ตัวอย่าง เช่น กองกำลังของเนโทโดยทั่วไปจะข้ามจากกองพันไปยังกองพลน้อย ในทำนองเดียวกัน ประเทศมหาอำนาจทางการทหารขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะมีหน่วยทางทหารในระดับสูงที่สุด และกองทัพบกในแต่ละประเทศอาจจะใช้ชื่อดั้งเดิม ทำให้เกิดความสับสนในการจำแนก เช่น สหราชอาณาจักร หรือแคนาดากรมทหารติดอาวุธ (กองพัน) แบ่งออกเป็นสควอดเดริน (กองร้อย) และกอง (หมวด) ในขณะที่สควอดเดรินทหารม้าอเมริกัน (กองพัน) แบ่งออกเป็นกอง (กองร้อย) และหมวด ในระบบของฝรั่งเศส (ซึ่งใช้งานโดยหลายประเทศในแอฟริกา) กองร้อยแบ่งออกเป็นตอน (หมวด) ประกอบด้วย 3 "กลุ่มการต่อสู้" ของทหาร 7 นาย พร้อมด้วยกลุ่มพลประจำรถและกองบัญชาการที่ประกอบไปด้วยพลซุ่มยิง 2 นาย
กองทัพ , หมู่กองทัพ , ภูมิภาค และยุทธบริเวณ ล้วนเป็นรูปขบวนขนาดใหญ่ที่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญระหว่างกองทัพในด้านของขนาดและตำแหน่งลำดับชั้น ในขณะที่กองพล มีลักษณะดั้งเดิมเป็นระดับสนับสนุนส่วน (ปืนใหญ่สนาม, โรงพยายบาล, การส่งกำลังบำรุง และการซ่อมบำรุง เป็นต้น) เข้าไปในโครงสร้างหน่วย ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง กองพลน้อยจำนวนมากในปัจจุบันก็มีหน่วยสนับสนุนดังกล่าวเรียกว่ากรมผสม ในสำนวนทางทหารของสหรัฐ หรือกลุ่มชุดรบ ในสหราชอาณาจักรและกองกำลังอื่น ๆ หลักนิยมของกองทัพบกแคนาดายังรวมไปถึงชุดรบ ซึ่งเป็นกองร้อยทหารราบที่เสริมด้วยรถถัง หรือสควอดเดรินรถถังที่เสริมด้วยทหารราบ หรือการผสมของกองร้อยทหารราบเต็มกองร้อยกับสควอดเดรินรถถัง
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพแดง ได้ใช้โครงสร้างทางทหารพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้นมีหลายหน่วยมีกำลังไม่เพียงพอและขนาดของหน่วยมีขนาดต่ำกว่าระดับขั้นหนึ่งระดับตามปกติที่กองทัพอื่นใช้ เช่น การแบ่งส่วนของกองทัพแดงในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สองจะมีขนาดพอ ๆ กับกรมทหารหรือกองพลน้อยของประเทศส่วนใหญ่[ 9] [ 10] บริเวณจุดสูงสุดของระดับขั้นของชาติอื่น ๆ มักเรียกว่าหมู่กองทัพ ขณะที่กองทัพแดงเรียกว่าแนวรบ ในอีกด้าน ช่วงเวลาเดียวกันหมู่กองทัพแวร์มัคท์ ของเยอรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวรบด้านตะวันออก เช่น หมู่กองทัพกลาง มีมากกว่าจำนวนข้างต้นของกองทัพโซเวียตอย่างมีนัยยะสำคัญ และมีความเกี่ยวข้องกับทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ของโซเวียต
กองทัพเรือ
หน่วยทางเรือของทหารเรือในระดับหมวดเรือ หรือสูงกว่ามักไม่ค่อยมีการจัดกำลังตามแบบจริง ๆ เนื่องจากเรือมักปฏิบัติการเป็นกลุ่มที่เล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม มีคำศัพท์ทางทหารทั่วไปที่ใช้อย่างแพร่หลายในกองทัพเรือเพื่อสื่อสารแนวคิดเกี่ยวกับจำนวนเรือที่มีในหน่วยแต่ละรูปแบบ
โดยปกติเรือในกองทัพเรือจะถูกจัดกลุ่มตามวัตถุประสงค์เฉพาะ ซึ่งมักจะเป็นไปในเชิงกลยุทธ์ และการจัดหน่วยรูปแบบเหล่านี้มักจะมีการจัดขึ้นและปรับเปลี่ยนรูปแบบตามเงื่อนไขและความต้องการของกองทัพเรือ ซึ่งแตกต่างจากการจัดหน่วยทางทหารของกองทัพบกที่หน่วยต่าง ๆ มีรูปแบบที่คงที่ และมียุทโธปกรณ์และบุคลากรทางทหารเท่ากัน คงรูปแบบในระยะยาว
จอมพลเรือ (admiral of the fleet และ fleet admiral) ระดับห้าดาวส่วนใหญ่ไม่มีการใช้งานมาตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ยกเว้นในการแต่งตั้งในพิธีการหรือตำแหน่งกิตติมศักดิ์ ในยุคปัจจุบัน กองทัพเรือส่วนใหญ่ (ทั้งบลู-วอเตอร์เนวี และกรีน-วอเตอร์เนวี ) จะได้รับการสั่งการจากพลเรือเอก ระดับสี่ดาวหรือสามดาว ขึ้นอยู่กับขนาดของกองเรือสัมพันธ์กับระดับยศ ในกองทัพเรือที่มีขนาดเล็ก เช่น กองทัพเรือนิวซีแลนด์ หรือกองทัพเรือที่เป็นหน่วยยามฝั่ง ประสิทธิภาพสูง จะบัญชาการโดยพลเรือตรี (ระดับสองดาว), พลเรือจัตวา (ระดับหนึ่งดาว) หรือแม้แต่นาวาเอก
เรื่อบรรทุกอากาศยาน มักจะถูกบัญชาการโดยนาวาเอก ซึ่งปกติเรือดำน้ำ และเรือพิฆาต จะบัญชาการโดยนาวาเอกหรือนาวาโท เรือพิฆาตบางลำ โดยเฉพาะเรือพิฆาตขนาดเล็ก เช่น เรือฟริเกต (เดิมถูกเรียกว่าเรือพิฆาตคุ้มกัน ) มักจะบัญชาการโดยนายทหารที่มียศนาวาโท ส่วนเรือคอร์เวต ซึ่งเป็นเรือรบชั้นที่เล็กที่สุดจะบัญชาการโดยนายทหารยศนาวาโทหรือนาวาตรี ในเรือช่วยรบ ประกอบไปด้วย เรือปืน, เรือกวาดทุ่นระเบิด, เรือตรวจการณ์, เรือตรวจการณ์ลำน้ำ และเรือตอร์ปิโด มักจะได้รับการบัญชาการจากเรือตรี , เรือโท หรือนายดาบ และในเรือขนาดเล็กลดหลั่นลงไป ตำแหน่งผู้บังคับการเรือก็จะยิ่งมีตำแหน่งลดหลั่นคงมา เช่น เรือตรวจการณ์มักจะได้รับการบัญชาการจากเรือตรี ในขณะที่เรือฟริเกตมักจะไม่ค่อยถูกบัญชาการโดยนายทหารยศต่ำกว่านาวาโท
ในอดีต กองทัพเรือมีโครงสร้างที่ตายตัวกว่าปัจจุบันมาก เรือจะถูกรวมเป็นหมู่เรือ (division) ซึ่งในทางกลับกันอาจจะถูกรวมเป็นกองเรือ ที่มีหมายเลข (numbered squadron) ประกอบไปด้วยทัพเรือ ที่มีหมายเลข (numbered fleet) การอนุญาตให้เรือออกจาหน่วยเพื่อไปร่วมอีกหน่วยจะต้องได้รับการอนุญาตเป็นหนังสือคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ในกองทัพเรือสหรัฐ มีการจัดกลุ่มเรือในรูปแบบของกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี (carrier strike group)[ 11] และชุดจู่โจมโพ้นทะเล (expeditionary strike group)[ 12]
นอกจากนี้ หน่วยทางทหารเรือมีการแบ่งระดับภายในเรือแต่ละลำด้วย ประกอบไปด้วยสามหรือสี่แผนก (เช่น แผนกการยุทธ์ และแผนกช่าง) ซึ่งแต่ละแผนกจะมีกอง และตามด้วยศูนย์งาน
กองทัพอากาศ
โครงสร้างหน่วยของกองทัพอากาศนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ บางกองทัพอากาศ (เช่น กองทัพอากาศสหรัฐ และกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร ) แบ่งออกเป็น หน่วยบัญชาการ, กองบินน้อย (air group) และฝูงบิน และกองทัพอากาศอื่น ๆ (เช่น กองทัพอากาศโซเวียต ) มีโครงสร้างหน่วยรูปแบบเดียวกับกองทัพบก ในกองทัพอากาศแคนาดา สมัยใหม่ใช้คำว่า กองการบิน (air division) เป็นรูปขบวนที่อยู่ระหว่างกองบินและหน่วยบัญชาการทางอากาศ (air command) เช่นเดียวกับกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรและแคนาดาที่ในกองบินจะประกอบไปด้วยฝูงบินเป็นหน่วยรอง
กองกำลังเฉพาะกิจ
กองกำลังเฉพาะกิจ คือหน่วยหรือรูปขบวนที่สร้างขึ้นเป็นกลุ่มเฉพาะกาลสำหรับวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติการโดยเฉพาะ นอกเหนือจากรูปแบบการจัดลำดับชั้นตามรูปแบบหน่วยทางทหารที่พัฒนามาตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในยุโรปในชื่อของ กองกำลังต่อสู้ (fighting force) ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในการปฏิบัติการเฉพาะตามภารกิจ เช่น คัมพ์กรุพเพอของเยอรมัน หรือของสหรัฐคือ ชุดรบ (กองทัพบก) หรือ กองกำลังเฉพาะกิจ (กองทัพเรือ) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง หรือ กลุ่มปฏิบัติการกลยุทธ์ (operational manoeuvre group) ของโซเวียตในช่วงสงครามเย็น ในกองทัพบกของสหราชอาณาจักรหรือเครือจักรภพ กลุ่มชุดรบ (battlegroup) กลายเป็นกลุ่มของกองร้อยระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเย็น
ในเนโท กองกำลังเฉพาะกิจร่วม (joint task force: JTF) จะเป็นการรวมกลุ่มแบบเฉพาะกาลที่รวมเอาส่วนจากกองทัพเดียวมากกว่าหนึ่งหน่วย ส่วนกองกำลังเฉพาะกิจผสม (Combined Task Force: CTF) นั้นจะเป็นการรวมกลุ่มเฉพาะกาลที่รวมเอาส่วนจากมากกว่าหนึ่งชาติ และกองกำลังเฉพาะกิจร่วมผสม (Combined Joint Task Force: CJTF) จะเป็นการรวมกลุ่มเฉพาะกาลที่ประกอบไปด้วยส่วนจากมากกว่าเหล่าทัพเดียวและมากกว่าชาติเดียว
ดูเพิ่ม
หมายเหตุเพิ่มเติม
อ้างอิง