วัคซีนเพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19
อัตราประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้วในประเทศต่าง ๆ
แผนที่แสดงการอนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดในประเทศต่าง ๆ
อนุญาตให้ใช้ทั่วไป กำลังให้วัคซีนเป็นจำนวนมาก
อนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน (
EUA ) กำลังให้วัคซีนเป็นจำนวนมาก
อนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน (
EUA ) มีแผนจะให้วัคซีนเป็นจำนวนมาก
วัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นวัคซีน ที่มุ่งสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อเชื้อไวรัสโคโรนาที่เป็นสาเหตุ ของโรคโควิด-19 โดยก่อนที่จะเกิดการระบาดทั่วของโควิด-19 ได้มีความพยายามในการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคไวรัสโคโรนา ชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ เช่น กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส หรือ SARS ) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส หรือ MERS ) มาอย่างต่อเนื่อง ความพยายามเหล่านี้ได้สะสมความรู้พอสมควรเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของไวรัสโคโรนา ซึ่งได้ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีวัคซีนโควิด ต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นปี 2020 ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว[ 1]
เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2020 ซึ่งมีการเผยแพร่ลำดับยีนผ่านจีเซด (GISAID) และ ณ วันที่ 19 มีนาคม อุตสาหกรรมยาทั่วโลกก็ได้ประกาศคำมั่นสัญญาที่จะทำการเพื่อจัดการโรค[ 2]
วัคซีนโควิด-19ได้เครดิตโดยทั่วไปว่าช่วยลดการติดต่อ ความรุนแรง และอัตราการตายเนื่องกับโรค[ 3]
ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 วัคซีนหลายชนิดสามารถป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการโดยมีประสิทธิศักย์ สูงถึงร้อยละ 95
ณ เดือนกรกฎาคม 2021 มีวัคซีน 20 ชนิดที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในประเทศอย่างน้อย 1 ประเทศรวมทั้งวัคซีนอาร์เอ็นเอ 2 ชนิด (ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ),
วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย 9 ชนิด
(BBIBP-CorV ของซิโนฟาร์ม , วัคซีนของ Chinese Academy of Medical Sciences, ซิโนแว็ก , โคแว็กซิน ของภารัตไบโอเทค, CoviVac ของ Chumakov Centre, COVIran Barakat ของ Shifa Pharmed Industrial Group, Minhai-Kangtai (KCONVAC)[ A] ,
QazVac ของ Research Institute for Biological Safety Problems และ WIBP-CorV ของซิโนฟาร์ม)
วัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นเวกเตอร์ 5 ชนิด (สปุตนิกไลท์และสปุตนิกวี ของสถาบันวิจัยกามาเลีย, แอสตร้าเซนเนก้า , Ad5-nCoV ของแคนซิโนไบโอลอจิกส์ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน )
และวัคซีนหน่วยย่อยโปรตีนของไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 ชนิด (Abdala ของ Center for Genetic Engineering and Biotechnology, EpiVacCorona ของสถาบันเวกตอร์, Soberana 02 ของ Finlay Institute และ ZF2001 ของ Anhui Zhifei Longcom)[ 4] [ 5]
มีวัคซีนแคนดิเดตซึ่งได้เข้าสู่การวิจัยเพื่อใช้รักษา แล้ว 330 ชนิด ในจำนวนนี้ 30 ชนิดกำลังทดลองในระยะที่ 1 , 30 ชนิดในระยะที่ 1-2 , 25 ชนิดในระยะที่ 3 และ 8 ชนิดในระยะที่ 4 [ 4]
ประเทศต่าง ๆ มีแผนแจกจำหน่ายวัคซีนโดยจัดลำดับการให้ตามกลุ่มที่เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุ และกลุ่มที่เสี่ยงติดแล้วแพร่โรค เช่น บุคลากรทางแพทย์[ 6]
มีประเทศที่กำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเพียงโดสเดียวในเบื้องต้นเพื่อขยายฉีดวัคซีนแก่ประชาชนให้มากที่สุดจนกว่าจะมีวัคซีนพอ[ 7] [ 8] [ 9] [ 10]
จนถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2021 องค์กรสาธารณสุขรวม ๆ กันทั่วโลกรายงานว่า ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 5,000 ล้านโดสแล้ว[ 11]
ผู้ผลิตวัคซีนได้ระบุจำนวนโดสวัคซีนที่จะสามารถผลิตในปี 2021 ไว้ดังนี้ ออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า 3,000 ล้านโดส, ไฟเซอร์}- ไบออนเทค 1,300 ล้านโดส ผู้ผลิตสปุตนิกวี ซิโนฟาร์ม ซิโนแว็ก และจอห์นสันแอนด์จอห์นสันรายละ 1,000 ล้านโดส
โมเดอร์นา}}ตั้งเป้าผลิต 600 ล้านโดส และแคนซิโนไบโอลอจิกส์ 500 ล้านโดส[ 12] [ 13]
แต่จนถึงเดือนธันวาคม 2020 ประเทศต่าง ๆ ก็ได้สั่งวัคซีนล่วงหน้าเกิน 10,000 ล้านโดสแล้ว[ 14]
โดยครึ่งหนึ่งเป็นประเทศรายได้สูง แม้จะมีประชากร เพียงร้อยละ 14 ของโลก[ 15]
เพราะความต้องการ วัคซีนสูงเยี่ยงนี้ในช่วงปี 2020–21[ 15]
ประชาชนของประเทศกำลังพัฒนา ที่จัดว่ามีรายได้น้อยอาจไม่ได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตเหล่านี้จนถึงปี 2023 หรือ 2024 จึงทำให้โปรแกรมโคแว็กซ์ จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ส่งวัคซีนได้ทั่วถึงกันทั่วโลก[ 14] [ 15]
สาระสำคัญและประวัติ
ซาร์สและเมอร์ส
มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรนา ในสัตว์หลายอย่าง รวมทั้งโรคหลอดลมอักเสบเหตุติดเชื้อไวรัส (infectious bronchitis virus) ในนก โรคไวรัสโคโรนาในสุนัข (canine coronavirus) และโรคไวรัสโคโรนาในแมว (feline coronavirus)[ 17]
โครงการก่อน ๆ ที่พัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัสในสกุล Coronaviridae ที่มนุษย์ติดเชื้อ มุ่งใช้สำหรับกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส หรือ SARS ) และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส หรือ MERS )
โดยทั้งสองได้ทดสอบในสัตว์ทดลอง แล้ว[ 18] [ 19]
ตามวรรณกรรมงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในระหว่างปี 2005–2006 แม้รัฐบาลและองค์กรสาธารณสุขต่าง ๆ ทั่วโลกจะได้ให้ความสำคัญกับการหาและพัฒนาวัคซีนบวกยาใหม่ ๆ[ 20] [ 21] [ 22]
แต่จนถึงปี 2020 ก็ยังไม่มีวัคซีนรักษาหรือป้องกันโรคซาร์สที่แสดงว่าปลอดภัยและมีประสิทธิผลในมนุษย์[ 23] [ 24]
โรคเมอร์สก็ยังไม่มีวัคซีนด้วย[ 25]
เมื่อโรคเมอร์สกำลังระบาด เชื่อกันว่า งานวิจัยเกี่ยวกับโรคซาร์สที่ได้ทำแล้วอาจเป็นโครงแบบที่มีประโยชน์เพื่อพัฒนาวัคซีนและพัฒนาวิธีการรักษาโรค[ 23] [ 26]
จนถึงเดือนมีนาคม 2020 มีวัคซีนโรคเมอร์สชนิดหนึ่ง (อาศัยดีเอ็นเอ) ที่ได้ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 กับมนุษย์แล้ว[ 27]
และมีวัคซีนอีก 3 อย่างที่กำลังอยู่ในกระบวนการโดยทั้งหมดเป็นวัคซีนมีไวรัสเป็นเวกเตอร์ , 2 อย่างมีอะดีโนไวรัส (ChAdOx1 nCoV-19, BVRS-GamVac) เป็นเวกเตอร์ และอีกอย่างมี modified vaccinia Ankara (MVA) เป็นเวกเตอร์[ 28]
การพัฒนาวัคซีนโควิดในปี 2020
ในอดีตยังไม่เคยมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อที่สามารถพัฒนาได้จนสำเร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี และวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสำหรับใช้ในมนุษย์ก็ยังไม่เคยมีผลิตมาก่อน[ 29]
หลังจากได้พบโรคปอดบวมเหตุไวรัสโคโรนาแบบใหม่เมื่อเดือนธันวาคม 2019[ 30]
ก็ได้ตีพิมพ์ลำดับยีนของโควิด-19 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2020 ซึ่งจุดชนวนการตอบสนองฉุกเฉินในระดับนานาชาติเพื่อเตรียมรับโรคระบาดและเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค[ 31] [ 32] [ 33]
ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2020 องค์การอนามัยโลก คาดว่า จะมีวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่เป็นเหตุของโรคอย่างเร็วก็ใช้เวลา 18 เดือน[ 34]
อัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโควิดทั่วโลกเมื่อต้นปี 2020 ได้กระตุ้นให้ก่อพันธมิตรระดับนานาชาติและกระตุ้นให้รัฐระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาวัคซีนหลายชนิดในระยะเวลาสั้น ๆ[ 35]
จึงมีวัคซีนแคนดิเดต 4 อย่างที่เริ่มการทดลองในมนุษย์ในเดือนมีนาคม (ดูตารางการทดลองทางคลินิกที่เริ่มในปี 2020 ต่อไป)[ 31] [ 36]
องค์การอนามัยโลกประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 250,000 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาวัคซีนสามอย่างหรือมากกว่าที่มีเทคโนโลยีและการจัดจำหน่ายต่าง ๆ กันเพื่อระงับการระบาดของโควิดทั่วโลก[ 35]
จนถึงเดือนเมษายน 2020 ก็มี "บริษัท และสถาบัน เกือบ 80 แห่งใน 19 ประเทศ" ที่กำลังดำเนินการอันเสมือนกับสถานการณ์ตื่นทองนี้แล้ว[ 37]
ในเดือนเมษายนเช่นกัน เซพี (CEPI ) ได้ประเมินว่าอาจมีวัคซีนแคนดิเดตต้านโรคโควิดถึง 6 อย่าง ที่พันธมิตรนานาชาติควรเลือกพัฒนาให้ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2–3
และ 3 อย่างควรช่วยลดระเบียบราชการที่จุกจิกเกินไปให้ผ่านการตรวจสอบของรัฐและการตรวจสอบคุณภาพได้
โดยจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 62,851 ล้านบาท)[ 38] [ 36] [ 29]
ส่วนงานวิเคราะห์อีกงานหนึ่งประเมินว่า จะต้องพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตในเบื้องต้นพร้อม ๆ กัน 10 อย่างก่อนจะเลือกเพียงไม่กี่อย่างเพื่อพัฒนาจนถึงให้อนุมัติได้[ 29]
ในเดือนกรกฎาคม 2020 ศูนย์ความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติสหราชอาณาจักร บวกกับหน่วยงานความมั่นคงการสื่อสารต่าง ๆ ของแคนาดา สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานแห่งความมั่นคงไซเบอร์สหรัฐ (Cybersecurity Infrastructure Security Agency) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ สหรัฐ ได้ร่วมกันกล่าวหาว่านักเลงคอมพิวเตอร์ที่ประเทศรัสเซียสนับสนุนได้พยายามขโมยงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาและวัคซีนโควิดจากสถาบันวิชาการและสถาบันยาในประเทศต่าง ๆ
แต่รัสเซียก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้[ 39]
การพัฒนาทั่วโลก
ในช่วงปี 2020 ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของการพัฒนาวัคซีนโควิดจากต้นปีก็คือ การเพิ่มการร่วมมือกันระหว่างบริษัทยาข้ามชาติกับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ, รูปแบบบริษัทและจำนวนบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ในประเทศต่าง ๆ ที่ได้เล็งความสนใจไปที่วัคซีนโควิด[ 38]
ตามเซพี เมื่อจำแนกตามภูมิภาค องค์กรที่พัฒนาวัคซีนโควิดร้อยละ 40 อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ เทียบกับร้อยละ 30 ในเอเชีย และออสเตรเลีย ร้อยละ 26 ในยุโรป โดยมีโครงการจำนวนน้อยในอเมริกาใต้ และแอฟริกา [ 38] [ 31]
องค์กรนานาชาติรวมทั้งองค์การอนามัยโลก , เซพี (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations, CEPI), กาวี , มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ และรัฐบาลต่าง ๆ ได้ก่อตั้งโครงการ "Access to COVID-19 Tools (ACT) Accelerator" เพื่อหาเงินทุน เร่งการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการเข้าถึงอย่างยุติธรรมทั่วโลกสำหรับชุดตรวจโควิด วิธีการรักษา และการได้ใบอนุญาตเพื่อผลิตวัคซีน โดยมีโปรแกรมพัฒนาโดยเฉพาะที่เรียกว่า โคแว็กซ์ (COVAX Pillar)[ 40] [ 41]
โคแว็กซ์มุ่งอำนวยให้ได้ใบอนุญาตเพื่อผลิตวัคซีนโควิดหลายอย่าง มุ่งให้มีราคาที่ยุติธรรม มุ่งให้ได้วัคซีนถึง 2,000 ล้านโดสไม่เกินปลายปี 2021 เพื่อป้องกันบุคลากรทางแพทย์ผู้เป็นหน่วยหน้าและคนที่เสี่ยงมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่มีรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง[ 42] [ 43]
(รวมทั้งประเทศไทย)
จนถึงเดือนธันวาคม 2020
โครงการ ACT Accelerator รวม ๆ แล้วได้เงินทุนมา 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 75,000 ล้านบาท) มีวัคซีนแคนดิเดต 9 อย่างที่ได้เงินทุนจากโคแว็กซ์และเซพี
จึงจัดเป็นกลุ่มที่มีวัคซีนโควิดมากที่สุด
โดยมีประเทศ 189 ประเทศ
ตกลงว่าจะร่วมแผนการผลิตจัดส่งวัคซีนในที่สุด[ 44] [ 45]
ในต้นปี 2020 องค์การอนามัยโลกได้ออกสื่อสัญญาณต่อเนื่อง ซึ่งได้สัญญาว่าจะได้เงิน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองแสนแปดหมื่นล้านบาท) จากประเทศ 40 ประเทศเพื่อสนับสนุนการเร่งพัฒนาวัคซีน[ 46]
ในเดือนกรกฎาคม องค์การประกาศว่าประเทศ 165 ประเทศ ซึ่งมีประชากรทั้งหมดร้อยละ 60 ของทั้งโลกได้ตกลงกับแผนการของโคแว็กซ์เพื่อให้แจกจำหน่ายวัคซีนที่ได้อย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน ซึ่งรับประกันว่าประเทศที่เข้าร่วมแต่ละประเทศจะได้ส่วนแบ่งวัคซีนเพื่อให้แก่ประชากรที่เสี่ยงสุดร้อยละ 20 ของประเทศไม่เกินปลายปี 2021[ 47]
ส่วนองค์กรการร่วมมืองานวิจัยโลกเพื่อความเตรียมพร้อมต่อโรคติดต่อ (Global Research Collaboration for Infectious Disease Preparedness) กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิกเพื่อจัดลำดับความจำเป็นในการได้ทุนของงานวิจัยต่าง ๆ เพื่อประสานงานระหว่างองค์กรนานาชาติผู้ให้ทุนกับองค์กรที่ทำงานวิจัย เพื่ออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าของวัคซีน และเพื่อหลีกเลี่ยงการให้ทุนซ้ำซ้อน[ 48] [ 49]
ส่วนสหพันธ์โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงและการติดเชื้ออุบัติใหม่ (International Severe Acute Respiratory and Emerging Infection Consortium ตัวย่อ ISARIC) ก็กำลังจัดระเบียบและเผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับโควิดเพื่อให้เกิดผลต่อนโยบายสาธารณสุขของรัฐในเรื่องการแจกจำหน่ายวัคซีนที่จะได้[ 50]
ในวันที่ 4 มิถุนายน มีงานประชุมสุดยอดเสมือน ที่ประสานงานจากกรุงลอนดอน มีผู้แทนจากองค์กรของรัฐและเอกชนจากประเทศ 52 ประเทศ รวมทั้งประมุขแห่งรัฐ 35 ท่านจากประเทศกลุ่ม 7 และกลุ่ม 20 เพื่อระดมเงิน 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองแสนแปดหมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนให้กาวี (พันธมิตรโลกเพื่อวัคซีนและการให้ภูมิคุ้มกัน) เตรียมให้วัคซีนโควิดแก่เด็ก 300 ล้านคนในประเทศด้อยพัฒนาตลอดจนถึงปี 2025[ 51]
ผู้บริจาครายใหญ่รวมทั้งมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณห้าหมื่นล้านบาท)[ 52]
และสหราชอาณาจักร (330 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง ต่อปีเป็นเวลา 5 ปีรวมเป็นเงินประมาณหกหมื่นหกพันล้านบาท)[ 51]
ในเดือนธันวาคม มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์บริจาคทรัพย์อีก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณเจ็ดพันแปดร้อยล้านบาท) ให้แก่ ACT Accelerator เพื่อ "สนับสนุนการส่งชุดตรวจโควิด-19 การรักษา และวัคซีนใหม่ ๆ โดยเฉพาะแก่ประเทศมีรายได้ต่ำและปานกลาง" ในช่วงปี 2021 จึงรวมการบริจาคทรัพย์เกี่ยวกับโควิดของมูลนิธิเป็น 1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 55,000 ล้านบาท)[ 53] [ 54]
เซพี
เซพี (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations, CEPI) เป็นองค์กรนานาชาติที่จัดตั้งขึ้นในปี 2017 มุ่งทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้พัฒนาวัคซีนนานาชาติเพื่อพัฒนาวัคซีน ป้องกันโรคระบาด ต่าง ๆ[ 43]
เซพีได้จัดตั้งกองทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64,600 ล้านบาท) โดยเป็นหุ้นส่วนทั่วโลกกับองค์กรของรัฐ เอกชน การกุศล กับประชาสังคม เพื่อเร่งวิจัยและทดลองวัคซีนแคนดิเดตสำหรับโควิด 9 อย่าง โดยมีเป้าหมายให้มีหลายอย่างพัฒนาจนได้อนุมัติภายในปี 2020–21[ 38] [ 36] [ 44]
สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ได้บริจาคเงิน915 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองหมื่นเก้าพันล้านบาท) แก่เซพีแล้วในต้นเดือนพฤษภาคม[ 46] [ 55]
ส่วนมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ ซึ่งมีเป้าหมายในด้านการวิจัยและการแจกจำหน่ายวัคซีน ได้บริจาคเงิน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณเจ็ดพันเก้าร้อยล้านบาท) ให้แก่องค์การเพื่องานวิจัยและการให้การศึกษาแก่สาธารณชนในเรื่องวัคซีนโควิด[ 56] [ 57]
ตลอดการระบาดทั่วปี 2020 เซพีได้ให้เงินทุนพัฒนาวัคซีนแคนดิเดต 9 อย่างโดยตั้งใจให้มีเทคโนโลยีวัคซีนหลายหลากต่าง ๆ กันเพื่อลดความเสี่ยงการล้มเหลวซึ่งปกติจะสูงเมื่อพัฒนาวัคซีน[ 44] [ 58]
จนถึงเดือนธันวาคม องค์กรและโปรแกรมการวิจัยที่ได้การสนับสนุนจากเซพีรวมแอสตร้าเซนเนก้า /มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (AZD1222 ), Clover Biopharmaceuticals (SCB-2019), CureVac (Zorecimeran/CVnCoV), Inovio (INO-4800), สถาบันปาสเตอร์ (MV-SARS-CoV-2), โมเดอร์นา (mRNA-1273 ), Novavax (NVX-CoV2373), SK bioscience (GBP510), และมหาวิทยาลัยฮ่องกง[ 44] [ 59] [ 60]
รัฐบาลของประเทศ
รัฐบาลของประเทศที่จัดงบประมาณเพื่อลงทุนในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับงานวิจัยวัคซีน งานพัฒนา และการผลิตเริ่มต้นในปี 2020 รวมทั้งรัฐบาลกลางของแคนาดา ซึ่งประกาศทุน 275 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณหกพันสี่ร้อยล้านบาท) สำหรับโครงการงานวิจัยวัคซีน 96 โครงการ ทั้งในบริษัท และในมหาวิทยาลัย โดยมีแผนจะสร้าง "ธนาคารวัคซีน" เพื่อฝากวัคซีนไว้หลายอย่างที่สามารถใช้ถ้าโรคระบาดอีก[ 61] [ 62]
ยังมีการลงทุนเพิ่มอีก 1,100 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณสองหมื่นหกพันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิกในแคนาดาแล้วพัฒนาโซ่การผลิตและการแจกจำหน่ายสำหรับวัคซีน[ 49]
วันที่ 4 พฤษภาคม รัฐบาลแคนาดาจัดงบประมาณ 850 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณสองหมื่นล้านบาท) ให้แก่องค์การอนามัยโลกเนื่องกับการออกสื่อสัญญาณต่อเนื่อง เพื่อระดมทุน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้วัคซีนโควิด[ 63]
ผังของสำนักงาน Government Accountability Office ของสหรัฐ เปรียบเทียบการพัฒนาวัคซีนธรรมดากับไทม์ไลน์ ที่เร่งเร็วขึ้น รวม ๆ คือ (บน) ทั่วไปใช้เวลา 10–15 ปีกว่าจะได้อนุมัติในสหรัฐ (ล่าง) เร่งเร็วใช้เวลาไม่กี่ปี คำแปลคร่าว ๆ (จากซ้ายไปขวาบนลงล่าง) - Exploratory = การวิจัยสืบเสาะ, Preclinic = การทดลองระยะพรีคลินิก , Clinical Trials = การทดลองทางคลินิกแบ่งเป็นระยะ ๆ , FDA Review and Approval = การพิจารณาและอนุมัติโดยองค์การอาหารและยา สหรัฐ, Manufacturing = การผลิต, FDA Rolling Review and Approval = การพิจารณาและอนุมัติที่ทำอย่างต่อเนื่อง, Rapid Manufacturing = การผลิตอย่างรวดเร็ว
ในประเทศจีน รัฐบาลได้ให้เงินกู้ มีดอกเบี้ย ต่ำแก่ผู้พัฒนาวัคซีนผ่านธนาคารกลาง และหาที่ดินให้เพื่อให้บริษัทสร้างโรงงานผลิตวัคซีน[ 55]
จนถึงเดือนมิถุนายน 2020 วัคซีนแคนดิเดต 6 อย่างจาก 11 อย่างที่กำลังทดสอบเบื้องต้นในมนุษย์มาจากองค์กรของจีน[ 56]
บริษัทวัคซีนและสถาบันวิจัย 3 แห่งได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนเพื่อการวิจัย เพื่อการทดลองทางคลินิก และการผลิตวัคซีนซึ่งดีที่สุด โดยให้ความสำคัญกับการได้หลักฐานประสิทธิศักย์ของวัคซีน เร็ว ๆ ยิ่งกว่าความปลอดภัย[ 64]
วันที่ 18 พฤษภาคม จีนได้สัญญาว่าจะให้เงิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหกหมื่นสามพันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนงานขององค์การอนามัยโลกเพื่อกำจัดโควิด[ 65]
วันที่ 22 กรกฎาคม จีนได้ประกาศว่าจะให้เงินกู้ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 32,000 ล้านบาท) เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ในลาตินอเมริกา และแคริบเบียน สามารถซื้อวัคซีนจากจีนได้[ 66]
วันที่ 24 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ประกาศว่า จะแจกจำหน่ายวัคซีนของจีนให้แก่ประเทศเอเชียอาคเนย์ 5 ประเทศ คือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม ก่อนอื่นเมื่อได้วัคซีนแล้ว[ 67]
ในบรรดาประเทศสหภาพยุโรป เมื่อเดือนพฤษภาคม ฝรั่งเศส ประกาศการลงทุน 4.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณร้อยห้าสิบสี่ล้านบาท) ในสหพันธ์การวิจัยวัคซีนโควิดผ่านเซพี ที่องค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสถาบันปาสเตอร์ (ฝรั่งเศส ), Themis Bioscience (ออสเตรีย ) และมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (สหรัฐ ) จะมีบทบาท ซึ่งเพิ่มทุนการพัฒนาวัคซีนโควิดของ CEPI เป็น 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหมื่นห้าพันล้านบาท) [ 68] [ 69]
ในเดือนมีนาคม คณะกรรมาธิการยุโรป ได้ลงทุน 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,769 ล้านบาท) กับ CureVac ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ของเยอรมนี เพื่อพัฒนาวัคซีนแบบเอ็มอาร์เอ็นเอ [ 70]
ส่วนรัฐบาลเยอรมันเองก็ได้ลงทุนต่างหากกับบริษัทอีก 300 ล้านยูโร (ประมาณหมื่นสี่พันล้านบาท) ในเดือนมิถุนายน[ 71]
เบลเยียม นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์เป็นผู้บริจาครายสำคัญให้แก่ CEPI เพื่อวิจัยวัคซีนโควิดในยุโรป[ 55]
ในเดือนเมษายน รัฐบาลสหราชอาณาจักรก่อตั้งคณะกรรมการวัคซีนโควิดเฉพาะกิจเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนผ่านการร่วมงานระหว่างอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย กับองค์กรต่าง ๆ ของรัฐตลอดขั้นตอนการพัฒนาวัคซีน รวมทั้งกำหนดโรงพยาบาลในประเทศเพื่อทำการทดลองทางคลินิก กฎการอนุมัติ และการผลิตในที่สุด[ 72]
โครงการริเริ่มพัฒนาวัคซีนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ได้รับงบประมาณ 44 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณพันแปดร้อยล้านบาท) ในเดือนเมษายน[ 73] [ 74]
สำนักงานวิจัยและพัฒนาทางชีวเวชขั้นสูงสหรัฐ (Biomedical Advanced Research and Development Authority ตัวย่อ BARDA อ่านว่า บาร์ดา) เป็นองค์กรของรัฐบาลกลางสหรัฐ ที่ให้ทุนกับเทคโนโลยีรักษาโรค ได้ประกาศลงทุนเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นหนึ่งพันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนโควิด และเตรียมตัวผลิตวัคซีนแคนดิเดตที่มีหวังที่สุดในสหรัฐ วันที่ 16 เมษายน บาร์ดาลงทุน 483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหมื่นห้าพันล้านบาท) กับบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) และหุ้นส่วนคือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน[ 55] [ 75]
บาร์ดายังมีงบประมาณอีก4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณแสนสามหมื่นล้านบาท) สำหรับพัฒนาวัคซีน ดังนั้น จึงอาจลงทุนพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตได้ถึง 6–8 อย่างที่จะทดลองทางคลินิกในปี 2020–2021 โดยบริษัทต่าง ๆ เช่น Sanofi Pasteur (ฝรั่งเศส) และ Regeneron (สหรัฐ)[ 75] [ 76]
ในวันที่ 15 พฤษภาคม รัฐบาลกลางสหรัฐได้ประกาศให้งบประมาณกับโปรแกรมเร่งด่วนคือ Operation Warp Speed (แปลได้ว่า ปฏิบัติการความเร็วเหนือแสง) โดยมุ่งให้เริ่มทดลองวัคซีนแคนดิเดตทางคลินิกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี 2020 แล้วผลิตวัคซีนที่ได้อนุมัติ 300 ล้านโดสให้ได้ในเดือนมกราคม 2021
ผู้นำโปรแกรมนี้เป็นนายพลทหารบกสหรัฐ
ในเดือนมิถุนายน ผู้นำโปรแกรมแจ้งว่า จะทำงานร่วมกับบริษัท 7 บริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตสำหรับโควิด คือ โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เมอร์ค ไฟเซอร์ และมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ที่ร่วมมือกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า บวกกับบริษัทอีกสองบริษัท[ 77]
แม้บริษัทไฟเซอร์ภายหลังจะระบุว่า "บริษัทไม่ได้ยอมรับเงินทุน (จากรัฐ)... การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาของไฟเซอร์ทั้งหมดเป็นการเสี่ยง"[ 78]
การทดลองขององค์การอนามัยโลก
ในเดือนเมษายน 2020 องค์การอนามัยโลกได้ตีพิมพ์แผนการวิจัยและพัฒนาไวรัสโคโรนาใหม่
ซึ่งเตรียมแผน "การวิจัยทางคลินิกขนาดใหญ่ ทำในระดับนานาชาติ มีศูนย์หลายศูนย์ ทำแบบสุ่ม มีกลุ่มควบคุม" เพื่อให้สามารถ "ประเมินประโยชน์และความเสี่ยงของวัคซีนแคนดิเดตแต่ละอย่างพร้อม ๆ กันภายใน 3–6 เดือนที่มีให้ใช้ทดลอง"
แผนการนี้มี "โพรไฟล์ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย" (Global Target Product Profile ตัวย่อ TPP) ซึ่งจำแนกคุณสมบัติของวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิผลไว้เป็น 2 หมวด คือ "วัคซีนเพื่อการป้องกันในระยะยาวสำหรับบุคคลที่เสี่ยงโควิดสูงกว่า เช่น บุคลากรทางการแพทย์" และวัคซีนอื่น ๆ ที่ให้ภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดการระบาดใหม่[ 35]
องค์การยังได้จัดตั้งทีมนานาชาติ คือ ทีพีพี (TPP) ขึ้นเพื่อ
ประเมินการพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตที่มีอนาคตมากสุด
สร้างข้อมูล/แผนที่เกี่ยวกับวัคซีนแคนดิเดตและการทดลองทางคลินิกของวัคซีนทั่วโลก แล้วตีพิมพ์อัปเดตแผนของวัคซีนโดยอัปเดตบ่อย ๆ[ 79]
ประเมินและตรวจคัดวัคซีนแคนดิเดตที่มีอนาคตมากสุดพร้อม ๆ กันอย่างเร็วก่อนจะทดสอบในมนุษย์
ออกแบบและประสานการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม มีหลายศูนย์ และทำในระดับนานาชาติซึ่งเรียกว่าการทดลองซอลิแดริตี (Solidarity trial)[ 35] [ 80] เพื่อให้สามารถประเมินประโยชน์และความเสี่ยงของวัคซีนแคนดิเดตต่าง ๆ ที่กำลังทดลองทางคลินิกในประเทศที่มีอัตราการติดโรคโควิดสูง แล้วตีความและแชร์ผลที่ได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก[ 35]
ทีมนานาชาตินี้จะจัดลำดับความสำคัญว่า
วัคซีนใดควรเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 และ 3 และระบุโพรโทคอล/เกณฑ์วิธีของการทดลองระยะ 3 แบบเข้ากันได้สำหรับวัคซีนทั้งหมดที่เข้าสู่ระยะก่อนได้รับอนุมัตินี้[ 35]
แบบทดลองที่ปรับได้สำหรับการทดลองซอลิแดริตี
แบบทดลองทางคลินิกที่กำลังทำอยู่อาจปรับได้โดยเรียกว่าเป็น "adaptive design" (แบบปรับได้) ถ้าข้อมูลที่ได้ในการทดลองให้ความชัดเจนตั้งแต่เนิ่น ๆ เกี่ยวกับประสิทธิผล ของวัคซีน ไม่ว่าจะบวกหรือลบ[ 81] [ 82]
ดังนั้น การทดลองร่วม (Solidarity trial) ขององค์การอนามัยโลกสำหรับวัคซีนหลายอย่างที่ทดลองทางคลินิกในปี 2020 จะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้สามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ของการทดลองได้อย่างรวดเร็วในศูนย์ทดลองทุกแห่งเมื่อผลปรากฏ[ 80]
วัคซีนแคนดิเดตใหม่ที่เข้าเกณฑ์ยังอาจเพิ่มเข้าในโปรแกรมการทดลองร่วม และวัคซีนแคนดิเดตที่ปรากฏโดยหลักฐานว่าปลอดภัยหรือมีประสิทธิศักย์ไม่ดีเทียบกับยาหลอก และวัคซีนอื่น ๆ ก็จะยกเลิกทดลองในโปรแกรมนี้[ 80]
แบบปรับได้ที่ใช้ในการทดลองวัคซีนแคนดิเดตทางคลินิกระยะที่ 2–3 อาจทำให้ระยะการทดลองสั้นลงโดยมีอาสาสมัคร ผู้รับวัคซีนน้อยกว่า ช่วยเร่งการตัดสินใจไม่ว่าจะหยุดการทดลองตั้งแต่ต้น ๆ หรือตัดสินใจว่ามีผล หลีกเลี่ยงทำการวิจัยซ้ำ ๆ และเพิ่มการประสานงานเพื่อเปลี่ยนแบบการทดลองที่ทำร่วมในศูนย์ประเทศต่าง ๆ[ 80] [ 81]
หุ้นส่วน การแข่งขัน และการแจกจำหน่าย
บริษัทยายักษ์ใหญ่ที่มีประสบการณ์ผลิตวัคซีนเป็นจำนวนมาก ๆ รวมทั้งจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แอสตร้าเซนเนก้า และแกล็กโซสมิธไคลน์ กำลังสร้างพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ และมหาวิทยาลัยเพื่อเร่งการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ[ 56] [ 55]
เพื่อรวมสมรรถภาพทางการเงินและการผลิตเพื่อสร้างเทคโนโลยีวัคซีนโรคระบาดทั่วแบบใช้ตัวเสริม (adjuvant) แกล็กโซสมิธไคลน์จึงได้จับมือกับซาโนฟี่ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนแบบที่ไม่ค่อยทำกันระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่นานาชาติเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีน[ 83]
เมื่อโควิด-19 กำลังระบาดไปทั่วอย่างรวดเร็วในปี 2020 องค์การนานาชาติเช่นองค์การอนามัยโลกและเซพี ผู้พัฒนาวัคซีน รัฐบาล และอุตสาหกรรมก็ได้ประเมินการแจกจำหน่ายวัคซีนที่จะได้[ 35]
ประเทศผลิตวัคซีนแต่ละประเทศอาจถูกโน้มน้าวให้ขายวัคซีนในราคาสูงสุด หรือใช้วัคซีนในประเทศของตนก่อน[ 32] [ 29] [ 55]
ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า วัคซีนที่จะอนุมัติควรมีราคาที่พอซื้อได้และมีให้สำหรับบุคคลหน่วยหน้าในการรักษาพยาบาลและคนที่จำเป็นมากสุด[ 32] [ 29] [ 55]
ในเดือนเมษายน เดอะเดลีเทลิกราฟ (ลอนดอน) รายงานว่า สหราชอาณาจักรได้ตกลงทำการร่วมกับประเทศและองค์กรนานาชาติอื่น ๆ รวมทั้งประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีเพื่อค้นหาวัคซีนและแชร์ผลที่ได้ และตกลงว่า ประชาชนอังกฤษจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษเพื่อได้วัคซีนโควิดที่มหาวิทยาลัยอังกฤษซึ่งได้รับเงินภาษีของประชาชนเป็นผู้พัฒนาขึ้น[ 73]
บริษัทหลายแห่งมีแผนผลิตวัคซีนเพื่อเริ่มต้นขายในราคาถูก แล้วเพิ่มราคาเพื่อให้ได้กำไรภายหลังถ้าต้องฉีดวัคซีนทุกปีและเมื่อประเทศต่าง ๆ ตุนวัคซีนเผื่ออนาคต[ 55]
องค์การอนามัยโลกและเซพีกำลังสร้างทรัพยากรทางการเงินและแนวปฏิบัติเพื่อส่งวัคซีนที่มีประสิทธิผล 3 อย่างหรือยิ่งกว่าไปทั่วโลก โดยสำนึกว่าประเทศต่าง ๆ และประชากรกลุ่มต่าง ๆ ย่อมจำเป็นต่างกัน[ 31] [ 35] [ 36] [ 80]
ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนที่มีประสิทธิผลน่าจะจัดก่อนอื่นให้แก่บุคลากรทางแพทย์และกลุ่มประชากรที่เสี่ยงป่วยหนักและเสี่ยงตายมากสุดจากการติดโรค เช่น คนชราหรือคนจนที่อยู่ในชุมชนแออัด[ 84] [ 85]
ทั้งองค์การอนามัยโลก เซพี และกาวีต่างก็ได้แสดงความเป็นห่วงว่า ประเทศร่ำรวยไม่ควรได้วัคซีนโควิดก่อนประเทศอื่น ๆ แต่ควรพิจารณาความจำเป็นในหมู่ประชากรและความจำเป็นเพื่อลดปัญหาทางเศรษฐกิจ[ 31] [ 36] [ 84]
กำหนดเวลาต่าง ๆ ที่ต้องย่อลง
ประเด็นต่าง ๆ ทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาของกลุ่มประชากรที่อ่อนแอ และปัญหาการผลิตวัคซีนเป็นพัน ๆ ล้านโดสล้วนอาจกดดันให้ย่อกำหนดเวลาต่าง ๆ ในการพัฒนาวัคซีนและในบางกรณี อาจรวมระยะการทดลองทางคลินิก หลายระยะเข้าด้วยกันแล้วทำพร้อม ๆ กันโดยใช้เวลาแค่เดือน ๆ ซึ่งปกติต้องทำเป็นลำดับต่อ ๆ กันเป็นปี ๆ[ 56]
ยกตัวอย่างเช่น ผู้พัฒนาวัคซีนประเทศจีนและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจีน (Chinese Center for Disease Control and Prevention) ได้เริ่มงานพัฒนาวัคซีนในเดือนมกราคม 2020[ 86]
แต่เพียงแค่ถึงเดือนมีนาคม ก็กำลังตรวจดูวัคซีนแคนดิเดตเป็นจำนวนมากโดยใช้กำหนดเวลาที่ย่อลง และมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีจีนเหนือของสหรัฐ และเพื่อให้ชาวจีนมั่นใจถึงคุณภาพวัคซีนที่ผลิตในจีน[ 56] [ 87]
เพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนในกำหนดเวลาย่อ ๆ สำหรับโรคระบาดทั่ว ทั้งผู้พัฒนาวัคซีนและรัฐบาลได้ยอมรับความเสี่ยงเมื่อลัดวงจรพัฒนาวัคซีนปกติ[ 55]
ผู้บริหารของอุตสาหกรรมคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "วิกฤติการณ์ของโลกใหญ่จนกระทั่งเราแต่ละคนจะต้องยอมเสี่ยงที่สุดเดี๋ยวนี้เพื่อยุติโรคนี้"[ 55]
มีเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายเรื่องรวมทั้งระดับความเป็นพิษ ที่ยอมรับได้ (คือความปลอดภัย) การตั้งเป้าที่กลุ่มประชากรที่อ่อนแอ ความก้าวหน้าอย่างมากของประสิทธิศักย์วัคซีน ที่ต้องมี ระยะการป้องกันของวัคซีน ระบบการส่งยา พิเศษ (เช่น ให้ทางปากหรือทางจมูก แทนที่จะฉีด) ขนาดการให้ยา ความเสถียรของวัคซีนและวิธีการเก็บ ในคลัง การอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินก่อนได้รับอนุมัติทั่วไป วิธีการผลิตดีที่สุดเพื่อให้ได้วัคซีนเป็นพัน ๆ ล้านโดส และการแจกจำหน่ายวัคซีนที่ได้อนุมัติ[ 29] [ 88]
ถ้านับเริ่มจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 วัคซีนถึงร้อยละ 84–90 ล้มเหลวในช่วงพัฒนาการแล้วไม่ได้รับอนุมัติให้วางตลาดขาย[ 31] [ 89]
ถ้าเริ่มจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 วัคซีนร้อยละ 25.7 ล้มเหลวและไม่ได้รับอนุมัติโดยที่สุด[ 89]
ผู้ผลิตวัคซีนอาจจะลงทุนไปแล้วเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นหนึ่งพันล้านบาท) โดยได้ผลิตวัคซีนเป็นล้าน ๆ โดสไปแล้วที่ใช้ไม่ได้[ 29] [ 56] [ 55]
ในกรณีของโควิด-19 โดยเฉพาะ ประสิทธิศักย์ของวัคซีน ที่อัตราร้อยละ 70 อาจพอระงับการระบาดทั่ว เพราะถ้ามีประสิทธิศักย์เพียงร้อยละ 60 การระบาด ก็ยังอาจต่อไปได้
และประสิทธิศักย์ที่น้อยกว่าร้อยละ 60 จะไม่ก่อภูมิคุ้มกันหมู่ พอระงับการกระจายเชื้อโดยตนเอง[ 29]
โรคที่ระบาดทั่วในปี 2020 ได้สร้างปัญหากับสถาบันวิจัยเพราะการเว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดห้องปฏิบัติการ[ 90] [ 91]
อุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนก็ขาดแคลนขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการซื้อแข่งขันกันในระดับนานาชาติหรือการเข้ายึดของรัฐ[ 64]
กำหนดเวลาต่าง ๆ สำหรับการทดลองทางคลินิก ซึ่งปกติเป็นกระบวนการที่ทำเป็นลำดับต่อ ๆ กันโดยใช้เวลาเป็นปี ๆ ก็กำลังย่อเป็นการทดลองตรวจความปลอดภัย ประสิทธิศักย์ และหาขนาดยาที่ทำพร้อม ๆ กันโดยใช้เวลาเป็นแค่เดือน ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อความปลอดภัย[ 56] [ 55]
แพลตฟอร์มเทคโนโลยี
ในเดือนกันยายน 2020 นักวิทยาศาสตร์ของเซพีรายงานว่า มีแพลตฟอร์เทคโนโลยี 9 แพลตฟอร์มที่กำลังวิจัยและพัฒนาในช่วงปี 2020 เพื่อสร้างวัคซีนต้านโควิด-19
โดยยังมีวัคซีนแคนดิเดตเป็นจำนวนมากที่ไม่ระบุแพลต์ฟอร์มเทคโนโลยี[ 38]
แพลตฟอร์มโดยมากสำหรับวัคซีนที่อยู่ในช่วงทดลองทางคลินิกจนถึงเดือนกันยายนได้เล็งโปรตีน spike ของไวรัสและรูปแบบต่าง ๆ ของโปรตีนนี้เพื่อใช้เป็นแอนติเจน หลักในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค[ 38]
แพลตฟอร์มที่กำลังพัฒนาในปี 2020 รวมเทคโนโลยีกรดนิวคลีอิก (คือ เอ็มอาร์เอ็นเอที่ดัดแปลงนิวคลีโอไซด์ (modRNA ) หรือดีเอ็นเอ ), เวกเตอร์ไวรัส ที่ไม่ขยายพันธุ์, เพปไทด์ , โปรตีนจากยีนลูกผสม, ไวรัสโควิดลดฤทธิ์ที่ยังเป็น และไวรัสโควิดเชื้อตาย [ 92] [ 38] [ 29] [ 31]
เทคโนโลยีวัคซีนที่กำลังพัฒนาเพื่อโควิดหลายอย่างไม่เหมือนกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ที่ใช้กันอยู่แล้ว แต่จัดเป็นของใหม่ที่ทำงานเฉพาะเจาะจงกับกลไกการแพร่เชื้อของโควิด[ 31] [ 92] [ 38] [ 31]
เทคโนโลยีที่ใช้ยังอาจเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการแอนติเจน และบางอย่างอาจมีประสิทธิผลดีกว่าในกลุ่มประชากรย่อยต่าง ๆ รวมทั้งคนชรา เด็ก หญิงมีครรภ์ และคนไข้ที่ภูมิต้านทานอ่อนแอ[ 38] [ 31]
วัคซีนแคนดิเดตที่อาจสร้างโปรตีนของไวรัส SARS-CoV-2 แล้วทำให้ภูมิคุ้มกัน ตอบสนองรวมทั้ง (1) เอ็มอาร์เอ็นเอ ที่เข้ารหัสยีนของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้เซลล์สร้างโปรตีนของไวรัส (2) เป็นโปรตีนที่ผิวหุ้มไวรัสโควิด-19 ที่ผลิตจากยีนลูกผสม (3) เวกเตอร์ไวรัส ที่มียีนของโควิด-19 ซึ่งทำให้เซลล์สร้างโปรตีนของไวรัส
ผังแสดงการทำงานของวัคซีนอาร์เอ็นเอ ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ใหม่ชนิดหนึ่งที่ใช้ในวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งของบริษัทไฟเซอร์ -ไบออนเทคและของบริษัทโมเดอร์นา เอ็มอาร์เอ็นเอ ซึ่งอาจบรรจุอยู่ในอนุภาคนาโนที่เป็นลิพิด จะเข้าไปในเซลล์ แล้วได้การแปลรหัส เป็นโปรตีน ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งก่อการตอบสนองจากภูมิคุ้มกัน แล้วทำให้ภูมิคุ้มกันรู้จักโปรตีนของไวรัส เมื่อติดเชื้อโควิด-19 ในอนาคต ก็จะตอบสนองต่อเชื้อได้อย่างเข้มแข็งและรวดเร็ว
↑ มีวัคซีนแคนดิเดตหลายสิบชนิดที่ไม่ระบุเทคโนโลยี[ 4]
↑ Non-replicating viral vector
↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 มีวัคซีนแคนดิเดตหนึ่งอย่างหรือมากกว่าในการทดลองระยะที่ 2 หรือ 2-3
↑ RNA-based
↑ Inactivated virus
↑ Protein subunit
↑ DNA-based
↑ Virus-like particle
↑ Replicating viral vector
↑ Live attenuated virus
วัคซีน
จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม ประเทศ 17 ประเทศ[ B]
และสหภาพยุโรป [ 110]
ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ -ไบออนเทคคือ tozinameran เป็นการฉุกเฉิน
บาห์เรนยังอนุมัติให้วางตลาดขายฉุกเฉินสำหรับวัคซีน BBIBP-CorV ของบริษัทซิโนฟาร์ม[ 94]
โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต่อมาก็ได้ทำเช่นกัน[ 95]
ในสหราชอาณาจักรจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม คน 138,000 คนได้รับ tozinameran ในอาทิตย์แรกของโปรแกรมการฉีดวัคซีนของประเทศ[ 111]
ในวันที่ 11 ธันวาคม 2020 องค์การอาหารและยา สหรัฐได้อนุญาตให้ใช้ tozinameran เป็นการฉุกเฉิน[ 112]
อีกอาทิตย์ต่อมา ก็ให้อนุญาตเช่นกันกับวัคซีน mRNA-1273 ของบริษัทโมเดอร์นา จึงเป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้ใช้วัคซีน 2 อย่างเป็นการฉุกเฉิน[ 113] [ 114] [ 115]
เซพี จัดระยะการพัฒนาวัคซีนเป็นสามกลุ่ม คือ (1) ระยะการสำรวจ (exploratory) คือการวางแผนและออกแบบวัคซีนโดยไม่มีการประเมินในสิ่งมีชีวิต (2) พรีคลินิก (preclinical) คือการประเมินในสิ่งมีชีวิตและเตรียมตัวผลิตสารประกอบเพื่อจะทดสอบในมนุษย์ หรือ (3) ที่เริ่มทดสอบความปลอดภัยในมนุษย์อาสาสมัครที่สุขภาพดีระยะที่ 1 แล้ว[ 38]
จนถึงกลางเดือนกันยายน มีวัคซีนแคนดิเดต 321 อย่างที่ได้ยืนยันแล้วว่ากำลังทดลองทางคลินิก หรือว่าเป็นโครงการสำรวจหรือพรีคลินิก[ 38]
การทดลองระยะที่ 1 โดยหลักทดสอบความปลอดภัยและขนาดยาเป็นเบื้องต้นโดยให้ยาแก่อาสาสมัครสุขภาพดีเป็นสิบ ๆ คน ระยะที่ 2 ซึ่งทำหลังประสบความสำเร็จในระยะที่ 1 จะตรวจปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกัน, ขนาดของยา (คือตรวจประสิทธิศักย์ โดยใช้ค่าวัดของสารบ่งชี้ทางชีวภาพ คือ biomarker) และผลที่ไม่พึงประสงค์ ปกติทำกับคนเป็นร้อย ๆ คน[ 116] [ 117]
การทดลองระยะ 1–2 ทดสอบความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในเบื้องต้นโดยจะกำหนดขนาดที่ได้ผลให้แม่นยำด้วย[ 117]
ส่วนการทดลองระยะที่ 3 ปกติจะมีอาสาสมัครมากกว่า มีกลุ่มควบคุม และทดสอบประสิทธิผลป้องกันโรคของวัคซีน (เป็นการทดลองแบบแทรกแซง คือ interventional) และจะเฝ้าสังเกตผลที่ไม่พึงประสงค์เมื่อใช้ขนาดยาที่ดีสุด[ 116] [ 117]
นิยามของความปลอดภัยของวัคซีน ประสิทธิศักย์ จุดยุติทางคลินิก (clinical endpoint) ในการทดลองระยะที่ 3 อาจต่างกันระหว่างบริษัทต่าง ๆ เช่นการนิยามระดับผลข้างเคียง การติดเชื้อ หรือการแพร่เชื้อ และว่า วัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบรุนแรงหรือแบบปานกลาง[ 118] [ 119] [ 120]
วัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว
ดูเพิ่มที่รายการขึ้นทะเบียนวัคซีน (ภาษาอังกฤษ)
องค์กรควบคุมของประเทศต่าง ๆ ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีน 11 ชนิดเป็นการฉุกเฉิน
ในจำนวนนั้น 6 ชนิดได้รับอนุมัติจากองค์กรควบคุมที่องค์การอนามัยโลกจัดว่ามีระเบียบเคร่งครัด (stringent regulatory authorities) อย่างน้อย 1 แห่ง
วัคซีนที่อนุมัติเป็นการฉุกเฉินหรือให้ใช้ทั่วไป
วัคซีนแคนดิเดต ผู้พัฒนา/ผู้ให้ทุน
ของประเทศ
เทคโนโลยี
จำนวนโดส ระยะห่าง
อุณหภูมิเก็บ
การทดลองก่อนวางตลาด (จำนวนอาสาสมัคร)
การทดลองหลังวางตลาด (จำนวนอาสาสมัคร)
แอสตร้าเซนเนก้า (Vaxzevria, Covishield) [ 121] [ a] [ b] [ 125] [ 126] [ 127]
มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด , แอสตร้าเซนเนก้า , เซพี
สหราชอาณาจักร , สวีเดน
อะดีโนไวรัส ของชิมแปนซี ที่แปลงเพื่อใช้เป็นเวกเตอร์ (ChAdOx1)[ 125]
2 โดส 4-12 สัปดาห์[ 128]
2–8 °C[ 129]
ระยะ 3 (30,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกเพื่อตรวจประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน[ 130] สถานะ - ประสิทธิศักย์อยู่ที่ร้อยละ 76 หลังจากโดสแรกและร้อยละ 81 หลังจากโดสที่สองโดยฉีดห่างกัน 12 สัปดาห์หรือยิ่งกว่า[ 131] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2020 – ส.ค. 2021, บราซิล (5,000),[ 132] สหราชอาณาจักร , อินเดีย [ 133]
ระยะ 4 (10,000)[ 134] การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม[ c] ช่วงเวลาและแหล่ง: กพ. 2021-ธค. 2024 ในเดนมาร์ก
ไฟเซอร์ (Comirnaty) [ d] [ 96] [ 135] [ 136]
ไบออนเทค, ไฟเซอร์
เยอรมนี สหรัฐ
อาร์เอ็นเอ (เอ็มอาร์เอ็นเอที่ดัดแปลงนิวคลีโอไซด์ [ e] หุ้มด้วยอนุภาคนาโนที่เป็นลิพิด )
2 โดส 3-4 สัปดาห์[ 137] [ f]
−70± 10 °C[ g] (ตู้แช่แข็งพิเศษ )
ระยะ 3 (43,998)[ 142] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกสถานะ - ผลบวกที่พบจากการวิเคราะห์ในระหว่างการทดลองได้ประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2020[ 143] แล้วตีพิมพ์ในวันที่ 10 ธ.ค. 2020 โดยรายงานประสิทธิศักย์ ทั่วไปถึงร้อยละ 95[ 144] [ 145] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – พ.ย. 2020,[ 146] [ 147] เยอรมนี สหรัฐ
ระยะ 4 (10,000)[ 134] การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม[ c] ช่วงเวลาและแหล่ง: กพ. 2021 – ธค. 2024 เดนมาร์ก
จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน [ 148] [ 149]
Janssen Pharmaceutica (หน่วยงานของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ), BIDMC
สหรัฐ เนเธอร์แลนด์
เวกเตอร์ เป็นอะดีโนไวรัส ลูกผสมที่ไม่ขยายพันธุ์ (Ad26 )[ 150]
1 โดส[ 151]
2–8 °C[ 151]
ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกสถานะ - ผลบวกจากการวิเคราะห์ในระหว่างการทดลองได้ประกาศในวันที่ 29 ม.ค. 2021 วัคซีนมีประสิทธิศักย์ ป้องกันการติดโรคแบบมีอาการอ่อนจนถึงปานกลางร้อยละ 66 (ร้อยละ 64 ในแอฟริกาใต้ จนถึงร้อยละ 72 ในสหรัฐ ) และแบบมีอาการหนักร้อยละ 85[ 152] [ 153] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – 2023, สหรัฐ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก เปรู ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ และยูเครน
BBIBP-CorV [ 154]
หน่วยงานของซิโนฟาร์ม คือ Beijing Institute of Biological Products
จีน
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell )[ 154]
2 โดส 3-4 สัปดาห์[ 155]
2–8 °C[ 156]
ระยะ 3 (48,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำคู่ขนาน เพื่อตรวจความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ในการป้องกันโรคสถานะ - ผลการทดลองที่ตรวจสอบโดยผู้รู้เสมอกันระบุว่าวัคซีนมีประสิทธิศักย์ป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการที่ร้อยละ 78.1[ 157] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – ก.ค. 2021, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน จอร์แดน [ 158] อาร์เจนตินา [ 159] โมร็อกโก [ 160] เปรู [ 161]
โมเดอร์นา (Spikevax) [ 162] [ 163]
โมเดอร์นา, NIAID , BARDA , เซพี
สหรัฐ
เอ็มอาร์เอ็นเอ (เอ็มอาร์เอ็นเอที่ดัดแปลงนิวคลีโอไซด์ [ e] หุ้มด้วยอนุภาคนาโนที่เป็นลิพิด )[ 164]
2 โดส 4 สัปดาห์[ 165] [ f]
−20± 5 °C[ 166] (ตู้แช่แข็งยา)
ระยะ 3 (30,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกเพื่อทดสอบประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันสถานะ - ผลบวกที่พบจากการวิเคราะห์ในระหว่างการทดลองได้ประกาศเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2020[ 167] แล้วตีพิมพ์วันที่ 30 ธ.ค. 2020 โดยรายงานประสิทธิศักย์ของวัคซีน ที่ร้อยละ 94.1[ 168] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – ต.ค. 2022, สหรัฐ
ระยะ 4 (10,000)[ 134] การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม[ c] ช่วงเวลาและแหล่ง: Feb 2021 – Dec 2024, Denmark
สปุตนิกวี (Gam-COVID-Vac)
สถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลีย
รัสเซีย
เวกเตอร์ เป็นอะดีโนไวรัส ลูกผสมที่ไม่ขยายพันธุ์ (Ad5 และ Ad26 )[ 169]
2 โดส 3 สัปดาห์[ 170]
≤ −18 °C[ h] (ตู้แช่แข็งยา)
ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก เพื่อตรวจประสิทธิศักย์ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัย[ 172] สถานะ - การวิเคราะห์ผลการทดลองในระหว่างที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์เดอะแลนซิต ระบุประสิทธิศักย์ของวัคซีน ที่ร้อยละ 91.6 โดยไม่มีผลข้างเคียงเกินปกติ[ 173] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020 – พ.ค. 2021, รัสเซีย , เบลารุส ,[ 174] อินเดีย ,[ 175] [ 176] เวเนซุเอลา ,[ 177] [ 178] สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ [ 179]
โคโรนาแว็ก [ 180] [ 181] [ 182]
ซิโนแว็ก
จีน
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell )[ 180]
2 โดส 2-4 สัปดาห์[ 183]
2–8 °C[ 184]
ระยะ 3 (33,620) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก เพื่อตรวจประสิทธิศักย์และความปลอดภัยสถานะ - ผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ในตุรกี ซึ่งได้ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันแล้ว แสดงประสิทธิศักย์ที่ร้อยละ 83.5[ 185] งานศึกษาหนึ่งในชิลีแสดงประสิทธิศักย์ป้องกันร้อยละ 65 สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการ, ร้อยละ 87 สำหรับการเข้า รพ., ร้อยละ 90 สำหรับการเข้าห้องไอซียู และร้อยละ 86 สำหรับการเสียชีวิต[ 186] [ 187]
ส่วนงานในบราซิลระบุว่ามีประสิทธิศักย์ป้องกันร้อยละ 50.7 สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการทั้งหมด, ร้อยละ 83.7 สำหรับการติดเชื้อที่มีอาการเบา และเต็มร้อยสำหรับการมีอาการหนัก[ 188] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – ต.ค. 2021, บราซิล (15,000);[ 189] ส.ค. 2020 - ม.ค. 2021, อินโดนีเซีย (1,620); ต.ค. – พ.ย. 2020, จีน (1,040);[ 190] พ.ย. 2020 – ม.ค. 2022[ 191] , ชิลี (3,000);[ 192] เม.ย. 2021 – มิ.ย. 2022, ฟิลิปปินส์ (ระยะ 2-3: 352);[ 193] ก.ย. 2020 – ก.พ. 2021, ตุรกี (13,000)[ 194]
ระยะ 4 (37,867)[ 195] [ 196] การรักษาช่วงเวลาและแหล่ง: บราซิล ก.พ. 2021 – ก.พ. 2022, เมืองเซอร์ฮานา รัฐเซาเปาลู (27,711); มี.ค. 2021 – มี.ค. 2022, เมืองมาเนาส์ รัฐอามาโซนัส (10,156)
โคแว็กซิน (BBV152)
ภารตะไบโอเทค, สภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย
อินเดีย
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell )[ 197]
2 โดส 4 สัปดาห์[ 198]
2–8 °C[ 198]
ระยะ 3 (25,800) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก[ 199] สถานะ - บริษัทรายงานว่า ผลระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 พบว่าวัคซีนมีประสิทธิศักย์ ร้อยละ 78[ 200] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–มี.ค. 2021, อินเดีย
ระยะ 4 (1,000)[ 201] การรักษาที่ไม่ได้จัดกลุ่มโดยสุ่ม [ c] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2021 – ธ.ค. 2021, อินเดีย
สปุตนิกไลท์
สถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลีย[ 202]
รัสเซีย
เวกเตอร์ เป็นอะดีโนไวรัส ลูกผสมที่ไม่ขยายพันธุ์ (Ad26 )[ 203]
1 โดส[ 203]
2–8 °C[ 204]
ระยะ 3 (7,000)[ 205] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[ 203] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. – ธ.ค. 2021, รัสเซีย (6,000)
Convidicea
แคนซิโนไบโอลอจิกส์, Beijing Institute of Biotechnology of the Academy of Military Medical Sciences[ 206]
จีน
เวกเตอร์ เป็นอะดีโนไวรัส ลูกผสม (Ad5 ) [ i] [ 207]
1 โดส[ 208]
2–8 °C[ 208]
ระยะ 3 (40,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำหลายศูนย์ทั่วโลก เพื่อตรวจประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันสถานะ - ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 การวิเคราะห์ผลการทั่วโลกในระหว่างพบประสิทธิศักย์ของวัคซีน ที่ร้อยละ 65.7 ต่อโรคโควิด-19 ที่มีอาการ และร้อยละ 90.98 สำหรับโรคอาการรุนแรง[ 208] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–ธ.ค. 2020, จีน ; ก.ย. 2020 – ธ.ค. 2021, ปากีสถาน ; ก.ย. 2020 – ธ.ค. 2020, รัสเซีย ,[ 206] จีน, อาร์เจนตินา , ชิลี ;[ 209] เม็กซิโก ;[ 210] ปากีสถาน;[ 211] ซาอุดีอาระเบีย [ 212] [ 213]
WIBP-CorV
หน่วยงานของซิโนฟารม์ คือ Wuhan Institute of Biological Products
จีน
วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cells )
2 โดส 3 สัปดาห์[ 214] [ 215] [ 216]
2–8 °C
ระยะ 3 (51,600) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[ 217] สถานะ - ผลงานการทดลองที่ได้ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันแล้ว แสดงประสิทธิศักย์ ป้องกันการติดเชื้อที่แสดงอาการที่ร้อยละ 72.8[ 157] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020 – มี.ค. 2021, บาห์เรน , อียิปต์ , จอร์แดน , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ [ 214] ; ก.ย. 2020 – ก.ย. 2021, เปรู [ 215] ; ก.ย. 2020 – ธ.ค. 2020, โมร็อกโก [ 218]
EpiVacCorona [ 219] [ 220]
สถาบันเวกตอร์
รัสเซีย
หน่วยย่อยเพปไทด์ของไวรัสโควิด-19[ j] [ 219]
2 โดส 3 สัปดาห์[ 219]
2–8 °C[ 221]
ระยะ 3 (40,150 (ตามแผน), 3,000 (เริ่ม))[ 222] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย เพื่อประเมินประสิทธิศักย์ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัยช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020 – ธ.ค. 2021, รัสเซีย (3,000)[ 223] [ 224] [ 225] [ 226]
ZF2001 (ZIFIVAX) [ 4]
Anhui Zhifei Longcom Biopharmaceutical Co. Ltd.
จีน
หน่วยย่อยโปรตีนแบบลูกผสมของไวรัสโควิด-19 [ k]
3 โดส 30 วัน[ 227] [ 228]
2–8 °C[ 229]
ระยะ 3 (29,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[ 227] ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020 – เม.ย. 2022, จีน , เอกวาดอร์ , อินโดนีเซีย , มาเลเซีย , ปากีสถาน , อุซเบกิสถาน [ 230] [ 231]
Abdala
BioCubaFarma, Center for Genetic Engineering and Biotechnology
คิวบา
ส่วนประกอบของไวรัสโควิด-19 [ l]
3 โดส 2 สัปดาห์[ 232]
2–8 °C[ 233]
ระยะ 3 (48,290)[ 234] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำในหลายศูนย์ อำพรางทั้งสองฝ่าย [ 232] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ก.ค. 2021, คิวบา
CoviVac [ 235]
The Chumakov Centre ที่วิทยาศาสตรบัณฑิตยสถานรัสเซีย
รัสเซีย
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cells )[ 236]
2 โดส 2 สัปดาห์[ 237]
2–8 °C[ 237]
ระยะ 3 (32,000)[ 238] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย เพื่อตรวจประสิทธิศักย์และความปลอดภัยช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021 – ?, รัสเซีย (3,000)[ 239]
QazCovid-in (QazVac) [ 240] Research Institute for Biological Safety Problems
คาซัคสถาน
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
2 โดส 3 สัปดาห์[ 241]
2–8 °C[ 242]
ระยะ 3 (3,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพราง[ 243] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021 – ก.ค. 2021, คาซัคสถาน [ 243]
Minhai COVID-19 vaccine (KCONVAC)
Minhai Biotechnology Co., Shenzhen Kangtai Biological Products Co. Ltd.
จีน
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย (เพาะใน vero cell )
2 โดส 4 สัปดาห์[ 244]
2–8 °C
ระยะ 3 (28,000)[ 244] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-พ.ย. 2021, จีน , มาเลเซีย , ฟิลิปปินส์
COVIran Barakat (COVIRAN) [ 245]
Barakat Pharmaceutical Group, Shifa Pharmed Industrial Group
อิหร่าน
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
2 โดส 4 สัปดาห์[ 246]
2–8 °C
ระยะ 3 (30,500)ระยะ 2-3a (20,000) - การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำแบบคู่ขนาน[ 246] ระยะ 3b (10,500)[ 247] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-มิ.ย. 2021, อิหร่าน
Covidful (Chinese Academy of Medical Sciences COVID-19 vaccine) [ 248] [ 249]
Chinese Academy of Medical Sciences, Institute of Medical Biology
จีน
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
2 โดส 2 สัปดาห์[ 249]
2–8 °C
ระยะ 3 (34,020) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์เดียว อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.-ก.ย. 2021, บราซิล, มาเลเซีย
Soberana 02 (FINLAY-FR-2)
BioCubaFarma, Instituto Finlay de Vacunas
คิวบา
ส่วนประกอบของไวรัสโควิด-19 [ l] (คอนจูเกต )
2 โดส 4 สัปดาห์[ 250]
2–8 °C[ 233]
ระยะ 3 (44,010)[ 251] [ 250] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำในศูนย์หลายศูนย์ ทำแบบคู่ขนาน อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-พ.ค. 2021, คิวบา , อิหร่าน , เวเนซุเอลา [ 252]
ZyCoV-D [ 253]
Cadila Healthcare, Biotechnology Industry Research Assistance Council
อินเดีย
พลาสมิดของดีเอ็นเอที่แสดงออกโปรตีน S ของไวรัสโควิด-19
3 โดส 4 สัปดาห์[ 253] [ 254]
2–8 °C[ 255]
ระยะ 3 (30,000)[ 256] [ 257] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพราง[ 258] ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.-พ.ค. 2021, อินเดีย [ 259]
การทดลองทางคลินิกในมนุษย์
วัคซีนแคนดิเดตป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังทดลองในระยะ 1-3[ 4] [ 260] [ 79]
วัคซีนแคนดิเดต ผู้พัฒนา/ผู้ให้ทุน
ประเทศกำเนิด
เทคโนโลยี
ระยะทดลองปัจจุบัน (จำนวน) รูปแบบการทดลอง
ระยะทดลองที่เสร็จแล้ว[ m] (จำนวน) การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน/ผลไม่พึงประสงค์
รอการอนุมัติ
Novavax COVID-19 vaccine (Covovax) [ 261] [ 262]
โนวาแวกซ์, เซพี
สหรัฐ
ซับยูนิต [ 263] [ 264] [ 265] /อนุภาคคล้ายไวรัส[ 266] [ 267] (อนุภาคนาโนของหน่วยย่อยโปรตีนหนามลูกผสมของไวรัสโควิด-19 บวกกับตัวเสริม )
ระยะ 3 (49,600) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก[ 268] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020 – ม.ค. 2021, สหราชอาณาจักร (15,000); ธ.ค. 2020 – มิ.ย. 2023, สหรัฐ เม็กซิโก ปวยร์โตรีโก (33,000)[ 269] อินเดีย (ระยะ 1/2: 1,600)[ 270] [ 271]
ระยะ 1-2 (131)
การตอบสนองของสารภูมิต้านทานแบบกำจัดฤทธิ์และ IgG เมื่อใช้ตัวเสริม และหลังจากฉีดยาเพิ่ม
ผลไม่พึงประสงค์ - อาการเกิดในระยะสั้นและเบา คือเจ็บที่จุดฉีด ปวดหัว ล้า และปวดกล้ามเนื้อ[ 272]
Sanofi-GSK COVID-19 vaccine (VAT00008, Vidprevtyn) Sanofi Pasteur [ n] , แกล็กโซสมิธไคลน์ (GSK)
ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร
ซับยูนิต (โปรตีน S ลูกผสมของ SARS-CoV-2 ที่เติมตัวเสริม )
ระยะ 3 (37,430)[ 284] [ 285] การทดลองระยะที่ 3 แบบมีกลุ่มคู่ขนาน ทำเป็นหลายระยะ อำพรางแบบปรับปรุงทั้งสองฝ่าย มีหลายกลุ่ม (multi-armed) เพื่อประเมินประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของวัคซีน SARS-CoV-2 แบบโปรตีนลูกผสมที่เติมยาเสริม 2 ชนิด คือสายพันธุ์เดียว (monovalent) หรือสองสายพันธุ์ (bivalent) สำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีและยิ่งกว่าช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021 – ม.ค. 2023, โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน กานา ฮอนดูรัส อินเดีย (3,000) ญี่ปุ่น เคนยา [ 286] เม็กซิโก [ 287] ไนจีเรีย ปากีสถาน ศรีลังกา ยูกันดา สหรัฐ
ระยะ 1-2 (1,160) ระยะ 1-2a (440) การทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้รมกันและความปลอดภัยของวัคซีน (มียาเสริม หรือไม่มียาเสริม) ในอาสาสมัครสุขภาพดีอายุ 18 ปีและยิ่งกว่า[ 288] Phase IIb (720): Immunogenicity and Safety of SARS-CoV-2 Recombinant Protein Vaccine With AS03 Adjuvant in Adults 18 Years of Age and Older.[ 289] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020–เม.ย. 2022, สหรัฐ
CureVac COVID-19 vaccine (CVnCoV) [ 294]
CureVac, เซพี
เยอรมนี
วัคซีนอาร์เอ็นเอ แบบไม่ดัดแปลง[ 295]
ระยะ 3 (44,433)[ 296] [ 297] [ 298] [ 299] [ 300] ระยะ 2b/3 (มีอาสาสมัคร 39,693 คน) ทดสอบประสิทธิศักย์ และความปลอดภัย ทำในศูนย์หลายศูนย์
ระยะ 3 (2,360+180+1,200+1,000=4,740 คน) เป็นการทดลองแแบบสุ่ม มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ บางแห่งอำพรางผู้สังเกตการณ์ บางแห่งไม่อำพรางช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–มิ.ย. 2022, อาร์เจนตินา เบลเยียม โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน ฝรั่งเศส เยอรมนี เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ ปานามา เปรู เสปน [ 301]
ระยะ 1-2 (944)[ 294] [ 302] ระยะ 1 (284): การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์บางส่วน โดยเพิ่มขนาดยา (dose-escalation) เพื่อทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและผลที่ไม่พึงประสงค์
ระยะ 2a (660): การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์บางส่วน ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ เพื่อยืนยันขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย 2020–ต.ค. 2021, เบลเยียม (ระยะ 1), เยอรมนี (ระยะ 1), ปานามา (2a), เปรู (2a)
CoVLP [ 305] [ 306]
Medicago, แกล็กโซสมิธไคลน์
แคนาดา สหราชอาณาจักร
อนุภาคคล้ายไวรัสที่มีอาร์เอ็นเอลูกผสมที่ทำในพืช[ o] และใช้ตัวเสริม AS03 จากแกล็กโซสมิธไคลน์
ระยะ 2-3 (30,918) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก และ event-driven[ 308] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ธ.ค. 2021, บราซิล แคนาดา สหราชอาณาจักร สหรัฐ
ระยะ 1 (180)สถานะ - เกิดสารภูมิต้านทานแบบกำจัดฤทธิ์ในวันที่ 42 หลังการฉีดยาครั้งที่ 1 (วันที่ 21 หลังฉีดยาครั้งที่ 2) ในระดับเป็น 10 เท่าของผู้รอดชีวิตจากการติดโรคโควิด[ 309] [ 310] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020–ก.ย. 2021, แคนาดา [ 311]
Valneva COVID-19 vaccine (VLA2001) [ 313] [ 314]
Valneva
ฝรั่งเศส
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
ระยะ 3 (4,769)[ 315] [ 316] [ 317] ระยะ 3 (4,019+750) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์ non-inferiorityช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ธ.ค. 2021, นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร
ระยะ 1-2 (3,039) ระยะ 1/2 (153 คน) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์
ระยะ 2 (2,886 คน) การทดลองแบบสุ่มเพื่อตรวจการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและผลไม่พึงประสงค์สำหรับการฉีดวัคซีนบูสต์เพื่อป้องกันสายพันธุ์โควิด-19 ดั้งเดิมและสายพันธุ์ใหม่ ๆ[ 318] ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-มิ.ย. 2021, สหราชอาณาจักร
Nanocovax [ 321]
Nanogen Pharmaceutical Biotechnology JSC
เวียตนาม
วัคซีนซับยูนิต เป็นโปรตีนหนามของ Sars-Cov-2 ลูกผสม[ p] โดยเพิ่มตัวเสริม เป็นอลูมินัม [ 322] [ 323]
ระยะ 3 (13,000)[ 324] [ 325] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ ปรับได้ (Adaptive)ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021–ก.ค. 2022, เวียดนาม
ระยะ 1-2 (620)[ 326] ระยะ 1 (60 คน) ไม่อำพราง โดยเพิ่มจำนวนโดส
ระยะ 2 (560 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020–มิ.ย. 2021, เวียดนาม
UB-612
United Biomedical,Inc, Vaxxinity, Diagnosticos da America
บราซิล สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต (Multitope peptide based S1-RBD-protein based vaccine)
ระยะ 3 (18,320)[ 328] [ 329] ระยะ 2b/3 (7,320 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ และศึกษากาตอบสนองต่อโดส (Dose-Response)
ระยะ 3 (11,000 คน)ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค. 2021–มี.ค. 2023, ไต้หวัน (ระยะ 2b/3) อินเดีย (ระยะ 3)[ 330]
ระยะ 1-2 (3,910)[ 331] ระยะ 1 (60): การศึกษาแบบไม่อำพราง/ไม่ปิด
ระยะ 2 (3,850 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020–ม.ค. 2021, ไต้หวัน
TURKOVAC
สถาบันสุขภาพตุรกี
ตุรกี
ไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
ระยะ 3 (40,800)[ 333] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้วัคซีนอื่น (active-controlled) อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย 2021–ก.ย. 2021, ตุรกี
ระยะ 1-2 (294)[ 334] [ 335] ระยะ 1 (44 คน) การทดลองเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการก่อภูมิคุ้มกันของวัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย คือ ERUCOV-VAC โดยมีขนาดสองขนาด ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสองครั้งแก่อาสาสมัครที่มีสุขภาพดี เป็นงานศึกษาแลลมีกลุ่มควบคุมที่ให้ยาหลอก
ระยะ 2 (250 คน) การทดลองเพื่อระบุประสิทธิศักย์ การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัยของวัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย คือ ERUCOV-VAC โดยมีขนาดสองขนาด เป็นการศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–เม.ย. 2021, ตุรกี
West China Hospital COVID-19 vaccine
Jiangsu Province Centers for Disease Control and Prevention, West China Hospital (WestVac Biopharma), Sichuan University
จีน
วัคซีนซับยูนิต (เป็นโปรตีนลูกผสมที่เพาะใน Sf9 cell)
ระยะ 3 (40,000)[ 336] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก มีศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021–ก.พ. 2022, อินโดนีเซีย เคนยา ฟิลิปปินส์
ระยะ 1-2 (5,128)[ 337] [ 338] [ 339] ระยะ 1 (168 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์เดียว
ระยะ 2a (960 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์เดียว
ระยะ 2b (4,000 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์เดียวช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020-พ.ค. 2021, จีน
SCB-2019 [ 340] [ 341]
Clover Biopharmaceuticals[ 342] [ 343] , Dynavax Technologies[ 344] , เซพี
จีน
วัคซีนซับยูนิต เป็นโปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 (spike protein trimeric subunit) โดยเติมตัวเสริม คือ CpG 1018 และอลูมิเนียม
ระยะ 3 (29,300) ระยะ 2/3 (29,000 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย
ระยะ 3 (300 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย[ 345] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021–ต.ค. 2022, เบลเยียม บราซิล โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน เยอรมนี เนปาล ปานามา ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ แอฟริกาใต้ ยูเครน
ระยะ 1-2 (950) ระยะ 1 (150 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย
ระยะ 2 (800 คน) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์[ 346] ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2020–ต.ค. 2021, ออสเตรเลีย (ระยะ 1) จีน (ระยะ 2)
Walvax COVID-19 vaccine (ARCoV) [ 347]
PLA Academy of Military Science, Walvax Biotech[ 348] , Suzhou Abogen Biosciences
จีน
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 3 (28,000)[ 349] การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.–พ.ย. 2021, จีน [ 350] มาเลเซีย เม็กซิโก เนปาล
ระยะ 1-2 (908) ระยะ 1 (168 คน)
ระยะ 2 (420 คน)
ระยะ 1/2 (320 คน)[ 351] ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2020–ต.ค. 2021, จีน [ 352]
COVAX-19 (SpikoGen) [ 353]
Vaxine Pty Ltd[ 354] , Cinnagen[ 355]
ออสเตรเลีย อิหร่าน
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสม[ q] )
ระยะ 3 (16,876)[ 356] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีแขนสองข้าง (two-armed)ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.–ก.ย. 2021, อิหร่าน
ระยะ 1-2 (440)[ 357] ระยะ 1 (40 คน)
ระยะ 2 (400 คน) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีแขนสองข้าง (Two-armed)[ 358] ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2020–ก.ค. 2021, แอดิเลด (ออสเตรเลีย ) อิหร่าน
GRAd-COV2 [ 359] [ 360]
ReiThera, Lazzaro Spallanzani National Institute for Infectious Diseases
อิตาลี
วัคซีนอะดีโนไวรัส ของชิมแปนซี ที่ดัดแปลง (มีรหัสว่า GRAd) เพื่อเป็นเวกเตอร์
ระยะ 3 (10,300)[ 361] [ 362] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ สุ่มตัวอย่างแบบเป็นชั้น (stratified)ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–ต.ค. 2021, อิตาลี
ระยะ 1 (90)[ 363] อาสาสมัคร (มี 2 กลุ่มแบ่งตามวัยคือ 18-55 ปีและ 65-85 ปี) จัดโดยสุ่มให้ได้รับวัคซีนซึ่งให้เพิ่มขึ้น ๆ หนึ่งในสามอย่าง หรือให้ยาหลอก แล้วตรวจติดตามเป็นเวลา 24 สัปดาห์ อาสาสมัครร้อยละ 92.5 ที่ได้วัคซีนเกิดสารภูมิต้านทาน แหล่ง: กรุงโรม ช่วงเวลา: ส.ค.–ธ.ค. 2020
GBP510
SK Bioscience Co. Ltd., แกล็กโซสมิธไคลน์
เกาหลีใต้
วัคซีนซับยูนิต (เป็นอนุภาคนาโนโปรตีนลูกผสมและเติมตัวเสริม AS03)
ระยะ 3 (4,000)[ 364] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้วัคซีนอื่น (active-controlled) อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มคู่ขนาน ทำที่ศูนย์หลายศูนย์[ 365] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021-มี.ค. 2022, เกาหลีใต้
ระยะ 1-2 (580)[ 366] [ 367] ระยะ 1-2 (260-320 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ตรวจหาขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–ส.ค. 2021, เกาหลีใต้
Bio E COVID-19 (Corbevax) [ 368] [ 369] [ 370] Biological E. Limited , Baylor College of Medicine ,[ 371]
เซพี
อินเดีย สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต (ประกอบด้วยแอนติเจน ชนิดหนึ่ง)
ระยะ 3 (1,268)[ 372] ระยะ 2b/3 การศึกษาตามแผน (prospective) ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ มีแขนข้างเดียว[ 373] ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.–ส.ค. 2021, อินเดีย
ระยะ 1-2 (360)[ 374] การทดลองแบบสุ่ม มีกลุ่มคู่ขนานช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ก.พ. 2021, อินเดีย
Inovio COVID-19 Vaccine (INO-4800) [ 375] [ 376]
Inovio Pharmaceuticals, เซพี , สถาบันสุขภาพแห่งชาติเกาหลี, International Vaccine Institute
เกาหลีใต้ สหรัฐ
ว้คซีนดีเอ็นเอ (พลาสมิดของดีเอ็นเอส่งด้วยวิธี electroporation[ r] )
ระยะ 2-3 (6,578) ระยะ 2/3 (6,578 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์[ 379] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ก.ย. 2022, สหรัฐ (ระยะ 2/3)[ s]
ระยะ 1-2 (920) ระยะ 1a (120 คน) การทดลองแบบไม่อำพราง
ระยะ 1b-2a (160 คน) การทดลองแบบหาขนาดยา[ 380]
ระยะ 2 (640 คน) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย หาขนาดยา[ 381] ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2020–ก.พ. 2022, จีน (ระยะ 2) เกาหลีใต้ (ระยะ 1b-2a), สหรัฐ
AG0302-COVID‑19 [ 382] [ 383] AnGes Inc.,[ 384]
Japan Agency for Medical Research and Development
ญี่ปุ่น
วัคซีนดีเอ็นเอ (พลาสมิด)
ระยะ 2-3 (500) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[ 385] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–เม.ย. 2021, ญี่ปุ่น
ระยะ 1-2 (30) การทดลองทั้งแบบสุ่มและไม่สุ่ม ใช้วัคซีนสองโดส ทำที่ศูนย์เดียวช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.–พ.ย. 2020, โอซากะ
202-CoV
Shanghai Zerun Biotechnology Co., Walvax Biotech
จีน
วัคซีนซับยูนิต เป็นโปนตีนหนาม (CHO cell) บวกกับตัวเสริม CpG และอลูมิเนียม )
ระยะ 2 (1,056)[ 386] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.–ธ.ค. 2021, จีน
ระยะ 1 (144)[ 387] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.–ธ.ค. 2021, จีน
V-01
Livzon Mabpharm, Inc.
จีน
วัคซีนซับยูนิต เป็นโปรตีน fusion ลูกผสมของไวรัสโควิด-19
ระยะ 2 (880)[ 388] การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–พ.ค. 2021, จีน
ระยะ 1 (180)[ 389] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์เดียวช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.–มี.ค. 2021, จีน
DelNS1-2019-nCoV-RBD-OPT (DelNS1-nCoV-RBD LAIV)
Beijing Wantai Biological Pharmacy, University of Hong Kong
จีน ฮ่องกง
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส ที่ขยายพันธุ์ได้โดยรวมยีน RBD ของไวรัสโควิด-19
ระยะ 2 (720)[ 390] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020–ธ.ค. 2021, จีน
ระยะ 1 (60)[ 391] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020–ต.ค. 2021, จีน
Brilife (IIBR-100) [ 392]
สถาบันวิจัยชีวภาพอิสราเอล
อิสราเอล
วัคซีนมีเวกเตอร์ไวรัส เป็น vesicular stomatitis virus (ลูกผสม)
ระยะ 2-3 (550)[ 393] ระยะ 2b/3 (550) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.–ต.ค. 2021, อิสราเอล
ระยะ 1-2 (1,040)[ 394] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกและเพิ่มขนาดยา ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ต.ค. 2020–พ.ค. 2021, อิสราเอล
Razi Cov Pars
Razi Vaccine and Serum Research Institute
อิหร่าน
วัคซีนซับยูนิต เป็นโปรตีนหนามลูกผสมของไวรัสโควิด-19
ระยะ 2 (500)[ 395] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีกลุ่มคู่ขนาน 2 กลุ่มช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.–มิ.ย. 2021, อิหร่าน
ระยะ 1 (133)[ 396] การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.–มี.ค. 2021, อิหร่าน
FAKHRAVAC (MIVAC)
Organization of Defensive Innovation and Research
อิหร่าน
วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
ระยะ 2 (500)[ 397] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม แบบกลุ่มคู่ขนาน อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.–ก.ค. 2021, อิหร่าน
ระยะ 1 (135)[ 398] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีรูปแบบเป็น factorial design.ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–เม.ย. 2021, อิหร่าน
ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
Ihsan Gursel, Scientific and Technological Research Council of Turkey
ตุรกี
อนุภาคคล้ายไวรัส
ระยะ 2 (330)[ 399] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม เป็นกลุ่มคู่ขนาน อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.–ก.ย. 2021, ตุรกี
ระยะ 1 (36)[ 400] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–พ.ค. 2021, ตุรกี
COH04S1
City of Hope Medical Center
สหรัฐ
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 2 (240)[ 401] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้วัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021–มิ.ย. 2023, แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐ )
ระยะ 1 (129)[ 402] การศึกษาหาขนาดวัคซีนช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020 – พ.ย. 2022, แคลิฟอร์เนีย
ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
มหาวิทยาลัยชิงหฺวา , Tianjin Medical University[ 403] , Walvax Biotech
จีน
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 2 (180)[ 404] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.–พ.ย. 2021, จีน
ระยะ 1 (30)[ 405] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.–มิ.ย. 2021, จีน
ABNCoV2
Bavarian Nordic[ 406]
มหาวิทยาลัยรัดเบาด์ไนเมเคิน
เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์
อนุภาคคล้ายไวรัส
ระยะ 2 (150)[ 407] การทดลองแบบไม่อำพราง เพิ่มขนาดยาเป็นลำดับ ทำที่ศูนย์เดียวช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021-2022, เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์
ระยะ 1 (42)[ 408] การทดลองแบบไม่อำพราง เพิ่มขนาดยาเป็นลำดับ ทำที่ศูนย์เดียวช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ธ.ค. 2021, เนเธอร์แลนด์
ARCT-154 (VBC-COV19-154 ในเวียดนาม ) [ 409] [ 410] [ 411]
Arcturus Therapeutics, Vinbiocare
สหรัฐ เวียดนาม
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1-3 (21,000) ระยะ 1/2/3 (100+300+600+20,000=21,000) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย[ 412] [ 413] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.-ต.ค. 2021, เวียดนาม [ 414]
พรีคลินิก
SCB-2020S
Clover Biopharmaceuticals[ 415]
จีน
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (150)[ 416] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2021–เม.ย. 2022, ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
NDV-HXP-S (ButanVac, COVIVAC, HXP-GPOVac, Patria)
Icahn School of Medicine at Mount Sinai, Institute of Vaccines and Medical Biologicals[ 417] , Butantan Institute, Laboratorio Avimex, National Council of Science and Technology, มหาวิทยาลัยมหิดล , มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน
บราซิล เม็กซิโก ไทย สหรัฐ เวียดนาม
ใช้ไวรัส Newcastle disease virus (NDV) เป็นเวกเตอร์ (ที่แสดงออก โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 ทั้งแบบมีตัวเสริม CpG 1018 และไม่มี) / หรือวัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
ระยะ 1-2 (6,439) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021–พ.ค. 2022, บราซิล (5,394) เม็กซิโก (ระยะ 1: 90) ไทย (460)[ 418] เวียดนาม (495)[ 419] [ 420]
พรีคลินิก
ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
National Vaccine and Serum Institute, Lanzhou Institute of Biological Products Co., Ltd., Beijing Zhong Sheng Heng Yi Pharmaceutical Technology Co., Ltd., Zhengzhou University
จีน
วัคซีนซับยูนิต (เป็นโปรตีนลูกผสมเพาะด้วย CHO Cell)
ระยะ 1-2 (3,580)[ 421] ระยะ 1/2 การทดลองทางคลินิกเพื่อตรวจความปลอดภัย ความอดทนรับได้ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของวัคซีนในผู้มีสุขภาพดีอายุ 3 ปีและยิ่งกว่าช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021–ต.ค. 2022, จีน
พรีคลินิก
ARCT-021 [ 422] [ 423]
Arcturus Therapeutics, Duke-NUS Medical School
สหรัฐ สิงคโปร์
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1-2 (798) ระยะ 1/2 (92) การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย
ระยะ 2 (600) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ทำในภูมิภาคหลายแห่ง ทำในศูนย์หลายศูนย์ กับผู้ใหญ่สุขภาพดีเพื่อตรวจสอบ ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน[ 424]
ระยะ 2a (106) การทดลองแบบไม่อำพรางเพื่อขยายตรวจสอบความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในระยะยาวเมื่อให้วัคซีนโดสเดียวแก่อาสาสมัครจากการทดลองแม่ที่ได้รับยาหลอกหรือไม่เกิด ตรวจเลือดเป็น seronegative[ 425] ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020–เม.ย. 2022, Singapore, United States (phase IIa)
พรีคลินิก
VBI-2902 [ 426]
Variation Biotechnologies
สหรัฐ
อนุภาคคล้ายไวรัส
ระยะ 1-2 (780)[ 427] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-มิ.ย. 2022, แคนาดา
พรีคลินิก
ICC Vaccine [ 428]
Novavax
สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (640)[ 429] การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2021–มี.ค. 2022, ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
Sanofi-Translate Bio COVID-19 vaccine (MRT5500) [ 430]
Sanofi Pasteur, Translate Bio
ฝรั่งเศส สหรัฐ
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1-2 (333)[ 431] การศึกษาแบบสุ่ม มีกลุ่มคู่ขนาน ทำเป็นลำดับ คือ sentinel cohort ตามด้วย full enrollment cohort ลำดับแรกเป็นการศึกษาแบบไม่อำพราง ทำเป็นขั้น ๆ เพิ่มขนาดยา เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของยา 2 ขนาดเมื่อฉีด 2 โดส ลำดับสองเป็นการศึกษาแบบอำพรางทั้ง 4 ฝ่ายเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในคนต่างอายุ 2 กลุ่ม โดยครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีนโดสเดียว อีกครึ่งที่เหลือได้รับวัคซีนสองโดสช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021–ก.ย. 2022, ฮอนดูรัส สหรัฐ ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
EuCorVac-19 [ 432]
EuBiologics Co
เกาหลีใต้
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามลูกผสมของไวรัสโควิด-19 บวกกับตัวเสริม )
ระยะ 1-2 (280) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ตรวจสอบขนาดของยาช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021–มี.ค. 2022, ฟิลิปปินส์ (ระยะ 2) เกาหลีใต้ (ระยะ 1/2)
พรีคลินิก
RBD SARS-CoV-2 HBsAg VLP
SpyBiotech
สหราชอาณาจักร
อนุภาคคล้ายไวรัส
ระยะ 1-2 (280)[ 433] การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020-?, ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
GX-19 (GX-19N) [ 434] [ 435] [ 436]
Genexine consortium[ 437] [ 438] , International Vaccine Institute
เกาหลีใต้
วัคซีนดีเอ็นเอ
ระยะ 1-2 (410) ระยะ 1-2 (170+210+30) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก บางงานอำพรางทั้งสองฝ่าย บางงานไม่อำพราง มีแขนเดียวช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2020–ก.ค. 2021, กรุงโซล
พรีคลินิก
AV-COVID-19
AIVITA Biomedical, กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย
สหรัฐ อินโดนีเซีย
Dendritic cell vaccine (dendritic cell ของคนไข้เองที่ได้นำออกมาใส่โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 โดยใส่เพิ่ม GM-CSF หรือไม่ใส่)
ระยะ 1-2 (202)[ 439] [ 440] ปรับได้ (adaptive)ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.พ. 2022, อินโดนีเซีย (ระยะ 1) สหรัฐ (ระยะ 1/2)
พรีคลินิก
COVID-eVax
Takis Biotech
อิตาลี
วัคซีนดีเอ็นเอ (injection followed by electroporation)
ระยะ 1-2 (160)[ 441] การทดลองแบบไม่อำพราง ทำที่ศูนย์หลายศูนย์
ระยะ 1 แบบเพิ่มขนาดยา
ระยะ 2 มีแขนเดียวหรือสองแขน สุ่มจัดกลุ่ม เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-ก.ย. 2021, อิตาลี
พรีคลินิก
BBV154 [ 442]
Bharat Biotech[ 443]
อินเดีย
วัคซีนที่มีอะดีโนไวรัสเป็นเวกเตอร์ (พ่นจมูก)
ระยะ 1-2 (175)[ 442] [ 444] การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.–มิ.ย. 2021, อินเดีย
พรีคลินิก
ChulaCov19
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไทย
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1-2 (72)[ 445] ระยะ 1 (72) การทดลองโดยเพิ่มขนาดยา ทำที่ศูนย์เดียว กับอาสาสมัคร 2 กลุ่ม คือ ผู้มีอายุระหว่าง 18-55 ปี และระหว่าง 56-75 ปี
ระยะ 2 การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ เพื่อตรวจความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในผู้มีสุขภาพดีอายุระหว่าง 18-75 ปีช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.–ก.ย. 2021, ไทย
พรีคลินิก
COVID-19/aAPC [ 446]
Shenzhen Genoimmune Medical Institute[ 447]
จีน
วัคซีนมีเล็นทิไวรัสเป็นเวกเตอร์[ t] (with minigene modifying aAPCs)
ระยะ 1 (100)[ 446] Single group, open-label study to evaluate safety and immunity.แหล่ง: เมืองเชินเจิ้น ช่วงเวลา: ก.พ. 2020–ธ.ค. 2024
พรีคลินิก
LV-SMENP-DC [ 448]
Shenzhen Genoimmune Medical Institute[ 447]
จีน
วัคซีนมีเล็นทิไวรัสเป็นเวกเตอร์[ t] (with minigene modifying DCs)
ระยะ 1-2 (100)[ 448] Single-group, open label, multi-center study to evaluate safety and efficacy.แหล่ง: เมืองเชินเจิ้น ช่วงเวลา: มี.ค. 2020–ธ.ค. 2024
พรีคลินิก
ImmunityBio COVID-19 vaccine (hAd5)
ImmunityBio
สหรัฐ
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1-2 (540)[ 449] [ 450] [ 451] [ 452] [ 453] การทดลองระยะ 1/2 เพื่อตรวจความปลอดภัย ผลข้างเคียง และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันสำหรับวัคซีนบูสต์เสริมที่ฉีดใต้ผิวหนังและที่ให้ทางปาก วัคซีนเล็งเป้าที่โปรตีนหนามและ nucleocapsid ของไวรัสโควิด-19 และมุ่งเพิ่มภูมิคุ้มกันทางเซลล์ที ของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนสองโดส (Prime + Boost) ที่อนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้วช่วงเวลาและแหล่ง: ต.ค. 2020-ก.ย. 2021, แอฟริกาใต้ สหรัฐ
พรีคลินิก
HGC019 [ 454]
Gennova Biopharmaceuticals, HDT Biotech Corporation[ 455]
อินเดีย สหรัฐ
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 2-3 (4,400)[ 456] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก ตามแผน อำพรางผู้สังเกตการณ์ ทำที่ศูนย์หลายศูนย์เพื่อตรวจความปลอดภัย ความอดทนรับได้ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในผู้ใหญ่สุขภาพดี
ระยะ 2 (400)
ระยะ 3 (4,000)ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2021-?, อินเดีย
ระยะ 1-2 (620)[ 457] [ 458] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก หาขนาดยา มีกลุ่มคู่ขนาน ไขว้กลุ่ม ทำที่ศูนย์หลายศูนย์เพื่อตรวจความปลอดภัย ความอดทนรับได้ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในผู้หใญ่สุขภาพดี
ระยะ 1 (120) การศึกษาแบบไม่อำพรางกับผู้มีสุขภาพดีอายุ 18-70 ปี.
ระยะ 2 (500) การศึกษาแบบอำพรางผู้สังเกตการณ์ในผู้มีสุขภาพดีอายุ 18-75 ปีช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-ต.ค. 2021, อินเดีย
PTX-COVID19-B [ 459]
Providence Therapeutics
แคนาดา
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (60)[ 459] [ 460] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: ม.ค.-พ.ค. 2021, แคนาดา
พรีคลินิก
COVAC-2 [ 461]
Vaccine and Infectious Disease Organization (University of Saskatchewan)
แคนาดา
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามของไวรัสโควิด-19 บวกกับตัวเสริม )
ระยะ 1 (108)[ 461] [ 462] การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021 – ต.ค. 2022, แฮลิแฟกซ์ (แคนาดา )
พรีคลินิก
COVI-VAC (CDX-005) [ 463]
Codagenix Inc.
สหรัฐ
วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์
ระยะ 1 (48)[ 464] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-มิ.ย. 2021, สหราชอาณาจักร
พรีคลินิก
CoV2 SAM (LNP)
แกล็กโซสมิธไคลน์
สหราชอาณาจักร
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (40)[ 465] การทดลองแบบไม่สุ่ม ไม่อำพราง เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-มิ.ย. 2021, สหรัฐ
พรีคลินิก
COVIGEN [ 466]
Bionet Asia, Technovalia, มหาวิทยาลัยซิดนีย์
ออสเตรเลีย ไทย
วัคซีนดีเอ็นเอ
ระยะ 1 (150)[ 467] การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย หาขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021-มิ.ย. 2022, ออสเตรเลีย ไทย
พรีคลินิก
MV-014-212 [ 468]
Meissa Vaccine Inc.
สหรัฐ
วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์
ระยะ 1 (130)[ 469] การทดลองแบบสุ่ม อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ต.ค. 2022, United States
พรีคลินิก
S-268019
Shionogi
ญี่ปุ่น
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (300)[ 470] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีกลุ่มคู่ขนานช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-มิ.ย. 2022, ญี่ปุ่น
พรีคลินิก
KBP-201
Kentucky Bioprocessing
สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (180)[ 471] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ มีกลุ่มคู่ขนานช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-พ.ค. 2022, สหรัฐ
พรีคลินิก
AdCLD-CoV19
Cellid Co
เกาหลีใต้
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1-2 (150)[ 472] ระยะ 1 การทดลองแบบไม่อำพราง เพิ่มขนาดยา ทำที่ศูนย์เดียว
ระยะ 2a การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.ค. 2021, เกาหลีใต้
พรีคลินิก
AdimrSC-2f
Adimmune Corporation
ไต้หวัน
วัคซีนซับยูนิต (Recombinant RBD +/− Aluminium)
ระยะ 1 (70)[ 473] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม ไม่อำพราง หาขนาดยา ทำที่ศูนย์เดียวช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.-พ.ย. 2020, ไต้หวัน
พรีคลินิก
AKS-452
University Medical Center Groningen
เนเธอร์แลนด์
วัคซีนเป็นเวกเตอร์ซับยูนิต
ระยะ 1-2 (130)[ 474] การทดลองแบบไม่สุ่ม ไม่อำพราง ทำที่ศูนย์เดียว combinatorialช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-มิ.ย. 2021, เนเธอร์แลนด์
พรีคลินิก
GLS-5310
GeneOne Life Science Inc.
เกาหลีใต้
วัคซีนดีเอ็นเอ
ระยะ 1-2 (345)[ 475] การทดลองแบบรวมระยะ 1 (เพิ่มขนาดยา) และ 2a (อำพรางทั้งสองฝ่าย) แบบสุ่ม ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.ค. 2022, เกาหลีใต้
พรีคลินิก
Covigenix VAX-001
Entos Pharmaceuticals Inc.
แคนาดา
วัคซีนดีเอ็นเอ
ระยะ 1-2 (72)[ 476] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ หาขนาดยา และปรับได้ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ส.ค. 2021, แคนาดา
พรีคลินิก
NBP2001
SK Bioscience Co. Ltd.
เกาหลีใต้
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสมบวกกับตัวเสริม ประเภทอลูมิเนียม)
ระยะ 1 (50)[ 477] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-เม.ย. 2021, เกาหลีใต้
พรีคลินิก
CoVac-1
University of Tübingen
เยอรมนี
วัคซีนซับยูนิต (เพปไทด์ )
ระยะ 1-2 (104)[ 478] [ 479] ระยะ 1 (36) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ เพิ่มขนาดยา
ระยะ 1/2 (68) การทดลองเพื่อตรวจความปลอดภัย และการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของผู้ที่มีความบกพร่องทางแอนติบอดีหรือ Bcellช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020-ก.พ. 2022, เยอรมนี
พรีคลินิก
bacTRL-Spike
Symvivo
แคนาดา
วัคซีนดีเอ็นเอ
ระยะ 1 (24)[ 480] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2020-ก.พ. 2022, ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
CORVax12
Providence Health & Services
สหรัฐ
วัคซีนดีเอ็นเอ
ระยะ 1 (36)[ 481] การทดลองแบบไม่สุ่ม ไม่อำพราง มีกลุ่มคู่ขนาน เพื่อตรวจความปลอดภัยของวัคซีน 2 โดสที่ฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์โดยมี/หรือไม่มีตัวเพิ่มคือ electroporated IL-12p70 plasmid ในคน 2 กลุ่มแบ่งโดยวัย คือ กลุ่มอายุ 18-50 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 50 ปีช่วงเวลาและแหล่ง: ธ.ค. 2020-ก.ค. 2021, สหรัฐ
พรีคลินิก
ChAdV68-S (SAM-LNP-S)
สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ, Gritstone Oncology
สหรัฐ
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1 (150)[ 482] การทดลองแบบไม่อำพราง มีกลุ่มคู่ขนาน เพิ่มขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ก.ย. 2022, สหรัฐ
พรีคลินิก
VXA-CoV2-1 (VXA-NVV-104)
Vaxart
สหรัฐ
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1 (83)[ 483] [ 484] ระยะ 1a (35) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย
ระยะ 1b (48) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2020-ส.ค. 2021, สหรัฐ
พรีคลินิก
SpFN COVID-19 vaccine
United States Army Medical Research and Development Command
สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1 (72)[ 485] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-ต.ค. 2022, สหรัฐ
พรีคลินิก
MVA-SARS-2-S (MVA-SARS-2-ST)
University Medical Center Hamburg-Eppendorf
เยอรมนี
วัคซีนเวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1-2 (270)[ 486] [ 487] ระยะ 1 (30) การทดลองแบบเปิด ทำที่ศูนย์เดียว
ระยะ 1b/2a (240) การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม ทำที่ศูนย์หลายศูนย์ช่วงเวลาและแหล่ง: ต.ค. 2020-มี.ค. 2022, เยอรมนี
พรีคลินิก
ReCOV
Jiangsu Rec-Biotechnology Co Ltd
จีน
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสมรวมโปรตีนหนามและ RBD เพาะใน CHO cell)
ระยะ 1 (160)[ 488] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย หาขนาดยา เป็นระยะแรกที่ทดลองในมนุษย์ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ก.ค. 2021, นิวซีแลนด์
พรีคลินิก
Koçak-19 Inaktif Adjuvanlı COVID-19 vaccine
Kocak Farma
ตุรกี
วัคซีนซึ่งใช้ไวรัสโควิด-19 ที่ฆ่าแล้ว
ระยะ 1 (38)[ 489] การศึกษาระยะที่ 1 เพื่อตรวจความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนในขนาดต่าง ๆ กัน ซึ่งฉีดเข้าในกล้ามเนื้อของอาสาสมัครสุขภาพดี เป็นการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-มิ.ย. 2021, ตุรกี
พรีคลินิก
mRNA-1283
โมเดอร์นา
สหรัฐ
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (125)[ 490] การทดลองแบบสุ่ม อำพรางผู้สังเกตการณ์ หาขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-เม.ย. 2022, สหรัฐ
พรีคลินิก
DS-5670 [ 491]
Daiichi Sankyo[ 492]
ญี่ปุ่น
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1-2 (152)[ 493] การศึกษาระยะที่ 1/2 เพื่อตรวจความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนในอาสาสมัครญี่ปุ่นผู้ใหญ่และคนชราผู้มีสุขภาพดีช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ก.ค. 2022, ญี่ปุ่น
พรีคลินิก
CoV2-OGEN1
Syneos Health, US Specialty Formulations
สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1 (45)[ 494] การทดลองระยะแรกในมนุษย์ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.-ธ.ค. 2021, นิวซีแลนด์
พรีคลินิก
KD-414
KM Biologics Co
ญี่ปุ่น
วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
ระยะ 1-2 (210)[ 495] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย มีกลุ่มคู่ขนาน[ 496] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ธ.ค. 2022, ญี่ปุ่น
พรีคลินิก
CoVepiT
OSE Immunotherapeutics
ฝรั่งเศส
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1 (48)[ 497] [ 498] การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพรางช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ก.ย. 2021, ฝรั่งเศส
พรีคลินิก
HDT-301
Senai Cimatec
บราซิล
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (78)[ 499] การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง หาขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย.-ก.ย. 2021, บราซิล
พรีคลินิก
SC-Ad6-1
Tetherex Pharmaceuticals
สหรัฐ
เวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1 (40)[ 500] การทดลองระยะแรกในมนุษย์ ไม่อำพราง หาขนาดยา ฉีดโดสเดียวหรือสองโดสช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย-ธ.ค. 2021, ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
ยังไม่ตั้งชื่อ
Osman ERGANIS, Scientific and Technological Research Council of Turkey
ตุรกี
วัคซีนไวรัสโควิด-19 เชื้อตาย
ระยะ 1 (50)[ 501] การศึกษาระยะที่ 1 เพื่อตรวจความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ของวัคซีนเชื้อตายบวกยาเสริมเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในอาสาสมัครสุขภาพดี ฉีดใต้ผิวหนัง แบ่งเป็นสองกลุ่มที่ใช้ยาขนาดไม่เท่ากันช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ต.ค. 2021, ตุรกี
พรีคลินิก
EXG-5003
Elixirgen Therapeutics, Fujita Health University
ญี่ปุ่น สหรัฐ
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1-2 (60)[ 502] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-ม.ค. 2023, ญี่ปุ่น
พรีคลินิก
mRNACOVID-19 Vaccine
Stemirna Therapeutics Co. Ltd.
จีน
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (240)[ 503] การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค.-ก.ค. 2021, จีน
พรีคลินิก
IVX-411
Icosavax, Seqirus Inc.
สหรัฐ
อนุภาคคล้ายไวรัส
ระยะ 1-2 (168)[ 504] [ 505] ระยะ 1/2 (84) การทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางผู้สังเกตการณ์ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021-2022, ออสเตรเลีย
พรีคลินิก
QazCoVac-P [ 506]
Research Institute for Biological Safety Problems
คาซัคสถาน
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (244)[ 507] ระยะ 1 การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพราง
ระยะ 2 การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพรางช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.-ธ.ค. 2021, คาซัคสถาน
พรีคลินิก
LNP-nCOV saRNA-02
MRC/UVRI & LSHTM Uganda Research Unit
ยูกันดา
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (42)[ 508] การทดลองเพื่อตรวจความปลอดภัยและการตอบสนองของภูมิต้านทานซึ่งเป็นวัคซีนแบบ Self-amplifying Ribonucleic Acid ในอาสาสมัครชาวยูกันดาทั้งที่มีภูมิและไม่มีภูมิต้าทานไวรัสโควิด-19ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย. 2021-มิ.ย. 2022, Uganda
พรีคลินิก
Noora [ 509]
Baqiyatallah University of Medical Sciences
อิหร่าน
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีน RBD ลูกผสม)
ระยะ 1 (70)[ 510] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย.-ส.ค. 2021, อิหร่าน
พรีคลินิก
Baiya SARS-CoV-2 Vax 1 [ 511]
Baiya Phytopharm Co Ltd.
ไทย
วัคซีนซับยูนิต ที่เพาะในพืช (เป็นโปรตีน RBD-Fc บวกกับยาเสริม)
ระยะ 1 (96)[ 512] การทดลองแบบสุ่ม ไม่อำพราง หาขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ย.-ธ.ค. 2021, Thailand
พรีคลินิก
CVXGA1
CyanVac LLC
สหรัฐ
เวกเตอร์ไวรัส
ระยะ 1 (80)[ 513] ไม่อำพรางช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.-ธ.ค. 2021, สหรัฐ
พรีคลินิก
ยังไม่ตั้งชื่อ
St. Petersburg Scientific Research Institute of Vaccines and Sera of Russia at the Federal Medical Biological Agency
รัสเซีย
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนลูกผสม)
ระยะ 1-2 (200)[ 514] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.-? 2021, รัสเซีย
พรีคลินิก
LVRNA009
Liverna Therapeutics Inc.
จีน
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (24)[ 515] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค.-พ.ย. 2021, จีน
พรีคลินิก
PHH-1V
Hipra[ 516]
สเปน
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (30)[ 517] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางผู้สังเกตการณ์ หาขนาดยาช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค.-พ.ย. 2021, สเปน
พรีคลินิก
Versamune-CoV-2FC
Farmacore Biotechnology, PDS Biotechnology Corporation, Faculty of Medicine of Ribeirão Preto
บราซิล สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (360)[ 518] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ย. 2021-มี.ค. 2022, บราซิล
พรีคลินิก
ยังไม่ตั้งชื่อ
North's Academy of Medical Science Medical biology institute
เกาหลีหนือ
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามบวกกับ Angiotensin-converting enzyme 2)
ระยะ 1-2 (?)[ 519] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.ค. 2020, เกาหลีหนือ
พรีคลินิก
ยังไม่ตั้งชื่อ
ซิโนฟาร์ม
จีน
วัคซีนซับยูนิต
ระยะ 1-2 (?)[ 520] ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-?, จีน
พรีคลินิก
Vabiotech COVID-19 vaccine
Vaccine and Biological Production Company No.1 (Vabiotech)
เวียดนาม
วัคซีนซับยูนิต
พรีคลินิก สถานะ - รอทำการทดลองระยะที่ 1[ 521]
?
INO-4802
Inovio Pharmaceuticals
สหรัฐ
วัคซีนดีเอ็นเอ
พรีคลินิก สถานะ - รอทำการทดลองระยะที่ 1/2[ 522]
?
Bangavax (Bancovid) [ 523] [ 524]
Globe Biotech Ltd of Bangladesh
บังกลาเทศ
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
พรีคลินิก สถานะ - รออนุมัติให้ทำการทดลองระยะแรก[ 525]
?
ยังไม่ตั้งชื่อ
Indian Immunologicals, Griffith University[ 526]
ออสเตรเลีย อินเดีย
วัคซีนเชื้อลดฤทธิ์
พรีคลินิก
?
EPV-CoV-19 [ 527]
EpiVax
สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต (T cell epitope-based protein)
พรีคลินิก
?
CV2CoV [ 528]
CureVac, แกล็กโซสมิธไคลน์
เยอรมนี สหราชอาณาจักร
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
พรีคลินิก
?
DYAI-100 [ 529]
Sorrento Therapeutics, Dyadic International, Inc.[ 530]
สหรัฐ
วัคซีนซับยูนิต
พรีคลินิก
?
ยังไม่ตั้งชื่อ [ 531]
กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย, Malaysia Institute of Medical Research Malaysia, Universiti Putra Malaysia
มาเลเซีย
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
พรีคลินิก
?
ARCT-165
Arcturus Therapeutics
สหรัฐ
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
พรีคลินิก สถานะ - รอการอนุมัติให้ทำาการทดลองระยะ 1/2[ 532]
?
AdCOVID
Altimmune Inc.
สหรัฐ
เวกเตอร์ไวรัส
ยกเลิกแล้ว (180)[ 533] [ 534] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่ายช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ. 2021-ก.พ. 2022, สหรัฐ
พรีคลินิก
LNP-nCoVsaRNA [ 535]
หน่วย Medical Research Council Clinical Trials Unit ที่อิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน
สหราชอาณาจักร
วัคซีนอาร์เอ็นเอ
ระยะ 1 (105)การทดลองระยะที่ 1 แบบสุ่มโดยทดลองเพิ่มขนาดยา (15) แล้วขยายเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย (อย่างน้อย 200)แหล่ง: สหราชอาณาจักร ช่วงเวลา: มิ.ย. 2020-ก.ค. 2021
พรีคลินิก
TMV-083
Institut Pasteur
ฝรั่งเศส
เวกเตอร์ไวรัส
ยกเลิกแล้ว (90)[ 536] การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมโดยใช้ยาหลอกช่วงเวลาและแหล่ง: ส.ค. 2020-ก.ค. 2021, เบลเยียม ฝรั่งเศส
?
SARS-CoV-2 Sclamp /V451 [ 537] [ 538]
มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์, Syneos Health, เซพี , Seqirus (ส่วนของ CSL Limited)
วัคซีนซับยูนิต (โปรตีนหนามทำให้เสถียรด้วย molecular clamp บวกกับตัวเสริม MF59)
ยกเลิกแล้ว (120)การทดลองแบบสุ่มและใช้ยาหลอก อำพรางทั้งสองฝ่าย ตรวจหาขนาดยาสถานะ - ได้ผลบวกลวง เมื่อตรวจไวรัสเอชไอวี ในอาสาสมัครแหล่ง: บริสเบน ช่วงเวลา: ก.ค.-ต.ค. 2020
?
V590 [ 539] และ V591/MV-SARS-CoV-2 [ 540]
เมอร์ค (Themis BIOscience), สถาบันปาสเตอร์ , University of Pittsburgh's Center for Vaccine Research (CVR), เซพี
สหรัฐ ฝรั่งเศส
วัคซีนที่ใช้ไวรัส Vesicular stomatitis เป็นเวกเตอร์[ 541] หรือ Measles morbillivirus เป็นเวกเตอร์ [ 542]
ยกเลิกแล้ว สถานะ - การทดลองระยะที่ 1 พบการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในระดับอ่อนกว่าที่พบในการติดเชื้อจริง ๆ และที่พบในวัคซีนโควิด-19 อื่น ๆ[ 543]
↑
สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) จะเป็นผู้ผลิตวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 ให้แก่อินเดีย[ 122]
ประเทศรายได้ต่ำและปานกลางอื่น ๆ[ 123]
↑
ชื่อใช้ที่มหาวิทยาลัยคือ ChAdOx1 nCoV-19 สถาบัน Oswaldo Cruz Foundation จะเป็นผู้ผลิตในบราซิล[ 124]
↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Interventional, non-randomised
↑ ใช้ชื่อว่า BNT162b2 เมื่อยังไม่ได้อนุมัติ
↑ 5.0 5.1 Nucleoside-modified messenger RNA, ตัวย่อ modRNA
↑ 6.0 6.1
นี่เป็นระยะห่างที่แนะนำ
แต่โดสที่สองของไฟเซอร์และโมเดอร์นาสามารถฉีดได้ช้าสุด 6 สัปดาห์หลังโดสแรกถ้าขาดแคลนวัคซีน[ 138] [ 139]
↑ ของไฟเซอร์ สามารถเก็บเป็นระยะยาวในอุณหภูมิระหว่าง −25 และ −15 องศาเซลเซียส (−13 และ 5 องศาฟาเรนไฮต์) จนถึง 2 สัปดาห์ก่อนจะใช้
และระหว่าง 2 และ 8 องศาเซลเซียส (36 และ 46 องศาฟาเรนไฮต์) ได้จนถถึง 5 วันก่อนจะใช้[ 140] [ 141]
↑
นี่เป็นอุณหภูมิที่ใช้เก็บ Gam-COVID-Vac สูตรแช่แข็ง
แต่สูตรทำแห้งเยือกแข็ง คือ Gam-COVID-Vac-Lyo สามารถเก็บไว้ระหว่างอุณหภูมิ 2-8 องศาสเซลเซียส[ 171]
↑ Recombinant adenovirus type 5 vector
↑ Subunit peptide
↑ Recombinant subunit vaccine
↑ 12.0 12.1 Subunit vaccine
↑ ระยะล่าสุดที่ได้ตีพิมพ์ผล
↑
เป็นแผนกวัคซีนของบริษัทยาซาโนฟี่
↑ อนุภาคคล้ายไวรัส (virus-like particles) ที่ก่อในพืชประจำถิ่นออสเตรเลีย Nicotiana benthamiana ซึ่งอยู่ในสกุล เดียวกันกับยาสูบ [ 307]
↑ recombinant spike protein
↑ Recombinant protein
↑
electroporation หรือ electropermeabilization หรือ electrotransfer เป็นเทคนิคทางจุลชีววิทยา ที่ประกบสนามไฟฟ้า กับเซลล์ เพื่อเพิ่มสภาพให้ซึมผ่านได้ของเยื่อหุ้มเซลล์ จึงทำให้สารเคมี ยา หรือดีเอ็นเอ เข้าไปในเซลล์ได้[ 377] [ 378]
↑ ระยะ 1-2a ในเกาหลีใต้ทำพร้อมกับระยะ 2-3 ในสหรัฐ
↑ 20.0 20.1 Lentiviral vector vaccine
การฉีดวัคซีนบูสต์ชนิดเดียวกัน
ในเดือนกรกฎาคม 2021 องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA ) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC ) ได้ร่วมกันแถลงการณ์ว่า การฉีดวัคซีนบูสต์ยังไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนตามสูตรแล้ว[ 544]
โดยระบุด้วยว่า องค์กรต่าง ๆ ของรัฐรวมทั้ง FDA, CDC, และสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ มุ่งมั่นใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดเพื่อพิจารณาว่า เมื่อไรจึงต้องฉีดวัคซีนบูสต์[ 544]
ต่อมาในเดือนสิงหาคม FDA และ CDC จึงได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ เป็นตัวบูสต์สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง[ 545] [ 546]
การฉีดวัคซีนบูสต์ต่างชนิด
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า การฉีดวัคซีนสองโดสต่างชนิดกัน (prime-boost vaccination) จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันเทียบกับการฉีดวัคซีนสองโดสเหมือนกัน โดยมีงานศึกษาที่กำลังตรวจสอบผลเช่นนี้อยู่[ 547]
แม้จะยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิศักย์ และความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนไขว้เช่นนี้ แคนาดา และประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ต่างก็แนะนำให้ฉีดวัคซีนโดสที่สองต่างชนิดกันสำหรับบุคคลที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นโดสที่หนึ่ง[ 548]
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 กลุ่มวิจัยวัคซีนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ได้เริ่มการทดลองซึ่งตรวจสอบการได้วัคซีนโควิด-19 สองโดสโดยต่างชนิด[ 549]
ณ เดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ก็ได้ดำเนินไปถึงการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 แล้วโดยมีงานสองงาน คือ Com-COV และ Com-COV2[ 550]
งานทดลอง Com-COV เปรียบการฉีดวัคซีนไขว้คือ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า กับของไฟเซอร์-ไบออนเทค เทียบกับการฉีดวัคซีนสองชนิดสองเข็มประเภทเดียวกัน โดยมีระยะห่าง 28 วัน (4 สัปดาห์) หรือ 84 วัน (12 สัปดาห์) ระหว่างโดส[ 551] [ 552] [แหล่งอ้างอิงทางการแพทย์ที่ไม่น่าเชื่อถือ? ]
ส่วนงานทดลอง Com-COV2 ฉีดวัคซีนโดสแรกซึ่งไม่เป็นของแอสตร้าเซนเนก้าก็เป็นของไฟเซอร์ ส่วนโดสที่สองเป็นของโมเดอร์นา หรือของโนวาแวกซ์ หรือเป็นวัคซีนชนิดเดียวกันกับโดสแรก โดยฉีดห่างกัน 56 วัน (8 สัปดาห์) หรือ 84 วัน (12 สัปดาห์)[ 553]
งานศึกษาอีกงานหนึ่งในสหราชอาณาจักรกำลังตรวจการฉีดบูสต์ซึ่งเลือกวัคซีนโดยสุ่ม วัคซีนอาจเป็นของแอสตร้าเซนเนก้า , ของไฟเซอร์ , ของโมเดอร์นา , ของโนวาแวกซ์ , VLA2001, CureVac, หรือของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน [ 554]
การฉีดวัคซีนไขว้ที่กำลังทดลองทางคลินิก
โดสแรก
โดสสอง
ตารางการฉีด
ระยะการทดลอง (จำนวนอาสาสมัคร), ช่วงเวลา และเขตที่ทำ
แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์
แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์
วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 84
ระยะ 2 (820)[ 551] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-ส.ค. 2021, สหราชอาณาจักร
สปุตนิกไลท์
แอสตร้าเซนเนก้า ของโมเดอร์นา ของซิโนฟาร์ม
ระยะ 2 (121)[ 555] ช่วงเวลาและแหล่ง: ก.พ.-ส.ค. 2021, อาร์เจนตินา
แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์
แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา โนวาแวกซ์
วันที่ 0 และ 56-84
ระยะ 2 (1,050)[ 553] ช่วงเวลาและแหล่ง: มี.ค. 2021-ก.ย. 2022, สหราชอาณาจักร
Convidecia
ZF2001
วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 56
ระยะ 4 (120)[ 556] ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย.-ธ.ค. 2021, จีน
แอสตร้าเซนเนก้า
ไฟเซอร์
วันที่ 0 และ 28
ระยะ 2 (676)[ 557] ช่วงเวลาและแหล่ง: เม.ย. 2021-เม.ย. 2022, สเปน
แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา
ไฟเซอร์ โมเดอร์นา
วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 112
ระยะ 2 (1,200)[ 558] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021-มี.ค. 2023, แคนาดา
ไฟเซอร์ โมเดอร์นา
ไฟเซอร์ โมเดอร์นา
วันที่ 0 และ 42
ระยะ 2 (400)[ 559] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค. 2021-ม.ค. 2022, ฝรั่งเศส
แอสตร้าเซนเนก้า
ไฟเซอร์
วันที่ 0 และ 28 วันที่ 0 และ 21-49
ระยะ 2 (3,000)[ 560] ช่วงเวลาและแหล่ง: พ.ค.-ธ.ค. 2021, ออสเตรีย
จอห์นสัน
ไฟเซอร์ จอห์นสัน โมเดอร์นา
วันที่ 0 และ 84
ระยะ 2 (432)[ 561] ช่วงเวลาและแหล่ง: มิ.ย. 2021-ก.ย. 2022, เนเธอร์แลนด์
งานวิจัยพรีคลินิก
ในเดือนเมษายน องค์การอนามัยโลกแถลงการณ์โดยเป็นตัวแทนของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มต่าง ๆ ทั่วโลกว่าจะร่วมมือกันเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด[ 562]
โดยชักชวนองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งองค์กรที่กำลังพัฒนาวัคซีนแคนดิเดต องค์กรควบคุมและตั้งนโยบายของรัฐ ผู้ให้เงินทุน องค์กรสาธารณสุข และรัฐบาล ให้ร่วมมือกันเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิผลได้โดยมีปริมาณเพียงพอในการแจกจำหน่ายให้แก่เขตต่าง ๆ ทั้งหมดของโลกโดยเฉพาะเขตที่ยากจน[ 31]
เมื่อวิเคราะห์ประวัติของอุตสาหกรรมพัฒนาวัคซีนก็พบว่า การพัฒนาจะล้มเหลวในอัตราร้อยละ 84–90[ 31] [ 89]
อนึ่ง เพราะโควิดเป็นไวรัสใหม่ มีลักษณะต่าง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจนทั้งหมด และต้องใช้กลยุทธ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาวัคซีน ทุก ๆ ขั้นตอนจึงเสี่ยงไม่สำเร็จสูงมาก[ 31]
เพื่อประเมินประสิทธิผลที่วัคซีนหนึ่ง ๆ อาจมี ก็จะต้องพัฒนาแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์และสัตว์จำลองซึ่งเฉพาะเจาะจงต่อโควิดที่ไม่เคยมีมาก่อน และสิ่งจำลองเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถทดสอบยืนยันกับลักษณะต่าง ๆ ของไวรัสที่ยังไม่ปรากฏ เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันทำโดยกำลังจัดตั้งในปี 2020[ 31]
ในบรรดาวัคซีนแคนดิเดตที่ยืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนา บริษัทเอกชนเป็นผู้พัฒนาในอัตราร้อยละ 70 ที่เหลือนักวิชาการ รัฐบาล และองค์กรสาธารณสุขเป็นผู้พัฒนา[ 38]
ผู้พัฒนาวัคซีนโดยมากเป็นบริษัทเล็ก ๆ หรือทีมนักวิจัยในมหาวิทยาลัย ผู้มีประสบการณ์น้อยในการออกแบบวัคซีนให้ประสบความสำเร็จ มีทุนจำกัดเพื่อทำงานทดลองทางคลินิกที่ซับซ้อนและเพื่อผลิตวัคซีนถ้าไม่ได้บริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เป็นหุ้นส่วน[ 38] [ 31]
ผู้กำลังพัฒนาวัคซีนรวมองค์กรในสหรัฐและแคนาดาซึ่งทั้งสองรวมกันมีงานวิจัยวัคซีนที่กำลังดำเนินการเป็นอัตราร้อยละ 46 ทั้งหมดของโลก เทียบกับเอเชียที่ร้อยละ 36 รวมทั้งประเทศจีน และกับยุโรปที่ร้อยละ 18[ 31]
การทดลองระยะ 1 ที่วางแผนในปี 2020
วัคซีนแคนดิเดตที่กำลังออกแบบหรือพัฒนาในระยะพรีคลินิกสำหรับโควิดอาจไม่ได้รับอนุมัติให้ศึกษาในมนุษย์ช่วงปี 2020 เพราะเป็นพิษ ไม่มีประสิทธิผล ชักนำให้ภูมิคุ้มกันตอบสนอง หรือล้มเหลวในด้านต่าง ๆ ในสัตว์ทดลอง หรืออาจไม่มีทุนพอ[ 563] [ 564]
สำหรับโรคติดเชื้อ โอกาสประสบความสำเร็จของวัคซีนแคนดิเดตในการฝ่าอุปสรรคระยะพรีคลินิกแล้วเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 อยู่ในอัตราร้อยละ 41–57[ 563]
ค่าใช้จ่ายของการทดลองเบื้องต้นในมนุษย์ค่อนข้างสูงสำหรับผู้พัฒนาวัคซีน ประเมินอยู่ที่ 14–25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 440–786 ล้านบาท)
สำหรับโปรแกรมการทดลองระยะที่ 1 ทั่วไป แต่ก็อาจถึง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,200 ล้านบาท) ได้เหมือนกัน[ 563] [ 565]
เมื่อเปรียบเทียบกับ|โรคไวรัสอีโบลา ที่ระบาดทั่วระหว่างปี 2013–2016 ซึ่งมีวัคซีนแคนดิเดต 37 ชนิดที่พัฒนาอย่างเร่งด่วน มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นวัคซีน โดยมีค่าใช้จ่ายเพื่อยืนยันประสิทธิผลในการทดลองระยะที่ 2–3 ประมาณพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (35,292 ล้านบาท)[ 563]
วัคซีนที่ไม่เฉพาะเจาะจงโรคโควิด
วัคซีนบางชนิดมีผลที่ไม่เฉพาะเจาะจง (non-specific effects)
คืออาจมีประโยชน์เกินนอกเหนือจากโรคที่ป้องกัน[ 566]
แม้อ้างว่า (มี.ค., มิ.ย. และ ก.ค.) อัตราการตายเหตุโควิดจะต่ำกว่าในประเทศที่ฉีดวัคซีนบีซีจี เพื่อป้องกันวัณโรค เป็นปกติ[ 567] [ 568] [ 569] [ 570]
แต่องค์การอนามัยโลก ก็กล่าวในเดือนเมษายนว่า ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนนี้มีผลต้านโควิด[ 571]
ในเดือนมีนาคม 2020 ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เริ่มการทดลองวัคซีนบีซีจีแบบสุ่มเพื่อลดการติดโรคโควิดโดยรับแพทย์พยาบาล 1,000 คน[ 572]
ออสเตรเลีย ก็ทดลองแบบสุ่มเช่นกันโดยรับแพทย์พยาบาล 4,170 คน[ 573] [ 574]
การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม โดยยาหลอก เพื่อตรวจว่าวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ (ป้องกันโรคหัด -คางทูม -หัดเยอรมัน ) สามารถป้องกันแพทย์พยาบาลจากโรคโควิดจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม 2020 ที่กรุงไคโร โดยรับอาสาสมัคร 200 คน[ 575]
วัคซีนบีซีจี
นักวิจัยได้ศึกษาวัคซีนบีซีจี อันอาจมีผลที่ไม่เฉพาะเจาะจง (non-specific effects) เป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากสังเกตการณ์ว่าอัตราตายและความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่าในประเทศกำลังพัฒนา (ที่มักใช้วัคซีนนี้)
แต่องค์การอนามัยโลกก็เตือนว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจมีผลต่อข้อสังเกตเช่นนี้เช่น อัตราการตรวจโรคโควิดและภาระโรค (disease burden)[ 576]
ในการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม วัคซีนนี้พบว่ามีผลไม่เฉพาะเจาะจงเป็นการป้องกันการติดเชื้อทางลมหายใจอื่น ๆ[ 577]
ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานพอสนับสนุนข้อสรุปว่า วัคซีนบีซีจีมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด[ 578]
ในเดือนตุลาคม มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ (อังกฤษ) ประกาศการทดลองนานาชาติขนาดใหญ่เพื่อศึกษาว่า การให้วัคซีนบีซีจีสามารถลดอันตรายของโควิดต่อบุคลากรทางแพทย์หรือไม่[ 579] [ 580]
ซึ่งเนเธอร์แลนด์ ก็ประกาศเช่นเดียวกันในเดือนพฤษภาคมก่อนหน้านั้น[ 577]
การใช้ตัวเสริม (adjuvant)
จนถึงเดือนกันยายน 2020 วัคซีนแคนดิเดต 11 อย่างที่อยู่ในระยะการทดลองทางคลินิกใช้ตัวเสริมเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน[ 38]
ตัวเสริม หรือ immunological adjuvant เป็นสารที่เลือกใช้กับวัคซีนเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจน เช่นต่อไวรัสโควิดหรือไข้หวัดใหญ่[ 581]
ตรง ๆ ก็คือ ตัวเสริมอาจใช้กับวัคซีนโควิดเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและเพิ่มประสิทธิศักย์ ในการลดหรือป้องกันการติดเชื้อโควิดในบุคคลที่ได้วัคซีน[ 581] [ 582]
ตัวเสริมอาจมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในเทคโนโลยีที่ใช้ไวรัสโควิดเชื้อตาย (inactivated) ในวัคซีนโปรตีนที่ได้จากยีนลูกผสม (recombinant protein) หรือในวัคซีนที่ใช้เวกเตอร์ (vector)[ 582]
เกลืออะลูมิเนียม (aluminum salt, alum) เป็นตัวเสริมแรกที่ใช้ในวัคซีนซึ่งได้อนุมัติ โดยเลือกใส่ในวัคซีนที่ใช้ตัวเสริมเกินร้อยละ 80[ 582] และได้ใช้มาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1920
เป็นสารที่เริ่มกลไกทางโมเลกุลและเซลล์อย่างหลายหลากเพื่อเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน รวมทั้งการปล่อยไซโตไคน์ที่เสริมการอักเสบ[ 581] [ 582]
ประสิทธิศักย์
เส้นโค้ง การติดไวรัสโควิด-19 ที่แสดงอาการแบบสะสม (cumulative incidence curve) หลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทค (โทซิแนเมแรน) โดสแรก เทียบกับที่ฉีดยาหลอก ในการทดลองทางคลินิก แบบอำพรางทั้งสองฝ่าย คือทั้งผู้ฉีดยาและผู้ตรวจสอบไม่รู้ว่าผู้ฉีดยาได้วัคซีนหรือยาหลอก (เส้นแดง) ยาหลอก (เส้นน้ำเงิน) โทซิแนเมแรน[ 583]
ประสิทธิศักย์ของวัคซีน (efficacy) หมายถึงสมรรถภาพของวัคซีนในการลดความเสี่ยงการติดโรคของผู้ได้รับวัคซีนในการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุม โดยเทียบกับผู้ไม่ได้รับ[ 147] ประสิทธิศักย์ที่ ร้อยละ 0 หมายถึงวัคซีนไม่มีผลเลย (คือมีผลเท่ากับยาหลอก ) และที่ร้อยละ 50 ก็หมายถึงการมีกรณีการติดโรคครึ่งหนึ่งเทียบกับผู้ไม่ได้วัคซีน
ประสิทธิศักย์อาจลดลงถ้าผู้ฉีดจับแขนหรือบีบแขนของผู้รับวัคซีนอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้ฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง แทนที่จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ [ 584] [ 585]
แนวทางการปฏิบัติปัจจุบันของศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐก็คือไม่ควรฉีดวัคซีนซ้ำหลังจากที่ได้ฉีดพลาดเข้าใต้ผิวหนัง[ 586]
เป็นการยากที่จะเทียบประสิทธิศักย์ของวัคซีนต่างชนิดกัน เพราะข้อมูลประสิทธิศักย์ของวัคซีนแต่ละชนิดได้จากการทำการทดลองกับกลุ่มประชากรที่ต่างกัน ในภูมิภาคที่ต่างกัน และกับไวรัสสายพันธุ์ต่าง ๆ กัน[ 587]
สำหรับโควิด-19 ประสิทธิศักย์ที่ร้อยละ 67 อาจพอชลอให้โรคระบาดช้าลง แต่วัคซีนที่มีในปัจจุบันก็ไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันแบบกำจัดเชื้อ (sterilizing immunity)[ 588]
ซึ่งจำเป็นในการป้องกันไม่ให้โรคติดต่อ
ประสิทธิศักย์ของวัคซีนจริง ๆ สะท้อนเพียงการป้องกันโรค และอาจเป็นตัวบ่งชี้การติดต่อเชื้อที่ไม่ดีเพราะผู้ไม่มีอาการก็ยังสามารถแพร่เชื้อไปให้คนอื่นได้มาก[ 589]
องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA) มีเกณฑ์ประสิทธิศักย์ขั้นต่ำของวัคซีนโควิด-19 ที่ร้อยละ 50 สำหรับการขึ้นทะเบียนให้ใช้[ 590] [ 591] [ 592]
ทั่วไปแล้ว การฉีดวัคซีนให้ประชากรร้อยละ 75 เป็นเป้าหมายที่เชื่อว่าปฏิบัติได้จริง ดังนั้น วัคซีนจึงต้องมีประสิทธิภาพอย่างน้อยร้อยละ 70 เพื่อไม่ให้โรคระบาด (ขึ้นอยู่กับค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน คือ
R
0
{\displaystyle R_{0}}
) และร้อยละ 80 เพื่อกำจัดโรคโดยไม่ต้องควบใช้นโยบาย อื่น ๆ เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม [ 593]
ประสิทธิศักย์ที่ไม่น้อยของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอบางอย่างหลังจากฉีดเพียงแค่โดสเดียวเป็นตัวบ่งว่า[ 594]
การฉีดวัคซีนแต่ละโดสสัมพันธ์อย่างไม่เชิงเส้นกับประสิทธิศักย์ ซึ่งจริง ๆ ก็ได้เห็นแล้วตั้งแต่การทดลองระยะที่ 1-2[ 595]
และแสดงนัยว่า การให้วัคซีนในขนาดที่เฉพาะบุคคล ๆ (เช่น ให้เต็มสูตรสำหรับคนชรา ให้น้อยลดสำหรับเยาวชน[ 596]
และให้เพิ่มสำหรับผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง[ 597] )
อาจช่วยเร่งการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเมื่อวัคซีนมีจำกัด และช่วยย่นระยะเหตุการณ์ระบาด ดังที่จริง ๆ แบบจำลองการระบาดได้แสดงให้เห็นแล้ว[ 598]
พิสัยต่าง ๆ ในตารางต่อไปนี้มีช่วงความเชื่อมั่น (CI ) ที่ร้อยละ 95 ยกเว้นจะระบุเป็นพิเศษ โดยค่าเป็นจริงสำหรับคนทุกช่วงอายุตามแหล่งอ้างอิง
โดยนิยามแล้ว ความแม่นยำของค่าประเมินที่ไม่มีช่วงความเชื่อมั่นจะยังไม่ชัดเจน
ค่าประสิทธิศักย์ในการป้องกันโรคที่มีอาการรุนแรงเป็นเรื่องสำคัญสุด เพราะการเข้า รพ. และความตายเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ต้องป้องกันก่อนอื่น[ 599]
วัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้มีค่าประสิทธิศักย์ดังต่อไปนี้
↑ อาการน้อยรวมทั้งเป็นไข้ ไอแห้ง ล้า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ เจ็บคอ ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส คัดจมูก น้ำมูกไหล ตาแดง เป็นผื่น หนาวสะท้าน เวียนศีรษะ อาการปานกลางคือ ปอดอักเสบ
↑ อาการรุนแรงแต่ไม่ถึงต้องเข้า รพ. และไม่เสียชีวิตสำหรับคนหนึ่ง ๆ หมายถึงอาการทางการหายใจที่รุนแรงตามที่วัดเมื่อพักหรือเมื่อกำลังตรวจ (ซึ่งนอกเหนือจากการมีปอดบวม ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึก หายใจลำบาก ภาวะพร่องออกซิเจน การเจ็บหน้าอกอย่างคงยืน เบื่ออาหาร สับสน เป็นไข้สูงกว่า 38 องศาสเซลเซียส) เป็นอาการที่ยังไม่คงยืนหรือรุนแรงพอให้เข้า รพ. หรือทำให้ถึงชีวิต โดยเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ คือ หายใจ ≥ 30 ครั้งต่อนาที, หัวใจเต้น ≥ 125 ครั้งต่อนาที, ความเข้มข้นออกซิเจนในเลือด (SpO2) ≤ 93% เมื่อหายใจปกติที่ระดับน้ำทะเล หรือ partial pressure of oxygen/fraction of inspired oxygen (PaO2/FiO2) < 300 mmHg
↑ อาการรุนแรงจนต้องเข้า รพ. หรือถึงตายหมายถึงอาการที่ต้องรักษาที่ รพ. หรือทำให้ถึงตาย รวมทั้ง หายใจลำบาก ภาวะพร่องออกซิเจน การเจ็บหน้าอกอย่างคงยืน เบื่ออาหาร สับสน เป็นไข้สูงกว่า 38 องศาสเซลเซียส) การหายใจล้มเหลว ไตวาย การทำงานผิดปกติของอวัยวะหลายระบบ ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ และช็อก
↑ เมื่อฉีด 2 โดสโดยห่างกันอย่างน้อย12 สัปดาห์ แต่เมื่อฉีดห่างกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์ ประสิทธิศักย์จะอยู่ที่ ≈ 55% ( )
↑ 5.00 5.01 5.02 5.03 5.04 5.05 5.06 5.07 5.08 5.09 5.10 5.11 5.12 5.13 5.14 5.15 5.16 5.17 5.18 5.19 5.20 5.21 5.22 5.23 5.24 5.25 ไม่ได้ระบุช่วงความเชื่อมั่น (CI ) จึงไม่สามารถรู้ความแม่นยำของค่านี้ได้จริง ๆ
↑ เมื่อฉีด 2 โดสโดยห่างกัน 4 สัปดาห์เป็นค่าประสิทธิศักย์เพื่อ "ป้องกันโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการ"
↑ 7.0 7.1 7.2 ในการทดลองวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค สำหรับกลุ่มฉีดวัคซีน ผู้มีอาการโควิด-19 จะนับว่าติดโรคก็ต่อเมื่อเริ่มมีอาการยิ่งกว่า 7 วันหลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 และยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR เป็นผลบวก
กรณีที่มีอาการน้อยหรือปานกลางต้องมีอาการดังต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่งและตรวจพบเชื้อภายใน 4 วันก่อนหรือหลังช่วงที่มีอาการ อาการรวมทั้ง เป็นไข้ เริ่มไอ หรือไอเพิ่ม เริ่มหายใจติดขัดหรือติดขัดเพิ่ม หนาวสะท้าน เริ่มปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดเพิ่ม เริ่มไม่ได้กลิ่นหรือไม่รู้รสหรือเป็นเพิ่ม เจ็บคอ ท้องร่วง หรืออาเจียน
เค้สอาการรุนแรงยังต้องมีอาการเพิ่มดังต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
อาการเมื่อพักที่แสดงว่าเป็นโรคทั้งร่างกายอย่างรุนแรง (หายใจ ≥30 ครั้งต่อนาที, หัวใจเต้น ≥ 125 ครั้งต่อนาที, ความเข้มข้นออกซิเจน (SpO2) ≤93% เมื่อหายใจปกติที่ระดับน้ำทะเล หรือ PaO2/FiO2 < 300 mmHg),
การหายใจล้มเหลว (นิยามว่าต้องใช้ออกซิเจนแบบไฮโฟลว์ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ คือ non-invasive ventilation, mechanical ventilation หรือ ECMO )
มีหลักฐานว่าช็อก คือ SBP < 90 mm Hg, DBP < 60 mm Hg หรือต้องใช้สารกระตุ้นการหดตัวกล้ามเนื้อหลอดเลือด (vasopressors)
การทำงานผิดปกติอย่างฉับพลันและสำคัญของไต ตับ และระบบประสาท ,
เข้าห้องไอซียู
เสียชีวิต[ 601] [ 602]
↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 ค่านี้ไม่แม่นยำพอเพื่อจะยืนยันว่ามีประสิทธิศักย์สูงจริง ๆ เพราะค่าจำกัดล่างของช่วงความเชื่อมั่น (CI ) แบบ 95% นั้นต่ำกว่า 30%
↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 กรณีมีอาการปานกลาง
↑ 10.00 10.01 10.02 10.03 10.04 10.05 10.06 10.07 10.08 10.09 10.10 10.11 เป็นค่าประสิทธิศักย์ที่รายงาน ณ วันที่ 28 หลังฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแบบโดสเดียว โดยค่าจะต่ำกว่าถ้ารายงาน ณ วันที่ 14 หลังฉีดวัคซีน[ 153]
↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 หลังจากฉีดวัคซีน 28 วัน ไม่มีใครเข้า รพ. หรือเสียชีวิตในบรรดาคน 19,630 คนที่ได้วัคซีนในการทดลอง เทียบกับกลุ่มที่ได้ยาหลอก 19,691 ซึ่งมีคนเข้า รพ. 16 คน (อัตราอุบัติการณ์ ที่ 5.2 ต่อ 1,000 คน-ปี)[ 153]
และมีคนเสียชีวิตเนื่องกับโควิด 7 ราย[ 603]
↑ ในการทดลองวัคซีนของโมเดอร์นา สำหรับกลุ่มฉีดวัคซีน ผู้มีอาการโควิด-19 จะนับว่าติดโรคก็ต่อเมื่อเริ่มมีอาการยิ่งกว่า 14 วันหลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 และยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR เป็นผลบวก และต้องมีอาการแบบทั้งร่างกายอย่างน้อย 2 อย่าง (เป็นไข้ ยิ่งกว่า 38 องศาสเซลเซียส, หนาวสะท้าน, ปวดกล้ามเนื้อ , ปวดศีรษะ , เจ็บคอ , ปัญหาการได้กลิ่นหรือลิ้มรสที่เกิดใหม่) หรือมีอาการทางการหายใจอย่างหนึ่ง (ไอ หายใจติดขัด หรือปอดบวม ไม่ว่าจะโดยอาการหรือโดยการถ่ายเอกซเรย์ )[ 604]
↑ 13.0 13.1 ในการทดลองวัคซีนของโมเดอร์นา อาการที่จัดว่าหนักนิยามว่า ต้องผ่านเกณฑ์อาการเบา/ปานกลางบวกกับกลุ่มอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
อาการที่ระบุว่าป่วยหนักทั้งระบบ เช่น หายใจ ≥30 ครั้งต่อนาที, หัวใจเต้น ≥125 ครั้งต่อนาที, ความเข้มข้นออกซิเจนในเลือด (SpO2) ≤93% เมื่อหายใจปกติที่ระดับน้ำทะเล หรือ PaO2/FIO2 < 300 mm Hg,
ความล้มเหลวทางการหายใจ หรือ ARDS (นิยามว่าต้องให้ออกซิเจนแบบไฮโฟลว์ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือ ECMO ) มีหลักฐานว่าช็อก (SBP < 90 mmHg, DBP < 60 mmHg หรือต้องใช้สารกระตุ้นการหดตัวกล้ามเนื้อหลอดเลือด (vasopressors)
การทำงานผิดปกติอย่างสำคัญของไต ตับ หรือระบบประสาท
การเข้าห้องไอซียู
การเสียชีวิต
ในการทดลอง ผู้รับวัคซีนไม่มีใครเกิดอาการหนัก เทียบกับกลุ่มยาหลอก ซึ่งมีคน 30 คนเข้า รพ. (อัตราอุบัติการณ์ ที่ 9.1 ต่อ 1,000 คน-ปี)[ 604]
↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 14.6 ข้อมูลของการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 3 ยังไม่ได้ตีพิมพ์และยังไม่ได้ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกัน
↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 15.5 ไม่พบเค้สในการทดลอง
ประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล (effectiveness)
งานศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนในสถานการณ์จริงจะวัดว่า วัคซีนสามารถป้องกันเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการติดเชื้อ อาการแสดง การเข้า รพ. และการตายได้แค่ไหน โดยติดตามตรวจสอบกับกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ในเหตุการณ์จริงที่ปัจจัยต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวังทุกอย่าง[ 619]
ในอิสราเอล ช่วง 20 ธันวาคม 2020 - 28 มกราคม 2021 ในบรรดาคน 715,425 คนที่ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา หรือของไฟเซอร์-ไบออนเทค พบว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 หลังจากได้โดสที่สอง มีเพียง 317 คน (ร้อยละ 0.04) ที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 โดยมีอาการเบาจนถึงปานกลาง และมีเพียง 16 คน (ร้อยละ 0.002) ที่ต้องเข้า รพ.[ 620]
ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ วัคซีนของโมเดอร์นาและของไฟเซอร์-ไบออนเทคมีผลป้องกันดีมากในสถานการณ์จริง คือ เมื่อได้วัคซีนครบ ประสิทธิภาพป้องกันโรคทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการของวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ (≥14 วันหลังจากโดสที่สอง) อยู่ที่ร้อยละ 90 ส่วนเมื่อได้วัคซีนเพียงโดสเดียว ประสิทธิภาพป้องกันโรค (≥14 วันหลังจากโดสแรกแต่ก่อนได้โดสที่สอง) อยู่ที่ร้อยละ 80[ 621]
ในสหราชอาณาจักร มีบุคลากรทางแพทย์ 15,121 คนใน รพ. 104 แห่งผู้ตรวจไม่พบแอนติบอดี สำหรับโควิด-19 ก่อนงานศึกษานี้ ที่ได้ติดตามตรวจด้วย RT-PCR อาทิตย์ละสองครั้งระหว่าง 7 ธันวาคม 2020 - 5 กุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่สายพันธุ์อัลฟา กำลังระบาด งานศึกษาเปรียบเทียบผู้ที่ได้วัคซีนกับผู้ที่ไม่ได้วัคซีน โดยร้อยละ 90.7 ได้วัคซีนและที่เหลือร้อยละ 9.3 ไม่ได้ แล้วพบว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคลดการติดเชื้อทั้งหมด (รวมทั้งแบบไม่แสดงอาการ) 72% ( ) 3 สัปดาห์หลังจากโดสแรกและ 86% ( ) 1 สัปดาห์หลังจากโดสที่สอง[ 622] [ต้องการการอัปเดต ]
ในอิสราเอล งานศึกษากับกลุ่มประชากรทั่วไปจาก 17 มกราคม - 6 มีนาคม 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่อัลฟาเป็นสายพันธุ์หลัก พบว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคลดการติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการร้อยละ 94 และลดการติดเชื้อแบบแสดงอาการร้อยละ 97[ 623]
งานศึกษากับคนไข้ของมาโยคลินิกก่อนผ่าตัดในสหรัฐแสดงว่า วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการได้ร้อยละ 80[ 624]
งานศึกษาหนึ่งในสหราชอาณาจักรพบว่า วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า โดสหนึ่งมีผลป้องกันโรค 73% ( ) สำหรับผู้มีอายุ 70 ปีและยิ่งกว่า[ 625]
อัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมวิกฤติ
แม้เป้าหมายแรกสุดในเหตุการณ์โรคระบาดทั่วก็คือป้องกันคนไม่ไให้ติดโรค แต่เป้าหมายระยะยาวปกติก็คือเพื่อกำจัดโรคในที่สุด
แต่จะทำอย่างนี้ได้ สัดส่วนประชากรที่มีภูมิคุ้มกันจะต้องยิ่งกว่าอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมวิกฤติ คือ
V
c
{\displaystyle V_{c}}
ซึ่งสามารถคำนวณได้จากค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน คือ
R
0
{\displaystyle R_{0}}
และประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดต่อโรค คือ
E
{\displaystyle E}
ดังนี้คือ[ 644]
V
c
=
1
− − -->
1
/
R
0
E
{\displaystyle V_{c}={\frac {1-1/R_{0}}{E}}}
สำหรับเชื้อโควิด-19 ถ้าสมมุติว่า R0 ≈ 2.87[ 645]
อัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมวิกฤติก็จะต้องยิ่งกว่าร้อยละ 72.4 สำหรับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคได้ร้อยละ 90 เมื่อใช้สมการ เดียวกัน ประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคที่จำเป็นของวัคซีนสามารถคำนวณได้โดยสมการ
E
=
1
− − -->
1
/
R
0
V
c
{\displaystyle E={\frac {1-1/R_{0}}{V_{c}}}}
ถ้าสมมุติเช่นกันว่า R0 ≈ 2.87 และสมมุติว่า จริง ๆ คงจะฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ประมาณร้อยละ 75 วัคซีนก็จะต้องมีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคได้ยิ่งกว่าร้อยละ 86.9[ 593]
แต่ถ้าสมมุติอัตราการฉีดวัคซีนที่จริง ๆ ทำไม่ได้ว่าเต็มร้อย วัคซีนก็จะต้องมีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อโรคได้ยิ่งกว่าร้อยละ 65.2
และที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่านี้ก็จะไม่สามารถกำจัดโรคได้
จนถึงเดือนมิถุนายน 2021 งานศึกษาหลังวางตลาด (post-marketing) หลายงานได้ประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ
แม้การป้องกันการติดเชื้อจะมีผลชะลอการติดต่อโรค (โดยเฉพาะแบบไม่แสดงอาการ) แต่ก็ยังต้องตรวจสอบผลระงับการติดต่อโรคที่ได้แน่นอนต่อไป[ 646]
ไวรัสโควิด-19 บางสายพันธุ์ ติดต่อได้ง่ายกว่า คือมีค่าระดับการติดเชื้อยังผล (effective reproduction number) ที่สูงกว่า ซึ่งระบุว่ามีค่าระดับการติดเชื้อพื้นฐาน ที่สูงกว่า
ดังนั้น การควบคุมโรคจึงต้องอาศัยอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมที่สูงกว่า หรือวัคซีนต้องมีประสิทธิภาพป้องกันการติดต่อได้สูงกว่า หรืออาจจะต้องได้ปัจจัยทั้งสองอย่าง
ในเดือนกรกฎาคม 2021 ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านระบุว่า การได้ภูมิคุ้มกันหมู่ ในปัจจุบันอาจเป็นไปไม่ได้เพราะว่าสายพันธุ์เดลตา ยังสามารถติดต่อได้แม้ในบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้ว[ 647]
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐมีข้อมูลที่ระบุว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถแพร่เชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่เกิดกับสายพันธุ์โควิด-19 อื่น ๆ[ 648]
สายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19
วิดีโอภาษาอังกฤษขององค์การอนามัยโลก ซึ่งอธิบายว่าสายพันธุ์ของโรคเกิดขึ้นได้อย่างไรในเขตที่ประชาชนไม่ได้ฉีดวัคซีน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างไวรัสโควิด-19 กับมนุษย์ตอนแรกเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปเพราะการฉีดวัคซีน[ 649]
โอกาสการเกิดสายพันธุ์โควิดที่ดื้อต่อแอนติบอดีที่วัคซีนรุ่นปัจจุบันกระตุ้นให้เกิด อาจทำให้ต้องปรับปรุงวัคซีน[ 650]
การทดลองต่าง ๆ ได้ระบุว่า วัคซีนที่พัฒนาเพื่อต่อต้านสายพันธุ์ดั้งเดิมมีประสิทธิศักย์ต่อต้านการติดเชื้อแบบแสดงอาการที่ลดลงสำหรับสายพันธุ์บางสายพันธุ์[ 651]
อัลฟา (B.1.1.7)
ในเดือนธันวาคม สายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโควิด-19 คือสายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7) ได้พบเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร[ 652]
องค์การอนามัยโลก ระบุว่ามีหลักฐานจำกัดที่แสดงว่าวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ของไฟเซอร์-ไบออนเทค และโนวาแวกซ์ยังคงประสิทธิผล/ประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์อัลฟาอยู่ ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล
ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนที่ใช้มากที่สุดรวมทั้งสปุตนิกวี วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค ของโมเดอร์นา ของซิโนแวค ของซิโนฟาร์ม และโคแว็กซิน ก็ปรากฏว่าคงระดับแอนติบอดีสำหรับสายอัลฟาด้วย
สำหรับวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ระดับแอนติบอดีลดลงเล็กน้อยจนถึงปานกลาง
ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[ 653]
ผลเบื้องต้นแสดงว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโมเดอร์นาสามารถป้องกันสายพันธุ์นี้[ 654] [ 655]
งานศึกษาหนึ่งระบุว่า วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิศักย์ระหว่าง 42-89 ต่อต้านสายพันธุ์นี้ เทียบกับร้อยละ 71-91 สำหรับสายพันธุ์อื่น[ 656]
ผลเบื้องต้นจากการทดลองทางคลินิกระบุว่า วัคซีนโนวาแวกซ์มีประสิทธิภาพประมาณร้อยละ 96 สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการสำหรับสายพันธุ์ดั้งเดิม และประมาณร้อยละ 86 สำหรับสายพันธุ์อัลฟา[ 657]
เบตา (B.1.351)
องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีหลักฐานจำกัดจากงานศึกษาเบื้องต้นหลายงานที่แสดงว่าวัคซีนต่าง ๆ มีประสิทธิศักย์/ประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์เบตาลดลงในระดับต่าง ๆ รวมทั้งวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า (อาจจะมาก) โนวาแวกซ์ (ปานกลาง) วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (น้อย) โดยยังไม่มีข้อมูลสำหรับวัคซีนอื่น ๆ
ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนที่ใช้มากที่สุดรวมทั้งวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า สปุตนิกวี จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไฟเซอร์-ไบออนเทค โมเดอร์นา และโนวาแวกซ์ล้วนมีแอนติบอดีลดลงในระดับน้อยจนถึงมาก ยกเว้นซิโนแวคและซิโนฟาร์มที่มีแอนติบอดีลดลงน้อย โดยวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[ 653]
โมเดอร์นาได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนรุ่นใหม่เพื่อจัดการสายพันธุ์เบตา (B.1.351) แล้ว[ 658]
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2021 บริษัทไฟเซอร์ประกาศว่า สำหรับสายพันธุ์นี้ อานุภาพทำลายฤทธิ์ไวรัสของแอนติบอดีที่เนื่องกับวัคซีนลดลงถึง 2/3 โดยระบุด้วยว่ายังไม่สามารถกำหนดประสิทธิศักย์ของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการ[ 659]
งานศึกษาหลายงานต่อมาได้ตรวจน้ำเหลืองของคนไข้ที่ได้ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาและของไฟเซอร์-ไบออนเทคแล้วยืนยันว่า อานุภาพทำลายฤทธิ์ไวรัสของแอนติบอดีที่เนื่องกับวัคซีนลดลงจริง ๆ[ 655] [ 660]
แต่ในวันที่ 1 เมษายน 2021 รายงานจากการทดลองวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคในแอฟริกาใต้ กลับรายงานว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพเต็มร้อยจนถึงตอนนั้น (คือ อาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนไม่มีใครติดโรคเลย) เทียบกับกลุ่มยาหลอกที่อาสาสมัคร 6 คนติดเชื้อชนิดเบตา[ 661]
ในเดือนมกราคม 2021 บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันซึ่งกำลังทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในแอฟริกาใต้ รายงานว่าประสิทธิศักย์การป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการปานกลางจนถึงหนักอยู่ที่ร้อยละ 72 ในสหรัฐและร้อยละ 57 ในแอฟริกาใต้[ 662]
ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ หนังสือพิมพ์อังกฤษ Financial Times ได้รายงานข้อมูลเบื้องต้นจากงานศึกษาในแอฟริกาใต้ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดที่แสดงว่า วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิศักย์ลดลงสำหรับสายพันธุ์นี้[ 663]
โดยพบว่า ในบรรดาผู้ได้รับวัคซีน 2,000 คน วัคซีนสามารถป้องกันโรคได้เพียงเล็กน้อยยกเว้นแต่คนที่มีอาการหนักสุด[ 664]
ต่อมาในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2021 กระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้จึงระงับแผนการฉีดวัคซีนนี้ 1 ล้านโดสให้แก่ประชาชน[ 664] [ 665]
ในเดือนมีนาคม 2021 มีรายงานว่า "ประสิทธิศักย์เบื้องต้นที่พบ" ของโนวาแว็กซ์ (NVX-CoV2373) สำหรับการติดเชื้อชนิดเบตาที่มีอาการอ่อน ปานกลาง และรุนแรง[ 666]
สำหรับอาสาสมัครที่ตรวจไม่พบเอชไอวีอยู่ที่ร้อยละ 51
แกมมา (P.1)
องค์การอนามัยโลก ระบุว่ามีหลักฐานจำกัดที่แสดงว่าวัคซีนของซิโนแวค และของซิโนฟาร์ม ยังคงประสิทธิผล/ประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์แกมมาอยู่ ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล
ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้าและของซิโนแวคไม่ลดหรือแทบไม่ลดประสิทธิภาพต่อต้านสายพันธุ์แกมมาเลย วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและของโมเดอร์นาลดลงบางเล็กน้อยจนถึงปานกลาง ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[ 653]
ดังนั้น สายพันธุ์แกมมา (P.1, 20J/501Y.V3) ซึ่งเริ่มต้นพบที่บราซิล ดูเหมือนจะหลบภูมิคุ้มกันเนื่องกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคได้บ้าง[ 660]
เดลตา (B.1.617.2)
สายพันธุ์เดลตา หรือ B.1.617.2 หรือ G/452R.V3 หรือ 21A[ 667]
หรือ 21A/S:478K[ 668]
ได้พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม 2020 แต่หลังจากนั้นก็ได้กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ แล้ว
เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ B.1.617 เช่นเดียวกับสายพันธุ์แคปปา ที่กำลังตรวจสอบ[ 669] [ 670] [ 671] [ 672] [ 673]
ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2021 นักวิทยาศาสตร์อังกฤษได้ประกาศสายพันธุ์นี้ (ซึ่งมีจุดเด่นคือ ไม่มีการกลายพันธุ์ E484Q ) ว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงโดยกำหนดรหัสเป็น VOC-21APR-02 หลังจากที่พบหลักฐานว่ามันกระจายไปได้เร็วกว่าไวรัสดั้งเดิมและอาจกระจายได้เร็วเท่าสายพันธุ์อัลฟา [ 674] [ 675] [ 676]
มันมีการกลายพันธุ์ L452R , T478K และ P681R [ 677]
แต่ก็ไม่เหมือนกับสายพันธุ์แคปปาเพราะไม่มีการกลายพันธุ์ E484Q
องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีหลักฐานจำกัดจากงานศึกษาเบื้องต้นต่าง ๆ ที่แสดงว่าวัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้าและของไฟเซอร์-ไบออนเทคยังคงประสิทธิผล/ประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์นี้ ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล
ในเรื่องการคงระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ ซึ่งป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการและสำคัญในการยุติเหตุการณ์ระบาดทั่ว วัคซีนของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก และวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโคแว็กซินมีประสิทธิภาพลดลงน้อยจนถึงปานกลาง ส่วนวัคซีนอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูล[ 653]
ข้อจำกัดและปัญหาที่อาจเกิด
การรีบเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนเพื่อโควิด-19 ที่ระบาดทั่วอาจเพิ่มความเสี่ยงและอัตราความล้มเหลวของการได้วัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิผล[ 92] [ 31] [ 678]
งานศึกษาหนึ่งพบว่าในระหว่างปี 2006-2015 สำหรับวัคซีน การได้รับอนุมัติให้ทำการทดลองระยะที่ 1 แล้วผ่านการทดลองระยะที่ 3 อย่างสำเร็จอยู่ที่อัตราร้อยละ 16.2 [ 89]
และเซพีก็ได้ระบุว่าอัตราประสบความสำเร็จของวัคซีนแคนดิเดตที่กำลังพัฒนาอยู่ในปี 2020 น่าจะอยู่ที่เพียงร้อยละ 10[ 31]
ในเดือนเมษายน 2020 รายงานของเซพีระบุว่า "การประสานงานและการร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งและเป็นสากลระหว่างผู้พัฒนาวัคซีน องค์กรควบคุม องค์กรตั้งนโยบาย ผู้ให้เงินทุน องค์กรสาธารณสุข และรัฐบาลเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้วัคซีนแคนดิเดตในระยะสุดท้าย ๆ สามารถผลิตได้อย่างเพียงพอและแจกจำหน่ายให้แก่เขตติดโรคทั้งหมดได้อย่างยุติธรรม โดยเฉพาะแก่เขตที่ยากจน"[ 31]
แต่ประชากรอาจถึงร้อยละ 10 ก็รู้สึกว่าวัคซีนไม่ปลอดภัยหรือไม่จำเป็น และไม่ยอมรับวัคซีน
ซึ่งเป็นอันตรายต่อสาธารณสุขของโลกที่ได้ชื่อว่า vaccine hesitancy (ความลังเลกับวัคซีน)[ 679]
และเพิ่มความเสี่ยงว่าโควิดจะเกิดระบาดอีก[ 680]
ในกลางปี 2020 งานสำรวจสองงานประเมินว่าประชากรสหรัฐร้อยละ 67 หรือ 80 จะยอมรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยมีความต่าง ๆ กันมากเหตุระดับการศึกษา การมีงานทำ เชื้อชาติ และภูมิลำเนา[ 681] [ 682]
ปัญหาความปลอดภัยทางชีวภาพ
งานวิจัยเบื้องต้นเพื่อประเมินประสิทธิผลของวัคซีนโดยใช้สัตว์แบบจำลองที่เฉพาะต่อโรคโควิด (เช่น หนูเพาะให้มียีนหน่วยรับ ACE) และใช้สัตว์ทดลองอื่น ๆ และไพรเมต ที่ไม่ใช่มนุษย์ แสดงว่าต้องรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพในระดับ 3 เมื่อทดลองไวรัสที่ยังไม่ตาย และต้องร่วมมือกันในระดับสากลเพื่อให้มีมาตรฐานรักษาความปลอดภัย[ 92] [ 31]
การเพิ่มฤทธิ์ของเชื้อโดยอาศัยภูมิต้านทาน (ADE)
แม้วัคซีนจะมุ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารภูมิต้านทานเพื่อกำจัดเชื้อโรค แต่วัคซีนก็อาจมีผลตรงกันข้ามโดยเพิ่มฤทธิ์ของเชื้อ เป็นกระบวนการที่เรียกว่า การเพิ่มฤทธิ์ของเชื้อโดยอาศัยภูมิต้านทาน (antibody-dependent enhancement, ADE) ซึ่งเพิ่มสมรรถภาพของไวรัสในการจับกับเซลล์เป้าหมายในร่างกายแล้วจุดชนวนอาการพายุไซโตไคน์ เมื่อติดเชื้อหลังจากได้วัคซีน[ 92] [ 683]
แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของวัคซีน (เช่น ใช้ไวรัสเป็นเวกเตอร์ , ใช้โปรตีน spike ของไวรัส หรือใช้หน่วยย่อยโปรตีนของไวรัส), ขนาดวัคซีนที่ให้, ระยะเวลาระหว่างการให้วัคซีนซ้ำ ๆ เพราะโอกาสการติดเชื้อโควิดอีก และอายุมาก ล้วนเป็นปัจจัยที่กำหนดความเสี่ยงและความรุนแรงของ ADE [ 92] [ 683]
การตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนก็ยังขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ รวมทั้งความแม่นยำของกลไกการทำงานของวัคซีน[ 92]
หรือวิธีการให้ (ฉีดในกล้ามเนื้อ ฉีดใต้ผิวหนัง ให้ทางปาก ให้ทางจมูก เป็นต้น)[ 683] [ 684]
ประสิทธิศักย์ (efficacy)
ดูหัวข้อหลักที่ประสิทธิศักย์
ประสิทธิภาพ (effectiveness) ของวัคซีนขึ้นอยู่กับประสิทธิศักย์ (efficacy) ของวัคซีน[ 147]
ประสิทธิศักย์ที่น้อยกว่าร้อยละ 60 ก็อาจไม่ก่อภูมิคุ้มกันหมู่ [ 29] [ 684]
ปัจจัยส่วนบุคคลที่ทำให้เสี่ยงติดโรค เช่น ยีน สุขภาพ (โรคประจำตัว อาหาร การตั้งครรภ์ ไวหรือแพ้อะไรง่าย ) ภูมิคุ้มกัน อายุ ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม อาจเป็นปัจจัยปฐมภูมิหรือทุติยภูมิซึ่งมีผลต่อความรุนแรงเมื่อติดโรคและการตอบสนองต่อวัคซีน[ 684]
คนชรา (อายุเกิน 60 ปี) ผู้มีภูมิแพ้ และคนอ้วน เสี่ยงมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอแล้วทำให้วัคซีนไม่มีประสิทธิผล จึงอาจต้องใช้เทคโนโลยีวัคซีนโดยเฉพาะ ๆ สำหรับคนกลุ่มเฉพาะ ๆ หรือต้องให้วัคซีนซ้ำ ๆ เพื่อจำกัดการแพร่เชื้อ[ 684]
อนึ่ง การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส อาจเปลี่ยนโครงสร้างที่เป็นเป้าหมายของวัคซีน ทำให้วัคซีนไม่ได้ผล[ 685] [ 686]
การรับสมัครอาสาสมัครเพื่อทดลอง
ผู้พัฒนาวัคซีนต้องลงทุนแข่งขันในระดับนานาชาติเพื่อหาอาสาสมัครสำหรับการทดลองทางคลินิกระยะ 2–3 ให้มีจำนวนเพียงพอเพราะไวรัสระบาดไปในอัตราต่าง ๆ กันทั้งข้ามประเทศและในประเทศ[ 118]
ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมิถุนายน บริษัทผลิตวัคซีนจีนคือซิโนแว็กไบโอเท็กได้ร่วมมือกับมาเลเซีย แคนาดา สหราชอาณาจักร และบราซิลเพื่อรับอาสาสมัครในการทดลองและเพื่อผลิตวัคซีนให้ได้จำนวนเพียงพอสำหรับการทดลองระยะที่ 3 ในประเทศบราซิลที่โรคได้เร่งระบาดเพิ่มขึ้น[ 118]
เพราะจีนควบคุมการระบาดทั่วของโควิดได้ ผู้พัฒนาวัคซีนจีนจึงต้องร่วมมือกับนานาชาติเพื่อทำงานศึกษาในมนุษย์ระยะปลาย ซึ่งเป็นการแข่งขันหาอาสาสมัครสู้กับผู้ผลิตอื่น ๆ และกับโปรแกรม Solidarity trial ที่องค์การอนามัยโลกเป็นผู้จัด[ 118]
นอกจากปัญหาการแข่งขันหาอาสาสมัครแล้ว ผู้จัดทำการทดลองอาจเจอกับคนที่ไม่ต้องการได้วัคซีนเพราะเหตุผลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ ที่ค้านกับความเห็นพ้องของนักวิทยาศาสตร์ [ 680]
หรือไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ที่ใช้เพื่อสร้างเทคโนโลยีวัคซีนและสมรรถภาพการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีน[ 687]
การมีบุคลากรที่ชำนาญในการให้วัคซีนไม่พออาจเป็นอุปสรรคต่อการทดลองทางคลินิกที่ต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น การรับสมัครอาสาสมัครในเขตชนบทที่มีความหนาแน่นประชากร น้อย อาสาสมัครที่มีอายุ เชื้อชาติ และปัญหาทางสุขภาพต่าง ๆ[ 118] [ 688]
ค่าใช้จ่าย
วัคซีนต้านโควิดที่มีประสิทธิผลอาจลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ ของโลกเป็นล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และดังนั้น ค่าใช้จ่ายเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับวัคซีนเมื่อเทียบกันแล้วก็เล็กน้อย[ 689]
ในตอนต้น ๆ ของเหตุการณ์ระบาดทั่ว ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถสร้างวัคซีนสำหรับไวรัสนี้ได้อย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีราคาที่พอซื้อไหว และก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาวัคซีนเท่าไร[ 29] [ 32] [ 56]
เป็นไปได้ว่าการลงทุนเป็นเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นอาจไม่ได้ผลอะไร[ 55]
หลังจากสร้างวัคซีนได้แล้ว จะต้องผลิตวัคซีนเป็นพัน ๆ ล้านโดสแล้วแจกจ่ายทั่วโลก ในเดือนเมษายน 2020 มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ประเมินว่า การผลิตและการแจกจำหน่ายวัคซีนอาจมีค่าใช้จ่ายถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณแปดแสนล้านบาท)[ 690]
คณะกรรมาธิการยุโรป จัดให้มีการประชุมทางวิดีโอ ของผู้นำโลกในวันที่ 4 พฤษภาคม 2020 ซึ่งได้สัญญาว่าจะให้เงิน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาวัคซีนไวรัสโคโรนา (เป็นงานเดียวกับขององค์การอนามัยโลก)[ 691]
จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2020 บริษัทที่ได้เงินทุนจากโปรแกรมปฏิบัติการความเร็วเหนือแสงของสหรัฐได้ตั้งราคาวัคซีนเบื้องต้นประมาณ 19.5–25 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 610–780 บาท) ต่อโดส (คนหนึ่งปกติต้องใช้ 2 โดส) ซึ่งเป็นราคาประมาณเท่า ๆ กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่[ 692]
ในเดือนธันวาคม 2020 นักการเมืองเบลเยียมผู้หนึ่งได้เปิดเผยราคาที่สหภาพยุโรปตกลงซื้อวัคซีนจากบริษัทต่าง ๆ[ 693]
การแจกจำหน่าย
วัคซีนต่าง ๆ ต้องขนส่งและจัดการต่าง ๆ กัน
ตัวอย่างเช่น วัคซีน tozinameran ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคต้องส่งในตู้แช่แข็งพิเศษ โดยมีอุณหภูมิระหว่าง −80 ถึง −60 องศาเซลเซียส [ 695]
ต้องใช้ใน 5 วันหลังละลาย[ 695]
ต้องสั่งอย่างน้อย 975 โดส จึงคงมีแต่ รพ. ใหญ่ ๆ ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือดีที่สามารถให้วัคซีนนี้ได้[ 696]
ส่วนวัคซีนของโมเดอร์นาต้องเก็บแช่แข็ง ระหว่าง −25 ถึง −15 องศาเซลเซียส[ 697] แต่เมื่อแช่แข็งแล้ว ก็สามารถเก็บที่อุณหภูมิระหว่าง 2 ถึง 8 องศาเซลเซียสจนถึง 30 วัน[ 697]
การไร้ข้อมูลที่เปิดเผยและความไม่เชื่อใจ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ประกาศให้อนุมัติวัคซีนของจีนคือ BBIBP-CorV แต่ก็ไม่ได้ประกอบด้วยข้อมูลและรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ[ 698]
ไม่เหมือนกับวัคซีนที่พัฒนาในประเทศตะวันตกบางประเทศ วัคซีนจีนมีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ น้อย
แม้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะระบุว่า ได้พิจารณางานวิเคราะห์ในระหว่างของบริษัท แต่ก็ไม่ชัดเจนว่า ได้วิเคราะห์ข้อมูลดิบเองอย่างเป็นอิสระ
และก็ไม่ชัดเจนว่า บริษัทได้สรุปข้อมูลอย่างไร เพราะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่ได้ระบุรายละเอียดการวิเคราะห์ที่สำคัญ เช่น จำนวนคนติดเชื้อและอายุของอาสาสมัคร[ 698]
นักวิทยาการระบาด ชาวจีนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กล่าวว่า "ยากที่จะรู้ว่าวัคซีนได้ผลดีขนาดไหน ผมหวังว่ามันคงเป็นจริง"[ 699]
การไม่ทำข้อมูลให้เป็นสาธารณะอาจจำกัดบริษัทจากการแจกจำหน่ายวัคซีนไปยังประเทศบางประเทศ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ของวัคซีน
นักวิทยาการคนเดียวกันระบุว่า การโน้มน้าวให้ประเทศอื่น ๆ คล้อยตามจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่แน่นและข้อมูลที่ดีซึ่งสามารถให้ตรวจดูได้
ส่วนนักวิทยาไวรัส ที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงอีกคนหนึ่งเป็นห่วงว่า ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเลือกยอมรับวัคซีนโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่เป็นอิสระ หรือเลือกไม่ใช้วัคซีนนี้เลย[ 699]
วัคซีนจีนอีกอย่างคือ CoronaVac ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ในวันที่ 14 ธันวาคม 2020 สำนักงานควบคุมสาธารณสุขบราซิล (Anvisa) ระบุว่า การให้อนุมัติเพื่อใช้ในประเทศจีนไม่ใช่เรื่องเปิดเผย
คือไม่มีข้อมูลว่าใช้กฎเกณฑ์อะไรในการอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินในประเทศจีนเมื่อเดือนมิถุนายน 2020[ 700]
ปัญหาของการศึกษาแบบ "ท้าทาย" ที่เสนอ
เพราะโรคโควิดที่กำลังระบาดทั่ว เป็นเรื่องฉุกเฉินทั่วโลก จึงต้องพิจารณายุทธการย่อเวลาเพื่ออนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด โดยเฉพาะการย่อเวลาของการทดลองทางคลินิกระยะ 2-3 ที่ปกติยาวเป็นปี ๆ[ 701] [ 702] [ 703]
งานศึกษาแบบ "ท้าทาย" เป็นการทดลองวัคซีนโดยจงใจทำให้อาสาสมัครติดเชื้อ
เป็นวิธีที่เคยทำกับโรคที่เสี่ยงตายน้อยกว่าโควิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ ทั่วไป ไข้รากสาดน้อย อหิวาตกโรค และมาลาเรีย [ 702]
คือเมื่อได้ตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนแคนดิเดตในสัตว์ทดลองและมนุษย์ที่สุขภาพปกติแล้ว อาจต้องท้าทาย (challenge) จงใจให้อาสาสมัครติดเชื้อโควิด โดยมีกลุ่มควบคุมและข้ามงานทดลองระยะ 3 ซึ่งปกติต้องทำ เพื่อช่วยเร่งให้อนุมัติใช้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคได้อย่างกว้างขวาง[ 701] [ 704] [ 702]
เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 อาสาสมัครผู้ใหญ่หนุ่มสาวเป็นโหล ๆ จะจงใจทำให้ติดเชื้อโควิดในการทดลองแบบท้าทายใน รพ. ในกรุงลอนดอน ซึ่งบริหารโดยหน่วยบริหารวัคซีนโควิดเฉพาะกิจของรัฐบาลอังกฤษ[ 705]
โดยหลังจากกำหนดขนาดไวรัสที่ทำให้ติดเชื้อได้ ก็จะตรวจสอบประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนแคนดิเดตสำหรับโควิด 2 อย่างหรือมากกว่านั้น[ 705]
งานศึกษาแบบท้าทายมีสองขั้นตอน ขั้นแรกตรวจสอบวัคซีนแคนดิเดตว่าปลอดภัยหรือไม่และมีผลต่อภูมิต้านทานอย่างไรทั้งในสัตว์ทดลองและผู้ใหญ่อาสาสมัครสุขภาพดี (100 คนหรือน้อยกว่านั้น) โดยทำพร้อม ๆ กันซึ่งปกติจะทำเป็นลำดับต่อกันเริ่มจากสัตว์ก่อน
เมื่อขั้นแรกได้ผลดี ขั้นสองเป็นการทดลองขนาดใหญ่ระยะ 2–3 และให้วัคซีนขนาดที่ได้ผลแก่อาสาสมัครผู้ไม่ได้ติดโรคมาก่อน มีความเสี่ยงน้อย (เช่น ผู้มีอายุน้อย) โดยจงใจทำให้ติดเชื้อไวรัสโควิดเพื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ให้ยาหลอก [ 701] [ 702] [ 704]
หลังจาก "ท้าทาย" ให้ติดโรคเช่นนี้ ก็จะเฝ้าตรวจอาสาสมัครอย่างใกล้ชิดในคลินิกที่มีอุปกรณ์วัสดุพร้อมมือและสามารถช่วยชีวิตได้ถ้าจำเป็น[ 701] [ 702]
การอาสาเป็นผู้ร่วมงานศึกษาแบบท้าทายในช่วงเกิดโรคระบาดทั่วเช่นนี้ คล้ายกับการเข้าปฏิบัติการในเหตุการณ์ฉุกเฉินของแพทย์พยาบาลเพื่อรักษาคนไข้โรคโควิด หรือของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือของผู้บริจาคอวัยวะ[ 701]
แม้งานศึกษาเช่นนี้จะน่าสงสัยทางจริยธรรม เพราะอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่ออาสาสมัครเหตุโรครุนแรงขึ้นอาศัยวัคซีน เพราะไม่ชัดเจนว่าวัคซีนปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่ หรือเพราะประเด็นปัญหาอื่น ๆ แต่ตามผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโรคติดต่อบางท่าน[ 701] [ 702] [ 704]
งานศึกษาเช่นนี้ก็อาจเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีผลได้อย่างรวดเร็วและช่วยลดจำนวนคนตายเหตุโควิดที่กะว่าอาจตกเป็นล้าน ๆ คนทั่วโลก[ 701] [ 706]
ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2020 องค์การอนามัยโลกได้พัฒนาแนวปฏิบัติที่แสดงกฎเกณฑ์การศึกษาโควิดแบบท้าทายในอาสาสมัครสุขภาพดี รวมวิธีการประเมินทางวิทยาศาสตร์และทางจริยธรรม การปรึกษาหารือและการประสานงานกับประชาชน การเลือกและการขอคำยินยอมของอาสาสมัคร และการดูแลสอดส่องโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระ[ 707]
การอนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน (EUA)
เมื่อโควิดได้เริ่มระบาดทั่วเมื่อต้นปี 2020 องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่แนวทางการจดบัญชีรายการยาให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน (Emergency Use Listing) สำหรับวัคซีนใหม่ ๆ เป็นกระบวนการที่ได้มาจากการระบาดทั่วของอีโบลาระหว่างปี 2013-2016[ 708]
ซึ่งบังคับว่า วัคซีนแคนดิเดตที่พัฒนาเพื่อการฉุกเฉินอันเป็นอันตรายถึงชีวิตต้องผ่านมาตรฐาน GMP และต้องผ่านการพัฒนาตามกระบวนการให้อนุญาตก่อน (prequalification) ขององค์การ[ 708]
แม้เมื่อมีวัคซีนใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นในระหว่างการระบาดทั่วของโควิด การให้อนุญาตก็ยังบังคับให้ส่งเอกสารแบบเต็มในเรื่องการพัฒนาและคุณภาพการผลิต
เทียบกับสหภาพยุโรป ที่บริษัทสามารถใช้กระบวนการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง (rolling review) คือให้ข้อมูลตามเท่าที่ได้ในการทดลองระยะที่ 3 แทนที่จะส่งข้อมูลเต็มซึ่งต้องทำเป็นเดือน ๆ หรือปี ๆ หลังการทดลองในกระบวนการปกติ
กระบวนการเช่นนี้ทำให้คณะกรรมการเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในมนุษย์ยุโรป (CHMP) สามารถประเมินข้อมูลในเวลาจริง ซึ่งช่วยให้วัคซีนแคนดิเดตอันมีอนาคตสามารถได้อนุมัติอย่างรวดเร็วจากสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA)[ 709]
ในเดือนตุลาคม กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาและสำนักงานการแพทย์ยุโรปได้เริ่มการพิจารณาอย่างต่อเนื่องสำหรับวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา[ 710]
และในแคนาดาเดือนพฤศจิกายน สำหรับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค [ 711]
วันที่ 24 มิถุนายน 2020 ประเทศจีนได้อนุมัติวัคซีนของบริษัทแคนซิโนไบโอลอจิกส์เพื่อให้ใช้อย่างจำกัดในทหาร และอนุมัติวัคซีนแบบไวรัสโควิดฆ่าแล้ว สองอย่างเพื่อใช้ในการฉุกเฉินสำหรับผู้ประกอบอาชีพความเสี่ยงสูง[ 712]
ในวันที่ 11 สิงหาคม 2020 รัสเซียประกาศการอนุมัติวัคซีนสปุตนิก วี เพื่อใช้ในการฉุกเฉิน แต่เดือนหนึ่งต่อจากนั้น ก็ยังมีวัคซีนเพียงจำนวนน้อยที่แจกจำหน่ายนอกการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3[ 713]
ในเดือนกันยายน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อนุมัติวัคซีนของบริษัทซิโนฟาร์มเป็นการฉุกเฉินสำหรับบุคลากรทางแพทย์[ 714]
โดยบาห์เรน ก็ทำเช่นเดียวกันในเดือนพฤศจิกายนต่อมา[ 715]
ในสหรัฐ องค์การอาหารและยาอาจให้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินแก่วัคซีนโควิดก่อนจะได้หลักฐานเต็มจากการทดลองระยะที่ 3 ในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าใช้อย่างผิด ๆ เพราะเหตุทางการเมือง เป็นการลดมาตรฐาน และเพิ่มความรู้สึกต่อต้านวัคซีนของประชาชนในช่วงปี 2020[ 681] [ 716] [ 717]
ในวันที่ 8 กันยายน 2020 บริษัทยาแนวหน้า 9 บริษัทที่วิจัยวัคซีนโควิดจึงได้ร่วมให้สัญญาว่า จะยื่นคำขอใช้เป็นการฉุกเฉินก็ต่อเมื่อการทดลองระยะที่ 3 ได้ระบุวัคซีนว่าปลอดภัยและมีประสิทธิศักย์แล้ว[ 718]
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2020 บริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคได้ยื่นคำขอใช้วัคซีนของบริษัทเป็นการฉุกเฉินแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐ[ 719] [ 720]
โดยองค์การก็ประกาศว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาเรื่องวัคซีนและผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่เกี่ยวข้อง (VRBPAC ) ขององค์การจะพิจารณาคำขอนี้ในวันที่ 10 ธันวาคม[ 721] [ 722]
ในเดือนพฤศจิกายน องค์การได้อธิบายว่า การอนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉินก็คือ "กลไกที่อำนวยการทำให้มีและการใช้วิธีแก้ปัญหาทางแพทย์รวมทั้งวัคซีน ในช่วงความฉุกเฉินทางสาธารณสุข เช่น การระบาดทั่วของโควิด-19 ในปัจจุบัน"[ 723]
เมื่อองค์การอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินแล้ว ผู้พัฒนาวัคซีนก็ยังต้องดำเนินการทดลองระยะที่ 3 ต่อไปเพื่อบูรณาการข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ของวัคซีน โดยในที่สุดก็จะยื่นคำขออนุมัติแบบเต็ม[ 723]
ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 บริษัทโมเดอร์นาได้ยื่นคำขอใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐ[ 724] [ 725]
บาห์เรน
ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2020 องค์การควบคุมทางสุขภาพแห่งชาติบาห์เรน (National Health Regulatory Authority, NHRA) ได้อนุญาตให้ใช้วัคซีน BBIBP-CorV ของบริษัทซิโนฟาร์ม และวัคซีน tozinameran ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นการฉุกเฉิน[ 94]
แคนาดา
ในวันที่ 9 ธันวาคม 2020 กระทรวงสาธารณสุขแคนาดา (Health Canada) ได้อนุญาตให้นำเข้าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเพื่อใช้ในการฉุกเฉินอย่างชั่วคราว[ 96]
มีวัคซีน 30,000 โดสส่งมาถึงแคนาดาในวันที่ 13 ธันวาคม โดยกะว่าจะได้ 249,000 โดสไม่เกินปลายปี 2020 และ 6 ล้านโดสก่อนเดือนเมษายน 2021[ 726]
เม็กซิโก
ในวันที่ 11 ธันวาคม 2020 คณะกรรมการกลางป้องกันความเสี่ยงทางอนามัย (Federal Commission for the Protection against Sanitary Risk, COFEPRIS) ของเม็กซิโกได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค เป็นการฉุกเฉิน วัคซีนได้สั่งแล้ว 34.4 ล้านโดสโดยเริ่มส่งตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม[ 99]
ฟิลิปปินส์
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2020 ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์โรดรีโก ดูแตร์เต ได้สั่งองค์กรอาหารและยาฟิลิปปินส์ให้ให้อนุญาตใช้วัคซีนและการรักษาโควิดอื่น ๆ เป็นการฉุกเฉิน[ 727]
โดยมีข้อแม้อย่างหนึ่งว่า ผู้ผลิตวัคซีนต้องได้อนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉินในประเทศต้นกำเนิดหรือประเทศอื่น ๆ ที่มีการควบคุมดี
องค์การก็ได้ประกาศว่าผู้ผลิตวัคซีน 3 รายคือไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแว็กก็ได้สอบถามเรื่องกระบวนการขออนุญาตให้ใช้เป็นการฉุกเฉินในประเทศ[ 728]
สหราชอาณาจักร
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2020 สำนักงานควบคุมผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ (Medicines and Healthcare products Regulatory Agency, MHRA) แห่งสหราชอาณาจักรได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค คือ Tozinameran (BNT162b2) เป็นการฉุกเฉิน เป็นประเทศแรกที่อนุมัติวัคซีนนี้ และประเทศตะวันตก แรกที่ให้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินแก่วัคซีนโควิด[ 93] [ 729] [ 730]
สหรัฐ
ในวันที่ 11 ธันวาคม 2020 องค์กรอาหารและยาสหรัฐได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นการฉุกเฉิน[ 112]
การให้อนุญาต
วัคซีนจะได้อนุญาตตามความสำเร็จของการทดลองทางคลินิกระยะ 1–3 ที่ได้แสดงความปลอดภัย, การสร้างภูมิคุ้มกันโรคเมื่อใช้ขนาดยาโดยเฉพาะ, ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มประชากรเป้าหมาย และประสิทธิภาพการป้องกันที่คงยืน[ 731]
คณะผู้เชี่ยวชาญการวางมาตรฐานทางชีวภาพขององค์การอนามัยโลกได้สร้างแนวปฏิบัตินานาชาติเพื่อผลิตและควบคุมคุณภาพของวัคซีน เป็นกระบวนการหมายให้องค์กรควบคุมของรัฐต่าง ๆ ใช้ในการให้อนุญาตวัคซีนของตนเอง[ 731]
ปกติผู้ผลิตจะไม่ได้รับอนุญาตจนกว่าวัคซีนจะได้พิสูจน์ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในระยะยาว
องค์กรควบคุมนานาชาติหรือของรัฐ เช่น สำนักงานการแพทย์ยุโรป (European Medicines Agency, EMA) หรือองค์กรอาหารและยาสหรัฐ (Food and Drug Administration, FDA) จะเป็นผู้ตรวจพิจารณาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของวัคซีน[ 732] [ 733]
การสร้างความมั่นใจและการยอมรับวัคซีนที่ได้อนุมัติแก่สาธารณชนเป็นหน้าที่การสื่อสารของรัฐและบุคลากรทางแพทย์เพื่อให้โปรแกรมการฉีดวัคซีนดำเนินไปได้ด้วยดี, เพื่อช่วยชีวิตคน และช่วยคืนสภาพทางเศรษฐกิจ[ 734]
ในเบื้องต้น วัคซีนจะมีจำนวนจำกัดเพราะเหตุผลทางการผลิต, การแจกจำหน่าย และโลจิสติกส์ จึงต้องมีแผนการจัดสรรวัคซีนจำนวนจำกัดที่มี และจัดลำดับกลุ่มประชากรที่ควรได้วัคซีนแรก ๆ[ 734]
องค์การอนามัยโลก
วัคซีนที่พัฒนาเพื่อแจกจำหน่ายข้ามชาติผ่านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ต้องได้การอนุญาตก่อน (pre-qualification) ขององค์การอนามัยโลกเพื่อให้ได้มาตรฐานสากลในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย การสร้างภูมิคุ้มกัน และประสิทธิศักย์ จึงจะนำไปใช้ในประเทศต่าง ๆ มากมายได้[ 731]
ผลิตภัณฑ์ต้องผลิตได้อย่างสม่ำเสมอโดยผ่านมาตรฐาน GMP [ 731]
เมื่อองค์กรของสหประชาชาติมีส่วนร่วมในการให้อนุญาตวัคซีน ประเทศแต่ละประเทศจะร่วมมือโดย 1) ให้อนุญาตวัคซีน ให้อนุญาตการวางขาย สำหรับผู้ผลิตและหุ้นส่วนในการแจกจำหน่าย
2) สอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด (postmarketing surveillance) รวมทั้งบันทึกผลที่ไม่พึงประสงค์หลังการให้วัคซีน
องค์การอนามัยโลกทำงานร่วมกับองค์กรของรัฐเพื่อตรวจโรงงานผลิตและผู้จำหน่ายว่าผ่านมาตรฐาน GMP และกฎควบคุมต่าง ๆ หรือไม่[ 731]
ประเทศบางประเทศอาจเลือกซื้อวัคซีนที่ได้รับอนุญาตจากองค์กรควบคุมของประเทศอื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือเช่น สำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA ) หรือองค์การอาหารและยา สหรัฐ แต่ราคาก็อาจจะแพงกว่า และวิธีการแจกจำหน่ายก็อาจใช้ในประเทศกำลังพัฒนา นั้น ๆ ไม่ได้[ 731]
ออสเตรเลีย
ในเดือนตุลาคม 2020 องค์กรสินค้าเพื่อการรักษา (Therapeutic Goods Administration, TGA) ของออสเตรเลียได้ให้อนุญาตชั่วคราวแก่วัคซีนโควิดคือ ChAdOx1 nCoV-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีน Tozinameran (BNT162b2) ของบริษัทไฟเซอร์ [ 735] [ 736]
สหภาพยุโรป
ในสหภาพยุโรป วัคซีนสำหรับโรคระบาดทั่ว เช่น ไข้หวัดใหญ่ จะได้อนุญาตแบบต่าง ๆ รวมทั้ง อนุญาตทั่วไป (centralized) คือรัฐสมาชิกทั้งหมดปฏิบัติตาม หรืออนุญาตในบางประเทศ (decentralized) หรืออนุญาตในประเทศ ๆ เดียว[ 732]
โดยทั่วไปแล้ว รัฐสมาชิกจะอนุโลมตามแนวทางการควบคุมและโปรแกรมทางคลินิกที่กำหนดโดยคณะกรรมการเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในมนุษย์ (Committee for Medicinal Products for Human Use, CHMP) ของยุโรป ซึ่งเป็นคณะกรรมการทางวิทยาศาสตร์ของสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA ) ซึ่งมีหน้าที่ให้อนุญาตวัคซีน[ 732]
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหลายกลุ่มที่ประเมินและสอดส่องความก้าวหน้าของวัคซีนทั้งก่อนและหลังการให้อนุญาตและการแจกจำหน่ายทำหน้าที่สนับสนุนคณะกรรมการนี้[ 732]
ในเดือนตุลาคม 2020 CHMP ได้เริ่มทำการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง (rolling reviews) สำหรับวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และ Tozinameran (BNT162b2) ของบริษัทไฟเซอร์ [ 737] [ 738] [ 739]
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 CHMP ได้เริ่มการพิจารณาอย่างต่อเนื่องสำหรับวัคซีนโควิดของบริษัทโมเดอร์นาคือ mRNA-1273 [ 740]
ในเดือนธันวาคม 2020 EMA ได้รับคำขออนุญาตวางตลาดแบบมีเงื่อนไข (conditional marketing authorization) แก่วัคซีนแบบ modRNA คือ Tozinameran และ mRNA-1273 [ 741] [ 742]
การประเมินวัคซีนจะทำอย่างเร่งด่วนโดยอาจลงความเห็นภายในไม่กี่อาทิตย์[ 741] [ 742]
ในเดือนธันวาคม 2020 CHMP ได้เริ่มการพิจารณาอย่างต่อเนื่องสำหรับวัคซีนโควิด Ad26.COV2.S ของบริษัท Janssen-Cilag International N.V.[ 743]
สหรัฐ
ตามกฎขององค์การอาหารและยา สหรัฐ การแสดงหลักฐานว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิศักย์ ทางคลินิกจะเหมือนกับกระบวนการอนุมัติยาที่แพทย์สั่ง[ 744]
ถ้ายาผ่านการทดลองทางคลินิกระยะต่าง ๆ บริษัทก็จะยื่นคำขอที่เรียกว่า Biologics License Application ซึ่งต้องแนบหลักฐานอย่างละเอียดว่าวัคซีนแคนดิเดตแสดงประสิทธิศักย์และความปลอดภัยตลอดระยะการพัฒนา เพื่อการพิจารณาทางวิทยาศาสตร์โดยคณะผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ รวมทั้งแพทย์ นักสถิติ นักจุลชีววิทยา และนักเคมี
หลังจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญก็จะตรวจโรงงานผลิตว่า ได้มาตรฐาน GMP หรือไม่ โดยฉลากยาต้องมีข้อมูลสำหรับแพทย์พยาบาลเกี่ยวกับการใช้ยาและความเสี่ยง เพื่อให้สามารถสื่อสารและให้ยากับสาธารณชนได้[ 744]
คณะกรรมการที่ปรึกษาเรื่องแนวปฏิบัติเพื่อสร้างภูมิคุมกัน (Advisory Committee on Immunization Practices) ของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐได้ลงมติในวันที่ 2 ธันวาคมว่า วัคซีนที่ได้แรก ๆ ควรจัดให้กับแพทย์พยาบาลและผู้ดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานพยาบาลระยะยาวก่อน
โดยระบุด้วยว่าเมื่อการผลิตเพิ่มขึ้นแล้วกลุ่มที่ได้ต่อ ๆ มาควรเป็นคนชรา ผู้ทำการฉุกเฉิน (รวมตำรวจ นักผจญเพลิง ) ครู และผู้ทำการจำเป็นที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคม ได้ดี และบุคคลที่มีโรคร่วมหลายโรค
อย่างไรก็ตาม รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะจัดสรร แจกจำหน่าย จัดการโลจิสติกส์อย่างไร เพื่อให้วัคซีนแก่ทุก ๆ คนเมื่อมีวัคซีน[ 745]
หลังจากให้อนุญาต การสอดส่องวัคซีนและการผลิตรวมทั้งการตรวจเป็นระยะ ๆ ว่ายังได้มาตรฐาน GMP หรือไม่ ก็จะทำต่อไปตราบเท่าที่ผู้ผลิตยังได้อนุญาตอยู่ โดยผู้ผลิตอาจต้องยื่นเอกสารเพิ่มเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตแต่ละขั้น ๆ ว่ายังสามารถคงฤทธิ์ ความปลอดภัย และความบริสุทธิ์ของวัคซีนได้หรือไม่[ 744]
การสอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด
จนกว่าจะได้ใช้วัคซีนในกลุ่มประชากรทั่วไป ก็ยังอาจไม่รู้ผลไม่พึงประสงค์ทั้งหมดของวัคซีน จึงทำให้ผู้ผลิตต้องสอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด (postmarketing surveillance) หรือบางครั้งเรียกว่า การทดลองทางคลินิกระยะที่ 4 ของวัคซีนเมื่อกำลังให้แก่สาธารณชนทั่วไป[ 731] [ 744]
องค์การอนามัยโลกทำงานร่วมกับรัฐสมาชิกเพื่อสอดส่องผลของยาหลังจากวางตลาด[ 731]
ส่วนองค์การอาหารและยาสหรัฐมีโปรแกรม Vaccine Adverse Event Reporting System ที่สอดส่องปัญหาความปลอดภัยของวัคซีนเมื่อกำลังให้แก่สาธารณชน[ 744]
การวางตลาดและการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน
ปัญหาการวางตลาด
จนถึงเดือนมิถุนายน 2020 บริษัท รัฐบาล องค์กรสาธารณสุขนานาชาติ และกลุ่มวิจัยในมหาวิทยาลัยได้ลงทุนเป็นหมื่น ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาวัคซีนแคนดิเดตเป็นสิบ ๆ อย่าง และเตรียมตัวตั้งโปรแกรมให้วัคซีนเพือสร้างภูมิคุ้มกันต้านการติดเชื้อโควิด-19[ 32] [ 746] [ 747] [ 748]
การลงทุน ของบริษัทและความจำเป็นต้องสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ก่อความกังวลในเรื่องการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ "วิธีการทางตลาด" ว่าวัคซีนที่ได้อนุมัติจะมีราคาแพง ว่าประเทศร่ำรวยจะได้วัคซีนก่อน และว่าเขตที่โรคระบาดแย่สุดจะไม่ได้วัคซีนหรือได้น้อย ซึ่งพยากรณ์ว่าจะเกิดในประเทศยากจน มีประชากรหนาแน่น ที่ไม่สามารถซื้อวัคซีนได้[ 32] [ 56] [ 747]
การร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กับแอสตร้าเซนเนก้า (เป็นบริษัทยายักษ์ใหญ่ในประเทศสหราชอาณาจักรมีรายได้ประมาณแปดแสนล้านบาทในปี 2016[ 749] )
ก่อความกังวลเรื่องราคาวัคซีนและการแชร์ผลกำไรของการขายวัคซีนทั่วโลก เพราะปัญหาว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักรและมหาวิทยาลัยซึ่งได้เงินภาษีของประชาชนมีสิทธิขายหรือไม่[ 748]
บริษัทจึงแจ้งว่า ราคาเบื้องต้นของวัคซีนจะไม่รวมกำไรสำหรับบริษัทตราบเท่าที่โรคยังระบาดอยู่[ 748]
ในต้นเดือนมิถุนายน บริษัทตกลงให้เซพีและกาวี ผลิตและแจกจำหน่ายวัคซีน 300 ล้านโดสถ้าวัคซีนของออกซฟอร์ดพิสูจน์ว่าปลอดภัยและได้ผลโดยแลกเปลี่ยนกับการลงทุน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสองหมื่นสี่พันล้านบาท) โดยเท่ากับเพิ่มสมรรถภาพการผลิตวัคซีนของบริษัทเป็นมากกว่า2,000 ล้านโดสต่อปี[ 750]
การวางตลาดวัคซีนโรคระบาดทั่วเป็นการลงทุนที่เสี่ยงสูง เพราะอาจเสียเงินทุนค่าพัฒนาและการเตรียมตัวผลิตวัคซีนถ้าวัคซีนแคนดิเดตปรากฏว่าไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้ผล[ 32] [ 55] [ 56] [ 746]
บริษัทยาข้ามชาติคือไฟเซอร์ ระบุว่า ไม่สนใจเป็นหุ้นส่วนกับรัฐ เพราะจะเป็น "มือที่สาม" ที่ทำให้โปรแกรมวัคซีนของบริษัทล่าช้า[ 751]
อนึ่ง ยังมีความกังวลด้วยว่า โปรแกรมเร่งพัฒนา เช่น Operation Warp Speed (ปฏิบัติการความเร็วเหนือแสง) ของสหรัฐ กำลังเลือกวัคซีนแคนดิเดตเพราะความได้เปรียบทางการผลิตเพื่อย่นระยะเวลาการพัฒนา ไม่ได้เลือกเทคโนโลยีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิศักย์สูงสุด[ 751]
อำนาจอธิปไตย
การเลือกแจกจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศไม่กี่ประเทศ ซึ่งคนตะวันตกเรียกว่า "vaccine sovereignty" (อธิปไตยวัคซีน) เป็นข้อวิจารณ์ข้อหนึ่งของหุ้นส่วนการพัฒนาวัคซีน[ 747] [ 752]
เช่นหุ้นส่วนระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกับแอสตร้าเซนเนก้า ว่าจะเลือกแจกจำหน่ายวัคซีนภายในสหราชอาณาจักรและต่อ "ผู้ให้ราคาสูงสุด" คือสหรัฐ ผู้ได้จ่ายเงินล่วงหน้า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณสามหมื่นแปดพันล้านบาท) เพื่อคนอเมริกัน แม้ก่อนที่วัคซีนของออกซฟอร์ดหรือของซาโนฟี่จะได้พิสูจน์ว่าปลอดภัยและได้ผล[ 748] [ 753] [ 754]
มีความกังวลว่า ประเทศบางประเทศที่ผลิตวัคซีนอาจจำกัดการส่งออกเพื่อตุนวัคซีนโควิดสำหรับประชาชนของตนก่อน[ 752]
ในเดือนพฤษภาคม รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นสัญญาว่า วัคซีนจีนที่สำเร็จจะเป็น "สินค้าสาธารณะของโลก" (global, public good) คือบอกเป็นนัยว่า จะผลิตวัคซีนให้พอแจกจำหน่ายทั้งในประเทศและนอกประเทศ[ 755]
อนึ่ง ไม่เหมือนกับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ซึ่งต้องเก็บไว้ ในอุณหภูมิต่ำมาก วัคซีนอันเป็นไวรัสฆ่าแล้ว ของซิโนแว็กและซิโนฟาร์มต้องเก็บไว้ในเพียงตู้เย็น เก็บยาธรรมดา[ 756]
จึงอาจน่าใช้มากกว่าในประเทศกำลังพัฒนา[ 757]
ในเดือนมิถุนายน สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก ได้สิทธิจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าให้ผลิตวัคซีน 1,000 ล้านโดสสำหรับประเทศมีรายได้น้อยจนถึงปานกลาง[ 750]
โดยครึ่งหนึ่งจะเป็นของอินเดีย[ 758]
ถ้าประเทศออสเตรเลียผลิตวัคซีนด้วย ก็อาจเลือกปฏิบัติเช่นกัน[ 759]
การเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน
เพราะการพัฒนาและการผลิตวัคซีนแคนดิเดตยังมีผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน รวมทั้งอัตราความล้มเหลวสูงในช่วงทดสอบในมนุษย์ องค์กรต่าง ๆ รวมทั้งเซพี องค์การอนามัยโลก และองค์กรวัคซีนการกุศล เช่น มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์และกาวี ได้ระดมทุนเกินกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในต้นปี 2020 เพื่อเป็นทุนพัฒนาวัคซีนและเตรียมตัวแจกจำหน่ายให้วัคซีน โดยเฉพาะแก่เด็กในประเทศด้อยพัฒนา [ 760] [ 46] [ 51] [ 746]
เซพีแถลงการณ์ว่า รัฐบาลต่าง ๆ ควรจัดระบบจัดสรรวัคซีนที่ยุติธรรมทั่วโลกสำหรับวัคซีนที่จะได้ โดยประสานงานการผลิต การจัดหาทุนและการซื้อ และประกันว่าไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์เพื่อลดความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาวัคซีน[ 36]
องค์กรได้ตั้งขึ้นเพื่อเฝ้าตรวจการแจกจำหนายวัคซีนป้องกันโรคติดต่อที่ยุติธรรมไปยังประเทศรายได้น้อยและปานกลาง[ 752] [ 761]
เซพีได้ปรับปรุงนโยบายการเข้าถึงได้อย่างยุติธรรมที่ตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจใช้กับทุนพัฒนาวัคซีนโควิดขององค์กรด้วย คือ
ราคาวัคซีนจะต้องตั้งให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ในอาณาเขตที่ได้รับผลหรืออาจได้รับผลจากการระบาดของโรคที่เงินทุนของเซพีได้ใช้เพื่อพัฒนาวัคซีน
ข้อมูล วิธี และวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้พัฒนาวัคซีนต้องแชร์กับ (หรือถ่ายโอนให้แก่) เซพี เพื่อให้องค์กรสามารถพัฒนาวัคซีนต่อได้ถ้าบริษัทเลิกลงทุนกับวัคซีนแคนดิเดตที่มีอนาคต
เซพีต้องสามารถเข้าถึง หรือสามารถจัดการสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น สิทธิบัตร ) สำหรับวัคซีนที่มีอนาคต
เซพีจะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินที่อาจพอกพูนขึ้นจากการพัฒนาวัคซีนที่เซพีสนับสนุน เพื่อนำกลับไปลงทุนเพื่อสนับสนุนภารกิจขององค์กรในการทำประโยชน์ทางสาธารณสุขในระดับโลก
ความโปร่งใสของข้อมูลในระหว่างหุ้นส่วนการพัฒนาควรใช้เกณฑ์ "WHO Statement on Public Disclosure of Clinical Trial Results" และบังคับให้ตีพิมพ์ผลโดยเข้าถึงได้อย่างเสรี [ 761]
แต่ผู้ผลิตวัคซีนบางรายก็ต่อต้านข้อเสนอนี้เป็นบางส่วน[ 747] [ 761]
กลุ่มนานาชาติบางกลุ่ม เช่น Centre for Artistic Activism และ Universities Allied for Essential Medicines สนับสนุนให้เข้าถึงวัคซีนโควิดที่อนุมัติได้อย่างยุติธรรม[ 762] [ 763]
นักวิทยาศาสตร์สนับสนุนให้องค์การอนามัยโลก เซพี บริษัท และรัฐบาลร่วมมือกันเพื่อจัดสรรวัคซีนโควิดที่จะได้โดยกำหนดด้วยความเสี่ยงต่อโรค[ 752] [ 761]
โดยเฉพาะการให้วัคซีนก่อนอย่างเร่งด่วนแก่บุคลากรทางแพทย์ กลุ่มประชากรที่อ่อนแอ และเด็ก[ 32] [ 746] [ 747]
ในช่วงปี 2020 องค์การอนามัยโลก กาวี และเซพี ได้รวมกำลังก่อตั้งโคแว็กซ์ ซึ่งเป็นโปรแกรมประสานงานสร้างวัคซีนที่เข้าถึงได้อย่างยุติธรรมทั่วโลก[ 84] [ 47]
นักวิทยาศาสตร์นานาชาติและบุคคลที่เป็นห่วงจำนวนหนึ่ง (รวมทั้งบุคลากรขององค์กรทางศาสนา) ได้ร้องให้ทำวัคซีนโควิดให้เป็นสาธารณสมบัติ
ตามตัวอย่างการพัฒนาวัคซีนโปลิโอ โดยแพทย์ชาวอเมริกันโจนัส ซอล์ก ผู้ไม่ได้จดสิทธิบัตร วัคซีนโควิด-19 ที่ได้ผลควรจะได้อนุมัติและผลิตในประเทศต่าง ๆ และศูนย์การผลิตยาทั่วโลก เพื่อให้สามารถแจกจำหน่ายได้อย่างยุติธรรมและมีราคาถูกยิ่งขึ้นในระดับโลก[ 764]
โซ่อุปทาน
ในช่วงปี 2021 และหลังจากนั้น การแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดต้องอาศัยการขนส่งและการติดตามวัคซีนถึง 10,000-19,000 ล้านขวด ซึ่งจะเป็นความท้าทายทางโซ่อุปทาน อันยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์[ 29] [ 765] [ 758]
จนถึงเดือนกันยายน 2020 ผู้เชี่ยวชาญทางโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ ก็ยังแสดงความเป็นห่วงว่า เครือข่ายทั้งภายในประเทศและนานาชาติที่มีอยู่แล้วเพื่อแจกจำหน่ายวัคซีนอาจไม่พอรับรองจำนวนหรือความเร่งด่วนของวัคซีนโควิด เพราะสมรรถภาพการขนส่งได้เสื่อมลงเหตุการล็อกดาวน์และการลดจำนวนพนักงานในช่วงปี 2020[ 765] [ 766] [ 767]
เมื่อกล่าวถึงความท้ายทายต่อองค์กรที่ต้องประสานงานกันต่าง ๆ รวมทั้งโปรแกรมโคแว็กซ์ บริษัทยาสากล ผู้รับจ้างผลิตวัคซีน บริษัทขนส่งทั้งในประเทศและนานาชาติ คลังจัดเก็บวัคซีน และองค์กรสาธารณสุขในแต่ละประเทศ ประธานบริหารของกาวี ได้ระบุว่า "การส่งวัคซีน เป็นพัน ๆ ล้านโดสไปทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพจะมีอุปสรรคทางโลจิสติกส์และทางแผนการที่ซับซ้อนอย่างยิ่งตลอดทั้งโซ่อุปทาน"[ 768]
ตัวอย่างที่เน้นความใหญ่โตของปัญหาก็คือ สมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติ (International Air Transport Association, IATA) ระบุว่า จะต้องมีเครื่องบิน ขนส่งโบอิง 747 ซึ่งประกอบกับตู้เย็นวัคซีนพิเศษที่รักษาอุณหภูมิอย่างแม่นยำถึง 8,000 ลำเพื่อใช้ส่งยาเพียงโดสหนึ่งไปยังประเทศเกิน 200 ประเทศทั่วโลก[ 769]
โดยกาวีก็ระบุอีกว่า "สำหรับการระบาดทั่วที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว จะไม่มีใครปลอดภัยยกเว้นทุกคนปลอดภัย"[ 84]
เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีวัคซีนและงานวิจัยทางคลินิกระยะต้น ๆ ที่ได้เงินทุนเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
โซ่อุปทานที่จำเป็นหลังวัคซีนได้อนุมัติกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าในด้านการวางแผน การประสานงาน ความมั่นคงปลอดภัย และการลงทุน[ 765] [ 766] [ 770]
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ทรัพยากรเพื่อแจกจำหน่ายวัคซีนในประเทศที่มีรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง (รวมทั้งประเทศไทย) โดยเฉพาะในการให้วัคซีนแก่เด็ก อาจไม่เพียงพอหรือไม่มีเลย แต่อาจปรับปรุงโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดได้ถ้าสามารถซื้อและแจกจำหน่ายในระดับภูมิภาคหรือระดับชาติ[ 84] [ 771]
ในเดือนกันยายน โปรแกรมโคแว็กซ์รวมประเทศ 172 ประเทศซึ่งประสานแผนงานเพื่อให้ได้โซ่อุปทานของวัคซีนโควิดที่ดีสุด[ 772]
และกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ก็ได้เข้าร่วมกับโคแว็กซ์เพื่อตระเตรียมเงินทุนและโซ่อุปทานเพื่อให้วัคซีนแก่เด็กในประเทศกำลังพัฒนา 92 ประเทศ[ 773] [ 774]
โลจิสติกส์
การมีระบบโลจิสติกส์ ในการให้วัคซีนจะช่วยให้มีเครื่องไม้เครื่องมือ บุคลากร และวัคซีนที่ได้อนุมัติอย่างข้ามพรมแดน[ 775] ซึ่งอาจรวมการจัดการและเฝ้าสอดส่องวัคซีน การบริหารการเก็บและขนส่งที่ต้องใช้ตู้เย็น และความปลอดภัยในการแจกจำหน่ายวัคซีนภายในระบบ[ 776] เป้าของโปรแกรมโคแว็กซ์ก็เพื่อรวมศูนย์และจัดการทรัพยากรทางโลจิสติกส์อย่างยุติธรรมในบรรดาประเทศที่เข้าร่วมด้วย โดยรวมเข้าด้วยกันซึ่งการผลิต การขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโซ่อุปทานโดยทั่วไป[ 84] [ 770] และมีเครื่องมือในการพยากรณ์วัคซีน การประเมินความต้องการ การบริหารวัคซีนภายในประเทศ การจัดการวัคซีนที่อาจเสีย และการบริหารวัคซีนในคลัง[ 776] ปัจจัยทางโลจิสติกส์อื่น ๆ ที่จะทำในระดับนานาชาติเมื่อแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดอาจรวม[ 765] [ 777] [ 778]
การสืบติดตามวัคซีนแต่ละขวดได้ผ่านบาร์โค้ด
การแชร์ผลการตรวจสอบ (audit) ผู้จัดจำหน่าย
การแชร์ระบบติดตามขวดวัคซีนเริ่มจากผู้ผลิตไปจนถึงบุคคลที่ได้วัคซีน
การใช้อุปกรณ์สอดส่องอุณหภูมิของวัคซีน
การตรวจและการประกันความเสถียรของอุณหภูมิ
เทคโนโลยีการบรรจุและการขนส่ง ใหม่ ๆ
การเก็บ สะสมวัคซีนในคลัง
การจัดการเครื่องมือเครื่องใช้ภายในประเทศ (อุปกรณ์ป้องกันโรค สารทำให้เจือจาง กระบอกฉีดยา เข็มฉีดยา จุก เชื้อเพลิงหรือแหล่งพลังงานสำหรับตู้เย็นเก็บวัคซีน การจัดการของเสีย/ขยะ เป็นต้น)
เทคโนโลยีการสื่อสาร
การบริหารผลต่อสิ่งแวดล้อมในแต่ละประเทศ
ตามผู้ผลิตวัคซีนรายหนึ่ง ปัญหาทางโลจิสติกส์ในขั้นใดขั้นหนึ่งอาจสะดุดโซ่อุปทานทั้งโซ่[ 779]
และถ้าโซ่อุปทานของวัคซีนล้มเหลว ความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางมนุษยชนเหตุการระบาดทั่วอาจยืดยาวเป็นปี ๆ[ 767]
กำลังการผลิต
จนถึงเดือนสิงหาคม 2020 แม้เมื่อมีวัคซีนแคนดิเดตเพียงไม่กี่อย่างที่กำลังทดลองทางคลินิกในระยะที่ 3 โดยยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อกำหนดความปลอดภัยและประสิทธิศักย์ รัฐบาลต่าง ๆ ก็ได้สั่งวัคซีนล่วงหน้ามากกว่า 2,000 ล้านโดสโดยมีค่าใช้จ่ายเกิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 158,000 ล้านบาท)[ 758] [ 779] [ 780]
รัฐบาลอังกฤษได้สั่งวัคซีนสำหรับปี 2021 ล่วงหน้าเป็นจำนวน 5 โดสต่อประชากรหนึ่งคน เป็นจำนวนที่ก่อความท้อใจแก่องค์กรต่าง ๆ เช่น องค์การอนามัยโลกและกาวีซึ่งกำลังโปรโมตการเข้าถึงวัคซีนอย่างยุติธรรมและทั่วถึงกันโดยเฉพาะสำหรับประเทศกำลังพัฒนา[ 758]
ในเดือนกันยายน เซพีให้ทุนสนับสนุนทั้งงานวิจัยพื้นฐานและการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนแคนดิเดต 9 อย่าง โดยมีอีก 9 อย่างที่กำลังประเมิน และตกลงจะผลิตวัคซีนที่ได้อนุมัติ 3 อย่างเป็นจำนวน 2,000 ล้านโดสไม่เกินปี 2021[ 772]
ทั่วไปแล้วก่อนปี 2022 ทั่วโลกอาจผลิตวัคซีนระหว่างเจ็ดพันถึงหมื่นล้านโดส แต่การสั่งวัคซีนล่วงหน้าของประเทศร่ำรวยก็อาจทำให้วัคซีนไม่มีสำหรับประเทศที่ยากจน[ 29] [ 779] [ 758]
หลังจากเข้าร่วมโปรแกรมโคแว็กซ์ในเดือนตุลาคม จีนก็ระบุว่าจะผลิตวัคซีน 600 ล้านโดสก่อนสิ้นปี 2020 และผลิตอีกพันล้านโดสในปี 2021 แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจำนวนเท่าไรจะใช้ในจีนเองซึ่งมีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน[ 781]
ซิโนฟาร์มกล่าวว่า บริษัทอาจมีกำลังผลิตวัคซีนเกิน 1,000 ล้านโดสในปี 2021[ 782]
โดยหุ้นส่วนในดูไบ คือบริษัท G42 Healthcare ก็มุ่งจะผลิตให้ได้ถึง 100 ล้านโดสในปี 2021 ให้ใช้ในตะวันออกกลาง [ 783]
ส่วนซิโนแว็กก็กล่าวว่า บริษัทมุ่งสร้างโรงงานที่สองให้เสร็จปลายปี 2020 เพื่อเพิ่มกำลังผลิตวัคซีน CoronaVac เป็น 600 ล้านโดสซึ่งเป็นทวีคูณจากจำนวนเดิม[ 784]
โดยหุ้นส่วนในบราซิลคือ Instituto Butantan มีแผนจะผลิตให้ถึง 100 ล้านโดส[ 785]
และหุ้นส่วนในอินโดนีเซียคือ Bio Farma ก็มีแผนจะผลิตให้ได้ 250 ล้านโดส[ 786]
สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียมีแผนจะผลิตวัคซีนอย่างน้อย 1,000 ล้านโดส แต่ก็ระบุแล้วว่าครึ่งหนึ่งจะใช้ในอินเดีย[ 758]
ส่วนประธานบริหารของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าระบุว่า "ปัญหาไม่ใช่การผลิตวัคซีนเอง มันอยู่ที่ขวดบรรจุ คือโลกไม่มีขวดบรรจุพอ"[ 787]
เพื่อเตรียมตัวรับมือกับการสั่งขวดเป็นจำนวนมาก บริษัทผลิตภัณฑ์แก้วอเมริกันรายหนึ่งได้ลงทุน 163 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,100 ล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตขวดวัคซีน[ 788]
แต่การมีแก้วพอและการควบคุมความปนเปื้อนก็อาจเป็นปัญหา[ 789]
ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายการผลิตสูงขึ้นและกำไรน้อยลงสำหรับผู้พัฒนาวัคซีน ในสถานการณ์ที่เรียกร้องให้วัคซีนมีราคาพอจ่ายไหว[ 84] [ 758] [ 767]
วัคซีนต้องดูแลและขนส่งตามกฎควบคุมสากล ต้องรักษาไว้ที่อุณหภูมิอันแน่นอนต่าง ๆ กัน แล้วแต่เทคโนโลยีของวัคซีน และต้องใช้ก่อนเสื่อมเมื่อเก็บไว้ในคลัง[ 758] [ 779]
โซ่อุปทานของวัคซีนโควิดคาดว่าจะมีขนาดมหึมาเพื่อให้ส่งไปยังประชากรทั่วโลกได้[ 29] [ 766]
สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัวการขนส่งเยี่ยงนี้รวมอุปกรณ์และคลังเก็บที่ควบคุมอุณหภูมิ โครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม บุคลากรที่ได้ฝึกเพื่อให้วัคซีน และการเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวัง[ 766] [ 768] [ 773]
จะมีการใช้อาร์เอฟไอดี (การระบุตัวด้วยคลื่นวิทยุ) เพื่อติดตามและยืนยันวัคซีนของจริงโดยเริ่มจากผู้ผลิต ไปตามโซ่อุปทาน จนถึงผู้ได้วัคซีน[ 790]
โซ่เย็น (cold chain)
วัคซีน และตัวเสริม ไม่เสถียรโดยธรรมชาติเมื่ออุณหภูมิ เปลี่ยน จึงทำให้ต้องมี "โซ่เย็น " (cold chain) คือมีการแช่เย็น ในการขนส่ง และการเก็บ ตลอดโซ่อุปทาน ปกติที่อุณหภูมิราว2–8 องศาเซลเซียส [ 778] [ 791]
เพราะวัคซีนโควิดใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ จึงก่อปัญหาใหม่ ๆ ในการจัดการบริหารโซ่เย็น มีวัคซีนบางอย่างที่เสถียรเมื่อแช่แข็งแต่ไม่คงตัวเมื่อเจอความร้อน บางอย่างไม่ควรแช่แข็งเลย และบางอย่างเสถียรตลอดทุกอุณหภูมิ[ 791]
ความเสียหายเหตุการแช่แข็งและการฝึกบุคลากรในพื้นที่ไม่ดีพอจึงอาจเป็นปัญหาสำคัญ[ 792]
ถ้าวัคซีนโควิดมากกว่าหนึ่งอย่างได้อนุมัติ โซ่เย็นวัคซีนอาจต้องแก้ปัญหาความไวอุณหภูมิในระดับต่าง ๆ ข้ามประเทศต่าง ๆ ที่มีภูมิอากาศ ต่าง ๆ และมีทรัพยากรในพื้นที่เพื่อรักษาอุณหภูมิต่าง ๆ กัน[ 791]
วัคซีนของซิโนฟาร์มและซิโนแว็กเป็นตัวอย่างของวัคซีนอันใช้ไวรัสที่ฆ่าแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองระยะที่ 3 อันสามารถขนส่งโดยระบบโซ่เย็นที่มีอยู่แล้วได้ กล่าวคือสามารถแช่เย็นในอุณหภูมิระหว่าง 2–8 องศาเซลเซียส[ 793] [ 794]
วัคซีนอาร์เอ็นเออาจมีความยากลำบากในการผลิตในปริมาณมาก ๆ หรือรักษาไว้ไม่ให้เสื่อม คือต้องใช้ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษ เพื่อเก็บในคลัง และในการขนส่ง [ 767]
ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนอาร์เอ็นเอของโมเดอร์นาต้องใช้โซ่เย็นเพียงแค่เหนือจุดเยือกแข็ง โดยเก็บได้เป็นเวลาจำกัด แต่วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคต้องเก็บในตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำ −80 ถึง −60 องศาเซลเซียสตลอดการขนส่งจนถึงจุดให้วัคซีน[ 795] [ 796]
หลังจากเจาะขวดวัคซีนด้วยเข็มฉีดแล้ว ก็จะใช้ได้เพียงแค่ 6 ชม. แล้วก็ต้องทิ้งไป หน่วยบริการในพื้นที่จึงต้องบริหารการแช่แข็งและการให้วัคซีน[ 29] [ 797]
เพราะวัคซีนโควิดน่าจะขลาดแคลนเมื่อเริ่มใช้ในเบื้องต้น บุคลากรก็จะต้องหลีกเลี่ยงการทำของเสีย ซึ่งปกติอาจจะถึงร้อยละ 30 ของวัคซีนที่มี[ 765] [ 797]
โซ่อุปทานยังอาจมีปัญหากับวิธีการขนส่งวัคซีนในพื้นที่ชนบท เช่น ด้วยจักรยานยนต์ หรือด้วยโดรน ส่งของ กับการต้องให้วัคซีนครั้งที่สอง กับการใช้สารทำให้เจือจาง กับการเข้าถึงกลุ่มประชากรเป้าหมาย เช่น บุคลากรทางแพทย์ เด็ก และคนชรา[ 29] [ 773] [ 798]
การขนส่งทางอากาศและทางบก
การประสานงานเครื่องบินขนส่งระดับนานาชาติจำเป็นในการแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดที่มีจำกัดเวลาและอุณหภูมิ แต่จนถึงเดือนกันยายน 2020 เครือข่ายขนส่งเช่นนี้ก็ยังไม่พร้อมขนส่งวัคซีนในระดับนานาชาติ[ 766] [ 769] [ 799]
ประธานบริหารของสมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติ (IATA ) ได้กล่าวในเดือนกันยายนว่า
"การขนส่งวัคซีนโควิด-19 อย่างปลอดภัยจะเป็นภาระหน้าที่ซึ่งศตวรรษหนึ่งมีครั้งเดียวของอุตสาหกรรมขนส่งทางอากาศทั่วโลก
แต่นี่เป็นไปไม่ได้ถ้าไม่วางแผนล่วงหน้าอย่างระมัดระวัง
ซึ่งต้องทำเดี๋ยวนี้
เราวิงวอนให้รัฐบาลเป็นผู้นำในการอำนวยการร่วมมือกันตลอดโซ่โลจิสติกส์เพื่อจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก ความมั่นคงและปลอดภัย และกระบวนการตรวจที่ชายแดนให้พร้อมกับงานขนาดยักษ์และซับซ้อนข้างหน้านี้"[ 799]
เพราะการลดจำนวนผู้โดยสารทางอากาศอย่างหนักในช่วงปี 2020 สายการบินต่าง ๆ จึงได้ไล่พนักงานออก ลดจุดหมายที่บริการ และนำเครื่องบินไปเก็บในโรงเก็บระยะยาว[ 766] [ 799]
ดังนั้น องค์กรผู้นำในการซื้อหาและแจกจำหน่ายวัคซีนโควิดภายในโปรแกรมโคแว็กซ์คือกาวีและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ จึงกำลังเตรียมตัวส่งวัคซีนเป็นจำนวนมากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่เคยมี โดยประสานงานกับบริษัทขนส่งทางอากาศนานาชาติ การควบคุมคนเข้าเมืองและการตรวจอากรสินค้า และการใช้บริการของเครื่องบินขนส่งอาจถึง 8,000 ลำเพียงแค่จะส่งวัคซีนโดสเดียวไปยังประเทศต่าง ๆ[ 773] [ 799]
วัคซีนสองอย่างแรก ๆ ที่ได้อนุมัติคือ Tozinameran ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค และ mRNA-1273 ของโมเดอร์นาต้องแช่แข็งในระหว่างการขนส่ง
โดยใช้ตู้บรรจุที่ออกแบบเป็นพิเศษ[ C]
และน้ำแข็งแห้ง แต่น้ำแข็งแห้งก็ปกติอนุญาตเป็นจำนวนจำกัดบนเครื่องบินเพราะแก๊ส จากการการระเหิด อาจเป็นพิษ
ในสหรัฐ องค์การบริหารการบินแห่งชาติ จำกัดจำนวนน้ำแข็งแห้งสำหรับเครื่องบินโบอิง 777 เพียงแค่ 1.4 ตัน แต่ก็อนุญาตชั่วคราวให้สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ขนส่งถึง 6.8 ตัน คือเป็นวัคซีนเกือบ 1 ล้านโดส ระหว่างกรุงบรัสเซลส์ จนถึงเมืองชิคาโก
อเมริกันแอร์ไลน์ โบอิง และเดลตาแอร์ไลน์ ก็กำลังเพิ่มสมรรถภาพการขนส่งน้ำแข็งแห้งสำหรับเที่ยวบิน โดยสายการบินอเมริกัน เดลตา และยูไนเต็ดต่างก็มีเครือข่ายขนส่งสินค้าแช่เย็นในสหรัฐของตน ๆ
ส่วนเฟดเอกซ์ และยูพีเอส ได้ติดตั้งตู้แช่เข็งเย็นพิเศษที่ศูนย์เครื่องบินขนส่งในยุโรปและอเมริกาเหนือ[ 801]
ความมั่นคงปลอดภัยและคอรัปชั่น
ยาเป็นสินค้าปลอมที่มีค่ามากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าเกิน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งทำให้วัคซีนโควิดอันมีความต้องการอย่างยิ่งเสี่ยงถูกปลอม ถูกขโมย เสี่ยงการฉ้อฉลและการโจมตีทางไซเบอร์ (cyberattack) ตลอดโซ่อุปทาน [ 770] [ 802]
จนกระทั่งถึงเรียกวัคซีนว่าเป็น "ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในโลก" โดยตำรวจสากล เรียกมันว่า "ทองเหลว" และเตือนถึงการมีอาชญากรรมประเภทต่าง ๆ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน[ 803]
ระบบป้องกันคอรัปชั่น การสร้างความโปร่งใส การระบุหน้าที่รับผิดชอบก็กำลังตั้งขึ้นเพื่อลดและกำจัดคอรัปชั่นเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องใช้ของวัคซีนโควิด[ 802] [ 804]
แต่การไร้กฎหมาย ที่มีโครงสร้างเดียวกันระหว่างประเทศต่าง ๆ การไร้สมรรถภาพทางเทคโนโลยี วัคซีนที่มีจำกัด และความไม่สามารถระบุหรือติดตามวัคซีนของจริงหรือของปลอม ก็อาจเป็นอัตรายต่อชีวิตของผู้ได้วัคซีน และอาจทำให้การระบาดทั่วของโควิดไม่สิ้นสุด[ 802]
ดังนั้น ผู้ผลิตวัคซีนจึงใช้เทคโนโลยีติดตามเพื่อตามขวดวัคซีนไปจนตลอดโซ่อุปทาน[ 770]
และใช้เครื่องมือดิจิตัลแบบชีวมาตร (biometric) เพื่อสร้างความปลอดภัยสำหรับวัคซีน[ 790] [ 805]
ในเดือนธันวาคม 2020 ตำรวจสากลเตือนว่า พวกมาเฟีย อาจแทรกตัวเข้าไปในโซ่อุปทาน ของวัคซีนแล้วขโมยวัคซีนหรือขโมยข้อมูล หรือแม้แต่ขายชุดวัคซีนปลอม[ 806]
อนึ่ง วัคซีนที่ต้องแช่แข็งอยู่ตลอดก็เสี่ยงต่อวินาศกรรมด้วย[ 803]
อุปกรณ์จีพีเอส จะใช้ติดตามวัคซีนในสหรัฐ
ในรัฐโคโลราโด เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐจะตามคุ้มครองวัคซีนที่ส่งจากท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ ไปยังศูนย์ส่งต่อวัคซีนต่าง ๆ ในรัฐ 8 แห่ง
โดยแผนการขนส่งจะเก็บเป็นความลับและเจ้าหน้าที่จะอำพรางปิดบังภารกิจ[ 800]
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ยังอาจเกิดผลกระทบด้วย
นักวิเคราะห์ทางความมั่นคงปลอดภัยของบริษัทไอบีเอ็ม ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ ว่า บริษัทเคมีภัณฑ์ปิโตรเลียมได้กลายเป็นเป้าสำหรับนักเลงคอมพิวเตอร์ เพราะบทบาทสำคัญของบริษัทในการผลิตน้ำแข็งแห้ง[ 803]
โครงสร้างพื้นฐานของชาติ
องค์การอนามัยโลกได้สร้างระบบบริหารวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Vaccine Management)[ 807] ซึ่งรวมการจัดลำดับความสำคัญเพื่อเตรียมบุคลากรทั้งประจำประเทศและส่วนภูมิภาค เตรียมสถานบริการเพื่อแจกจำหน่ายวัคซีนรวมทั้ง
ฝึกบุคลากรให้สามารถจัดการวัคซีนที่มีเวลาและอุณหภูมิจำกัด
ระบบการเฝ้าสอดส่องที่ทนทานเพื่อให้สามารถเก็บและขนส่งวัคซีนได้ดีที่สุด
การมีอุปกรณ์และสถานที่ที่ควบคุมอุณหภูมิได้
การติดตามวัคซีนได้
ความปลอดภัย
กระบวนการตรวจเมื่อเข้าเมืองเพื่อให้จัดการวัคซีนและผ่านกงศุลได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเทศแต่ละประเทศอาจรวม[ 775] [ 807]
อำนวยความสะดวกแก่สายการบิน
ยกเว้นเจ้าหน้าที่เครื่องบินจากการกักด่าน
สร้างระบบปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นได้เพื่อให้ใช้ในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จัดลำดับให้เครื่องบินขนส่งลงก่อนเพื่อรักษาอุณหภูมิวัคซีน
ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2020 เลขาธิการกระทรวงบริการทางสาธารณสุขและมนุษย์สหรัฐได้ประกาศยกเว้นความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้สู้กับโควิด-19 คือ วัคซีนอะไรก็ได้ ที่ใช้รักษา วินิจฉัย ป้องกัน หรือลดอาการโควิด-19 หรือลดการแพร่เชื้อของ SARS-CoV-2 หรือของไวรัสที่กลายพันธุ์จากนั้น และระบุว่า ประกาศนี้กันการฟ้องคดีเกี่ยวกับความรับผิดชอบว่า ผู้ผลิตวัคซีนประมาทเลินเล่อ หรือแพทย์พยาบาลประมาทเลินเล่อเพราะให้ยาผิดขนาด/ผิดประเภท หากไม่ได้จงใจประพฤติไม่ชอบในหน้าที่[ 808]
ประกาศนี้มีผลในสหรัฐจนกระทั่งถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2024
ข้อมูลผิด ๆ
สื่อสังคม ได้ช่วยสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิด ที่อ้างว่า วัคซีนโควิด-19 มีอยู่แล้วเมื่อจริง ๆ ยังไม่มี
และจริง ๆ สิทธิบัตร ที่บทความต่าง ๆ ได้อ้างผิด ๆ ก็เป็นสิทธิบัตรสำหรับลำดับดีเอ็นเอ และวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น ไวรัสโคโรนาโรคซาร์ส ไม่ใช่สำหรับโควิด[ 809] [ 810]
ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2020 องค์การอาหารและยาสหรัฐได้แถลงการณ์ว่า ได้ยื่นคำสั่งให้หยุดและไม่กระทำอีกต่อบริษัทในเมืองซีแอตเทิล คือ North Coast Biologics ผู้ได้ขายยาซึ่งอ้างว่าเป็น "วัคซีนโปรตีน spike ของ nCoV19"[ 811]
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถ
อ้างอิง
แม่แบบ:รายการอ้างอิง WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
อ่านเพิ่ม
แม่แบบ:Cite journal WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
COVID-19 vaccine tracker, Regulatory Focus
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite press release WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แหล่งข้อมูลอื่น
แม่แบบ:วิกิคำคมอังกฤษ WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:Cite web WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->
แม่แบบ:วัคซีน WARNING: template omitted, post-expand include size too large -->