Share to: share facebook share twitter share wa share telegram print page

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2013

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ 2013
ไฟล์:2013 UEFA Champions League final logo.jpg
รายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13
วันที่25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556[1]
สนามสนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด ยูฟ่า
อาร์เยิน โรบเบิน (บาเยิร์นมิวนิก)[2]
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด แฟนส์
มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์นมิวนิก)[3]
ผู้ตัดสินนิโกลา ริซโซลี (อิตาลี)[4]
ผู้ชม86,298 คน[5]
สภาพอากาศมีแดดมาก
14 องศาเซลเซียส (57 องศาฟาเรนไฮต์)
ความชื้นสัมพัทธ์ : 40%[6]
2012
2014

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2013 เป็นนัดชิงชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 และเป็นครั้งที่ 58 ของการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรในทวีปยุโรปโดยยูฟ่า และเป็นฤดูกาลที่ 21 ตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อ จากยูโรเปียนแชมเปียนคลับ เป็นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยการแข่งขันนัดนี้ จะมีขึ้นที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ชานกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งสนามนี้เป็นสนามเหย้าของทีมชาติอังกฤษ

ในฐานะทีมชนะเลิศ, บาเยิร์นมิวนิกจะต้องไปพบกับเชลซี ในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2013 และจะเป็นทีมของยูฟ่า เข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศของ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2013

สถานที่แข่งขัน

สนามเวมบลีย์ หรือ สนามกีฬาเวมบลีย์ ถูกยืนยันให้เป็นสนามแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554 โดยเคยจัดการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ 2011 (พ.ศ. 2554) มาแล้ว โดยเวมบลีย์จะสร้างประวัติศาสตร์โดยการเป็นสนามแรกี่ได้จัดการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ 2 ครั้งภายในเวลา 3 ปี[7] ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้นที่สุดในการจัดการแข่งขัน 2 ครั้ง โดยมิเชล พลาตินี่ ประธานยูฟ่า จัดให้มีการแข่งขันที่สนามนี้ เพื่อฉลอง 150 ปีของ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ[8] และจะเป็นครั้งที่ 7 ที่จะจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปที่เวมบลีย์ นับตั้งแต่ 1963, 1968, 1971, 1978, 1992 และ 2011

โดยสนามกีฬาเวมบลีย์ ก่อนที่จะมีการปรับปรุงสร้างใหม่ ได้จัดการแข่งขัน 5 ครั้ง โดยปี 1968 และ 1978 เป็นทีมจากประเทศอังกฤษ ที่แข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งปี 1968 เป็น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่สามารถเอาชนะ ไบฟีกา 4–1 และต่อมาในปี 1978 ลิเวอร์พูล ก็ชนะ คลับบรูจ 1–0 ต่อมาในปี 1971 อาแจ็กซ์ ก็ทำสำเร็จในการคว้าแชมป์ติดต่อกัน 3 ครั้งที่เวบลีย์ ซึ่งเอาชนะ พานาธีไนกอส 2–0 ในปี 1992 บาร์เซโลนา ชนะ ซัมป์โดเรีย 1–0 โดยเป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแชมเปียนส์ลีก

เมื่อมีการเปิดงาน บริติชเอ็มไพร์เอ็กซ์ฮิบีชัน ในปี ค.ศ. 1923 สนามนี้จึงรู้จักกันในชื่อ เอ็มไพร์สเตเดียม โดยปีนั้นมีการจัดการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศของเอฟเอคัพ โดยมีผู้ชมประมาณ 120,000 คน ระหว่างโบลตันวันเดอเรอส์ กับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด และต่อมาก็ได้เป็นสนามเหย้าของ ทีมชาติอังกฤษ ใน ฟุตบอลโลก 1966 รวมถึงรอบชิงชนะเลิศที่อังกฤษได้ชนะ เยอรมนี 4–2 และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 ต่อมาสนามถูกปิดในปี ค.ศ. 2000 และถูกสร้างใหม่ใน 3 ปีต่อมา โดยมีความจุประมาณ 90,000 ที่นั่ง และเปิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2007[9] และสนามใหม่แห่งนี้ได้ถูกจัดการแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงนะเลิศ 2011 โดย บาร์เซโลนา พบกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นรีแมตซ์ของการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศใน 2 ปีก่อนหน้านี้ โดยเป็นบาร์เซโลนาที่คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ด้วยการชนะ 3–1

การแข่งขัน

รายละเอียด

โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์
บาเยิร์นมิวนิก
GK 1 ประเทศเยอรมนี โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ (c)
RB 26 ประเทศโปแลนด์ วูกัช ปิชต์แชก
CB 4 ประเทศเซอร์เบีย เนเวน ซูบอติช
CB 15 ประเทศเยอรมนี มัทส์ ฮุมเมิลส์
LB 29 ประเทศเยอรมนี มาร์เซล ชเมลเซอร์
DM 8 ประเทศเยอรมนี อิลคาย กุนโดแกน
DM 6 ประเทศเยอรมนี ซเฟิน เบนเดอร์ Substituted off in the 90+1st นาที 90+1'
RW 16 ประเทศโปแลนด์ ยากุป บวัชต์ชือกอฟสกี Substituted off in the 90+1st นาที 90+1'
AM 11 ประเทศเยอรมนี มาร์โค รอยส์
LW 19 ประเทศเยอรมนี เควิน กรอสส์ครอยซ์ โดนใบเหลือง ใน 73rd นาที 73'
FW 9 ประเทศโปแลนด์ โรเบิร์ต เลวันดอฟสกี
ตัวสำรอง:
GK 20 ประเทศออสเตรเลีย มิตเชล แลนเกอร์รัค
DF 27 ประเทศบราซิล เฟลิเป ซานตานา
MF 21 ประเทศเยอรมนี โอลิเวอร์ เคิร์ช
MF 5 ประเทศเยอรมนี เซบัสเทียน เคห์ล
MF 7 ประเทศเยอรมนี โมริทซ์ ไลท์เนอร์
MF 18 ประเทศตุรกี นูรี ชาฮิน Substituted on in the 90+1st minute 90+1'
FW 23 ประเทศเยอรมนี จูเลียน ซีเบอร์ Substituted on in the 90+1st minute 90+1'
ผู้จัดการทีม:
ประเทศเยอรมนี เยือร์เกิน คลอพพ์
GK 1 ประเทศเยอรมนี มานูเอล นอยเออร์
RB 21 ประเทศเยอรมนี ฟิลิปป์ ลาห์ม (c)
CB 17 ประเทศเยอรมนี เชโรม โบอาเทง
CB 4 ประเทศบราซิล ดังชี โดนใบเหลือง ใน 29th นาที 29'
LB 27 ประเทศออสเตรีย ดาวิด อลาบา
DM 31 ประเทศเยอรมนี บัสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์
DM 8 ประเทศสเปน คาบี มาร์ตีเนซ
RW 10 ประเทศเนเธอร์แลนด์ อาร์เยิน โรบเบิน
AM 25 ประเทศเยอรมนี โทมัส มึลเลอร์
LW 7 ประเทศฝรั่งเศส ฟร็องก์ รีเบรี โดนใบเหลือง ใน 73rd นาที 73' Substituted off in the 90+1st นาที 90+1'
CF 9 ประเทศโครเอเชีย มารีออ มันจูคิช Substituted off in the 90+4th นาที 90+4'
ตัวสำรอง:
GK 22 ประเทศเยอรมนี ทอม สตาร์ค
DF 5 ประเทศเบลเยียม ดาเนียล ฟาน บุยเต็น
MF 11 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แจร์ดัน ชาชีรี
MF 30 ประเทศบราซิล ลูอิส กุสตาวู Substituted on in the 90+1st minute 90+1'
MF 44 ประเทศยูเครน อนาโตลี ทีโมชุค
FW 14 ประเทศเปรู คลาวดีโอ ปีซาร์โร
FW 33 ประเทศเยอรมนี มารีโอ โกเมซ Substituted on in the 90+4th minute 90+4'
ผู้จัดการทีม:
ประเทศเยอรมนี ยุพพ์ ไฮน์เคส

ยูฟ่าแมนออฟเดอะแมตช์:
ประเทศเนเธอร์แลนด์ อาร์เยิน โรบเบิน (บาเยิร์นมิวนิก)[2]
แฟนส์แมนออฟเดอะแมตช์:
ประเทศเยอรมนี มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์นมิวนิก)[3]

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน :
ประเทศอิตาลี เรนาโต ฟาเวรานี
ประเทศอิตาลี อันเดรีย สเตฟานี
ผู้ตัดสินที่สี่ :
ประเทศสโลวีเนีย ดาเมียร์ ชโกมีนา
ผู้ช่วยผู้ตัดสินเพิ่มเติม :
ประเทศอิตาลี กีอานลูคา รอชชี
ประเทศอิตาลี ปาโอโล ทากลีอาเวนโต

ข้อมูลในการแข่งขัน[10]

  • แข่งขันครบ 90 นาที (นับช่วงทดเวลาบาดเจ็บ)
  • ต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที เมื่อทั้งสองทีมเกิดผลการแข่งขันเสมอกัน
  • ตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ เพื่อหาผู้ชนะ
  • รายชื่อนักฟุตบอล 7 คนที่จะต้องยิงจุดโทษ

อ้างอิง

  1. "New Champions League season". UEFA. 22 June 2012.
  2. 2.0 2.1 Rodríguez, Alfredo (26 May 2013). "Robben: 'For a footballer, this is the peak'". UEFA.com. Union of European Football Associations. สืบค้นเมื่อ 26 May 2013.
  3. 3.0 3.1 "Player rater". UEFA.com. Union of European Football Associations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-13. สืบค้นเมื่อ 26 May 2013.
  4. "Rizzoli to referee UEFA Champions League final". UEFA.com. Union of European Football Associations. 20 May 2013. สืบค้นเมื่อ 20 May 2013.
  5. "Full-time report" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 25 May 2013. สืบค้นเมื่อ 25 May 2013.
  6. "Tactical lineups" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 25 May 2013. สืบค้นเมื่อ 25 May 2013.
  7. "Wembley to host UEFA Champions League Final 2013". The Football Association. TheFA.com. 16 June 2011. สืบค้นเมื่อ 18 August 2011.
  8. "Wembley, Amsterdam ArenA, Prague get 2013 finals". UEFA.com. Union of European Football Associations. 16 June 2011. สืบค้นเมื่อ 16 June 2011.
  9. "Wembley returns to centre stage". UEFA.com. Union of European Football Associations. 30 January 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-04. สืบค้นเมื่อ 24 March 2010.
  10. "Regulations of the UEFA Champions League 2012/13" (PDF). Nyon: UEFA. March 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-06-13. สืบค้นเมื่อ 1 June 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia

Kembali kehalaman sebelumnya