ภาวะหูไวเกิน
ภาวะหูไวเกิน [ 2] (อังกฤษ : Hyperacusis ) เป็นความผิดปกติทางการได้ยิน ที่สร้างความพิการ [ 3] โดยคนไข้จะไวเสียง ที่ความถี่ หนึ่ง ๆ เพิ่มขึ้นคือสามารถทนต่อเสียงที่ความถี่นั้น ๆ ได้น้อยลง คนไข้ที่มีอาการรุนแรงอาจมีปัญหาทนต่อเสียงในชีวิตประจำวันไม่ได้ คือเสียงบางอย่างอาจจะรู้สึกดังอย่างไม่น่าชอบใจ โดยที่คนอื่นก็ไม่ได้เป็นด้วย[ 4] [ 5] ภาวะหูไวเกินมักจะเกิดร่วมกับอาการเสียงในหู โดยทั้งสองมีความชุก ที่ประมาณ 10-15% และมีการเสียการได้ยินเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก อย่างไรก็ดี ก็ยังมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างกลไกของอาการทั้งสอง[ 3]
อาการ
อาการก็คือเจ็บปวดหู รำคาญ และทนไม่ได้โดยทั่วไปต่อเสียงหลายอย่างที่คนโดยมากไม่รู้สึกเป็นไร
การร้องไห้อย่างยับยั้งไม่ได้และความตื่นตระหนกอาจเป็นผลของเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น
อาการอาจเกิดที่หูข้างเดียวหรือหูทั้งสองข้าง[ 6]
อาจเกิดร่วมกับการมีเสียงในหู
อาจมีผลเป็นความวิตกกังวล ความเครียด และความกลัวเสียง
การหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมต่าง ๆ บ่อยครั้งจะเป็นการตอบสนองเพื่อป้องกันผลของอาการ แล้วทำให้คนไข้หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
เหตุ
เหตุสามัญที่สุดของอาการนี้ก็คือการได้รับเสียงดังมากเกินไป[ 4]
แต่บางคนก็อาจเริ่มมีอาการอย่างฉับพลันหลังจากใช้ยาที่ทำให้หูไว มีโรคไลม์ โรคเมนิแยร์ บาดเจ็บที่ศีรษะ หรือได้รับการผ่าตัด
บางคนอาจจะเกิดมาไวเสียง, เกิดโรค superior canal dehiscence syndrome[ A] ,
มีประวัติติดเชื้อ ที่หู, หรือมีประวัติปัญหาการได้ยินในครอบครัว
ยาที่มีผลต่อจิตใจเช่น แอลเอสดี , methaqualone, หรือเฟนไซคลิดีน ก็อาจเป็นเหตุของอาการด้วย[ 7]
และยาปฏิชีวนะ คือซิโปรฟลอกซาซิน ก็พบว่าเป็นเหตุอย่างหนึ่ง[ 8]
ภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กัน
อาการอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะหูไวเกินรวมทั้ง[ 9]
กลไกทางสรีรภาพ-ประสาท
กระบวนการปรับการตอบสนองของประสาทที่สำคัญต่อการได้ยินเชื่อว่า จะทำงานบิดเบือนไปเมื่อได้รับข้อมูลเสียงที่ผิดปกติจากหูชั้นใน
ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหูชั้นในเสียหายและมีผลให้เสียการได้ยิน[ 16]
ระดับความดังที่รู้สึกไม่สบาย (LDL ) ของกลุ่มคนไข้ภาวะหูไวเกินที่ไม่เสียการได้ยิน (เส้นบน) ขีดเริ่มเปลี่ยนการได้ยินปกติ (เส้นล่างยาว) LDL ของคนไข้กลุ่มนี้ (เส้นล่างสั้น) LDL ของคนปกติ[ 17]
วินิจฉัย
วิธีการตรวจสอบพื้นฐานจะคล้าย ๆ กับการตรวจการได้ยินธรรมดา (audiogram)
แต่ที่ต่างก็คือนอกจากกจะวัดขีดเริ่มเปลี่ยนการได้ยินที่เสียงความถี่ต่าง ๆ ก็ยังวัดระดับเสียงดังที่ทำให้รู้สึกไม่สบายที่ความถี่เหล่านั้นด้วย
เป็นระดับที่เรียกว่า loudness discomfort level (LDL, ระดับความดังที่รู้สึกไม่สบาย) หรือ uncomfortable loudness level (ULL)
ในคนไข้อาการหูไวเกิน ระดับนี้จะต่ำกว่าคนปกติพอสมควร และปกติจะเป็นตลอดพิสัยการได้ยิน โดยมาก[ 4] [ 5]
การรักษา
การรักษาวิธีหนึ่งก็คือ การให้ฟังเสียงแบบแถบความถี่กว้าง เป็นการรักษาที่เรียกว่า retraining therapy
เป็นวิธีที่ได้มาจากการรักษาเสียงในหู คือ Tinnitus retraining therapy
อนึ่ง เสียงแบบพิงก์ (pink noise) ก็สามารถใช้ได้ด้วยเหมือนกัน
การฟังเสียงแถบความถี่กว้างค่อย ๆ แต่ละวันตามระยะที่กำหนด อาจทำให้ทนเสียงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นได้
แม้อาจจะไม่สามารถฟื้นสภาพได้อย่างสมบูรณ์ แต่อาการก็อาจดีขึ้นอย่างสำคัญ โดยเฉพาะถ้าทำพร้อมกับการบำบัดจิตใจด้วย[ 18] [ 19] [ 5] [ 20]
วิธีอีกอย่างหนึ่งก็คือการบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT ) ซึ่งสามารถร่วมใช้กับ retraining therapy[ 9] [ 21]
คนไข้ผู้มีชื่อเสียง
วลาดิมีร์ เลนิน ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิสต์ คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต หัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนิน ได้รายงานว่าป่วยหนักในปลายปี ค.ศ. 1921 โดยมีอาการหูไวเสียง ปวดหัว และนอนไม่หลับเป็นประจำ[ 22]
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถ
อ้างอิง
↑ Konstantinovsky, Michelle. "Hyperacusis." WebMD, 25 August 2020, https://www.webmd.com/brain/sound-sensitivity-hyperacusis .
↑ "hyperacusia; hyperacousia; hyperacusis", ศัพท์บัญญัติอังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (คอมพิวเตอร์) รุ่น ๑.๑ ฉบับ ๒๕๔๕ , (แพทยศาสตร์) ภาวะหูไวเกิน
↑ 3.0 3.1 Knipper M, Van Dijk P, Nunes I, Rüttiger L, Zimmermann U (December 2013). "Advances in the neurobiology of hearing disorders: recent developments regarding the basis of tinnitus and hyperacusis" . Progress in Neurobiology . 111 : 17–33. doi :10.1016/j.pneurobio.2013.08.002 . PMID 24012803 .
↑ 4.0 4.1 4.2 Tyler RS, Pienkowski M, Roncancio ER, Jun HJ, Brozoski T, Dauman N, และคณะ (December 2014). "A review of hyperacusis and future directions: part I. Definitions and manifestations". American Journal of Audiology . 23 (4): 402–419. doi :10.1044/2014_AJA-14-0010 . PMID 25104073 .
↑ 5.0 5.1 5.2 Pienkowski M, Tyler RS, Roncancio ER, Jun HJ, Brozoski T, Dauman N, และคณะ (December 2014). "A review of hyperacusis and future directions: part II. Measurement, mechanisms, and treatment" (PDF) . American Journal of Audiology . 23 (4): 420–436. doi :10.1044/2014_AJA-13-0037 . PMID 25478787 . S2CID 449625 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-04-09.
↑ "Hyperacusis: An Increased Sensitivity to Everyday Sounds" . American Academy of Otolaryngology-Head and Neck Surgery (ภาษาอังกฤษ). 2014-04-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-09-23. สืบค้นเมื่อ 2018-08-28 .
↑ Barceloux, Donald (2012). Medical Toxicology of Drug Abuse : Synthesized Chemicals and Psychoactive Plants . Hoboken, N.J: John Wiley & Sons. pp. 457, 507, and 616. ISBN 978-1-118-10605-1 .
↑ "Ciprofloxacin Related Hyperacusis, From FDA reports" . 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2023-05-01. สืบค้นเมื่อ 2018-08-28 .
↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 Baguley DM (December 2003). "Hyperacusis" . Journal of the Royal Society of Medicine . 96 (12): 582–585. doi :10.1177/014107680309601203 . PMC 539655 . PMID 14645606 .
↑ Møller A (2011). Textbook of tinnitus . Totowa, N.J. London: Humana Springer distributor. p. 457. ISBN 978-1-60761-145-5 .
↑ Baguley D (2007). Hyperacusis : mechanisms, diagnosis, and therapies . San Diego, CA: Plural Publishing Inc. p. 59 . ISBN 978-1-59756-808-1 .
↑ Granacher R (2008). Traumatic brain injury: methods for clinical and forensic neuropsychiatric assessment . Boca Raton, Fla. London: CRC Taylor & Francis distributor. p. 181. ISBN 978-0-8493-8139-3 .
↑ Maciaszczyk K, Durko T, Waszczykowska E, Erkiert-Polguj A, Pajor A (February 2011). "Auditory function in patients with systemic lupus erythematosus". Auris, Nasus, Larynx . 38 (1): 26–32. doi :10.1016/j.anl.2010.04.008 . PMID 20576373 .
↑ Desnick R (2001). Tay–Sachs disease . San Diego, Calif. London: Academic. p. 25 . ISBN 978-0-08-049030-4 .
↑ Zarchi O, Attias J, Gothelf D (2010). "Auditory and visual processing in Williams syndrome". The Israel Journal of Psychiatry and Related Sciences . 47 (2): 125–131. PMID 20733255 .
↑ Brotherton, H; Plack, CJ; Maslin, M; Schaette, R; Munro, KJ (2015). "Pump up the volume: could excessive neural gain explain tinnitus and hyperacusis?". Audiology & Neuro-Otology . 20 (4): 273–82. doi :10.1159/000430459 . PMID 26139435 . {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Sheldrake, J; Diehl, PU; Schaette, R (2015). "Audiometric characteristics of hyperacusis patients" . Frontiers in Neurology . 6 : 105. doi :10.3389/fneur.2015.00105 . PMC 4432660 . PMID 26029161 . {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Lindsey H (August 2014). "Help for Hyperacusis: Treatments Turn Down Discomfort" . The Hearing Journal (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 67 (8): 22. doi :10.1097/01.HJ.0000453391.20357.f7 . ISSN 0745-7472 .
↑ Formby C, Hawley ML, Sherlock LP, Gold S, Payne J, Brooks R, และคณะ (May 2015). "A Sound Therapy-Based Intervention to Expand the Auditory Dynamic Range for Loudness among Persons with Sensorineural Hearing Losses: A Randomized Placebo-Controlled Clinical Trial" . Seminars in Hearing . 36 (2): 77–110. doi :10.1055/s-0035-1546958 . PMC 4906300 . PMID 27516711 .
↑ Fagelson M, Baguley DM (2018). Hyperacusis and Disorders of Sound Intolerance Clinical and Research Perspectives . Plural Publishing. pp. C15, C16. ISBN 978-1-94488-328-7 .
↑ Aazh H, Moore BC, Lammaing K, Cropley M (September 2016). "Tinnitus and hyperacusis therapy in a UK National Health Service audiology department: Patients' evaluations of the effectiveness of treatments" . International Journal of Audiology . 55 (9): 514–522. doi :10.1080/14992027.2016.1178400 . PMC 4950421 . PMID 27195947 .
↑
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น