งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ร่วมกันจัดขึ้นโดยรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และประชาชนชาวไทย และเป็นงานเฉลิมฉลองให้แก่รัชกาลที่ 9 งานสุดท้ายก่อนการสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม ปีเดียวกัน
รัฐบาลไทยได้จัดรัฐพิธีในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี พ.ศ. 2559 ดังนี้
สำหรับภาคประชาชน รัฐบาลไทยได้กำหนดขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560[2] โดยมีกิจกรรมสำคัญ เช่น[3]
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทั้งหมดยุติลงตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เนื่องจากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยปรับกิจกรรมทั้งหมดเป็นการถวายความอาลัยแทน
ในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี ได้มีการแต่งเพลงเฉลิมพระเกียรติขึ้นมา 1 เพลง คือเพลง เหตุผลของพ่อ ที่จัดทำขึ้นโดย บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตลอด 70 ปี ที่ทรงงานอย่างหนัก และทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนทุกคน ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย กมลศักดิ์ สุนทานนท์ และ ปิติ ลิ้มเจริญ เรียบเรียงโดย เจษฎา สุขทรามร และธิติวัฒน์ รองทอง ขับร้องโดย ธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งต่อมาได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2565 เพลงนี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559[5] และถือเป็นบทเพลงเฉลิมพระเกียรติเพลงสุดท้ายที่เผยแพร่ก่อนเกิดเหตุการณ์การสวรรคตในอีกสองวันถัดมา[6]
ตราสัญลักษณ์ของงานเฉลิมพระเกียรตินี้ ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. สีเหลืองนวลทอง สีประจำวันพระบรมราชสมภพ ขอบริมอักษรสีทองบนพื้นสีขาบเข้ม (สีน้ำเงินแก่) เป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายในกรอบลายทองปนนากมีลายเนื่องสีทองมากกว่า 70 ดวง เป็นการถวายพระพร ให้ทรงสถิตดำรงในสิริราชสมบัติมากกว่าปีที่ 70 ให้สถาพรโดยสวัสดีเป็นอเนกอนันต์ ยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใด
อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และกรอบลายทองปนนากอยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ ประกอบพระอุณาโลมสีทอง แวดล้อมด้วยพระแสงขรรค์ชัยศรี และพระแส้จามรีอยู่ฝั่งซ้ายของพระมหาพิชัยมงกุฎ มีธารพระกรและพัชนีฝักมะขาม อยู่ด้านขวา มีฉลองพระบาททอดอยู่เบื้องล่างของปลายพระแสงและธารพระกร รวมเรียกว่าเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เป็นนิมิตหมายแห่งการฉลองสิริราชสมบัติ ล่างลงมาเป็นแพรแถบสีหงชาด (ชมพู) ขลิบทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่า "ฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี" ปลายด้านขวาของแพรแถบระบุ "พ.ศ. 2489" ซึ่งเป็นปีที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ปลายด้านซ้ายของแพรแถบระบุ "พ.ศ. 2559" แสดงระยะเวลาจากการครองราชย์มา 70 ปีจนถึงปัจจุบัน[7]
สถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยเริ่มทยอยแสดงตราสัญลักษณ์ของงานเฉลิมพระเกียรตินี้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 จนกระทั่งแสดงครบทุกช่องเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม จากนั้นตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมเป็นต้นมา ได้ทยอยแสดงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ควบคู่กันด้วย โดยแสดงทางด้านขวามือติดกับตราสัญลักษณ์ของงานเฉลิมพระเกียรติ
อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยทุกช่องได้นำตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 งานข้างต้นลงจากจอโทรทัศน์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม เวลา 19:00 น. เนื่องจากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ เป็นเรือนยอดที่จัดสร้างโดยสถาบันสิริกิติ์ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์หลายโอกาส หนึ่งในนั้นคือในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปีของพระองค์ มีจำนวน 9 ยอด ตามรัชกาล ซึ่งนับเป็นเรือนยอดที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ศิลปะไทย มีลักษณะเป็นเรือนโถง หน้าบันทั้ง 9 ยอดจารึกพระปรมาภิไธย, พระนามาภิไธย และอักษรพระนามของทุกพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 9 เดิมตั้งอยู่ภายในพระราชวังดุสิต ทางด้านทิศตะวันออกของพระที่นั่งอนันตสมาคม[8] โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงตัดริบบิ้นเปิดเรือนยอดนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559[9] แต่ได้รื้อถอนในปี พ.ศ. 2566 เพื่อย้ายไปประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำธนบัตรที่ระลึก ชนิดราคา 70 บาท โดยภาพด้านหน้าธนบัตร เชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และพระสังวาลปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ เป็นภาพประธาน ขณะที่ภาพด้านหลังธนบัตร เชิญพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี ทรงยืนเบื้องหน้าพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ธนบัตรที่ระลึกนี้ มีความกว้าง 89 มิลลิเมตร ความยาว 162 มิลลิเมตร เริ่มจ่ายแลกในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559[10]
กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ประกอบด้วย เหรียญกษาปณ์ทองคำขัดเงา ชนิดราคา 16,000 บาท เหรียญกษาปณ์เงินขัดเงา ชนิดราคา 800 บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา 50 บาท โดยเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559[11]
{{cite news}}