'อ้น' รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เป็นนักฟุตบอลชาวไทยเขาเคยเล่นให้กับหลายทีมฟุตบอลชื่อดังในประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ และติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปี พ.ศ. 2547 ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้การท่าเรือในไทยลีก
รังสรรค์ ในวัย 43 ปีได้ใส่ชื่อตัวเองในรายชื่อนักเตะของโปลิศ เทโร ในไทยลีก ฤดูกาล 2565–66 โดยให้เหตุผลว่าในกรณีมีผู้เล่นบาดเจ็บจำนวนมากหรือมีนักเตะไม่พอแข่งจากการติดโควิด เขาจะได้ลงไปช่วยเล่นให้กับทีม[1]
ประวัติ
รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค มีชื่อเล่นว่า "อ้น" เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 ที่ กรุงเทพมหานคร รังสรรค์จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเศก แล้วศึกษาต่อที่โรงเรียนพณิชยการราชดำเนิน ก่อนจะเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ในขณะนั้นรังสรรค์อายุ 19 ปี ได้ถูกเรียกตัวจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อเล่นทีมชาติรุ่นอายุ 19 ปี ซึ่งรังสรรค์ชอบเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กและเป็นเด็กที่มีความคล่องตัวสูงและสามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง
ประวัติในฐานะโค้ช
รังสรรค์ได้สัมผัสกับงานคุมทีมครั้งแรกในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2556 โดยได้เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวร่วมกับโชคทวี พรหมรัตน์ ในการคุมทีมรักษาการหลังจากการปลดเรเน่ เดอซาเยียร์ เนื่องจากความพ่ายแพ้ในลีก 3 นัดติดต่อกันและตกรอบฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ รอบ 32 ทีม ให้กับปตท.ระยอง ซึ่งเป็นรายการเป้าหมายที่สโมสรต้องการ[2]
บีอีซี เทโรในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2558 เป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่สำหรับสโมสรและส่งผลให้เกิดเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมถึง 3 คน โดยรังสรรค์ในฐานะกัปตันทีมได้ถูกผลักดันให้ขึ้นมารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมในยุคเคนนี ชิลส์ ในช่วงที่รักษาอาการบาดเจ็บ[3] และโค้ชรักษาการชั่วคราวถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2558 หลังจากการปลดเคนนี ชิลส์[4] โดยได้คุมทีม 3 นัด ครั้งที่สองเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2558 ที่ต้องเข้ามาคุมทีมรักษาการณ์ใน 3 นัดสุดท้ายของฤดูกาลหลังจากการปลดมานูเอล คาจูดา[5] แม้รังสรรค์จะพาทีมคว้า 7 แต้มมาได้แต่ก็ไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้น โดยจบในอันดับที่ 16 แต่เทโรก็ยังคงอยู่ในไทยลีก 1 ฤดูกาลถัดไปเนื่องจากการยุบทีมสระบุรี เอฟซี และทำให้เทโรได้สิทธิ์เข้ามาเล่นแทน
รังสรรค์ได้ย้ายไปยังสโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ในฤดูกาล 2559[6] และเริ่มฝึกเรียนไลเซนส์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นโค้ชหลังจากแขวนสตั้ด ก่อนจบเลกแรกในฤดูกาล 2560 รังสรรค์ที่กำลังจะเรียนจบการอบรมโค้ชระดับ เอ ไลเซนส์ถูกดันขึ้นไปเป็นผู้ช่วยของวรวุฒิ ศรีมะฆะ ที่เข้ามาขัดตาทัพในช่วงท้ายเลกแรก[7] หลังจบเลกแรกฤดูกาล 2560 รังสรรค์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการแขวนสตั้ดหลังเกมสโมสรสุพรรณบุรีเสมอกับสโมสรราชบุรี 1-1 ว่า “ณ ตอนนี้คิดว่าเลิกเล่นอย่างเป็นทางการแล้วครับ มีการคุยกับผู้ใหญ่ในทีมแล้ว ให้ผมเป็นผู้ช่วยโค้ชที่นี่ ก็ถือว่าเลิกเล่นอย่างเป็นทางการครับ” ซึ่งรวดเร็วกว่าที่วางเป้าหมายของการแขวนสตั้ดเดิมที่จะเกิดขึ้นหลังฤดูกาล 2560[8] และเริ่มงานการเป็นผู้ช่วยโค้ชสุพรรณบุรีอย่างเต็มตัวในช่วงเลกที่สองของฤดูกาล 2560
รังสรรค์ได้รับการเชิญชวนจากธัญญะ วงศ์นาค และ ไบรอันลินด์เซ มาร์การ์ ของสโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร ให้เข้ามาเป็นผู้ช่วยของสก็อตต์ คูเปอร์ ในการเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันไทยลีก ฤดูกาล 2561 แต่สุดท้ายรังสรรค์ตัดสินใจลงไปคุมทีมโปลิศ เทโร บี ในการแข่งขันไทยลีก 4 ฤดูกาล 2561 – โซนกรุงเทพและปริมณฑลแทน หลังจากฤดูกาล 2561 เริ่มต้นได้เพียง 7 นัด โค้ชสก็อตต์ คูเปอร์ ถูกยกเลิกสัญญาเนื่องจากผิดพลาดจากเป้าหมายที่ทีมต้องการหลังคว้าแต้มได้เพียง 4 แต้มจาก 7 นัด อยู่อันดับที่ 17 ของตารางส่งผลให้รังสรรค์ได้ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นโค้ชรักษาการณ์แทนเนื่องจากธชตวัน ศรีปานได้ปฏิเสธในการเข้ามาเป็นโค้ชต่อจากคูเปอร์[9] รังสรรค์ในฐานะโค้ชรักษาการสามารถเปิดบ้านเอาชนะสโมสรการท่าเรือ เอฟซี รองจ่าฝูงในขณะนั้น 4-2 และได้รับโอกาสอีก 3 นัด โดยชนะอีก 2 นัดและแพ้แค่นัดเดียวพาทีมพ้นจากโซนตกชั้นขึ้นมาอยู่อันดับที่ 13 ทำให้ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2561 สโมสรได้แต่งตั้งให้รังสรรค์คุมทัพโปลิศ เทโรเป็นการถาวร[10]
รังสรรค์ได้รับโอกาสคุมทีมอีก 9 นัด มีสถิติชนะ 3 นัด เสมอ 3 และแพ้ 3 นัดพาทีมอยู่อันดับที่ 12 ก่อนที่สโมสรจะถอยรังสรรค์ให้ไปเป็นผู้ช่วยของธชตวัน ศรีปาน ในนัดที่เปิดบ้านเสมอกับชัยนาท 1-1[11] แต่สุดท้ายธชตวันพาทีมคว้าชัย 2 จาก 9 นัด อยู่อันดับที่ 14 อยู่ในโซนตกชั้นทำให้ธชตวันตัดสินใจขอลาออกและให้รังสรรค์คุมทัพใน 5 เกมสุดท้ายของฤดูกาล 2561[12] แต่รังสรรค์ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ทีมรอดตกชั้นได้โดยแพ้ 4 นัดรวดและชนะสโมสรฟุตบอลพีที ประจวบ นัดส่งท้าย จบอันดับที่ 15 ทำให้ทีมตกชั้นลงไปยังไทยลีก 2
รังสรรค์ได้รับโอกาสและความไว้วางใจจากผู้บริหารทีมในการคุมทีมในไทยลีก 2 ฤดูกาล 2562 ต่อและมีเป้าหมายในการพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 1 ให้ได้ภายใน 1 ปี[13] รังสรรค์สามารถพาทีมจบอันดับ 2 ในไทยลีก 2 ฤดูกาล 2562 พาทีมเลื่อนชั้นกลับไปยังไทยลีก 1 ได้ตามเป้าหมาย ในปีเดียวกันรังสรรค์ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรในการอบรมโค้ชระดับโปร ไลเซนส์ โดยรังสรรค์เป็นโค้ชระดับโปร ไลเซนส์ รุ่นที่ 2 ของไทย[14]
แม้รังสรรค์จะสามารถพาทีมขึ้นมาสู่ไทยลีก ฤดูกาล 2563–64 และมีฟอร์มที่ร้อนแรงในช่วง 4 นัดแรก รังสรรค์สามารถพาทีมคว้าชัยชนะในเกมที่เปิดบ้านพบกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 1-0 และพาทีมคว้าชัย 2 จาก 3 นัด อยู่อันดับที่ 5 ของตารางแต่เนื่องด้วยการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดการเลื่อนการแข่งขันออกไปจนถึงเดือนตุลาคม ส่งผลให้เกิดการขายนักเตะตัวหลัก เช่น ทิตาธร อักษรศรีและทิตาวีร์ อักษรศรี ให้กับสโมสรฟุตบอลการท่าเรือเพื่อให้ทีมสามารถมีเงินในการบริหารทีมต่อไปได้ เมื่อฤดูกาล 2563 ได้กลับมาเปิดอีกครั้งในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.2563 และชนะบายสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เนื่องจากสโมสรการท่าเรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาไฟดับในสนามได้ในระยะเวลา 60 นาที หลังจากนั้นรังสรรค์ไม่สามารถพาเทโรคว้าชัยชนะได้เลยถึง 8 เกมติดต่อกันและให้อำนาจการตัดสินใจกับสโมสรแต่สโมสรยังเชื่อใจและให้รังสรรค์คุมทีมต่อ[15] รังสรรค์สามารถตอบแทนความไว้ใจด้วยการพาทีมรอดตกชั้นและจบอันดับ 11 ใน ฤดูกาล 2563-64 และ ฤดูกาล 2564-65 จนถึง ฤดูกาล 2565-66 รังสรรค์สามารถจบอันดับ 7 ซึ่งถือว่าเป็นอันดับที่สูงที่สุดในรอบ 9 ปี รวมไปถึงการพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ 2 ปีติดต่อกันในฟุตบอลถ้วยช้าง เอฟเอคัพ 2564–65 และ 2565-66
ผลงานด้านฟุตบอล
นักฟุตบอล
- บีอีซี เทโรศาสน
- ทีทีเอ็ม เชียงใหม่
- ธนาคารกรุงไทย
- บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ผู้จัดการทีม
- โปลิศ เทโร
- รางวัลส่วนตัว
ทีมชาติ
ทำประตูในนามทีมชาติ
การแข่งขันเอเอฟซี
ทำประตูในนามของทีม
อ้างอิง