ภาษาแมนจู (แมนจู:ᠮᠠᠨᠵᡠ ᡤᡳᠰᡠᠨ ; อักษรโรมัน: manju gisun ; จีน : 满语 ; พินอิน : mǎn yǔ , หมาน อวี่ ) เป็นภาษากลุ่มตังกูสิต ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งมีผู้พูดทางภาคเหนือของประเทศจีน เป็นภาษาแม่ของชาวแมนจู แต่ปัจจุบัน ชาวแมนจูส่วนมากพูดภาษาจีนกลาง และมีผู้พูดเป็นภาษาแม่และพูดได้บ้างน้อยกว่า 70 คน จากผู้มีเชื้อสายแมนจูรวมเกือบ 10 ล้านคน แม้ภาษาซิเบ ที่มีผู้พูด 40,000 คน แทบเหมือนกับภาษาแมนจูในทุกด้าน แต่ผู้พูดภาษาซิเบ ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกไกล มีเชื้อสายแตกต่างจากชาวแมนจู ปัจจุบัน มีผู้พูดภาษาแมนจูเป็นภาษาที่สองประมาณพันกว่าคนผ่านการศึกษาระดับประถมศึกษาของรัฐบาลหรือชั้นเรียนฟรีสำหรับผู้ใหญ่ในห้องเรียนหรือทางออนไลน์[ 4] [ 5] [ 6]
ภาษาแมนจูเป็นภาษารูปคำติดต่อ เขียนจากบนลงล่าง คาดว่าพัฒนามาจากภาษาจูร์เชน มีคำยืมจากภาษามองโกเลีย และภาษาจีนจำนวนมาก มีอักษรเป็นของตนเองเรียกว่าอักษรแมนจู ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับอักษรมองโกเลีย โครงสร้างประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา
ระบบการเขียน
ภาษาแมนจูเขียนด้วยอักษรแมนจูที่พัฒนามาจากอักษรมองโกล ซึ่งเป็นรูปแบบการเขียนในแนวตั้งของ อักษรอุยกูร์ ในยุคก่อนได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม,
ภาษาแมนจูมีการเขียนด้วยอักษรโรมัน ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Paul Georg von Möllendorff,
บรรพบุรุษของชาวแมนจูคือชาวจูร์เชนประดิษฐ์อักษรจูร์เชน ขึ้นใช้ โดยพัฒนามาจากอักษรคีตัน ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างอักษรแมนจูกับอักษรจูร์เชน
ชื่อ
ราชวงศ์ชิง เรียกภาษาแมนจูว่า "ชิงเหวิน" 清文[ 7] หรือ "ชิงอวี่" 清語 ("ภาษาชิง") และ "กว๋ออวี่" 國語 ("ภาษาแห่งชาติ")[ 8] ซึ่งเป็นชื่อที่ราชวงศ์ก่อน ๆ ที่ไม่ใช่ราชวงศ์ฮั่น ใช้เรียกภาษาของตัวเอง คำว่า "กว๋อ" ("ชาติ") มักใช้เรียกภาษาในเอกสารแมนจูว่า "กว๋อเหวิน" 國文 หรือ "กว๋ออวี่" 國語[ 9] ในสนธิสัญญาเนียร์ชินสก์ ฉบับภาษาแมนจู คำว่า "ภาษาจีน" (Dulimbai gurun i bithe) ใช้กล่าวถึงสามภาษาคือ ภาษาจีน ภาษาแมนจู และภาษามองโกล โดยไม่ได้ใช้เรียกแค่ภาษาเดียว[ 10] ปัจจุบัน คำว่า "กว๋ออวี่" หมายถึงภาษาจีนกลาง
ประวัติและความสำคัญ
สัญลักษณ์ของชาวแมนจู
ชื่อที่เป็นทางการสำหรับจีนในภาษาแมนจู อ่านว่า Dulimbai gurun
ภาษาแมนจูเป็นภาษาสำคัญในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ชาวแมนจูกลับหันมาใช้ภาษาจีนมากขึ้น และเริ่มสูญเสียภาษาของตนเอง และต้องมีการอนุรักษ์ภาษา ใน พ.ศ. 2315[ 11] จักพรรดิเฉียนหลงพบว่าข้าราชการชาวแมนจูจำนวนมากไม่เข้าใจภาษาแมนจู จักรพรรดิเจียกิง (พ.ศ. 2325 – 2363) กล่าวเช่นกันว่าข้าราชการไม่เข้าใจและเขียนภาษาแมนจูไม่ได้ เมื่อราว พ.ศ. 2442 – 2443 พบว่าในเฮย์หลงเจียง มีชายชาวแมนจูที่อ่านภาษาแมนจูได้เพียง 1% และพูดได้เพียง 0.2% ในราว พ.ศ. 2449 – 2450 ราชวงศ์ชิงได้จัดให้มีการศึกษาภาษาแมนจู และใช้ภาษาแมนจูเป็นคำสั่งทางทหาร
การใช้ภาษาแมนจูในสถานะภาษาราชการในสมัยราชวงศ์ชิงลดลงเรื่อย ๆ ในช่วงต้นของราชวงศ์ เอกสารที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองหรือเป็นหัวข้อทางการจะเขียนเป็นภาษาแมนจูไม่ใช้ภาษาจีน[ 12] บันทึกลักษณะนี้ยังคงเขียนต่อมาจนถึงปีท้าย ๆ ของราชวงศ์ที่สิ้นสุดใน พ.ศ. 2455 เอกสารภาษาแมนจูยังถูกเก็บรักษาในฐานะเอกสารสำคัญสมัยราชวงศ์ชิง ในปัจจุบัน ตัวเขียนภาษาแมนจูยังเห็นได้ในสถาปัตยกรรมของนครต้องห้าม สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์จะเขียนทั้งในภาษาแมนจูและภาษาจีน ภาษานี้ใช้ในการออกคำสั่งทางทหารจนถึง พ.ศ. 2421
แผ่นป้ายเหนือประตูเฉียนชิงในนครต้องห้าม กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทั้งในภาษาจีน (ซ้าย, qián qīng mén) และภาษาแมนจู (ขวา, kiyan cing men)
นักวิชาการชาวยุโรป
นักวิชาการชาวยุโรปในพุทธศตวรรษที่ 23 ที่ไม่สามารถอ่านภาษาจีนเพราะระบบการเขียนที่ซับซ้อนเลือกที่จะแปลจากภาษาแมนจูหรือใช้รูปแบบที่มีภาษาแมนจูคู่ขนานอยู่ด้วย โดยกล่าวว่าภาษาแมนจูเป็นหน้าต่างในการเข้าไปศึกษาวรรณคดีจีน นักวิชาการด้านจีนชาวรัสเซียได้ศึกษาภาษาแมนจูเช่นกัน หลังจากที่มาจัดตั้งนิกายรัสเซียนออร์ธอดอกซ์ในปักกิ่ง มีการแปลเอกสารจากภาษาแมนจู และทำพจนานุกรมภาษาแมนจู-จีน มีการสอนการแปลภาษาแมนจูในอินกุตส์ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 23 และสอนต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ชาวยุโรปได้ใช้การถอดคำในภาษาจีนด้วยอักษรแมนจู เพื่อช่วยในการออกเสียงภาษาจีนซึ่งนิยมใช้มากกว่าระบบที่ใช้อักษรโรมัน
สถานการณ์ปัจจุบัน
ในปัจจุบันมีผู้พูดภาษาแมนจูเหลือน้อยมาก โดยในแมนจูเรีย ไม่มีผู้พูดภาษานี้แล้ว หันมาพูดภาษาจีนกันทั้งสิ้น กลุ่มผู้ใช้ภาษาแมนจูเป็นภาษาแม่เหลืออยู่ในหมู่บ้าน Sanjiazi ในเฮย์หลงเจียง[ 13] และมีผู้พูดภาษานี้อีกเล็กน้อยในตำบลไอฮุย ในเขตปกครองตนเอง Heihe
จริง ๆ แล้วรูปแบบสมัยใหม่ของภาษานี้คือภาษาซิเบ ของชาวซิเบที่อาศัยในซินเจียง และอพยพมาอยู่ในจักรวรรดิชิง เมื่อ พ.ศ. 2307 ภาษาซิเบสมัยใหม่ใกล้เคียงกับภาษาแมนจู แม้ว่าจะมีความแตกต่างบ้างในการเขียนและการออกเสียง ภาษาซิเบมีการสอนเป็นภาษาที่สองในวิทยาลัยครูอีลีในจังหวัดปกครองตนเองชนชาติคาซัคอีหลี มณฑลซินเจียง[ 14] มีการออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นครั้งคราวด้วยภาษาซิเบ ประมาณสองครั้งต่อสัปดาห์ มีหลายแห่งในประเทศจีนที่สอนภาษาแมนจู หลายโรงเรียนในเฮย์หลงเจียงเริ่มมีการสอนวิชาภาษาแมนจู[ 15] [ 16] [ 17] ในมหาวิทยาลัยเฮย์หลงเจียง มีศูนย์วิจัยภาษาแมนจู[ 18] และมีความพยายามฟื้นฟูภาษาแมนจู
สัทวิทยา
ภาษาเขียนของภาษาแมนจูจัดเป็นภาษาพยางค์เปิด เพราะมีเสียงตัวสะกดได้เสียงเดียวคือ /n/ ซึ่งคล้ายกับภาษาจีนกลางในปักกิ่ง และภาษาญี่ปุ่น คำดั้งเดิมในภาษาจึงลงท้ายด้วยเสียงสระทั้งหมด ลักษณะเช่นนี้พบได้ในทุกสำเนียง แต่พบมากที่สุดในสำเนียงใต้ที่กลายมาเป็นภาษาเขียน
สระ
ระบบสระของภาษาแมนจูมีสระเป็นกลาง (([i] และ [u]) ที่มีอิสระที่จะปรากฏกับสระใด ๆ ก็ได้ สระหน้า [e] จะไม่ปรากฏร่วมกับสระหลัง ([o] และ [a]) สระ [ū] จัดเป็นสระหลัง แต่บางครั้งก็ปรากฏร่วมกับสระ [e] ได้ ส่วนในภาษาซิเบจะออกเสียงเป็น [u]
การเปลี่ยนเสียงสระ
การเปลี่ยนเสียงสระในภาษาแมนจูอธิบายได้ด้วยหลักของอี้จิง โดยสระหน้าเป็นพยางค์หยิน ส่วนสระหลังเป็นพยางค์หยาง ซึ่งเป็นเพราะคำที่ใช้สระหน้ามักเป็นเพศหญิง และคำที่ใช้สระหลังมักเป็นเพศชาย จึงมีคู่ของคำในภาษาที่เมื่อเปลี่ยนสระจะเปลี่ยนเพศของคำด้วย เช่น hehe (ผู้หญิง) และ haha (ผู้ชาย) หรือ eme (แม่) และ ama (พ่อ)
คำยืม
ภาษาแมนจูมีคำยืมจำนวนมากจากภาษาจีน มีสัญลักษณ์พิเศษที่ใช้แสดงสระของคำยืมจากภาษาจีน และสัญลักษณ์สำหรับพยัญชนะที่ใช้เฉพาะในคำยืมจากภาษาจีน นอกจากนั้นยังมีคำยืมจากภาษามองโกเลีย ด้วย
ไวยากรณ์
ประโยค
คำคุณศัพท์นำหน้าด้วยคำนามที่ขยาย การเรียงประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา มีการใช้สัญลักณ์การกควบคู่กับปรบท เช่น
bi tere niyalma+i emgi gene+he
ฉัน คนนั้น+GEN กับ ไป+PAST
ฉันไปกับคนนั้น
สองประโยคต่อไปนี้สามารถรวมเข้าด้วยกันด้วย converb ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงการกระทำรองเข้ากับการกระทำหลัก เช่น
tere sargan boo ci tuci+ke
นั้น ผู้หญิง บ้าน ABL ไป.ออก+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นออกมาจากบ้าน
tere sargan hoton de gene+he
นั้น ผู้หญิง เมือง DAT ไป+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นไปในเมือง
tere sargan boo ci tuci+fi, hoton de gene+he
นั้น ผู้หญิง บ้าน ABL ไป.ออก+PAST.CONVERB, เมือง DAT ไป+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นที่ออกจากบ้าน ไปในเมือง
คำนาม
คำนามในภาษาแมนจูแบ่งเป็นการก จำนวนมากดังนี้
การกพื้นฐาน
การกประธาน - ใช้สำหรับประธาน ไม่มีปัจจัย
การกกรรมตรง ใช้สำหรับกรรมตรงของประโยค ใช้ปัจจัย -be.
การกแสดงความเป็นเจ้าของ ใช้บ่งชี้ความเป็นเจ้าของ ใช้ปัจจัย -i หรืออนุภาค ni ถ้าตามหลังคำที่ลงท้ายด้วย -ng ตัวอย่างเช่น wangni moo (ต้นไม้ของพระราชา)
การกสถานที่และเวลา ใช้บ่งชี้ตำแหน่ง เวลา สถานที่ หรือกรรมรอง ใช้ปัจจัย -de.
ablative – ใช้บ่งชี้กำเนิดของการกระทำ หรือพื้นฐานสำหรับการเปรียบเทียบ ใช้ปัจจัย -ci.
การกเครื่องมือ ใช้บ่งชี้จุดกำเนิดของการกระทำ แสดงโดยอนุภาค deri ใช้มากในภาษาแมนจูคลาสสิก
การกใช้น้อย:
initiative – แสดงจุดเริ่มต้นของการกระทำ ใช้ปัจจัย - deri
terminative – ใช้แสดงจุดสิ้นสุดของการกระทำ ใช้ปัจจัย - tala/tele/tolo
indef. allative - ใช้แสดงสถานที่ เหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำนั้นมาถึงสถานที่นั้น ใช้ปัจจัย- si
indef. locative - ใช้แสดงสถานที่ เหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำนั้นเกิดขึ้นที่สถานที่นั้น ใช้ปัจจัย - la/le/lo
indef. ablative – ใช้ระบุ มาจากที่ มาจาเหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำมาจากสถานที่ที่แน่นอนใกล้ ๆ กันนั้น ใช้ปัจจัย - tin
distributive – ใช้แสดงสิ่งหนึ่งในบางอย่าง ใช้ปัจจัย - dari
formal – ใช้แสดงความคล้ายคลึง ใช้ปัจจัย - gese
identical – ใช่แสดงความเหมือน ใช้ปจจัย- ali/eli/oli
orientative – ใช้แสดงการเข้าไปสู่ แสดงตำแหน่งและแนวโน้ม ใช้ปัจจัย - ru
revertive – ใช้แสดงการกลับหรือต่อต้าน ใช้ปัจจัย - ca/ce/co
translative – ใช้แสดงการเปลี่ยนรูปแบบหรือคุณสมบัติ ใช้ปัจจัย - ri
in. accusative – แสดงว่าการสัมผัสของการกระทำนั้นยังมาสมบูรณ์ ใช้ปัจจัย - a/e/o/ya/ye/yo
อ่านเพิ่ม
เรียนรู้ตำราทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
สำหรับผู้อ่านภาษาจีน
วรรณกรรม
อ้างอิง
↑ https://web.archive.org/web/20170930050650
↑ "Redirected" . 19 November 2019.
↑ ภาษาแมนจู ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
↑ 4.0 4.1 抢救满语振兴满族文化 (ภาษาจีน). 26 April 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 8 November 2017. สืบค้นเมื่อ 14 May 2020 .
↑ 5.0 5.1 China News (originally Beijing Morning Post): Manchu Classes in Remin University (Simplified Chinese)
↑ 6.0 6.1 "Phoenix Television: Jinbiao's 10-year Manchu Dreams" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-06-05. สืบค้นเมื่อ 2022-02-04 .
↑ Saarela, Måten Söderblom (2014). Benjamin A Elman (บ.ก.). The Manchu Script and Information Management: Some Aspects of Qing China's Great Encounter with Alphabetic Literacy . Rethinking East Asian Languages, Vernaculars, and Literacies, 1000–1919 . BRILL. p. 169. ISBN 9789004279278 .
↑ Elliot, Mark C. (19 January 2006). Pamela Kyle Crossley; และคณะ (บ.ก.). Empire at the Margins: Culture, Ethnicity, and Frontier in Early Modern China . University of California Press. p. 38. ISBN 9780520230156 .
↑ Rhoads, Edward J. M. (2000). Manchus and Han: Ethnic Relations and Political Power in Late Qing and Early Republican China, 1861–1928 . University of Washington Press. p. 109. ISBN 9780295980409 .
↑ Zhao, Gang (January 2006). "Reinventing China: Imperial Qing Ideology and the Rise of Modern Chinese National Identity in the Early Twentieth Century" (PDF) . Modern China . Sage Publications. 32 (1): 12. doi :10.1177/0097700405282349 . JSTOR 20062627 . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 25 March 2014. สืบค้นเมื่อ 23 May 2014 .
↑ Yu, Hsiao-jung. "Manchu Rule over China and the Attriion of the Manchu Language" (PDF) . University of California, Santa Barbara. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-12-23. สืบค้นเมื่อ 2019-10-24 .
↑ Lague, David (17 March 2007). "Manchu Language Lives Mostly in Archives" . The New York Times .
↑ Lague, David (18 March 2007). "Chinese Village Struggles to Save Dying Language" . The New York Times.
↑ "Welcome to Ili Teacher's College" . Study In China.org. 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 6 March 2016.
↑ "29 Manchu Teachers of Huanren, Benxi Are Now On Duty" (ภาษาจีน). Liaoning News. 20 March 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2 January 2013. สืบค้นเมื่อ 1 June 2013 .
↑ "A High School Opens Manchu Class in Liaoning" (ภาษาจีน). China News.com. 29 October 2011.
↑ "Manchu Class Comes Into A Middle School Class of Jilin For the First Time" (ภาษาจีน). Sina Education. 22 March 2012.
↑ Johnson, Ian (5 October 2009). "In China, the Forgotten Manchu Seek to Rekindle Their Glory" . The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 5 October 2009 .
ข้อมูล
Gorelova M., Liliya (2002). Manchu Grammar (PDF) . Leiden; Boston; Köln.: Brill Academic Publishers. ISBN 90-04-12307-5 .
Elliott, Mark (2013). "Why Study Manchu?" . Manchu Studies Group .
Fletcher, Joseph (1973), "Manchu Sources", ใน Leslie Donald, Colin Mackerras and Wang Gungwu (บ.ก.), Essays on the Sources for Chinese History , Canberra: ANU Press
Haenisch, Erich. 1961. Mandschu-Grammatik . Leipzig: VEB Verlag Enzyklopädie (ในภาษาเยอรมัน)
Hauer, Erich (1930). "Why the Sinologue Should Study Manchu" (PDF) . Journal of the North China Branch of the Royal Asiatic Society . 61 : 156–164.
Li, Gertraude Roth (2000). Manchu: A Textbook for Reading Documents . Honolulu, Hawaii: University of Hawai`i Press. ISBN 0824822064 .
Erling von Mende. 2015. "In Defence of Nian Gengyao, Or: What to Do About Sources on Manchu Language Incompetence?". Central Asiatic Journal 58 (1-2). Harrassowitz Verlag: 59–87. https://www.jstor.org/stable/10.13173/centasiaj.58.1-2.0059 .
Möllendorff, Paul Georg von. 1892. Paul Georg von Möllendorff (1892). A Manchu Grammar: With Analysed Texts . Printed at the American Presbyterian mission Press. Shanghai. ข้อความเต็มของ A Manchu Grammar ที่วิกิซอร์ซ
Norman, Jerry . 1974. "Structure of Sibe Morphology", Central Asian Journal .
Norman, Jerry. 1978. A Concise Manchu–English Lexicon , University of Washington Press, Seattle.
Norman, Jerry. 2013. A Comprehensive Manchu–English Dictionary , Harvard University Press (Asia Center), Cambridge ISBN 9780674072138 .
Ramsey, S. Robert. 1987. The Languages of China. Princeton University Press, Princeton New Jersey ISBN 0-691-06694-9
Tulisow, Jerzy. 2000. Język mandżurski (« The Manchu language »), coll. « Języki Azjii i Afryki » (« The languages of Asia and Africa »), Dialog, Warsaw, 192 p. ISBN 83-88238-53-1 (ในภาษาโปแลนด์)
Kane, Daniel. 1997. "Language Death and Language Revivalism the Case of Manchu". Central Asiatic Journal 41 (2). Harrassowitz Verlag: 231–49. https://www.jstor.org/stable/41928113 .
Aiyar, Pallavi (26 April 2007). "Lament for a dying language" . Asia Times . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2007. {{cite web }}
: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์ )
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิท่องเที่ยว มีหนังสือรวมวลีสำหรับ
แมนจู
ภาษาจีน ถิ่นต่าง ๆ อักษรจีน และ ภาษาอื่น ๆ ที่พูดในประเทศจีน
ภาษาจีน ทางการภาษาหลัก ภาษาย่อยในภาษาหมิ่น ภาษาย่อยในภาษาหมิ่นใต้ อักษรจีน ภาษาอื่น ๆ ที่พูดในจีน รับอิทธิพลจากภาษาจีน