ชุดตัวอักษรอาหรับ (อาหรับ: الْأَبْجَدِيَّة الْعَرَبِيَّة หรือ الْحُرُوف الْعَرَبِيَّة, สัทอักษรสากล: [ʔalʔabd͡ʒadijja lʕarabijja]) เป็นตัวอักษรที่ใช้เขียนภาษาอาหรับ เขียนจากขวาไปซ้ายในรูปตัวเขียน และมี 28 ตัวอักษร ตัวอักษรส่วนใหญ่มีรูปเชื่อม
อักษรอาหรับเคยพิจารณาเป็นอักษรไร้สระ (ใช้แค่พยัญชนะ) แต่ปัจจุบันถือเป็น "อักษรไร้สระไม่บริสุทธิ์"[1] ซึ่งมีการระบุเสียงสระด้วยเครื่องหมายเสริมสัทอักษร เช่นอักษรฮีบรู
อักษรอาหรับเป็นระบบอักษรที่มีผู้ใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่อักษรละตินและอักษรจีน[2] โดยเป็นชุดของอักษรที่มีความสำคัญในศาสนาอิสลาม เพราะคัมภีร์อัลกุรอานเขียนด้วยอักษรนี้ อักษรนี้จึงมีใช้แพร่หลายในกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม แม้แต่ภาษานอกกลุ่มเซมิติก เช่น ภาษาเปอร์เซีย ภาษาอูรดู และภาษามลายูปัตตานี ตัวอักษรมีหลายแบบแต่รูปร่างของอักษรเหมือนกัน
โครงสร้างของอักษรอาหรับ
เขียนจากขวาไปซ้าย มีอักษรพื้นฐาน 28 ตัว การปรับไปเขียนภาษาอื่น เช่น ภาษาเปอร์เซียและภาษาอูรดูจะเพิ่มอักษรอื่นเข้ามา ไม่มีความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์กับตัวเขียนและตัวเล็กกับตัวใหญ่ อักษรแต่ละตัวจะเขียนติดกับอักษรตัวอื่นแม้ในการพิมพ์และรูปอักษรเปลี่ยนไปขึ้นกับตำแหน่งในคำ ไม่มีการเขียนสระเสียงสั้น ผู้อ่านต้องจดจำเอาเองว่าคำคำนั้นมีเสียงสระเป็นอย่างไร จะเขียนเฉพาะสระเสียงยาวเท่านั้น ในคัมภีร์อัลกุรอานหรือในการสอนจะใช้เครื่องหมายแสดงการออกเสียง ในหนังสือรุ่นใหม่จะแสดงเครื่องหมายการยกเว้นเสียงสระ (ซุกูน) และเครื่องหมายเพิ่มความยาวเสียงพยัญชนะ (ชัดดะฮ์)
ชื่อของอักษรอาหรับมาจากคำที่มีความหมายในภาษาเซมิติกแรกเริ่ม การจัดเรียงอักษรอาหรับมี 2 แบบ
- รูปแบบเดิมคือ แบบอับญะดี (Abjadī أبجدي) เป็นการจัดเรียงตามชุดตัวอักษรฟินิเชีย คล้ายกับการเรียงแบบ ABC ในภาษาอังกฤษ
- รูปแบบที่ใช้ในปัจจุบันคือ แบบฮิญาอี (Hejā’i هجائي) ซึ่งเรียงตามรูปร่างของอักษร
การจัดเรียงแบบอับญะดี เป็นการจับคู่อักษรอาหรับ 28 ตัวกับอักษรฟินิเชีย 22 ตัว ที่เหลืออีก 6 ตัว เรียงไว้ข้างท้าย
ٲ ب ج د ه و ذ ح ط ي ك ل م ن س ع ف ص ق ر ش ت ث خ ز ض ظ غ
ตัวอักษรพื้นฐาน
อักษรอาหรับที่ใช้เขียนภาษาอาหรับ
ชื่อ
|
ถอดอักษร
|
เสียง (IPA)
|
รูปร่าง
|
อักษรเดี่ยว
|
ท้ายคำ
|
กลางคำ
|
ต้นคำ
|
’alif อลิฟ
|
’ / ā
|
หลายแบบ, รวมทั้ง /aː/ [a]
|
ـا
|
ـا
|
ا
|
ا
|
bā’ บาอ์
|
b
|
b (บางครั้ง p ในคำยืม)[b]
|
ـب
|
ـبـ
|
بـ
|
ب
|
tā’ ตาอ์
|
t
|
t
|
ـت
|
ـتـ
|
تـ
|
ت
|
thā’ ษาอ์
|
th (หรือ ṯ )
|
θ
|
ـث
|
ـثـ
|
ثـ
|
ث
|
jīm ญีม
|
j (หรือ ǧ, g )
|
d͡ʒ ~ ʒ ~ ɡ [c]
|
ـج
|
ـجـ
|
جـ
|
ج
|
ḥā’ หาอ์
|
ḥ
|
ħ
|
ـح
|
ـحـ
|
حـ
|
ح
|
khā’ คออ์
|
kh (also ḫ, ḵ )
|
x
|
ـخ
|
ـخـ
|
خـ
|
خ
|
dāl ดาล
|
d
|
d
|
ـد
|
ـد
|
د
|
د
|
dhāl ษาล (ซาล)
|
dh (หรือ ḏ )
|
ð
|
ـذ
|
ـذ
|
ذ
|
ذ
|
rā’ รออ์
|
r
|
r
|
ـر
|
ـر
|
ر
|
ر
|
zayn / zāy ซัย/ซาย
|
z
|
z
|
ـز
|
ـز
|
ز
|
ز
|
sīn ซีน
|
s
|
s
|
ـس
|
ـسـ
|
سـ
|
س
|
shīn ชีน
|
sh (also š )
|
ʃ
|
ـش
|
ـشـ
|
شـ
|
ش
|
ṣād ศอด/ซ้อด
|
ṣ
|
sˤ
|
ـص
|
ـصـ
|
صـ
|
ص
|
ḍād ฎ๊อด/ด๊อด
|
ḍ
|
dˤ
|
ـض
|
ـضـ
|
ضـ
|
ض
|
ṭā’ ฏออ์
|
ṭ
|
tˤ
|
ـط
|
ـطـ
|
طـ
|
ط
|
ẓā’ ษออ์~ซออ์
|
ẓ
|
ðˤ ~ zˤ
|
ـظ
|
ـظـ
|
ظـ
|
ظ
|
‘ayn อัยน์
|
ʿ
|
ʕ
|
ـع
|
ـعـ
|
عـ
|
ع
|
ghayn ฆอยน์
|
gh (also ġ, ḡ )
|
ɣ (บางครั้ง ɡ ในคำยืม)[c]
|
ـغ
|
ـغـ
|
غـ
|
غ
|
fā’ ฟาอ์
|
f
|
f (บางครั้ง v ในคำยืม)[b]
|
ـف
|
ـفـ
|
فـ
|
ف [d]
|
qāf ก๊อฟ
|
q
|
q (บางครั้ง ɡ ในคำยืม)[c]
|
ـق
|
ـقـ
|
قـ
|
ق [d]
|
kāf ก๊าฟ
|
k
|
k (บางครั้ง ɡ ในคำยืม)[c]
|
ـك
|
ـكـ
|
كـ
|
ك
|
lām ลาม
|
l
|
l
|
ـل
|
ـلـ
|
لـ
|
ل
|
mīm มีม
|
m
|
m
|
ـم
|
ـمـ
|
مـ
|
م
|
nūn นูน
|
n
|
n
|
ـن
|
ـنـ
|
نـ
|
ن
|
hā’ ฮาอ์
|
h
|
h
|
ـه
|
ـهـ
|
هـ
|
ه
|
wāw เวา
|
w / ū / aw
|
w, /uː/, /aw/, บางครั้ง u, o, และ oː ในคำยืม
|
ـو
|
ـو
|
و
|
و
|
yā’ ยาอ์
|
y / ī / ay
|
j, /iː/, /aj/, บางครั้ง i, e, และ eː ในคำยืม
|
ـي
|
ـيـ
|
يـ
|
ي [e]
|
- ^a อลิฟแสดงได้หลายหน่วยเสียงในภาษาอาหรับ:
- ไม่มี เครื่องหมายแสดงเสียงสระ: ا
- ต้นคำ: a, i /a, i/ หรือเป็นรูปย่อของคำนำหน้านาม ال (a)l-
- กลางหรือท้ายคำ: ā /aː/.
- อลิฟ กับ ฮัมซะฮ์ ด้านบน: أ
- ต้นคำ: ’a, ’u /ʔa, ʔu/
- กลางหรือท้ายคำ: ’a /ʔa/.
- อลิฟ กับ ฮัมซะฮ์ ข้างล่าง: إ
- ต้นคำ: ’i /ʔi/; ไม่มีรูปกลางหรือท้ายคำ
- อลิฟ กับ มัดดะหฺ:آ
- ต้น กลางหรือท้ายคำ: ’ā /ʔaː/.
- ^b p และ v แสดงด้วยپ และ ڤ/ڥ หรือไม่ใช้, ب และ ف/ڢ ใช้ได้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีในภาษาอาหรับมาตรฐาน
- ^c สำหรับผู้พูดภาษาอาหรับ หน่วยเสียงɡ แสดงด้วยอักษรต่างกัน ขึ้นกับสำเนียง ج ใช้ทั่วไปในอียิปต์ และบางครั้งในเยเมนและโอมาน ق ใช้แทนเสียง ɡ ในสำเนียงท้องถิ่น ك หรือ غ ใช้ในที่ที่ ɡ ไม่มีในสำเนียงท้องถิ่น อักษรอื่น ๆ เช่น گ, ݣ หรือ ڨ ใช้ได้เช่นกัน แต่ไม่ถือเป็นอักษรอาหรับมาตรฐาน ในที่ที่ ج แสดง ɡ สามารถใช้ สำหรับ ʒ~d͡ʒ, หรืออักษร چ ที่ใช้ได้ในอียิปต์
- ^d Fā’ และ qāf ในมักเรบ เขียนเป็น ڢ และ ڧـ ـڧـ ـٯ ตามลำดับ โดยเขียนจุดที่ต้นคำหรือกลางคำ
- ^e Yā’ รูปเดี่ยวและรูปท้ายคำในลายมือเขียนและตัวพิมพ์ในอียิปต์ ซูดาน และบางครั้งในที่อื่นด้วย จะไม่มีจุด ى ทำให้บางครั้งเกิดความสับสนกับ ’alif maqṣūrah
อักษรดัดแปลง
รูป
|
ชื่อ
|
ถอดอักษร
|
หน่วยเสียง (IPA)
|
เดี่ยว
|
ท้ายคำ
|
กลางคำ
|
ต้นคำ
|
آ
|
ـآ
|
آ
|
’alif maddah
|
’ā
|
/ʔaː/
|
ة
|
ـة
|
|
|
tā’ marbūṭah
|
h or t / h / ẗ
|
/a/, /at/
|
ى
|
ـى
|
|
|
’alif maqṣūrah[3]
|
ā / ỳ
|
/aː/
|
การใช้อักษรอาหรับเขียนภาษาต่าง ๆ
มีการใช้อักษรอาหรับเขียนภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับอย่างกว้างขวาง โดยมีการปรับแต่งหรือเพิ่มลักษณะเพื่อแทนเสียงที่ต่างไปจากอักษรอาหรับตัวอย่างเช่น ภาษาอาหรับไม่มีเสียง /ป/ ฉะนั้น ภาษาอื่น ๆ ที่มีเสียง /ป/ จึงต้องสร้างอักษรของตัวเองขึ้นมา การเพิ่มเติมนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
- กลุ่มอักษรดัดแปลงของเปอร์เซียใช้กับภาษาในอินเดียทั้งหมดรวมทั้งภาษาตุรกี
- กลุ่มอักษรอยามีใช้ในแอฟริกาตะวันตก
- อักษรยาวีใช้ในภาษามลายู
ภาษาปัจจุบันที่เขียนด้วยอักษรอาหรับได้แก่
ภาษาที่เคยเขียนด้วยอักษรอาหรับมาก่อนแต่เลิกใช้แล้วในปัจจุบัน ได้แก่
การเขียนอักษรอาหรับ
การเขียนอักษรอาหรับเป็นการเขียนแบบต่อเนื่องกันไป อักษรแต่ละตัวมีรูปร่างต่างไปขึ้นกับตำแหน่งในคำว่าอยู่ต้น กลางหรือท้ายคำ มีอักษร 6 ตัวที่มีเพียงแบบเดี่ยวกับท้ายคำ ดังนั้นเมื่อตามหลังอักษรตัวอื่นจะไม่มีการเชื่อมต่อและอักษรตัวต่อไปจะใช้แบบต้นคำหรือแบบเดี่ยวถ้าไม่มีแบบต้นคำ อักษรที่ไม่มีแบบต้นคำหรือกลางคำจะไม่ใช้เป็นตัวตามอักษรอื่นแม้ภายในคำ ฮัมซะฮ์ ไม่ใช้นำหน้าหรือตามหลังอักษรอื่นบางครั้งใช้เขียนบนวาว ยาอุ หรือ อลิฟเพื่อแสดงเสียง/อ/ อลิฟ มักศูเราะฮ์ (alif maqsurah) ในภาษาอาหรับ รูปร่างเหมือนตัวยาอุที่ไม่มีจุดข้างล่าง (ی) ใช้เฉพาะตำแหน่งท้ายคำเท่านั้น ใช้แทนเสียงสระอา เช่นเดียวกับ อลิฟในภาษาเปอร์เซียและภาษาอูรดูเรียก ฟาร์ซี เยห์ (Farsi yeh) ซึ่งมีรูปต้นคำกับกลางคำด้วย ส่วนอลิฟ มักศูเราะฮ์ ไม่มีรูปดังกล่าว
การเชื่อมต่อ
การเขียนอักษรอาหรับแบบเชื่อมต่อเป็นสิ่งที่เห็นได้โดยทั่วไป บางตัวมีรูปแบบเฉพาะ เช่น lām + ’alif
รูป
|
ชื่อ
|
ท้ายคำ
|
กลางคำ
|
ต้นคำ
|
เดี่ยว
|
ﻼ
|
ﻻ
|
lām + ’alif
|
การเชื่อมต่อที่เป็นรูปแบบเฉพาะคือ ลาม + อลิฟ ( لا) ตัวอย่างเช่นคำว่า อัลลอฮ์ เขียนได้เป็น اﷲ
ฮัมซะฮ์
ในระยะแรก อลิฟใช้แทนเสียง /อ/ ซึ่งเป็นลักษณะที่มาจากอักษรฟินิเชีย ปัจจุบันนำมาใช้แทนสระเสียงยาวเช่นเดียงกับวาวและยาอุ ทำให้เกิดความคลุมเครือว่าอลิฟตัวนั้นแทนเสียง /อ/ หรือสระอา อักษรอาหรับปัจจุบันจึงเพิ่มฮัมซะฮ์ใช้แทนเสียง /อ/ ซึ่งปรากฏได้ทุกที่ภายในคำ เขียนทั้งโดยลำพังและเกาะกับอักษรอื่น
ชัดดะฮ์
ชัดดะฮ์ (◌ّ) บ่งถึงการซ้ำพยัญชนะ โดยเขียนบนพยัญชนะตัวที่ 2 เมื่อมีการซ้ำ
ซุกูน
พยางค์ในภาษาอาหรับมีทั้งพยางค์เปิด และพยางค์ปิดซึ่งใช้กับสระเสียงสั้นเท่านั้น เมื่อเป็นพยางค์ปิดพยัญชนะตัวที่เป็นตัวสะกดจะไม่มีเสียงสระ และใช้เครื่องหมายซุกูน (◌ْ) เพื่อลดความคลุมเครือ โดยเฉพาะเมื่อตัวหนังสือนั้นไม่ได้แสดงเครื่องหมายการออกเสียง ตัวหนังสือมาตรฐานนั้นจะมีแต่พยัญชนะเท่านั้น เช่น qalb “หัวใจ” เขียนเป็น qlb
ซุกูนเป็นตัวบ่งชี้ให้รู้ว่าตรงไหนไม่ต้องใส่เสียงสระ คำ qlb อาจหมายความว่าจะใส่เสียงสระเข้าที่ q l หรือ b ก็ได้ แต่เมื่อเติมซุกุนเหนือตัว l และ b ทำให้รู้ว่าต้องใส่สระที่ตัว q เท่านั้น เขียนได้ว่า قلْبْ เมื่อกำหนดการออกเสียงโดยสมบูรณ์จะเพิ่มเครื่องหมายฟัตฮะฮ์ เป็น قَلْبْ คัมภีร์อัลกุรอานเป็นหนังสือที่แสดงการออกเสียงโดยสมบูรณ์ นอกจากนั้นแล้ว การใส่ซุกูนเหนือตัวยาอุเพื่อกำหนด /อี/ และ วาว เพื่อกำหนด /อู/ พบน้อยมาก เพราะยาอุ + ซุกุน อาจอ่านเป็น /ไอ/ และวาว + ซุกุนอาจอ่านเป็น /เอา/
ตัวอักษร m-w-s-y-q-ā (موسيقى มีอลิฟ มักศูเราะฮ์ที่ท้ายคำ) ปกติอ่านเป็น mūsīqā (ดนตรี) ถ้าเขียนซุกุนบนตัววาว ยาอุ และอลิฟ เป็น موْسيْقىْ จะอ่านเป็น mawsaykāy (ควรจำไว้ว่า อลิฟ มักศูเราะฮ์แม้จะอยู่ท้ายคำแต่ไม่ต้องใส่ซุกุน คำนี้จะถูกเขียนเป็น مُوْسِيْقَى ในคัมภีร์อัลกุรอาน (ถ้ามีคำนี้อยู่) หรือ مُوسِيقَى โดยทั่วไป ซุกุนจะไม่วางที่ตำแหน่งท้ายคำแม้ว่าพยัญชนะนั้นจะไม่มีเสียงสระ
สระ
ในภาษาอาหรับไม่เขียนสระเสียงสั้นยกเว้นในหนังสือศักดิ์สิทธิ์ เช่น อัลกุรอาน จะใช้เฉพาะเมื่อกิดความคลุมเครือขึ้น โดยเครื่องหมายสระเสียงสั้นจะเป็นเครื่องหมายอยู่บนหรือล่างพยัญชนะ ในกรณีสระเสียงยาว เช่น /อา/ จะแสดงโดยใช้เครื่องหมายสระเสียงสั้นคู่กับอลิฟ (/อา/) ยาอุ (/อี/) หรือ วาว (/อู/) เสียงสระอาตามด้วยฮัมซะฮ์จะแทนด้วยอลิฟ มัดดะหรือเขียนฮัมซะฮ์ แล้วตามด้วยอลิฟ อักษรยาอุที่แทนสระอาจเชื่อมต่อกับพยัญชนะตัวต่อไปได้
สระเสียงสั้น
สระเสียงสั้น (แสดงเสียงอ่าน)
|
ชื่อ
|
ถอดอักษร
|
ค่า
|
064E َ
|
fatḥah
|
a
|
/a/
|
064F ُ
|
ḍammah
|
u
|
/u/
|
0650 ِ
|
kasrah
|
i
|
/i/
|
สระเสียงยาว
สระเสียงยาว (แสดงเสียงอ่าน)
|
ชื่อ
|
ถอดอักษร
|
ค่า
|
064E 0627 َا
|
fatḥah ’alif
|
ā
|
/aː/
|
064E 0649 َى
|
fatḥah ’alif maqṣūrah
|
ā / á
|
/aː/
|
064F 0648 ُو
|
ḍammah wāw
|
ū
|
/uː/
|
0650 064A ِي
|
kasrah yā’
|
ī
|
/iː/
|
สระเสียงยาว (ไม่แสดงเสียงอ่าน)
|
ชื่อ
|
ถอดอักษร
|
ค่า
|
0627 ا
|
(implied fatḥah) ’alif
|
ā
|
/aː/
|
0649 ى
|
(implied fatḥah) ’alif maqṣūrah
|
ā / aỳ
|
/aː/
|
0648 و
|
(implied ḍammah) wāw
|
ū / uw
|
/uː/
|
064A ي
|
(implied kasrah) yā’
|
ī / iy
|
/iː/
|
สระประสม
สระประสม (แสดงเสียงอ่าน)
|
ชื่อ
|
ถอดอักษร
|
ค่า
|
064E 064A َي
|
fatḥah yā’
|
ay
|
/aj/
|
064E 0648 َو
|
fatḥah wāw
|
aw
|
/aw/
|
ตันวีน (◌ً ◌ٍ ◌ٌ)
ใช้กำหนดการลงท้ายทางไวยากรณ์ด้วย /อัน/ /อิน/ และ /อุน/ ในภาษาอาหรับโบราณมักใช้เชื่อมกับอลิฟ แต่ไม่ค่อยใช้ในภาษาสมัยใหม่
ตัวเลข
ตัวเลขที่ใช้มี 2 แบบ คือแบบมาตรฐานกับแบบอาหรับตะวันออก ที่ใช้ในอิหร่าน ปากีสถาน และอินเดีย ในภาษาอาหรับเรียกเลขนี้ว่า ตัวเลขอินเดีย (هنديه أرقام arqām hindiyyah) ในแอฟริกาเหนือปัจจุบันใช้ตัวเลขแบบตะวันตก ในยุคกลางมีการใช้ตัวเลขแบบตะวันตกที่ต่างไปเล็กน้อย (เช่นจากอิตาลี) การเขียนตัวเลขต่างจากตัวอักษรคือเขียนจากซ้ายไปขวา
นอกจากนี้อักษรอาหรับใช้แทนเลขได้ด้วยแต่ใช้น้อยในปัจจุบัน การใช้ขึ้นกับอันดับอับญะดีย์ เช่น ا= 1 ب = 2 ج= 3 จนกระทั่ง 1000 = غ
อักษรอาหรับและการทับศัพท์
ข้อ
|
อักษร
|
ชื่ออักษร
|
ภาษาไทย
|
หมายเหตุ
|
1 |
ﺀ/ ا |
ฮัมซะฮ์/อลิฟ |
อ, สระ อา |
- ถ้าฮัมซะฮ์เป็นซุกูน จะเขียนเป็น <อ์> ในภาษาไทย เช่น <มะอ์มูร>
|
2 |
ﺏ |
บาอ์ |
บ |
|
3 |
ﺕ |
ตาอ์ |
ต |
|
4 |
ﺙ |
ษาอ์ |
ษ |
|
5 |
ﺝ |
ญีม |
ญ, จญ์ |
ญะวาด, ฮัจญ์, ฮิจญ์เราะฮ์, ฮิญิร
|
6 |
ﺡ |
หาอ์ |
ฮ |
|
7 |
ﺥ |
คออ์ |
ค |
|
8 |
ﺩ |
ดาล |
ด |
|
9 |
ﺫ |
ษาล |
ษ |
|
10 |
ﺭ |
รออ์ |
ร |
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ร่อ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะฮัมซะฮ์ ฮาอ์ และหาอ์ที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <เราะ>, <เราะฮ์> และ <เราะฮ์> ตามลำดับ
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพพยัญชนะอื่นที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ร่อน> เป็นต้น
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <รอ>
|
11 |
ﺯ |
ซัย |
ซ |
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ซะ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <ซา>
|
12 |
ﺱ |
ซีน |
ซ, ส |
- ถ้าเป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ส> เช่น <อับบาส>
- ถ้าสะกดด้วยสระ ในภาษาไทยเป็น <ซ> <อับบาซียะฮ์>
|
13 |
ﺵ |
ชีน |
ช |
|
14 |
ﺹ |
ศ้อด |
ศ |
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ศ็อ>, <เศาะ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะฮัมซะฮ์ ฮาอ์ และหาอ์ที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <เศาะ>, <เศาะฮ์> และ <เศาะฮ์> ตามลำดับ
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพพยัญชนะอื่นที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ศ็อน> เป็นต้น
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <ศอ>
|
15 |
ﺽ |
ฎ๊อด |
ฎ |
- ถ้าสะกดด้วยฎ็อมมะฮ์ หรือฎ็อมมะฮ์+วาว ใช้ ด เป็น <ดุ> และ <ดู> เนื่องจากถ้าเขียนด้วย ฎ และ สระอุหรือสระอูแล้ว (ฎุ, ฎู) สระทั้งสองจะไม่ปรากฏออกมา
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ฎ็อ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะฮัมซะฮ์ ฮาอ์ และหาอ์ที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <เฎาะ> <เฎาะฮ์> และ <เฎาะฮ์> ตามลำดับ
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะอื่นที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ฎ็อน> เป็นต้น
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <ฎอ>
|
16 |
ﻁ |
ฏออ์ |
ฏ |
- ถ้าสะกดด้วยฎ็อมมะฮ์ หรือฎ็อมมะฮ์+วาว ใช้ ต เป็น <ตุ> และ <ตู> เนื่องจากถ้าเขียนด้วย ฏ และ สระอุหรือสระอูแล้ว (ฏุ, ฏู) สระทั้งสองจะไม่ปรากฏออกมา
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ฏ็อ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะฮัมซะฮ์ ฮาอ์ และหาอ์ที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <เฏาะ>, <เฏาะฮ์> และ <เฏาะฮ์> ตามลำดับ
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพพยัญชนะอื่นที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ฏ็อน> เป็นต้น
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <ฏอ>
|
17 |
ﻅ |
ซออ์ |
ซ |
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ซ่อ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะฮัมซะฮ์ ฮาอ์ และหาอ์ที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <เซาะ>, <เซาะฮ์> และ <เซาะฮ์> ตามลำดับ
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพพยัญชนะอื่นที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ซ่อน> เป็นต้น
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <ซอ>
|
18 |
ﻉ |
อัยน์ |
อ |
- ถ้าเป็นซุกูน จะเขียน อ์ ในภาษาไทย เช่น <มะอ์มูร>
|
19 |
ﻍ |
ฆอยน์ |
ฆ |
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ฆ็อ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <ฆอ>
|
20 |
ﻑ |
ฟาอ์ |
ฟ |
|
21 |
ﻕ |
ก๊อฟ |
ก |
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ในภาษาไทยเป็น <ก็อ>
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพยัญชนะฮัมซะฮ์ ฮาอ์ และหาอ์ที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <เกาะ>, <เกาะฮ์> และ <เกาะฮ์> ตามลำดับ
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์ ตามด้วยพพยัญชนะอื่นที่เป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ก็อน> เป็นต้น
- ถ้าสะกดด้วยฟัตฮะฮ์+อลิฟ ในภาษาไทยเป็น <กอ>
|
22 |
ﻙ |
ก๊าฟ |
ก |
|
23 |
ﻝ |
ลาม |
ล |
|
24 |
ﻡ |
มีม |
ม |
|
25 |
ﻥ |
นูน |
น |
|
26 |
ﻭ |
วาว |
ว |
|
27 |
ﻩ |
ฮาอ์ |
ฮ, ห |
- ถ้าเป็นซุกูน ในภาษาไทยเป็น <ฮ์> เช่น <มะดีนะฮ์>
- ถ้าสะกดด้วยสระ ในภาษาไทยเป็น <ฮ> เช่น <ฮิชาม>
|
28 |
ﻱ |
ยาอ์ |
ย |
|
ข้อ
|
คำอ่าน
|
เสียงสระ
|
หมายเหตุ
|
1 |
ฟัตฮะฮ์ |
สระอะ |
ถ้าตัว خ, ر, ص, ض, ط, ظ ,غ, ق เจอกับฟัตฮะฮ์ จะเป็นสระเอาะ
|
2 |
กัสเราะฮ์ |
สระอิ |
|
3 |
ฎ็อมมะฮ์ |
สระอุ |
|
4 |
ฟัตฮะฮ์ + อลิฟ |
สระอา |
เสียงยาว ถ้าเป็น خ, ر, ص, ض, ط, ظ, غ, ق เจอกับฟัตฮะฮ์อลิฟ จะเป็นสระออ
|
5 |
กัสเราะฮ์ + ยาอ์ |
สระอี |
เสียงยาว
|
6 |
ฎ็อมมะฮ์ + วาว |
สระอู |
เสียงยาว
|
7 |
ฟัตฮะฮ์ + ยาอ์ |
อัย, เอ |
ถ้าพยางค์นั้นลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นซุกูน จะเป็น สระเอ เช่น <ฮุเซน>, ถ้าเป็น خ, ر ,ص ,ض, ط, ظ, غ, ق เจอกับฟัตฮะฮ์ + ยาอ์ จะเป็นสระอ็อย
|
8 |
ฟัตฮะฮ์ + วาว |
เอา เช่น <เลา> |
ถ้าเป็น خ, ر, ص, ض, ط, ظ, غ, ق จะเป็นสระอ็อว
|
หมายเหตุ
- ไม้ไต่คู้และสระออ <-็อ> ใช้กับ <ฎ>, <ฏ>, <ศ> เมื่อถอดรูปฟัตฮะฮ์ เช่น <ฎ็อ>, <ฏ็อ> <ศ็อ> และ <ก็อ>ถ้ามีตัวสะกด แต่อาจจะไม้ไต่คู้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เช่น <ฎอ>, <ฏอ> และ <ศอ>
- ไม้เอกและสระออ< -่อ> ใช้กับ <ร> เมื่อถอดรูปฟัตฮะฮ์ เช่น <ร่อซูล> แต่อาจจะละไว้ในฐานเข้าใจ เช่น <รอซูล>
- ไม่มีการตัดสระอะเมื่อถอดรูปฟัตฮะฮ์ นอกจากคำว่า นบี, อลิฟ เท่านั้น เช่น <อบูบักรฺ> จะต้องเป็น <อะบูบักรฺ>
ยูนิโคด
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
อักษรอาหรับที่ใช้เขียนภาษาต่าง ๆ |
---|
ทวีปยุโรป | |
---|
ทวีปเอเชีย | |
---|
ทวีปแอฟริกา | |
---|