นากอร์โน-คาราบัค (อังกฤษ : Nagorno-Karabakh ) หรือ อาร์ทซัค (อาร์มีเนีย : Արցախ ) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัค (อังกฤษ : Nagorno-Karabakh Republic ) หรือ สาธารณรัฐอาร์ทซัค (อาร์มีเนีย : Արցախի Հանրապետություն )[ 6] [ 7] เป็นสาธารณรัฐแห่งหนึ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ตั้งอยู่ในแถบเทือกเขาคอเคซัส สหประชาชาติ ถือว่าภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค เป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน แต่ในทางปฏิบัติ ภูมิภาคดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชื้อสายอาร์มีเนีย สาธารณรัฐอาร์ทซัคปกครองดินแดนส่วนใหญ่ของอดีตแคว้นปกครองตนเองนากอร์โน-คาราบัค รวมกับพื้นที่ข้างเคียงทางทิศตะวันตก จึงมีพรมแดนจรดอาร์มีเนีย ทางทิศตะวันตก จรดอิหร่าน ทางทิศใต้ และจรดดินแดนที่ไม่มีข้อพิพาทของอาเซอร์ไบจานทางทิศเหนือและทิศตะวันออก[ 8] แม้ว่าจะไม่มีรัฐสมาชิกของสหประชาชาติยอมรับก็ตาม อาร์ทซัคเป็นวงล้อมภายในอาเซอร์ไบจาน เส้นทางเข้าถึงทางบกเพียงเส้นทางเดียวไปยังอาร์มีเนียคือผ่านฉนวนลาชึน กว้าง 5 กิโลเมตร (3.1 ไมล์)[ 9]
เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่ประชากรมุสลิมอาเซอร์ไบจานและคริสเตียนอาร์มีเนีย ซึ่งทั้งสองเรียกภูมิภาคนี้ว่าเป็นบ้านของนากอร์โน-คาราบัค ได้ปะทะกันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ความขัดแย้งเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายจักรวรรดิรัสเซีย และถูกควบคุมไว้อย่างสัมพัทธ์ระหว่างการปกครองของสหภาพโซเวียต จนกระทั่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสหภาพโซเวียตใกส้ล่มสลาย [ 10] สงครามเต็มรูปแบบ ปะทุขึ้นใน พ.ศ. 2535[ 9] หลังจากการประกาศเอกราชของอาเซอร์ไบจานและอาร์มีเนีย และอดีตแคว้นปกครองตนเองนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาเซอร์ไบจาน มาเกือบตลอดสมัยโซเวียต[ 11] ก็ประกาศตัวเองเป็นสาธารณรัฐอิสระเช่นกัน[ 12] [ 13] [ 14] กองทัพอาร์มีเนียเข้าควบคุมนากอร์โน-คาราบัคและขยายการยึดครองไปยังดินแดนอาเซอร์ไบจานที่สำคัญนอกเหนือจากภูมิภาคที่เป็นข้อพิพาท โดยครอบครองพื้นที่ร้อยละ 20 ของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของอาเซอร์ไบจาน และสร้างเขตกันชนรอบลาชึน ที่เชื่อมนากอร์โน-คาราบัคกับอาร์มีเนีย[ 10]
แม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่ลงนามใน พ.ศ. 2537 ซึ่งยอมรับนากอร์โน-คาราบัคเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายล้มเหลวในการตกลงกันเกี่ยวกับสนธิสัญญาสันติภาพ สถานการณ์เยือกแข็งทำให้ดินแดนที่มีประชากรส่วนใหญ่ที่มีประชากรอาร์มีเนียเป็นเอกราชโดยพฤตินัย โดยมีรัฐบาลที่ประกาศตัวเองในกรุงสเตพานาแกร์ต แต่ยังคงพึ่งพาและบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับอาร์มีเนีย ในหลาย ๆ ด้านซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของอาร์มีเนียโดยพฤตินัย[ 10] [ 15] [ 16] แม้ว่าอาร์มีเนียจะไม่เคยยอมรับความเป็นอิสระของภูมิภาคอย่างเป็นทางการ แต่เยเรวานก็กลายเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและการทหารหลักในดินแดนแบ่งแยกดินแดนแห่งนี้[ 12] [ 13] มีการลงประชามติใน พ.ศ. 2560 ซึ่งได้อนุมัติรัฐธรรมนูญใหม่ที่เปลี่ยนระบบการปกครองจากระบบกึ่งประธานาธิบดี ไปเป็นประชาธิปไตย ระบบประธานาธิบดี โดยมีสภานิติบัญญัติ ซึ่งใช้ระบบสภาเดียว และเปลี่ยนชื่อของรัฐที่แยกตัวจากสาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคเป็นสาธารณรัฐอาร์ทซัค แม้ว่าชื่อทั้งสองจะยังคงเป็นชื่อทางการก็ตาม
ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 ถึง 2563 กองทัพอาร์มีเนียและอาเซอร์ไบจานยังคงแยกจากกันโดยแนวติดต่อ [ 14] ที่ขัดแย้งกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นประปราย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ปัจจุบันอาจเกิดการปะทุของสงคราม[ 17] ใน พ.ศ. 2563 สงครามครั้งใหม่ ได้ปะทุขึ้นในภูมิภาค และในครั้งนี้ อาเซอร์ไบจานได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย โดยยึดคืนพื้นที่ส่วนใหญ่ที่สูญเสียไปเมื่อหลายสิบปีก่อนกลับคืนมา[ 10] [ 13] [ 17] ภายใต้การหยุดยิง ที่ยุติความขัดแย้ง อาร์มีเนียตกลงที่จะถอนทหารออกจากดินแดนทั้งหมดที่ตนยึดครองอยู่นอกแคว้นปกครองตนเองนากอร์โน-คาราบัคในอดีตยุคโซเวียต สามปีต่อมา อาเซอร์ไบจานเปิดฉากการรุกทางทหารครั้งสุดท้าย และเข้าควบคุมดินแดนสุดท้ายที่เหลืออยู่ภายใต้การบริหารของอาร์ทซัคอย่างถาวร[ 18] หลังจากการรุกครั้งสุดท้ายของอาเซอร์ไบจาน รัฐบาลสาธารณรัฐอาร์ทซัคตกลงที่จะปลดอาวุธและเข้าสู่การเจรจากับอาเซอร์ไบจาน ส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์อาร์มีเนียอพยพออกจากพื้นที่[ 19] ต่อมาประธานาธิบดีอาร์ทซัคได้ลงนามในกฤษฎีกาให้ยุบสถาบันทั้งหมดของสาธารณรัฐ ทำให้การดำรงอยู่ของสาธารณรัฐสิ้นสุดลงวนในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567[ 20]
การเมืองการปกครอง
สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข ประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนนายกรัฐมนตรี มีสภาเดียวคือสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิก 33 คน โดย 22 คนมาจากการเลือกตั้ง และมีวาระครั้งละ 5 ปี ส่วนอีก 11 คนมาจากการเลือกตั้งระบบสัดส่วน
พรรคการเมือง
ระบบพรรคการเมือง ของสาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคเป็นระบบหลายพรรค ในปี พ.ศ. 2552 สมาคมฟรีดอมเฮาส์ (องค์การนอกภาครัฐจากสหรัฐอเมริกา) ได้จัดอันดับให้สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคเป็นประเทศที่ให้สิทธิทางการเมือง แก่พลเมืองของตนสูงกว่าอาร์มีเนียและอาเซอร์ไบจาน[ 21] [ 22] [ 23] ระบบการลงคะแนนเลือกตั้งของประเทศนี้ทำให้รัฐสภาประกอบด้วยสมาชิกจากหลากหลายพรรคการเมืองอยู่เสมอ พรรคการเมืองที่สำคัญของสาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคได้แก่ พรรคประชาธิปไตยอาร์ทซัค, มาตุภูมิเสรี, สหพันธ์ปฏิวัติอาร์มีเนีย (สาขาอาร์ทซัค), ขบวนการ 88 และพรรคคอมมิวนิสต์อาร์ทซัค และยังมีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด ๆ ได้รับเลือกอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2548 สมาชิก 8 คนในรัฐสภา (จากทั้งหมด 33 คน) ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดอย่างเป็นทางการ
การแบ่งเขตการปกครอง
พื้นที่ที่สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคควบคุม
พื้นที่ที่สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคอ้างกรรมสิทธิ์ แต่อาเซอร์ไบจานควบคุม
สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 เขต และ 1 เมืองหลวง ได้แก่
หมายเหตุ
↑ ยุบเลิกสาธารณรัฐอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567
อ้างอิง
↑ "Парламент Карабаха признал русский язык официальным языком республики" . www.rbc.ru (ภาษารัสเซีย). RBK Group . สืบค้นเมื่อ 4 August 2021 .
↑ Zürcher, Christoph (2007). The Post-Soviet Wars: Rebellion, Ethnic Conflict, and Nationhood in the Caucasus ([Online-Ausg.]. ed.). New York: New York University Press. p. 168. ISBN 9780814797099 .
↑ "Территориальные потери Арцаха в результате второй Карабахской войны (статистика и карты)" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2020. สืบค้นเมื่อ 9 March 2023 .
↑ "Nikol Pashinyan, Arayik Harutyunyan chair meeting on ongoing and upcoming programs to be implemented in Artsakh" . primeminister.am . The Office to the Prime Minister of the Republic of Armenia. 25 March 2021. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 13 May 2021. ...today most of the population - about 120,000 citizens - live in Artsakh...
↑ "ԼՂՀ 2015Թ. ՄԱՐԴԱՀԱՄԱՐԻ ՆԱԽՆԱԿԱՆ ՕՊԵՐԱՏԻՎ ՑՈՒՑԱՆԻՇՆԵՐԻ ՄԱՍԻՆ" . STAF NKRE. 30 March 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 16 April 2016. สืบค้นเมื่อ 30 March 2016 .
↑ "Artsakh Votes for New Constitution, Officially Renames the Republic" . Armenian Weekly . 21 February 2017.
↑ "Constitution" . Nagorno Karabakh Republic Ministry of Foreign Affairs. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2016-10-23. สืบค้นเมื่อ 23 July 2016 .
↑ "Official website of the President of the Nagorno Karabakh Republic. General Information about NKR" . President.nkr.am. 1 January 2010. สืบค้นเมื่อ 6 May 2012 .
↑ 9.0 9.1 Wilson, Audrey (4 August 2022). "Violence Flares in Nagorno-Karabakh" . Foreign Policy . Washington, D.C.: Graham Holdings Company . ISSN 0015-7228 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 August 2022. สืบค้นเมื่อ 14 August 2022 .
↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 "Nagorno-Karabakh Conflict" . Council on Foreign Relations. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ Parts of a Circle I: The Road to War (Documentary) (ภาษาอังกฤษ). Media Initiatives Center, Internews Azerbaijan, and the Humanitarian Research Public Union. May 2020.
↑ 12.0 12.1 "Nagorno-Karabakh profile" . BBC News. 2023-09-07. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ 13.0 13.1 13.2 Andrew Higgins; Ivan Nechepurenko (2023-09-27). "A Stunningly Sudden End to a Long, Bloody Conflict in the Caucasus" . The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ 14.0 14.1 "How the Nagorno-Karabakh conflict has been shaped by past empires" . National Geographic. 2023-09-25. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ Hughes, James (2002). Ethnicity and Territory in the Former Soviet Union: Regions in Conflict . London: Cass. p. 211. ISBN 978-0-7146-8210-5 . Indeed, Nagorno-Karabakh is de facto part of Armenia.
↑ Cornell, Svante (2011). Azerbaijan Since Independence . New York: M.E. Sharpe. p. 135 . ISBN 978-0-7656-3004-9 . Following the war, the territories that fell under Armenian control, in particular Mountainous Karabakh itself, were slowly integrated into Armenia. Officially, Karabakh and Armenia remain separate political entities, but for most practical matters the two entities are unified.
↑ 17.0 17.1 "The Nagorno-Karabakh Conflict: A Visual Explainer" . International Crisis Group. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ "Nagorno-Karabakh's Armenians start to leave en masse for Armenia" . Reuters. 2023-09-25. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ "Armenians of Nagorno-Karabakh agree to disarm" . Reuters. 2023-09-20. สืบค้นเมื่อ 2023-09-29 .
↑ "Nagorno-Karabakh Republic will cease to exist from Jan 1 2024 - Nagorno-Karabakh authorities" . Reuters. 2023-09-28. สืบค้นเมื่อ 2023-09-28 .
↑ freedomhouse.org: Map of Freedom in the World เก็บถาวร 2010-06-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน , Freedom House , 2009
↑ freedomhouse.org: Map of Freedom in the World เก็บถาวร 2010-06-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน , Freedom House , 2009
↑ freedomhouse.org: Map of Freedom in the World เก็บถาวร 2011-02-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน , Freedom House , 2009
แหล่งข้อมูลอืน
เว็บไซต์ทางการ
สื่อ
อื่น ๆ