ความคิดแทรกซ้อน (อังกฤษ : Intrusive thought ) เป็นความคิด แบบไม่ได้ตั้งใจและไม่พึงประสงค์ เป็นความคิดที่ไม่น่าพอใจซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องย้ำคิด ทำให้ว้าวุ่นหรือทุกข์ใจ และรู้สึกว่าจัดการหรือหยุดได้ยาก[ 1]
เมื่อความคิดสัมพันธ์กับโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) โรคซึมเศร้า (MDD) โรคคิดว่าตนเองมีรูปร่างหรืออวัยวะผิดปกติ (BDD) และบางครั้ง โรคสมาธิสั้น (ADHD) ก็อาจทำให้ทำอะไรไม่ได้ วิตกกังวล หรืออาจคงยืน
ความคิดอาจสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งความจำอาศัยเหตุการณ์ , ความวิตกกังวลหรือความจำที่ไม่ต้องการเพราะ OCD [ 2] ,
ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD), โรควิตกกังวล อื่น ๆ, โรคเกี่ยวกับการรับประทาน (eating disorder), หรือโรคจิต (psychosis)[ 3] อาการต่าง ๆ รวมทั้งความคิด แรงกระตุ้นให้ทำ และจินตภาพแทรกซอน จะเป็นไปในเรื่องที่ไม่เหมาะสม เกิดในเวลาที่ไม่เหมาะสม และทั่วไปจะเป็นไปในทางก้าวร้าว เกี่ยวกับทางเพศ หรือดูหมิ่นศาสนา [ 4]
ลักษณะ
คนจำนวนมากประสบกับความคิดไม่ดีหรือที่ไม่พึงประสงค์ คล้ายกับความคิดแทรกซอนที่สร้างปัญหา แต่โดยมากสามารถเลิกคิดได้[ 1]
คือ สำหรับคนโดยมาก ความคิดเช่นนี้ เป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญประเดี๋ยวเดียว[ 5]
นักจิตวิทยาชาวแคนาดาคนหนึ่ง (Stanley Rachman) ใช้แบบสอบถามกับนักศึกษา มหาวิทยาลัยที่ปกติแล้วพบว่า
เกือบทุกคนกล่าวว่า คิดเช่นนี้เป็นครั้งคราว
รวมทั้งความคิดเกี่ยวกับความรุนแรง ทางเพศ, การลงโทษทางเพศ, กิจกรรมทางเพศ "ที่ไม่เป็นธรรมชาติ", ปฏิบัติการทางเพศที่ทำให้เจ็บปวด, จินตภาพที่ดูหมิ่นศาสนา หรือลามก, ความคิดทำร้ายคนแก่ หรือบุคคลใกล้ ๆ ตัว, ความรุนแรงต่อสัตว์หรือเด็ก ๆ, และการระเบิดพูดคำหยาบคายหรือคำมุทะลุ[ 6]
ความคิดไม่ดีเช่นนี้เป็นเรื่องทั่วไปในมนุษย์ และ "แทบแน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์มาตลอดกาล"[ 7]
แต่เมื่อความคิดแทรกซอนเกิดร่วมกับโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) คนไข้สามารถไม่สนใจในความคิดที่ไม่น่าพอใจน้อยกว่า และอาจสนใจพวกมันอย่างไม่ควร เป็นเหตุให้เกิดความคิดบ่อยขึ้นและทำให้ทุกข์มากขึ้น[ 1]
ความคิดอาจจะเกิดย้ำ ๆ เป็นเหตุให้ทำอะไรไม่ได้ เกิดรุนแรง และมีอยู่ตลอด โดยอาจเป็นความคิดเกี่ยวกับความรุนแรงหรือทางเพศ จนถึงความดูหมิ่นศาสนา[ 5]
สิ่งที่ไม่เหมือนกับคนปกติก็คือ ความคิดแทรกซอนพร้อมกับ OCD จะสร้างความวิตกกังวล ระงับไม่ได้ และคงยืน[ 8]
การตอบสนองอาจเป็นตัวกำหนดว่าเมื่อไรความคิดจะกลายเป็นเรื่องรุนแรง เกิดย้ำ ๆ หรือจำเป็นต้องรักษา
ความคิดแทรกซอนสามารถเกิดพร้อมหรือไม่ กับการกระทำย้ำ ๆ
แม้ว่าการทำย้ำ ๆ อาจช่วยลดความวิตกกังวล แต่ทุกครั้งที่เกิดก็จะทำให้รู้สึกว่าต้องทำมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งช่วยเสริมแรง ความคิดแทรกซอน[ 1]
ตามนักวิชาการ การห้ามความคิดก็จะมีผลแค่ทำให้มันแรงขึ้น และการยอมรับอย่างเข้าใจว่า ความคิดไม่ดีไม่ได้หมายความว่าตนเป็นคนชั่วจริง ๆ เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเอาชนะมัน[ 9]
มีหลักฐานว่าการยอมรับมีผลช่วยระงับความคิดแทรกซอน
คืองานศึกษาแสดงว่า คนที่บอกให้ห้ามความคิดแทรกซอนจะมีทุกข์มากกว่าหลังจากการห้าม ในขณะที่คนไข้ที่บอกให้ยอมรับความคิดไม่ดีจะอึดอัดไม่สบายน้อยลง[ 10] ผลอาจสัมพันธ์กับกระบวนการทางประชาน ที่เป็นมูลของ OCD[ 11]
การยอมรับความคิดอาจจะทำได้ยากกว่าสำหรับคนไข้ OCD ซึ่งเป็นโรคที่รู้จักในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 19 ว่า "โรคช่างสงสัย/ช่างระแวง (the doubting sickness)"[ 12]
เพราะ "ความสงสัยแบบเป็นโรค" ที่มาพร้อมกับ OCD สามารถทำให้คนไข้แยกความคิดแทรกซอน "ปกติ" ดังที่ประสบโดยคนส่วนมากได้ยาก ทำให้ตน "เป็นทุกข์เงียบ ๆ รู้สึกอายหรือกังวลเกินควรว่าคนอื่นจะคิดว่าตนบ้า"[ 13]
คนไข้โดยมากที่เป็นทุกข์เพราะความคิดแทรกซอน มีโอกาสปฏิบัติตามความคิดนั้นน้อย
คนไข้ที่รู้สึกผิด วิตกกังวล อาย และวุ่นวายใจอย่างรุนแรงเพราะความคิดเหล่านั้น ต่างจากคนปฏิบัติตามความคิดจริง ๆ
เพราะว่า ตามประวัติแล้ว อาชญากรรม รุนแรงมักจะทำโดยบุคคลที่ไม่รู้สึกผิดหรือเสียใจ
ความจริงเองว่า คนนั้นรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับความคิดแทรกซอนและไม่เคยประพฤติตามความคิดมาก่อน เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าตนจะไม่ปฏิบัติตามความคิดในอนาคต
คนไข้ที่ไม่เดือดร้อนหรืออายเพราะความคิด หรือไม่รังเกียจความคิด หรือเคยปฏิบัติตามความคิดจริง ๆ อาจจะต้องตรวจดูว่ามีโรครุนแรงกว่า เช่น โรคจิต (psychosis) หรือพฤติกรรมอาชญากรรม หรือเปล่า[ 14]
ตามนักวิชาการ คนไข้ควรเป็นห่วงว่าความคิดแทรกซอนอาจเป็นอันตราย ถ้าไม่รู้สึกวุ่นวายเพราะความคิดเหล่านั้น แต่กลับรู้สึกดี หรือเคยปฏิบัติตามความคิดหรือแรงกระตุ้นให้ทำความรุนแรงหรือการทางเพศ หรือได้ยินเสียงหรือเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น หรือโกรธอย่างควบคุมไม่ได้ อย่างอดกลั้นไม่ได้
ความคิดก้าวร้าว
ความคิดแทรกซอนอาจเป็นการย้ำคิดแบบรุนแรงเรื่องทำร้ายคนอื่นหรือตนเอง
ซึ่งอาจสัมพันธ์กับโรคย้ำคิดย้ำทำโดยย้ำคิดเป็นหลัก (primarily obsessional obsessive compulsive disorder) และอาจรวมการทำร้ายเด็กที่ไม่มีความผิดอะไร การกระโดดจากสะพาน จากภูเขา หรือจากตึกสูง อาจรวมแรงกระตุ้นให้กระโดดให้รถไฟ หรือรถยนต์ ชน หรือให้ผลักคนอื่นให้ถูกชน[ 4]
งานสำรวจของนักจิตวิทยาชาวแคนาดา (Rachman) ของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ปกติ พบว่า นักศึกษาเกือบทั้งหมดมีความคิดแทรกซอนเป็นครั้งคราว ความคิดรวมทั้ง[ 6]
ทำร้ายคนชรา
จินตนาการหรืออธิษฐานให้คนใกล้ตัวเป็นอันตราย
ความรู้สึกพลันแล่นที่จะโจมตี ตี ทำร้าย หรือฆ่าคน เด็กเล็ก หรือสัตว์ อย่างรุนแรง
ความรู้สึกพลันแล่นที่จะตะโกนใส่หรือด่าบางคน หรือโจมตีและทำโทษบางคนอย่างรุนแรง หรือกล่าวสิ่งที่หยาบ ไม่สมควร น่ารังเกียจ และรุนแรงต่อบางคน
ความคิดเช่นนี้เป็นส่วนของการเป็นมนุษย์ และไม่จำเป็นต้องทำลายคุณภาพชีวิต
ถ้าความคิดสัมพันธ์กับ OCD และเกิดอย่างคงยืน รุนแรง หรือเป็นทุกข์ ก็สามารถรักษาได้
ความคิดทางเพศ
การย้ำคิดทางเพศรวมทั้งความคิดแทรกซอนหรือจินตภาพเพื่อ "จูบ จับ ลูบไล้เคล้าคลึง การร่วมเพศทางปาก การร่วมเพศทางทวารหนัก และการข่มขืน "
กับคนต่าง ๆ รวมทั้ง "คนแปลกหน้า คนคุ้นเคย พ่อแม่ เด็ก สมาชิกครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน สัตว์ และบุคคลในศาสนา" โดยเป็น "เรื่องรักต่างเพศ หรือรักร่วมเพศ " กับคนอายุเท่าไรก็ได้[ 18]
เหมือนกับความคิดหรือจินตภาพแทรกซอนที่ไม่ต้องการอื่น ๆ ทุกคนมีความคิดทางเพศที่ไม่สมควรเป็นครั้งคราว แต่คนไข้ OCD อาจให้ความสำคัญต่อความคิดทางเพศที่ไม่ต้องการ แล้วเกิดวิตกกังวลและความทุกข์
ความกังขาที่มากับ OCD ทำให้รู้สึกไม่แน่ใจว่า ตนจะปฏิบัติตามความคิดแทรกซอนนั้นหรือไม่ ทำให้ตำหนิหรือเกลียดตัวเอง[ 18]
ความคิดแทรกซอนทางเพศที่ค่อนข้างสามัญอย่างหนึ่งคือความสงสัยในเอกลักษณ์ทางเพศ (sexual identity) ของคนย้ำคิด
ในกรณีการย้ำคิดทางเพศ คนไข้อาจรู้สึกอายแล้วจึงใช้ชีวิตตัวคนเดียว โดยพบว่ายากที่จะพูดถึงความกลัว ความสงสัย และความกังวลเกี่ยวกับเอกลักษณ์ทางเพศของตน[ 12]
คนที่มีความคิดแทรกซอนทางเพศอาจรู้สึกอาย
"กระดากใจ รู้สึกผิด ทุกข์ทรมาน กลัวว่าจะปฏิบัติตามความคิดหรือแรงกระตุ้นที่มี และสงสัยว่า ตนได้ประพฤติเช่นนั้นแล้วหรือไม่"
ความซึมเศร้า อาจเป็นผลของการเกลียดตนเอง โดยขึ้นอยู่ว่า OCD รบกวนชีวิตประจำวันหรือทำให้ทุกข์มากแค่ไหน[ 18]
ความกังวลเกี่ยวกับความคิดเช่นนี้อาจทำให้ตรวจดูสรีระของตนเพื่อกำหนดว่าความคิดทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศ หรือไม่
แต่ว่า แม้แต่การใส่ใจที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็อาจมีผลเป็นความรู้สึกที่ตรงนั้น ดังนั้น การทำเช่นนั้นสามารถลดความมั่นใจและเพิ่มความกลัวเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแรงกระตุ้น
ส่วนหนึ่งของการรักษาความคิดแทรกซอนทางเพศก็คือช่วยคนไข้ให้ยอมรับความคิดและหยุดพยายามสร้างความมั่นใจโดยการเช็คสรีระร่างกาย
ความคิดทางศาสนา
ความคิดดูหมิ่นศาสนาเป็นองค์ประกอบสามัญของ OCD โดยปรากฏตลอดประวัติศาสตร์
คนสำคัญทางศาสนารวมทั้งมาร์ติน ลูเทอร์ และอิกเนเชียสแห่งโลโยลา รู้กันว่า ได้ทนทุกข์ทรมานกับความคิดแทรกซอนและแรงกระตุ้นให้ดูหมิ่นศาสนา[ 20]
เช่น ลูเทอร์รู้สึกแรงกระตุ้นให้สาปแช่งพระเป็นเจ้า และพระเยซู และหมกมุ่นในจินตภาพเกี่ยวกับ "ก้นของซาตาน "[ 20] [ 21]
ส่วนอิกเนเชียสมีความหมกมุ่นหลายอย่าง รวมทั้งกลัวเหยียบฟาง ที่วางเป็นรูปกางเขน เพราะเป็นการไม่เคารพต่อพระเยซู[ 20] [ 22]
งานศึกษาคนไข้ 50 คนที่วินิจฉัยว่ามี OCD พบว่า 40% มีความคิดทางศาสนาหรือดูหมิ่นศาสนาและความสงสัยในตัวเอง
ซึ่งสูงกว่า 38% ที่หมกมุ่นกับความสกปรกและความเปื้อนที่สัมพันธ์กับ OCD อย่างสามัญกว่า แม้อัตราที่มากกว่าจะไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ [ 23]
งานศึกษาหนึ่งแสดงว่า เรื่องที่คิดอาจต่างกันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม และความคิดดูหมิ่นศาสนาอาจจะสามัญในชายมากกว่าหญิง[ 24]
ตามนักจิตวิทยา ชาวนิวยอร์กคนหนึ่ง (Fred Penzel) ความคิดหมกมุ่นหรือความคิดแทรกซอนสามัญเกี่ยวกับศาสนาก็คือ[ 13]
ความคิดทางเพศเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า นักบุญ และคนสำคัญทางศาสนาอื่น ๆ
ความคิดหรือจินตภาพที่ไม่ดีเมื่อสวดมนต์หรือทำสมาธิ
ความคิดว่าถูกซาตาน เข้าสิง
ความกลัวการทำบาป ทำลายกฎศาสนา หรือทำพิธีกรรม ได้ไม่ถูกต้อง
ความกลัวว่าจะข้ามบทสวด หรือท่องได้ไม่ถูกต้อง
ความคิดดูหมิ่นศาสนาซ้ำ ๆ หรือแทรกซอน
แรงกระตุ้นหรือความหุนหันพลันแล่นให้กล่าวคำดูหมิ่นศาสนา หรือประพฤติดูหมิ่นศาสนาในระหว่างพิธีศาสนา
คนไข้อาจทุกข์มากกว่า รักษายากกว่า เมื่อมีความคิดแทรกซอนเกี่ยวกับศาสนา[ 20]
เพราะอาจเชื่อว่า ความคิดมาจากซาตาน
และอาจกลัวการลงโทษของพระเป็นเจ้า หรืออายเพิ่มขึ้นเพราะมองตัวเองว่าเป็นบาป
คนไข้ที่มุ่งมั่นหรือมีความเชื่อทางศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม อาจทุกข์มากกว่า[ 13]
นักวิชาการเชื่อว่า ความคิดดูหมิ่นศาสนาจะสามัญในคนคริสตัง และคริสเตียน มากกว่า เทียบกับชาวยิว และชาวมุสลิม ที่มักคิดหมกมุ่นเรื่องทำตามกฎและพิธีกรรมทางศาสนา และต้องทำพิธีกรรมให้สมบูรณ์
โดยมีสมมติฐาน ว่า สิ่งที่พิจารณาว่าไม่สมควรต่างกันระหว่างวัฒนธรรมและศาสนา
และคนไข้จะเป็นทุกข์กับความคิดที่ไม่สมควรมากที่สุดในสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ
โรคที่สัมพันธ์กัน
ความคิดแทรกซอนสัมพันธ์กับโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) หรือกับความผิดปกติทางบุคลิกภาพ แบบย้ำคิดย้ำทำ (obsessive-compulsive personality disorder)
แต่ก็สามารถเกิดร่วมกับโรคอื่น ๆ ได้ด้วย[ 3]
เช่น ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD)[ 30]
โรคซึมเศร้า (MDD)[ 31]
ความซึมเศร้าหลังคลอด (postpartum depression)[ 8]
และความวิตกกังวล [ 32] [ 33]
อาการเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง[ 34]
มักจะมีในบุคคลที่ความคิดแทรกซอนได้ถึงระดับรุนแรงที่ควรรักษา (clinical level)
งานศึกษาขนาดใหญ่ปี 2548 พบว่า ความหมกมุ่นที่ก้าวร้าว เรื่องทางเพศ หรือเรื่องศาสนา สัมพันธ์อย่างกว้าง ๆ กับ โรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า ที่เกิดร่วมกัน (comorbid)[ 36]
ส่วนความคิดแทรกซอนที่เกิดในคราวกำเริบของโรคจิตเภท จะต่างจากความคิดหมกมุ่นที่เกิดกับ OCD หรือโรคซึมเศร้า เพราะว่าความคิดของคนไข้โรคจิตเภทไม่ใช่เรื่องจริงหรือเป็นความเชื่อที่หลงผิด
(คือ คนไข้คิดว่าเป็นเรื่องจริงโดยไม่สงสัย ซึ่งไม่เหมือนความคิดแทรกซอนทั่วไป)[ 37]
ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ
ความแตกต่างสำคัญระหว่าง OCD และความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD) ก็คือความคิดแทรกซอนของ PTSD อาจเป็นเหตุการณ์ที่ได้เกิดกับตนจริง ๆ เทียบกับคนไข้ OCD ที่เป็นเพียงแค่ความคิดแบบจินตนาการ
โดยที่คนไข้ PTSD ต้องแยกความคิดแทรกซอนเรื่องความรุนแรง เรื่องทางเพศ และเรื่องดูหมิ่นศาสนาจากการระลึกถึงเหตุการ์ณสะเทือนใจจริง ๆ
และถ้าคนไข้ที่คิดแทรกซอนไม่ตอบสนองต่อการรักษา แพทย์อาจจะต้องพิจารณาว่า ได้มีทารุณกรรมทางกาย ทางอารมณ์ หรือทางเพศเกิดขึ้นในอดีตหรือไม่
โรคซึมเศร้า
คนที่มีโรคซึมเศร้า อาจประสบกับความคิดแทรกซอนที่แรงกว่า และมองความคิดว่าเป็นหลักฐานแสดงว่าตนไม่มีค่าหรือเป็นบาป
แต่ความคิดฆ่าตัวตาย ที่สามัญในโรคซึมเศร้าต้องแยกจากความคิดแทรกซอน เพราะว่าความคิดฆ่าตัวตาย โดยไม่เหมือนกับความคิดทางเพศ ก้าวร้าว หรือทางศาสนา อาจเป็นอันตราย
ความซึมเศร้าหลังคลอดและ OCD
ความคิดไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับการทำอันตรายต่อลูกที่เกิดใหม่ เป็นเรื่องสามัญในความซึมเศร้าหลังคลอด (postpartum depression)
งานศึกษาปี 2542 ในหญิง 65 คนที่มีความซึมเศร้าหลังคลอดพบว่า ความคิดก้าวร้าวบ่อยที่สุดเป็นเรื่องทำอันตรายต่อทารกที่เกิดใหม่ของตน[ 42]
งานวิจัยในแม่ใหม่ 85 คนพบว่า 89% มีจินตภาพแทรกซอน เช่น เกี่ยวกับทารกหายใจไม่ออก มีอุบัติเหตุ ถูกทำอันตราย หรือถูกลักพาตัว[ 8] [ 43]
หญิงบางคนอาจมีอาการ OCD ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด[ 8] [ 44]
OCD หลังคลอดโดยหลักเกิดในหญิงที่อาจมี OCD อยู่แล้ว น่าจะในรูปแบบเบา ๆ หรือที่ตรวจยังไม่พบ
ความซึมเศร้าหลังคลอดและ OCD อาจเป็นสิ่งที่เกิดร่วมกัน (comorbid)
และแม้ว่า แพทย์อาจจะให้ความสำคัญต่ออาการซึมเศร้ามากกว่า แต่งานศึกษาหนึ่งก็พบว่า ความคิดแทรกซอนเกิดกับความซึมเศร้าหลังคลอดในแม่ใหม่ 57%[ 8]
งานปี 2542 พบความย้ำคิดในเรื่องทำอันตรายต่อทารกเกิดใหม่ในแม่ที่ประสบกับความซึมเศร้าหลังคลอด รวมทั้งจินตภาพที่เห็นเด็กนอนตายอยู่ในโลง หรือกำลังถูกกินโดยปลาฉลาม การแทงเด็ก โยนเด็กลงจากบันได กดเด็กจมน้ำในอ่างอาบ โยนเด็กเข้ากองไฟ หรือใส่เด็กในเตาอบไมโครเวฟ [ 42]
นักวิชาการประเมินว่า แม่ใหม่ถึง 200,000 คนในสหรัฐอเมริกา ที่ซึมเศร้าหลังคลอดแต่ละปี อาจคิดหมกมุ่นเช่นนี้เกี่ยวกับทารกของตน
และเพราะว่าตนอาจจะไม่ค่อยอยากบอกความคิดเช่นนี้กับแพทย์หรือสมาชิกครอบครัว หรือเป็นทุกข์อย่างเงียบ ๆ โดยคิดว่าตน "บ้า" ความซึมเศร้าก็อาจแย่ลง
ความกลัวแทรกซอนเรื่องทำอันตรายต่อเด็กเกิดใหม่ อาจจะคงยืนไปจนถึงหลังพักคลอด
การศึกษาในหญิงซึมเศร้า 100 คนพบว่า 41% หมกมุ่นกลัวว่าตนอาจทำร้ายลูกของตน โดยบางคนกลัวจนไม่กล้าเลี้ยงดูลูก
ส่วนในหญิงปกติ แม่ 7% จะมีความคิดทำร้ายลูกของตน[ 47]
ซึ่งเพิ่มแม่ที่ไม่มีโรคซึมเศร้าอีก 280,000 คนในสหรัฐ ที่คิดแทรกซอนเรื่องทำร้ายลูกตนเอง
การรักษา
การรักษาความคิดแทรกซอนคล้ายกับการรักษา OCD
เช่น การบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว (Exposure therapy) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ทำให้ชิน (habituation) หรือการทำให้ไม่ไว (desensitization) มีประโยชน์ในการรักษาความคิดแทรกซอน[ 18]
เค้สเบา ๆ ยังสามารถรักษาได้ด้วยการบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) ซึ่งช่วยคนไข้ระบุและจัดการความคิดที่ไม่ต้องการ[ 8]
การบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว (Exposure therapy)
การบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว (Exposure therapy) เป็นวิธีแรกในการรักษาความคิดแทรกซอน[ 49]
ตามนักจิตวิทยา ผู้หนึ่ง (Deborah Osgood-Hynes)
"เพื่อจะลดความกลัว คุณต้องเผชิญหน้ากับความกลัว ซึ่งเป็นจริงสำหรับความวิตกกังวลและปฏิกิริยาแบบกลัวทุกอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ OCD"[ 18]
เพราะว่าไม่สบายที่จะประสบกับความคิดหรือแรงกระตุ้นที่ไม่ดี กับความอับอาย กับความสงสัย หรือกับความกลัว ปฏิกิริยาแรกปกติก็คือการทำสิ่งที่ช่วยให้ความรู้สึกหายไป
แม้ว่าพิธีกรรมหรือการทำตามความรู้สึกจะช่วยลดความวิตกกังวลหรือความรู้สึกที่ไม่ดี พฤติกรรมเช่นนี้จะมีกำลังขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การเสริมแรงเชิงลบ (negative reinforcement) ที่เกิดจากการเรียนรู้ว่าวิธีหลบความรู้สึกไม่สบายก็คือการทำพิธีกรรมหรือทำตามความรู้สึก
เมื่อ OCD หนักขึ้น นี่จะกวนการดำเนินชีวิตมากขึ้น ในขณะที่ความถี่และความรุนแรงของความคิดที่ไม่พึงประสงค์ก็ไม่ได้ลดลง[ 18]
การบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว (หรือการเปิดรับสิ่งที่กลัวและป้องกันปฏิกิริยา) เป็นการให้อยู่ในสถานการณ์ที่สร้างความวิตกกังวลหรือความกลัว จนกระทั่งความทุกข์หรือความวิตกกังวลจะหายไป
จุดประสงค์ก็เพื่อลดปฏิกิริยาแบบกลัว เรียนรู้การไม่ตอบสนองต่อความคิดที่ไม่ดี
นี่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดเพื่อลดความถี่และความรุนแรงของความคิดแทรกซอน[ 18]
เป้าหมายก็คือสามารถ
"เปิดรับสิ่งที่จุดชนวนความกลัวหรือความไม่สบายใจมากที่สุดเป็นเวลา 1-2 ชม. แต่ละครั้ง โดยไม่หลีกออกจากสถานการณ์ หรือทำอะไรอย่างอื่นที่เปลี่ยนเรื่องสนใจหรือทำให้รู้สึกสบาย"
การบำบัดนี้จะไม่ขจัดความคิดแทรกซอนทั้งหมด เพราะว่าทุกคนมีความคิดไม่ดี แต่คนไข้โดยมากจะพบว่า มันสามารถลดความคิดพอให้ไม่รบกวนชีวิต
การบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT)
การบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) เป็นการบำบัดที่ใหม่กว่าการบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว และใช้สำหรับคนที่ไม่สามารถทำตามหรือไม่ปรารถนาการบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว[ 49]
โดยมีหลักฐานว่า มีประโยชน์ในการลดความคิดแทรกซอน[ 52] [ 53] และคนไข้จำเป็นจะต้องเข้าใจเรื่องความหมกหมุ่น (obsession) และความรู้สึกว่าต้องทำ (compulsion)[ 54]
ยา
ยาแก้ซึมเศร้า หรือยาระงับอาการทางจิต สามารถใช้รักษากรณีที่รุนแรง ที่ความคิดแทรกซอนไม่ตอบสนองต่อ CBT หรือการบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัวเพียงเท่านั้น[ 8] [ 55]
ไม่ว่าเหตุของความคิดจะมาจาก OCD โรคซึมเศร้า หรือ PTSD ยาแก้ซึมเศร้ากลุ่ม selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI) ก็เป็นยาที่ใช้มากที่สุด[ 55]
ความคิดแทรกซอนอาจเกิดกับคนไข้ Tourette syndrome (TS) ที่มี OCD ด้วย และความหมกมุ่นเนื่องจาก OCD ที่สัมพันธ์กับ TS เชื่อว่า ตอบสนองต่อยา SSRI ได้ดี[ 56]
ยาแก้ซึมเศร้าที่มีหลักฐานว่าได้ผลต่อ OCD รวมทั้ง fluvoxamine (Luvox เป็นชื่อการค้า),[ 57]
ฟลูอ๊อกซิติน (โปรแซ็ค), sertraline (Zoloft), paroxetine (Paxil), citalopram (Celexa), และ clomipramine (Anafranil)[ 58]
แม้ว่า SSRI จะได้ผลต่อ OCD โดยทั่วไป แต่ก็มีงานศึกษาน้อยกว่าว่ามีผลแค่ไหนต่อความคิดแทรกซอน[ 59]
งานศึกษาโดยทบทวนประวัติคนไข้ย้อนหลังที่มีอาการต่าง ๆ ทางเพศแล้วรักษาด้วย SSRI พบว่า คนที่อาการดีขึ้นที่สุดก็คือคนที่คิดหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องเพศที่สามัญใน OCD[ 60]
งานศึกษากับคนไข้ 10 คนที่หมกมุ่นในเรื่องศาสนาหรือเรื่องดูหมิ่นศาสนาพบว่า คนไข้โดยมากตอบสนองต่อการรักษาด้วยฟลูอ๊อกซิตินและ clomipramine[ 61]
หญิงที่ซึมเศร้าหลังคลอดบ่อยครั้งมีโรควิตกกังวลด้วย และอาจจำเป็นต้องได้ SSRI ในขนาดต่ำกว่าเมื่อเริ่มยา
โดยอาจไม่ตอบสนองเต็มที่ต่อยา และอาจได้ประโยชน์ถ้าเพิ่มการบำบัดด้วย CBT และการบำบัดโดยเปิดรับสิ่งที่กลัว
คนไข้ที่มีความคิดแทรกซอนรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อ SSRI หรือยาแก้ซึมเศร้าอื่น ๆ อาจจะต้องได้ยารักษาโรคจิตตรงแบบ (typical) หรือนอกแบบ (atypical) รวมทั้งริสเพอริโดน (ชื่อการค้า Risperdal), ziprasidone (Geodon), haloperidol (Haldol), และ pimozide (Orap)
งานศึกษาหลายงานแสดงว่า ยา inositol ในขนาดใช้รักษาอาจมีประโยชน์เพื่อบำบัดความคิดหมกมุ่น[ 64] [ 65]
วิทยาการระบาด
งานศึกษาปี 2550 พบว่า คนไข้ OCD 78% ที่เข้ารับการรักษามีจินตภาพแทรกซอน[ 3]
คนโดยมากที่มีปัญหาความคิดแทรกซอนไม่ได้ระบุตนเองว่ามี OCD เพราะว่า ตนอาจจะไม่มีอาการคลาสสิกของ OCD เช่นการล้างมือ
อย่างไรก็ดี งานศึกษาทางวิทยาการระบาด หลายงานแสดงว่า ความคิดแทรกซ้อนเป็นรูปแบบ OCD ที่สามัญที่สุดในโลก
ถ้าคนคิดแทรกซอนในสหรัฐอเมริการวมตัวกัน ก็จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดเป็นที่ 4
ในสหรัฐต่อจากเพียงแค่นครนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และชิคาโก
ความชุกของโรค OCD ในทุกวัฒนธรรมที่ได้ศึกษาอยู่ที่อย่างน้อย 2% ของประชากรทั้งหมด และส่วนมากมีความคิดหมกมุ่นที่ไม่ดีเท่านั้น (คือไม่ย้ำทำ)
ซึ่งในสหรัฐอเมริกานี่หมายถึงคนอย่างน้อยที่สุด 2 ล้านคน (โดยปี 2543)
นักวิชาการท่านหนึ่งประเมินว่า ผู้ใหญ่ 1 ใน 50 มี OCD และ 10-20% ในบรรดาคนเหล่านี้หมกมุ่นในเรื่องเพศ[ 18]
งานวิจัยปี 2549 พบว่า 25% ของคนไข้ 293 คนที่วินิจฉัย ว่ามี OCD เป็นหลัก
มีประวัติเกี่ยวกับการหมกมุ่นทางเพศ[ 68]
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 "Intrusive thoughts" . OCD Action. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2010-12-27 .
↑ Baer, Lee (2001). The Imp of the Mind: Exploring the Silent Epidemic of Obsessive Bad Thoughts . New York: Dutton. ISBN 978-0-525-94562-8 .
↑ 3.0 3.1 3.2 Brewin CR, Gregory JD, Lipton M, Burgess N (January 2010). "Intrusive images in psychological disorders: characteristics, neural mechanisms, and treatment implications" . Psychol Rev . 117 (1): 210–32. doi :10.1037/a0018113 . PMC 2834572 . PMID 20063969 .
↑ 4.0 4.1 Baer 2001 , p. xiv harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ 5.0 5.1 Baer 2001 , p. 5 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ 6.0 6.1 Baer 2001 , p. 7 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help ) อ้างอิง Rachman S, de Silva P (1978). "Abnormal and normal obsessions". Behav Res Ther . 16 (4): 233–48. doi :10.1016/0005-7967(78)90022-0 . PMID 718588 .
↑ Baer 2001 , p. 8 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 8.6 Colino, Stacey (2006-03-07). "Scary Thoughts: It's Normal for New Parents to Worry Their Baby May Face Harm. For Some Women, Though, Such Fears Become Overwhelming" . The Washington Post .
↑ Baer 2001 , p. 17 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Marcks BA, Woods DW (April 2005). "A comparison of thought suppression to an acceptance-based technique in the management of personal intrusive thoughts: a controlled evaluation" . Behav Res Ther . 43 (4): 433–45. doi :10.1016/j.brat.2004.03.005 . PMID 15701355 .
↑ Tolin DF, Abramowitz JS, Przeworski A, Foa EB (November 2002). "Thought suppression in obsessive-compulsive disorder". Behav Res Ther . 40 (11): 1255–74. doi :10.1016/S0005-7967(01)00095-X . PMID 12384322 .
↑ 12.0 12.1 Penzel, Fred. "How Do I Know I'm Not Really Gay?" . สืบค้นเมื่อ 2007-01-01 . {{cite web }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ 13.0 13.1 13.2 Penzel, Fred. "OCD and Religion - Let He Who Is Without Sin" . สืบค้นเมื่อ 2007-01-01 . {{cite web }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Baer 2001 , pp. 37–38 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 18.5 18.6 18.7 Osgood-Hynes, Deborah. "Thinking Bad Thoughts" (PDF) . MGH/McLean OCD Institute, Belmont, MA . OCD Foundation, Milford, CT. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF ) เมื่อ 2008-06-25. สืบค้นเมื่อ 2010-12-27 .
↑ 20.0 20.1 20.2 20.3 Baer 2001 , p. 106 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Erickson, Erik H. Young Man Luther: A Study in Psychoanalysis and History . New York: W.W. Norton. p. 1962. {{cite book }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Ciarrocchi, Joseph W (1998). Jenike, Michael A; Baer, Lee; MInichiello, William A (บ.ก.). Religion, Scrupulosity, and Obsessive-Compulsive Disorder . Obsessive-Compulsive Disorders: Practical Management (3rd ed.). St. Louis: Mosby.
↑ Shooka A, al-Haddad MK, Raees A (1998). "OCD in Bahrain: a phenomenological profile" . Int J Soc Psychiatry . 44 (2): 147–54. doi :10.1177/002076409804400207 . PMID 9675634 . S2CID 7908410 .
↑ Ghassemzadeh H, Mojtabai R, Khamseh A, Ebrahimkhani N, Issazadegan AA, Saif-Nobakht Z (March 2002). "Symptoms of obsessive-compulsive disorder in a sample of Iranian patients" . Int J Soc Psychiatry . 48 (1): 20–8. doi :10.1177/002076402128783055 . PMID 12008904 . S2CID 42225320 .
↑ Michael, T; Halligan, SL; Clark, DM; Ehlers, A (2007). "Rumination in posttraumatic stress disorder". Depress Anxiety . 24 (5): 307–17. doi :10.1002/da.20228 . PMID 17041914 . {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
↑ Christopher G, MacDonald J (November 2005). "The impact of clinical depression on working memory". Cogn Neuropsychiatry . 10 (5): 379–99. doi :10.1080/13546800444000128 . PMID 16571468 . S2CID 29230209 .
↑ Antoni MH, Wimberly SR, Lechner SC, และคณะ (October 2006). "Reduction of cancer-specific thought intrusions and anxiety symptoms with a stress management intervention among women undergoing treatment for breast cancer" . Am J Psychiatry . 163 (10): 1791–7. doi :10.1176/appi.ajp.163.10.1791 . PMC 5756627 . PMID 17012691 .
↑ Compas BE, Beckjord E, Agocha B, และคณะ (December 2006). "Measurement of coping and stress responses in women with breast cancer". Psychooncology . 15 (12): 1038–54. doi :10.1002/pon.999 . PMID 17009343 . S2CID 10919504 .
↑ Baer also mentions Tourette syndrome (TS), but notes that it is the combination of comorbid OCD—when present—and tics that accounts for the intrusive, obsessive thoughts. People with tic-related OCD (OCD plus tics) are more likely to have violent or sexual obsessions. Leckman JF, Grice DE, Barr LC, และคณะ (1994). "Tic-related vs. non-tic-related obsessive compulsive disorder". Anxiety . 1 (5): 208–15. PMID 9160576 .
↑ Hasler G, LaSalle-Ricci VH, Ronquillo JG, และคณะ (June 2005). "Obsessive-compulsive disorder symptom dimensions show specific relationships to psychiatric comorbidity". Psychiatry Res . 135 (2): 121–32. doi :10.1016/j.psychres.2005.03.003 . PMID 15893825 . S2CID 28416322 .
↑ Waters FA, Badcock JC, Michie PT, Maybery MT (January 2006). "Auditory hallucinations in schizophrenia: intrusive thoughts and forgotten memories". Cogn Neuropsychiatry . 11 (1): 65–83. doi :10.1080/13546800444000191 . PMID 16537234 . S2CID 39724857 .
↑ 42.0 42.1 Baer 2001 , pp. 20–23, 139–40 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help ) อ้างอิง Wisner KL, Peindl KS, Gigliotti T, Hanusa BH (March 1999). "Obsessions and compulsions in women with postpartum depression". J Clin Psychiatry . 60 (3): 176–80. doi :10.4088/JCP.v60n0305 . PMID 10192593 .
↑ Abramowitz JS, Khandker M, Nelson CA, Deacon BJ, Rygwall R (September 2006). "The role of cognitive factors in the pathogenesis of obsessive-compulsive symptoms: a prospective study" . Behav Res Ther . 44 (9): 1361–74. doi :10.1016/j.brat.2005.09.011 . PMID 16352291 .
↑ Arnold LM (August 1999). "A Case Series of Women With Postpartum-Onset Obsessive-Compulsive Disorder" . Prim Care Companion J Clin Psychiatry . 1 (4): 103–108. doi :10.4088/PCC.v01n0402 . PMC 181073 . PMID 15014682 .
↑ Baer 2001 , p. 51 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help ) อ้างอิง Jennings KD, Ross S, Popper S, Elmore M (July 1999). "Thoughts of harming infants in depressed and nondepressed mothers". J Affect Disord . 54 (1–2): 21–8. doi :10.1016/S0165-0327(98)00185-2 . PMID 10403143 .
↑ 49.0 49.1 Baer 2001 , p. 91 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Deblinger E, Stauffer LB, Steer RA (November 2001). "Comparative efficacies of supportive and cognitive behavioral group therapies for young children who have been sexually abused and their nonoffending mothers" . Child Maltreat . 6 (4): 332–43. doi :10.1177/1077559501006004006 . PMID 11675816 . S2CID 23309856 .
↑ Sousa MB, Isolan LR, Oliveira RR, Manfro GG, Cordioli AV (July 2006). "A randomized clinical trial of cognitive-behavioral group therapy and sertraline in the treatment of obsessive-compulsive disorder". J Clin Psychiatry . 67 (7): 1133–9. doi :10.4088/JCP.v67n0717 . PMID 16889458 .
↑ Purdon C (November 2004). "Cognitive-behavioral treatment of repugnant obsessions" . J Clin Psychol . 60 (11): 1169–80. doi :10.1002/jclp.20081 . PMID 15389619 .
↑ 55.0 55.1 Baer 2001 , pp. 113–114 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Baer 2001 , pp. 144 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Medication trade names may differ between countries. In general, this article uses North American trade names.
↑ Baer 2001 , pp. 116 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Baer 2001 , pp. 115 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help )
↑ Baer 2001 , pp. 115 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help ) อ้างอิง Stein DJ, Hollander E, Anthony DT, และคณะ (August 1992). "Serotonergic medications for sexual obsessions, sexual addictions, and paraphilias". J Clin Psychiatry . 53 (8): 267–71. PMID 1386848 .
↑ Baer 2001 , pp. 115 harvnb error: multiple targets (2×): CITEREFBaer2001 (help ) อ้างอิงFallon BA, Liebowitz MR, Hollander E, และคณะ (December 1990). "The pharmacotherapy of moral or religious scrupulosity". J Clin Psychiatry . 51 (12): 517–21. PMID 2258366 .
↑ Albert U, Bergesio C, Pessina E, Maina G, Bogetto F (June 2002). "Management of treatment resistant obsessive-compulsive disorder. Algorithms for pharmacotherapy". Panminerva Med . 44 (2): 83–91. PMID 12032425 .
↑ Palatnik A, Frolov K, Fux M, Benjamin J (June 2001). "Double-blind, controlled, crossover trial of inositol versus fluvoxamine for the treatment of panic disorder". J Clin Psychopharmacol . 21 (3): 335–9. doi :10.1097/00004714-200106000-00014 . PMID 11386498 . S2CID 24166117 . * Levine, J (May 1997). "Controlled trials of inositol in psychiatry". Eur Neuropsychopharmacol . 7 (2): 147–55. doi :10.1016/S0924-977X(97)00409-4 . PMID 9169302 . S2CID 45118867 .
↑ Grant, JE; Pinto, A; Gunnip, M; Mancebo, MC; Eisen, JL; Rasmussen, SA (2006). "Sexual obsessions and clinical correlates in adults with obsessive-compulsive disorder". Compr Psychiatry . 47 (5): 325–9. doi :10.1016/j.comppsych.2006.01.007 . PMID 16905392 . {{cite journal }}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์ )
บรรณานุกรม
อ่านเพิ่ม
Abramowitz JS, Schwartz SA, Moore KM, Luenzmann KR (2003). "Obsessive-compulsive symptoms in pregnancy and the puerperium: a review of the literature" . J Anxiety Disord . 17 (4): 461–78. doi :10.1016/s0887-6185(02)00206-2 . PMID 12826092 .
Julien D, O'Connor KP, Aardema F (April 2007). "Intrusive thoughts, obsessions, and appraisals in obsessive-compulsive disorder: a critical review". Clin Psychol Rev . 27 (3): 366–83. doi :10.1016/j.cpr.2006.12.004 . PMID 17240502 .
Marsh R, Maia TV, Peterson BS (June 2009). "Functional disturbances within frontostriatal circuits across multiple childhood psychopathologies" . Am J Psychiatry . 166 (6): 664–74. doi :10.1176/appi.ajp.2009.08091354 . PMC 2734479 . PMID 19448188 .
Rachman S (December 2007). "Unwanted intrusive images in obsessive compulsive disorders" . J Behav Ther Exp Psychiatry . 38 (4): 402–10. doi :10.1016/j.jbtep.2007.10.008 . PMID 18054779 .
Yorulmaz O, Gençöz T, Woody S (April 2009). "OCD cognitions and symptoms in different religious contexts". J Anxiety Disord . 23 (3): 401–6. doi :10.1016/j.janxdis.2008.11.001 . PMID 19108983 .