การยาสูบแห่งประเทศไทยTobacco Authority of Thailand |
ตราสัญลักษณ์ของการยาสูบแห่งประเทศไทย |
โรงงานผลิตยาสูบ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ |
ภาพรวมการ |
---|
ก่อตั้ง | 19 เมษายน พ.ศ. 2482; 85 ปีก่อน (2482-04-19) |
---|
การก่อนหน้า | - โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2482 – พ.ศ. 2561)
|
---|
ประเภท | รัฐวิสาหกิจ |
---|
สำนักงานใหญ่ | 184 ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 |
---|
บุคลากร | 2,235 คน (พ.ศ. 2566)[1] |
---|
งบประมาณต่อปี | 41,123,580,000 บาท (พ.ศ. 2566)[1] |
---|
ฝ่ายบริหารการ | - ธีรัชย์ อัตนวานิช, ประธานกรรมการ
- ภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม, ผู้ว่าการ
- ศุภมาส กระจ่างสด, รองผู้ว่าการ
- รักษ์ศักดิ์ อินทร์ปราม, รองผู้ว่าการ
- วีระเดช กิไพโรจน์, รองผู้ว่าการ
- เอกรัตน์ ชะโนวรรณะ, รองผู้ว่าการ
- อานนท์ โห้วงษ์, รองผู้ว่าการ
|
---|
ต้นสังกัดการ | กระทรวงการคลัง |
---|
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ของการ |
---|
การยาสูบแห่งประเทศไทย (อังกฤษ: Tobacco Authority of Thailand, TOAT) ชื่อย่อ ยสท. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบุหรี่สำเร็จรูป ปัจจุบันผลิตบุหรี่ทั้งสิ้น 18 ตรา และเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐสูงเป็นลำดับที่ 6 ของรัฐวิสาหกิจไทย มูลค่ากว่า 8,927.00 ล้านบาท (พ.ศ. 2557) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 โดยการยกฐานะ โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง (Thailand Tobacco Monopoly) ชื่อย่อ รยส. (TTM) ขึ้นเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2561[2]
ประวัติ
ยุคโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง
ในช่วง พ.ศ. 2482 รัฐบาลในขณะนั้นมีนโยบายที่จะดำเนินกิจการอุตสาหกรรมยาสูบ โดยพลตรี หลวงชำนาญยุทธศิลป์ (เชย รมยะนันท์) เริ่มดำเนินการซื้อโรงงานยาสูบไทยของ ห้างหุ้นส่วนบูรพายาสูบจำกัด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสะพานเหลือง ถนนพระราม 4 มาดำเนินการภายใต้การควบคุมดูแลของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2482 โดยใช้ชื่อว่า "โรงงานยาสูบไทย สะพานเหลือง" ต่อมาเปลื่ยนชื่อเป็น "โรงงานยาสูบสรรพสามิต 2" จากนั้นกิจการได้ขยายตัวมากขึ้น และได้ซื้อกิจการของบริษัท กวางฮก จำกัด บริษัท ฮอฟฟัน จำกัด และโรงงานผลิตบุหรี่ย่านถนนเจริญกรุง พร้อมกับกิจการเพาะใบยาสูบของบริษัท ยาสูบอังกฤษ - อเมริกัน (ไทย) จำกัด เข้ามาสมทบกับโรงงานยาสูบ และใช้ชื่อว่า "โรงงานยาสูบ กรมสรรพสามิต"
กิจการดำเนินมาจนกระทั่งในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา เกิดการกักตุนบุหรี่ และเหตุการณ์ทหารญี่ปุ่นเข้ายึดโรงงานผลิตบุหรี่ย่านถนนเจริญกรุง ในช่วงปลาย พ.ศ. 2484 ทำให้กิจการของโรงงานยาสูบต้องหยุดดำเนินการในชั่วระยะหนึ่ง
ใน พ.ศ. 2485 ได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมโรงงานอุตสาหกรรมในกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2485 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2485[3] ให้โอนกิจการโรงงานยาสูบ กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ไปสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จนใน พ.ศ. 2486 จึงโอนมาสังกัดกรมสรรพสามิตเช่นเดิม และได้มีประกาศพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2485 ให้การประกอบกิจการอุตสาหกรรมซิกาแรต เป็นอุตสาหกรรมผูกขาดของรัฐ แต่ในขณะเดียวกันโรงงานก็ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเป็นอย่างมาก จนถึงใน พ.ศ. 2488 จึงต้องปิดโรงงานที่สะพานเหลืองและที่ถนนวิทยุ
ใน พ.ศ. 2491 จึงได้เปิดดำเนินการโรงงานที่สะพานเหลืองอีกครั้งหนึ่ง และได้ดำเนินกิจการก้าวหน้าเป็นลำดับ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2497 จึงได้โอนจากสังกัดกรมสรรพสามิต มาสังกัดกระทรวงการคลังโดยตรง[4]
ใน พ.ศ. 2560 ได้มีประกาศโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง เรื่อง โครงสร้างและการจัดส่วนงานในการบริหารงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง[5]โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง มีผู้อำนวยการยาสูบเป็นผู้บริหารสูงสุด โดยให้มีคณะกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง จำมีจำนวนอย่างน้อยห้าคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน สำหรับประธานกรรมการ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้แต่งตั้งผู้อำนวยการยาสูบเป็นหัวหน้าบริหารงานโรงงานยาสูบ และให้มีรองผู้อำนวยการยาสูบ อีก 5 คน
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ... ซึ่งมีสาระสำคัญคือให้ยกฐานะโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังขึ้นเป็นการยาสูบแห่งประเทศไทยหรือ ยสท. มีฐานะเป็นนิติบุคคล
กระทั่งในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 70/2560 วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ที่ประชุมได้มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ... ไว้พิจารณา[6] ด้วยคะแนนเห็นด้วย 142 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลงคะแนน ไม่มี
ต่อมาในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภาครั้งที่ 11/2561 วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. ... ในวาระที่ 2 และ 3[7] ผลปรากฏว่าสมาชิกให้ความเห็นชอบประกาศใช้เป็นกฎหมายด้วยคะแนนเห็นด้วย 192 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 4 เสียงพร้อมกับส่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กลับไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้า ฯ เพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย
ยุคการยาสูบแห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ "พระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2561" มีผลใช้บังคับในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ระบุเหตุผลในการประกาศใช้ว่า "โดยที่โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ แต่ไม่เป็นนิติบุคคล ทำให้มีข้อจำกัดบางประการในการดำเนินกิจการ ประกอบกับการผลิตบุหรี่ซิกาแรตเป็นกิจการผูกขาดของรัฐ สมควรดำเนินการโดยนิติบุคคล ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ และกำหนดให้มีคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทยซึ่งแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เพื่อทำหน้าที่และมีอำนาจวางนโยบายและควบคุมดูแลกิจการอันจะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพในเชิงอุตสาหกรรมและขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและควบคุมมาตรฐานการผลิต โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้"[8]
อ้างอิง
|
---|
พลังงาน | | |
---|
ขนส่ง | |
---|
สื่อสาร | |
---|
สาธารณูปการ | |
---|
อุตสาหกรรม | |
---|
เกษตรและ ทรัพยากรธรรมชาติ | |
---|
พาณิชย์และบริการ | |
---|
สังคมและเทคโนโลยี | |
---|
สถาบันการเงิน | |
---|
อดีตรัฐวิสาหกิจ | |
---|
อดีตรัฐวิสาหกิจ ประเภทอื่น ๆ* | |
---|
* หมายเหตุ: เป็นองค์กรที่กองทุน FIDF เคยถือหุ้น หรือถือหุ้นอยู่เกินกว่าร้อยละห้าสิบ ซึ่งภายหลังในปี 2563 มีการตีความว่ากองทุนฯ ไม่ใช่หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ส่งผลให้องค์กรที่กองทุนฯ ถือหุ้นเกินร้อยละห้าสิบ (ธนาคารกรุงไทย) สิ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ |