หู จิ่นเทา
胡锦涛
หูในปี ค.ศ. 2011
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดำรงตำแหน่ง 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 (10 ปี 0 วัน)ก่อนหน้า เจียง เจ๋อหมิน ถัดไป สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ดำรงตำแหน่ง 15 มีนาคม ค.ศ. 2003 – 14 มีนาคม ค.ศ. 2013 (9 ปี 364 วัน)หัวหน้ารัฐบาล เวิน เจียเป่า รองประธานาธิบดี ก่อนหน้า เจียง เจ๋อหมิน ถัดไป สี จิ้นผิง ประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง ดำรงตำแหน่ง
19 กันยายน ค.ศ. 2004 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 (8 ปี 57 วัน)
13 มีนาคม ค.ศ. 2005 – 14 มีนาคม ค.ศ. 2013 (8 ปี 1 วัน)
รอง ก่อนหน้า เจียง เจ๋อหมิน ถัดไป สี จิ้นผิง
ข้อมูลส่วนบุคคล เกิด (1942-12-21 ) 21 ธันวาคม ค.ศ. 1942 (82 ปี) ไท่โจว , มณฑลเจียงซู , ระบอบวาง จิงเว่ย์ พรรคการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีน คู่สมรส หลิว หย่งชิง ศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยชิงหฺวา (วท.บ. )วิชาชีพ วิศวกรชลศาสตร์ ลายมือชื่อ
หู จิ่นเทา ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบขาว
1992–2012: คณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมือง 14 , 15 , 16 , 17
1992–2002: เลขาธิการ (ลำดับที่ 1) สำนักเลขาธิการพรรค ชุดที่ 14, 15
1992–2012: คณะกรมการเมือง ชุดที่ 14 , 15 , 16 , 17
1985–2012: คณะกรรมาธิการกลาง ชุดที่ 12 , 13 , 14 , 15 , 16 , 17
1982–1985: สมาชิกสำรองของคณะกรรมาธิการกลาง ชุดที่ 12
1988–2013: สภาประชาชนแห่งชาติ ชุดที่ 7, 8, 9, 10, 11
หู จิ่นเทา (จีน : 胡锦涛 ; พินอิน : Hú Jǐntāo ; เกิด 21 ธันวาคม ค.ศ. 1942) เป็นอดีตนักการเมืองชาวจีน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 ถึง 2012 ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ถึง 2013 และประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 ถึง 2012 เขาเคยเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดโดยพฤตินัยของจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 ถึง 2012 และเป็นผู้นำสูงสุด คนที่ 5 ของจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 ถึง 2012[ a]
หูก้าวขึ้นสู่อำนาจผ่านพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะเลขาธิการคณะกรรมาธิการพรรค ประจำมณฑลกุ้ยโจว และเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรงของเขานั้นได้ดึงดูดความสนใจจากระดับสูงสุดของพรรค เขาเลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการลำดับที่หนึ่งของสำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรองประธานาธิบดี ภายใต้การนำของเจียง เจ๋อหมิน เลขาธิการพรรค หูเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ คนแรกจากรุ่นที่อายุน้อยกว่าผู้เข้าร่วมสงครามกลางเมืองและการก่อตั้งสาธารณรัฐ ผู้สนับสนุนที่มีอิทธิพลจากรุ่นก่อนได้ให้การส่งเสริมอย่างแข็งขันต่อการก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างรวดเร็วของเขา รวมถึงซ่ง ผิง หู เย่าปัง เติ้ง เสี่ยวผิง และเจียง เจ๋อหมิน[ 1]
ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง หูได้นำนโยบายควบคุมของรัฐกลับมาใช้ในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจที่ได้รับการผ่อนปรนโดยรัฐบาลก่อนหน้า และมีความระมัดระวังในการปฏิรูปการเมือง หูร่วมกับนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า เพื่อนร่วมงานของเขา เป็นผู้นำการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องยาวนานเกือบทศวรรษ ซึ่งผลักดันให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลก เขามุ่งมั่นที่จะยกระดับความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศผ่านแนวคิดมุมมองทางวิทยาศาสตร์ต่อการพัฒนา (Scientific Outlook on Development) ซึ่งมุ่งหวังที่จะสร้าง "สังคมนิยมที่กลมเกลียว" ที่เจริญรุ่งเรืองและปราศจากความขัดแย้งทางสังคม ภายใต้การนำของเขา ทางการยังได้ปราบปรามการก่อความไม่สงบทางสังคม การประท้วงของชนกลุ่มน้อย และกลุ่มผู้เห็นต่าง ซึ่งก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง อาทิ ความไม่สงบในทิเบต และการผ่านกฎหมายต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน ในด้านนโยบายต่างประเทศ หูสนับสนุนแนวคิดการเติบโตอย่างสันติของจีน โดยมุ่งเน้นการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และใช้วิธีการทางธุรกิจในการดำเนินนโยบายทางการทูต ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของหู อิทธิพลของจีนในแอฟริกา ลาตินอเมริกา และภูมิภาคกำลังพัฒนาอื่น ๆ ก็เพิ่มมากขึ้น
หูมีลักษณะความเป็นผู้นำที่เรียบง่าย สุภาพ และอ่อนน้อมถ่อมตน ช่วงระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งของเขานั้นมีลักษณะเด่นคือการนำโดยคณะบุคคล และการตัดสินใจโดยอาศัยฉันทามติ[ 2] ลักษณะเหล่านี้ทำให้หูเป็นบุคคลที่ลึกลับในสายตาสาธารณชน การบริหารของเขามีชื่อเสียงว่ามุ่งเน้นไปที่ความสามารถด้านคตินิยมนักวิชาการ มากขึ้น[ 3] เมื่อสิ้นสุดวาระหลังจากดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 10 ปี หูได้รับคำชื่นชมจากการที่เขาเลือกจะเกษียณจากตำแหน่งทั้งหมดโดยสมัครใจ เขาถูกสืบทอดตำแหน่งโดยสี จิ้นผิง หลังจากเจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีถึงแก่อสัญกรรม หูก็กลายเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของจีนเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่
ชีวิตช่วงต้น
หู จิ่นเทา เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1942[ 4] ในอำเภอไท่ มณฑลเจียงซู ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น เป็นทายาทโดยตรงของนายพลหู จงเซี่ยน แห่งราชวงศ์หมิง ผู้มีชื่อเสียงในการต่อสู้กับโจรสลัดญี่ปุ่น [ 5] ครอบครัวของเขาได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากอำเภอจีซี มณฑลอานฮุย มาสู่เมืองไท่โจวในสมัยรุ่นปู่ของเขา บิดาประกอบธุรกิจค้าชาขนาดเล็กในไท่โจว ส่วนมารดาเป็นครูและต่อมาเสียชีวิตเมื่อเขาอายุได้ 7 ปี และเขาได้รับการเลี้ยงดูโดยป้า บิดาของหูถูกกล่าวโทษและประณามในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เหตุการณ์ดังกล่าว (ประกอบกับภูมิหลังที่ค่อนข้างต่ำต้อยของตนเอง) ดูเหมือนจะมีผลกระทบอย่างมากต่อหู ซึ่งเขาได้พยายามอย่างยิ่งที่จะล้างมลทินให้บิดา[ 6]
เขาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1964 ในปีนั้น เขาได้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหฺวา หลังจากศึกษาเกี่ยวกับสถานีพลังงานน้ำ ศูนย์กลางที่ภาควิชาวิศวกรรมการอนุรักษ์น้ำ เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองที่ชิงหฺวา[ 7] : 107 ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1965 หูเริ่มทำงานเป็นวิศวกร[ 8]
ในปี ค.ศ. 1968 ระหว่างการก่อสร้างแนวรบที่สาม [ 9] : 179 หูได้อาสาทำงานในมณฑลกานซู่ และมีส่วนร่วมในการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าพลังน้ำหลิวเจียเสีย [ 10] พร้อมกันนั้นยังบริหารกิจการพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้แก่สำนักงานสาขาของกระทรวงทรัพยากรน้ำและไฟฟ้าประจำท้องถิ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 ถึง 1974 เขาทำงานในสำนักงานวิศวกรรมซิโนไฮโดร [ 11]
ในปี ค.ศ. 1970 หูได้แต่งงานกับนางหลิว หย่งชิง ซึ่งทั้งสองได้พบกันที่มหาวิทยาลัยชิงหฺวา ขณะศึกษาอยู่ ทั้งสองมีบุตรด้วยกันสองคนคือ หู ไห่เฟิง และหู ไห่ชิง ส่วนลูกเขยของพวกเขาชื่อจูเลีย หว่อง และแดเนียล เหมา ต่างจากนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เขาไม่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแบบตัวต่อตัวเลย[ 12] [ 13] เขาเป็นที่รู้จักกันดีในความชอบกีฬาเทเบิลเทนนิส และการเต้นรำบอลรูม [ 14] กล่าวกันว่าหูมีความสามารถในการจดจำภาพได้อย่างแม่นยำเสมือนกล้องถ่ายรูป ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงที่เขาศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย[ 15] [ 16]
ประวัติ
หู จิ่นเทา เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2485 ในนครไท่โจว มณฑลเจียงซู [ 17] โดยครอบครัวประกอบธุรกิจค้าขายชา พื้นเพเดิมอพยพมาจากอำเภอจี้ซี มณฑลอานฮุย ชีวิตวัยเด็กของเขาค่อนข้างยากจน กำพร้าแม่ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ บิดาของหู จิ่นเทาตกเป็นเป้าโจมตีโดนจับแห่ประจานเช่นเดียวกับพ่อค้าวาณิชย์ ผู้ดีเก่า ปัญญาชน และกลุ่มคนหัวอนุรักษนิยมจำนวนมาก ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก ทำให้เขามีความพยายามอย่างยิ่งในการกอบกู้ชื่อเสียงของบิดา[ 18]
หู จิ่นเทาจบการศึกษาวิศวกรรมชลศาสตร์ คณะวิศวกรรมชลประทาน จากมหาวิทยาลัยชิงหฺวา กรุงปักกิ่ง ระหว่างที่เรียนอยู่เขาได้พบกับคู่ชีวิตคือ หลิว หย่งชิง และต่อมาแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน จนมีลูกชายลูกสาวอย่างละหนึ่งคน ด้วยประวัติการศึกษาและกิจกรรมดีเลิศ หู จิ่นเทาได้เป็นสมาชิกยุวชนของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อ เดือนเมษายน พ.ศ. 2507 ก่อนเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรม[ 19]
หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้เป็นผู้ช่วยสอนด้านการเมืองในภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน ในปี พ.ศ. 2511 เขาถูกส่งตัวไปคุมงานก่อสร้างเขื่อน ในมณฑลกานซู[ 20] ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ และยังเป็นวิศวกรคุมงานสร้างเขื่อนอีกหลายแห่งเป็นเวลาต่อเนื่องนับสิบปี ได้รับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสำรองพรรคคอมมิวนิสต์ในปี พ.ศ. 2523 การทำงานในตำแหน่งบริหารของเขาเป็นที่สนใจของหู เย่าปัง ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองประจำพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้เขาได้รับเลื่อนขั้นเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกุ้ยโจว มีโอกาสได้แสดงฝีมือพัฒนามณฑลกุ้ยโจวซึ่งทุรกันดารให้เจริญขึ้นได้อย่างมาก[ 21] : 31 และต่อมาเขาก็ถูกย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคประจำเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งความไม่สงบและความขัดแย้งทางชาติพันธุ์กำลังก่อตัว โดยเฉพาะความรู้สึกต่อต้านชาวฮั่น ในชนกลุ่มน้อยในสังคมทิเบต การปะทะกันเล็กน้อยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และเมื่อระดับของความไม่สงบเพิ่มขึ้นสูงสุด หู จิ่นเทา ได้ร้องขอไปยังรัฐบาลปักกิ่งให้ประกาศกฎอัยการศึก ในทิเบต เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2532[ 21] : 9
งานการเมือง
ในปี พ.ศ. 2517 หู จิ่นเทา ได้คุมงานก่อสร้างเขื่อนแห่งหนึ่งในมณฑลกานซู ที่ได้ชื่อว่าทุรกันดารมากกว่าสิบปี จนได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมาธิการสันนิบาตเยาวชนแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน[ 22] แล้วก็ขึ้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลกุ้ยโจว [ 23]
พ.ศ. 2531 หู จิ่นเทาได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองทิเบต หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2535 ได้เป็นกรรมการประจำกรมการเมืองของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ควบตำแหน่งเลขานุการสำนักงานเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ปี พ.ศ. 2541 ได้เป็นรองประธานาธิบดี และในปี พ.ศ. 2545 ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเขาและนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เสนอแนวความคิดสังคมสมานฉันท์ (和谐社会; Socialist Harmonious Society) ซึ่งมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ และเปลี่ยนรูปแบบของนโยบาย "GDP มาก่อนสวัสดิการ"[ 24]
หลังเกษียณ
การประชุมแห่งชาติครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในพิธีปิดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565 หู จิ่นเทา ซึ่งนั่งด้านข้างของเลขาธิการพรรค สี จิ้นผิง ถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวออกจากห้องโถง"อย่างลึกลับ"[ 25] [ 26] ตามรายงานของนักข่าวจากอาชองซ์ ฟรองซ์ เปรส (AFP) "หู จิ่นเทา ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะลุกออกไปในตอนแรก"[ 27] [ 28] สี จิ้นผิงดูเหมือนไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ แต่ลี่ จ้านชู และหวัง ฮู่หนิง ซึ่งทั้งคู่นั่งทางด้านซ้ายของหู จิ่นเทามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด โดยลี่ จ้านชู พยายามเข้าไปช่วยเขาจนถูกห้ามโดยหวัง ฮู่หนิง จากนั้นหู จิ่นเทา ก็กระซิบกับสี จิ้นผิงและตบหลังนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ก่อนจะถูกเชิญตัวไป[ 29]
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ประชุมจะมีการลงคะแนนรับรองรายงานของคณะกรรมการกลางชุดที่ 19, รายงานการทำงานของคณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัยครั้งที่ 19 และการแก้ไขธรรมนูญของพรรค ซึ่งหู จิ่นเทา ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเนื่องจากเหตุการณ์นี้[ 30] [ 31] ผลการลงคะแนนอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่าข้อเสนอทั้งหมดได้รับมติเป็นเอกฉันท์ โดยไม่มีการงดออกเสียงหรือผู้ลงคะแนนค้าน[ 32] ในวันเดียวกันก็มีการเลือกคณะกรรมการกลางชุดที่ 20 โดยสี จิ้นผิง และหวัง ฮู่หนิง เป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการกลางชุดใหม่ ในขณะที่หลี่ เค่อเฉียง, ลี่ จ้านชู และวัง หยาง ไม่ได้รับเลือก[ 33] [ 34]
สำนักข่าวซินหัว ระบุในบัญชีทวิตเตอร์ ภาษาอังกฤษว่า “เมื่อเขา [หู] รู้สึกไม่สบายในระหว่างการประชุม เพื่อสุขภาพของเขาเจ้าหน้าที่ได้พาเขาไปที่ห้องถัดจากสถานที่จัดประชุมเพื่อพักผ่อน ตอนนี้เขามีอาการดีขึ้นมาก"[ 35] [ 36]
อัลเฟรด อู๋ มู่หลวน (吴木銮) รองศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยนโยบายสาธารณะลี กวนยู แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ตีความเหตุการณ์นี้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพมากกว่าเรื่องการเมือง โดยแย้งว่าลักษณะของหู จิ่นเทา "เป็นลักษณะแบบถั่งผิง (躺平) มากกว่า"[ 37] เจมส์ พาลเมอร์ รองบรรณาธิการของนิตยสาร Foreign Policy ตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องการเมือง โดยบอกว่าอาจเป็นความตั้งใจของสี จิ้นผิง ที่จะ "จงใจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสาธารณชนของผู้นำคนก่อนเขา"[ 38] สี จิ้นผิง เคยวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสุนทรพจน์ก่อนที่เขาจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งพูดถึง "ปัญหาที่ผู้นำพรรคอ่อนแอลง ไม่ชัดเจน ไร้บทบาท และถูกไม่ให้ความสำคัญ" ("党的领导弱化、虚化、淡化、边缘化问题" )[ 38] [ 39] [ 40]
อ้างอิง
↑ Ewing, Richard Daniel (20 มีนาคม 2003). "Hu Jintao: The Making of a Chinese General Secretary" . The China Quarterly . 173 : 17–34. doi :10.1017/S0009443903000032 . S2CID 154666535 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 25 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2022 .
↑ Elegant, Simon (4 ตุลาคม 2007). "In China, Hu is the Man to See" . Time . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2010 .
↑ Brown, Kerry (10 กรกฎาคม 2011). "Chinese leadership: The challenge in 2012" . East Asia Forum Quarterly . 3 (2): 4–5. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 สิงหาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2011 .
↑ "Lìshǐ shàng de jīntiān – Guójiā zhǔxí Hú Jǐntāo chūshēng" [历史上的今天]国家主席胡锦涛出生 [Today in History – President Hu Jintao Was Born] (ภาษาจีน). Xinhua News Agency . 21 ธันวาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 30 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2018 . 1942年12月21日,中华人民共和国国家主席胡锦涛出生。 [On 21 December 1942, President Hu Jintao of the People's Republic of China was born.]
↑ Liu, Melinda (5 พฤษภาคม 2002). "The Man In Jiang's Shadow" . Newsweek (ภาษาอังกฤษ).
↑ Havely, Joe (19 ตุลาคม 2007). "Getting to know Hu" . Al Jazeera. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2009 .
↑ Doyon, Jérôme (2023). Rejuvenating Communism: Youth Organizations and Elite Renewal in Post-Mao China . University of Michigan Press . doi :10.3998/mpub.12291596 . ISBN 978-0-472-90294-1 .
↑ "Hu Jintao" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2010 .
↑ Marquis, Christopher ; Qiao, Kunyuan (2022). Mao and Markets: The Communist Roots of Chinese Enterprise . New Haven: Yale University Press . doi :10.2307/j.ctv3006z6k . ISBN 978-0-300-26883-6 . JSTOR j.ctv3006z6k . OCLC 1348572572 . S2CID 253067190 .
↑ "临夏旅游" [Linxia Tourism ]. Linxia Hui Autonomous Prefecture Tourist Board. 2003. pp. 26–27. . No ISBN
↑ Nathan & Gilley, p. 79
↑ Brown, Kerry (15 ตุลาคม 2010). "China's leader Hu Jintao leads a country in ferment" . The Guardian . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2017. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2017 .
↑ Schell, Orville (19 ธันวาคม 2007). "Hu Jintao" . Time . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มกราคม 2017. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2017 .
↑ "Hu Jintao" . BBC News . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2017. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2017 .
↑ "Asia-Pacific | Profile: Hu Jintao" . BBC News . 16 กันยายน 2004. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มกราคม 2010. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2010 .
↑ Wo-Lap Lam, Willy (2006). Chinese politics in the Hu Jintao era: new leaders, new challenges . M.E. Sharpe. p. 5. ISBN 978-0-7656-1773-6 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 เมษายน 2023. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2020 .
↑ 历史上的今天]国家主席胡锦涛出生 [Today in History- President Hu Jintao was born] (ภาษาจีน). Xinhua News Agency . 21 ธันวาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 30 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2018 . 1942年12月21日,中华人民共和国国家主席胡锦涛出生。 (On December 21, 1942, President Hu Jintao of the People’s Republic of China was born)
↑ Havely, Joe (19 ตุลาคม 2007). "Getting to know Hu" . Al Jazeera. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2009 .
↑ "Hu Jintao" . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2010 .
↑ 临夏旅游 [Linxia Tourism ]. Linxia Hui Autonomous Prefecture Tourist Board. 2003. pp. 26–27.
↑ 21.0 21.1 Lam, Willy Wo-Lap (2006). Chinese Politics in the Hu Jintao Era . ME Sharpe. ISBN 0-7656-1773-0 .
↑ "Hu Jintao" . People's Daily . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2010 .
↑ Sisci, Francesco (9 พฤศจิกายน 2005). "Democracy with Chinese characteristics" . Asia Times . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 17 พฤษภาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2008 .
↑ "Kuhn, Robert Lawrence: Hu's Political Philosophies" (PDF) . Esnips.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 25 มีนาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2010 .
↑ Graham-Harrison, Emma; Davidson, Helen (22 ตุลาคม 2022). "Former Chinese president Hu Jintao unexpectedly led out of party congress" . The Guardian (ภาษาอังกฤษ). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ Reuters (22 ตุลาคม 2022). "Hu Jintao escorted out of China party congress" . Reuters (ภาษาอังกฤษ). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ Ramirez, Laurie; Chen, Leo (22 ตุลาคม 2022). "Former Chinese President Hu Removed From Congress" . Barron's (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ Agence France-Presse (22 ตุลาคม 2022). "Former Chinese president Hu Jintao was led out of the Communist Party Congress. He looked reluctant to leave" . SBS News (ภาษาอังกฤษ). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ "Hu Jintao: ex-president escorted out of China party congress" . BBC News . 22 ตุลาคม 2022. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ "二十大闭幕 大会表决通过中委中纪委报告及党章修正案 - RTHK" . Radio Television Hong Kong (ภาษาจีน). 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .{{cite web }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ 李, 宗芳 (22 ตุลาคม 2022). "影/中共20大/閉幕表決胡錦濤中場離席 依舊不見江澤民出席 | 中天新聞網" . CTi News . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 . {{cite web }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ "中共二十大 通過十九屆中央委員會報告決議" . Oriental Daily News (ภาษาจีน). 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .{{cite web }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ "中国共产党第二十届中央委员会委员名单--中国共产党第二十次全国代表大会专题报道--人民网" . cpc.people.com.cn . 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .{{cite web }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ Cheng, Evelyn. "China shuffles leadership committee and retains many Xi allies" . CNBC (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ Xinhua News Agency (22 ตุลาคม 2022). "China Xinhua News on Twitter: "Xinhuanet reporter Liu Jiawen..." " . Twitter (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 . {{cite web }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ McDonell, Stephen (22 ตุลาคม 2022). "Hu Jintao: The mysterious exit of China's former leader from party congress" . BBC News . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ "Former Chinese Leader Hu Abruptly Leaves Xi's Side at Congress" . Bloomberg News . 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .{{cite news }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ 38.0 38.1 Palmer, James (22 ตุลาคม 2022). "What the Hell Just Happened to Hu Jintao?" . Foreign Policy . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 . {{cite news }}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์ )
↑ 毫不动摇坚持和加强党的全面领导(学习习近平总书记重要讲话精神,迎接党的二十大)--党建-中国共产党新闻网 . dangjian.people.com.cn . สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
↑ "中共中央关于党的百年奋斗重大成就和历史经验的决议(全文)_中央有关文件_中国政府网" . www.gov.cn . สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022 .
แหล่งข้อมูลอื่น
แห่งพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสาธารณรัฐ
นานาชาติ ประจำชาติ ประชาชน อื่น ๆ
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/>
ที่สอดคล้องกัน