หู จิ่นเทา

หู จิ่นเทา
胡锦涛
หูในปี ค.ศ. 2011
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ดำรงตำแหน่ง
15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012
(10 ปี 0 วัน)
ก่อนหน้าเจียง เจ๋อหมิน
ถัดไปสี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีจีน
ดำรงตำแหน่ง
15 มีนาคม ค.ศ. 2003 – 14 มีนาคม ค.ศ. 2013
(9 ปี 364 วัน)
หัวหน้ารัฐบาลเวิน เจียเป่า
รองประธานาธิบดี
ก่อนหน้าเจียง เจ๋อหมิน
ถัดไปสี จิ้นผิง
ประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง
ดำรงตำแหน่ง
    • แห่วพรรค:
    19 กันยายน ค.ศ. 2004 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012
    (8 ปี 57 วัน)
    • แห่งประเทศ:
    13 มีนาคม ค.ศ. 2005 – 14 มีนาคม ค.ศ. 2013
    (8 ปี 1 วัน)
รอง
ก่อนหน้าเจียง เจ๋อหมิน
ถัดไปสี จิ้นผิง
ตำแหน่งอื่น ๆ
เลขาธิการลำดับที่ 1 สำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ดำรงตำแหน่ง
19 ตุลาคม ค.ศ. 1992 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002
(10 ปี 27 วัน)
เลขาธิการเจียง เจ๋อหมิน
ก่อนหน้าเฉียว ฉือ
ถัดไปเจิง ชิ่งหง
รองประธานาธิบดีจีน
ดำรงตำแหน่ง
15 มีนาคม ค.ศ. 1998 – 15 มีนาคม ค.ศ. 2003
(5 ปี 0 วัน)
ประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน
ก่อนหน้าหรง อี้เหริน
ถัดไปเจิง ชิ่งหง
รองประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลาง
ดำรงตำแหน่ง
    • แห่งพรรค:
    22 กันยายน ค.ศ. 1999 – 19 กันยายน ค.ศ. 2004
    (4 ปี 363 วัน)
    • แห่งประเทศ:
    31 ตุลาคม ค.ศ. 1999 – 13 มีนาคม ค.ศ. 2005
    (5 ปี 133 วัน)
ประธานเจียง เจ๋อหมิน
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำทิเบต
ดำรงตำแหน่ง
1 ธันวาคม ค.ศ. 1988 – 1 ธันวาคม ค.ศ. 1992
(4 ปี 0 วัน)
เลขาธิการ
ก่อนหน้าอู่ จิงหฺวา
ถัดไปเฉิน ขุย-ยฺเหวียน
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลกุ้ยโจว
ดำรงตำแหน่ง
8 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 – 1 ธันวาคม ค.ศ. 1988
(3 ปี 146 วัน)
เลขาธิการ
ก่อนหน้าจู โฮ่วเจ๋อ
ถัดไปหลิว เจิ้งเวย์
เลขาธิการลำดับที่ 1 สันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
ดำรงตำแหน่ง
14 ธันวาคม ค.ศ. 1984 – 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1985
(0 ปี 207 วัน)
เลขาธิการหู เย่าปัง
ก่อนหน้าหวัง จ้าวกั๋ว
ถัดไปซ่ง เต๋อฝู
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด (1942-12-21) 21 ธันวาคม ค.ศ. 1942 (82 ปี)
ไท่โจว, มณฑลเจียงซู, ระบอบวาง จิงเว่ย์
พรรคการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน
คู่สมรสหลิว หย่งชิง
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยชิงหฺวา (วท.บ.)
วิชาชีพวิศวกรชลศาสตร์
ลายมือชื่อ
การเป็นสมาชิกสถาบันกลาง
  • 1992–2012: คณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมือง 14, 15, 16, 17
  • 1992–2002: เลขาธิการ (ลำดับที่ 1) สำนักเลขาธิการพรรค ชุดที่ 14, 15
  • 1992–2012: คณะกรมการเมือง ชุดที่ 14, 15, 16, 17
  • 1985–2012: คณะกรรมาธิการกลาง ชุดที่ 12, 13, 14, 15, 16, 17
  • 1982–1985: สมาชิกสำรองของคณะกรรมาธิการกลาง ชุดที่ 12
  • 1988–2013: สภาประชาชนแห่งชาติ ชุดที่ 7, 8, 9, 10, 11

การดำรงตำแหน่งอื่น ๆ

ผู้นำสูงสุดของ
สาธารณรัฐประชาชนจีน

หู จิ่นเทา
"หู จิ่นเทา" ในอักษรจีนตัวย่อ (บน) และตัวเต็ม (ล่าง)
อักษรจีนตัวย่อ胡锦涛
อักษรจีนตัวเต็ม胡錦濤

หู จิ่นเทา (จีน: 胡锦涛; พินอิน: Hú Jǐntāo; เกิด 21 ธันวาคม ค.ศ. 1942) เป็นอดีตนักการเมืองชาวจีน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 ถึง 2012 ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ถึง 2013 และประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลางตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 ถึง 2012 เขาเคยเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดโดยพฤตินัยของจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 ถึง 2012 และเป็นผู้นำสูงสุดคนที่ 5 ของจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 ถึง 2012[a]

หูก้าวขึ้นสู่อำนาจผ่านพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะเลขาธิการคณะกรรมาธิการพรรคประจำมณฑลกุ้ยโจว และเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรงของเขานั้นได้ดึงดูดความสนใจจากระดับสูงสุดของพรรค เขาเลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการลำดับที่หนึ่งของสำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรองประธานาธิบดีภายใต้การนำของเจียง เจ๋อหมิน เลขาธิการพรรค หูเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์คนแรกจากรุ่นที่อายุน้อยกว่าผู้เข้าร่วมสงครามกลางเมืองและการก่อตั้งสาธารณรัฐ ผู้สนับสนุนที่มีอิทธิพลจากรุ่นก่อนได้ให้การส่งเสริมอย่างแข็งขันต่อการก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างรวดเร็วของเขา รวมถึงซ่ง ผิง หู เย่าปัง เติ้ง เสี่ยวผิง และเจียง เจ๋อหมิน[1]

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง หูได้นำนโยบายควบคุมของรัฐกลับมาใช้ในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจที่ได้รับการผ่อนปรนโดยรัฐบาลก่อนหน้า และมีความระมัดระวังในการปฏิรูปการเมือง หูร่วมกับนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เพื่อนร่วมงานของเขา เป็นผู้นำการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องยาวนานเกือบทศวรรษ ซึ่งผลักดันให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลก เขามุ่งมั่นที่จะยกระดับความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศผ่านแนวคิดมุมมองทางวิทยาศาสตร์ต่อการพัฒนา (Scientific Outlook on Development) ซึ่งมุ่งหวังที่จะสร้าง "สังคมนิยมที่กลมเกลียว" ที่เจริญรุ่งเรืองและปราศจากความขัดแย้งทางสังคม ภายใต้การนำของเขา ทางการยังได้ปราบปรามการก่อความไม่สงบทางสังคม การประท้วงของชนกลุ่มน้อย และกลุ่มผู้เห็นต่าง ซึ่งก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง อาทิ ความไม่สงบในทิเบตและการผ่านกฎหมายต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน ในด้านนโยบายต่างประเทศ หูสนับสนุนแนวคิดการเติบโตอย่างสันติของจีน โดยมุ่งเน้นการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และใช้วิธีการทางธุรกิจในการดำเนินนโยบายทางการทูต ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของหู อิทธิพลของจีนในแอฟริกา ลาตินอเมริกา และภูมิภาคกำลังพัฒนาอื่น ๆ ก็เพิ่มมากขึ้น

หูมีลักษณะความเป็นผู้นำที่เรียบง่าย สุภาพ และอ่อนน้อมถ่อมตน ช่วงระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งของเขานั้นมีลักษณะเด่นคือการนำโดยคณะบุคคล และการตัดสินใจโดยอาศัยฉันทามติ[2] ลักษณะเหล่านี้ทำให้หูเป็นบุคคลที่ลึกลับในสายตาสาธารณชน การบริหารของเขามีชื่อเสียงว่ามุ่งเน้นไปที่ความสามารถด้านคตินิยมนักวิชาการมากขึ้น[3] เมื่อสิ้นสุดวาระหลังจากดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 10 ปี หูได้รับคำชื่นชมจากการที่เขาเลือกจะเกษียณจากตำแหน่งทั้งหมดโดยสมัครใจ เขาถูกสืบทอดตำแหน่งโดยสี จิ้นผิง หลังจากเจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีถึงแก่อสัญกรรม หูก็กลายเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของจีนเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

ชีวิตช่วงต้น

หู จิ่นเทา เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1942[4] ในอำเภอไท่ มณฑลเจียงซู ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น เป็นทายาทโดยตรงของนายพลหู จงเซี่ยน แห่งราชวงศ์หมิง ผู้มีชื่อเสียงในการต่อสู้กับโจรสลัดญี่ปุ่น[5] ครอบครัวของเขาได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากอำเภอจีซี มณฑลอานฮุย มาสู่เมืองไท่โจวในสมัยรุ่นปู่ของเขา บิดาประกอบธุรกิจค้าชาขนาดเล็กในไท่โจว ส่วนมารดาเป็นครูและต่อมาเสียชีวิตเมื่อเขาอายุได้ 7 ปี และเขาได้รับการเลี้ยงดูโดยป้า บิดาของหูถูกกล่าวโทษและประณามในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เหตุการณ์ดังกล่าว (ประกอบกับภูมิหลังที่ค่อนข้างต่ำต้อยของตนเอง) ดูเหมือนจะมีผลกระทบอย่างมากต่อหู ซึ่งเขาได้พยายามอย่างยิ่งที่จะล้างมลทินให้บิดา[6]

เขาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนเมษายน ค.ศ. 1964 ในปีนั้น เขาได้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหฺวา หลังจากศึกษาเกี่ยวกับสถานีพลังงานน้ำศูนย์กลางที่ภาควิชาวิศวกรรมการอนุรักษ์น้ำ เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองที่ชิงหฺวา[7]: 107  ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1965 หูเริ่มทำงานเป็นวิศวกร[8]

ในปี ค.ศ. 1968 ระหว่างการก่อสร้างแนวรบที่สาม[9]: 179  หูได้อาสาทำงานในมณฑลกานซู่ และมีส่วนร่วมในการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าพลังน้ำหลิวเจียเสีย[10] พร้อมกันนั้นยังบริหารกิจการพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้แก่สำนักงานสาขาของกระทรวงทรัพยากรน้ำและไฟฟ้าประจำท้องถิ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 ถึง 1974 เขาทำงานในสำนักงานวิศวกรรมซิโนไฮโดร[11]

ในปี ค.ศ. 1970 หูได้แต่งงานกับนางหลิว หย่งชิง ซึ่งทั้งสองได้พบกันที่มหาวิทยาลัยชิงหฺวาขณะศึกษาอยู่ ทั้งสองมีบุตรด้วยกันสองคนคือ หู ไห่เฟิง และหู ไห่ชิง ส่วนลูกเขยของพวกเขาชื่อจูเลีย หว่อง และแดเนียล เหมา ต่างจากนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เขาไม่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแบบตัวต่อตัวเลย[12][13] เขาเป็นที่รู้จักกันดีในความชอบกีฬาเทเบิลเทนนิสและการเต้นรำบอลรูม[14] กล่าวกันว่าหูมีความสามารถในการจดจำภาพได้อย่างแม่นยำเสมือนกล้องถ่ายรูป ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงที่เขาศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย[15][16]

ประวัติ

หู จิ่นเทา เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2485 ในนครไท่โจว มณฑลเจียงซู[17] โดยครอบครัวประกอบธุรกิจค้าขายชา พื้นเพเดิมอพยพมาจากอำเภอจี้ซี มณฑลอานฮุย ชีวิตวัยเด็กของเขาค่อนข้างยากจน กำพร้าแม่ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ บิดาของหู จิ่นเทาตกเป็นเป้าโจมตีโดนจับแห่ประจานเช่นเดียวกับพ่อค้าวาณิชย์ ผู้ดีเก่า ปัญญาชน และกลุ่มคนหัวอนุรักษนิยมจำนวนมาก ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก ทำให้เขามีความพยายามอย่างยิ่งในการกอบกู้ชื่อเสียงของบิดา[18]

หู จิ่นเทาจบการศึกษาวิศวกรรมชลศาสตร์ คณะวิศวกรรมชลประทาน จากมหาวิทยาลัยชิงหฺวา กรุงปักกิ่ง ระหว่างที่เรียนอยู่เขาได้พบกับคู่ชีวิตคือ หลิว หย่งชิง และต่อมาแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน จนมีลูกชายลูกสาวอย่างละหนึ่งคน ด้วยประวัติการศึกษาและกิจกรรมดีเลิศ หู จิ่นเทาได้เป็นสมาชิกยุวชนของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อ เดือนเมษายน พ.ศ. 2507 ก่อนเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรม[19]

หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้เป็นผู้ช่วยสอนด้านการเมืองในภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน ในปี พ.ศ. 2511 เขาถูกส่งตัวไปคุมงานก่อสร้างเขื่อนในมณฑลกานซู[20] ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ และยังเป็นวิศวกรคุมงานสร้างเขื่อนอีกหลายแห่งเป็นเวลาต่อเนื่องนับสิบปี ได้รับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสำรองพรรคคอมมิวนิสต์ในปี พ.ศ. 2523 การทำงานในตำแหน่งบริหารของเขาเป็นที่สนใจของหู เย่าปัง ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองประจำพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้เขาได้รับเลื่อนขั้นเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลกุ้ยโจว มีโอกาสได้แสดงฝีมือพัฒนามณฑลกุ้ยโจวซึ่งทุรกันดารให้เจริญขึ้นได้อย่างมาก[21]: 31  และต่อมาเขาก็ถูกย้ายไปเป็นเลขาธิการพรรคประจำเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งความไม่สงบและความขัดแย้งทางชาติพันธุ์กำลังก่อตัว โดยเฉพาะความรู้สึกต่อต้านชาวฮั่นในชนกลุ่มน้อยในสังคมทิเบต การปะทะกันเล็กน้อยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และเมื่อระดับของความไม่สงบเพิ่มขึ้นสูงสุด หู จิ่นเทา ได้ร้องขอไปยังรัฐบาลปักกิ่งให้ประกาศกฎอัยการศึกในทิเบต เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2532[21]: 9 

งานการเมือง

ในปี พ.ศ. 2517 หู จิ่นเทา ได้คุมงานก่อสร้างเขื่อนแห่งหนึ่งในมณฑลกานซู ที่ได้ชื่อว่าทุรกันดารมากกว่าสิบปี จนได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมาธิการสันนิบาตเยาวชนแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน[22] แล้วก็ขึ้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลกุ้ยโจว[23]

พ.ศ. 2531 หู จิ่นเทาได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองทิเบต หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2535 ได้เป็นกรรมการประจำกรมการเมืองของคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ควบตำแหน่งเลขานุการสำนักงานเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ปี พ.ศ. 2541 ได้เป็นรองประธานาธิบดี และในปี พ.ศ. 2545 ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเขาและนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า เสนอแนวความคิดสังคมสมานฉันท์ (和谐社会; Socialist Harmonious Society) ซึ่งมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ และเปลี่ยนรูปแบบของนโยบาย "GDP มาก่อนสวัสดิการ"[24]

หลังเกษียณ

การประชุมแห่งชาติครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ในพิธีปิดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565 หู จิ่นเทา ซึ่งนั่งด้านข้างของเลขาธิการพรรค สี จิ้นผิง ถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวออกจากห้องโถง"อย่างลึกลับ"[25][26] ตามรายงานของนักข่าวจากอาชองซ์ ฟรองซ์ เปรส (AFP) "หู จิ่นเทา ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะลุกออกไปในตอนแรก"[27][28] สี จิ้นผิงดูเหมือนไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ แต่ลี่ จ้านชู และหวัง ฮู่หนิง ซึ่งทั้งคู่นั่งทางด้านซ้ายของหู จิ่นเทามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด โดยลี่ จ้านชู พยายามเข้าไปช่วยเขาจนถูกห้ามโดยหวัง ฮู่หนิง จากนั้นหู จิ่นเทา ก็กระซิบกับสี จิ้นผิงและตบหลังนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ก่อนจะถูกเชิญตัวไป[29]

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ประชุมจะมีการลงคะแนนรับรองรายงานของคณะกรรมการกลางชุดที่ 19, รายงานการทำงานของคณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัยครั้งที่ 19 และการแก้ไขธรรมนูญของพรรค ซึ่งหู จิ่นเทา ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเนื่องจากเหตุการณ์นี้[30][31] ผลการลงคะแนนอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่าข้อเสนอทั้งหมดได้รับมติเป็นเอกฉันท์ โดยไม่มีการงดออกเสียงหรือผู้ลงคะแนนค้าน[32] ในวันเดียวกันก็มีการเลือกคณะกรรมการกลางชุดที่ 20 โดยสี จิ้นผิง และหวัง ฮู่หนิง เป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการกลางชุดใหม่ ในขณะที่หลี่ เค่อเฉียง, ลี่ จ้านชู และวัง หยาง ไม่ได้รับเลือก[33][34]

สำนักข่าวซินหัวระบุในบัญชีทวิตเตอร์ภาษาอังกฤษว่า “เมื่อเขา [หู] รู้สึกไม่สบายในระหว่างการประชุม เพื่อสุขภาพของเขาเจ้าหน้าที่ได้พาเขาไปที่ห้องถัดจากสถานที่จัดประชุมเพื่อพักผ่อน ตอนนี้เขามีอาการดีขึ้นมาก"[35][36]

อัลเฟรด อู๋ มู่หลวน (吴木銮) รองศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยนโยบายสาธารณะลี กวนยู แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ตีความเหตุการณ์นี้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพมากกว่าเรื่องการเมือง โดยแย้งว่าลักษณะของหู จิ่นเทา "เป็นลักษณะแบบถั่งผิง (躺平) มากกว่า"[37] เจมส์ พาลเมอร์ รองบรรณาธิการของนิตยสาร Foreign Policy ตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องการเมือง โดยบอกว่าอาจเป็นความตั้งใจของสี จิ้นผิง ที่จะ "จงใจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสาธารณชนของผู้นำคนก่อนเขา"[38] สี จิ้นผิง เคยวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสุนทรพจน์ก่อนที่เขาจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งพูดถึง "ปัญหาที่ผู้นำพรรคอ่อนแอลง ไม่ชัดเจน ไร้บทบาท และถูกไม่ให้ความสำคัญ" ("党的领导弱化、虚化、淡化、边缘化问题")[38][39][40]

อ้างอิง

  1. Ewing, Richard Daniel (20 มีนาคม 2003). "Hu Jintao: The Making of a Chinese General Secretary". The China Quarterly. 173: 17–34. doi:10.1017/S0009443903000032. S2CID 154666535. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2022.
  2. Elegant, Simon (4 ตุลาคม 2007). "In China, Hu is the Man to See". Time. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2010.
  3. Brown, Kerry (10 กรกฎาคม 2011). "Chinese leadership: The challenge in 2012". East Asia Forum Quarterly. 3 (2): 4–5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 สิงหาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2011.
  4. "Lìshǐ shàng de jīntiān – Guójiā zhǔxí Hú Jǐntāo chūshēng" [历史上的今天]国家主席胡锦涛出生 [Today in History – President Hu Jintao Was Born] (ภาษาจีน). Xinhua News Agency. 21 ธันวาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2018. 1942年12月21日,中华人民共和国国家主席胡锦涛出生。 [On 21 December 1942, President Hu Jintao of the People's Republic of China was born.]
  5. Liu, Melinda (5 พฤษภาคม 2002). "The Man In Jiang's Shadow". Newsweek (ภาษาอังกฤษ).
  6. Havely, Joe (19 ตุลาคม 2007). "Getting to know Hu". Al Jazeera. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2009.
  7. Doyon, Jérôme (2023). Rejuvenating Communism: Youth Organizations and Elite Renewal in Post-Mao China. University of Michigan Press. doi:10.3998/mpub.12291596. ISBN 978-0-472-90294-1.
  8. "Hu Jintao". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2010.
  9. Marquis, Christopher; Qiao, Kunyuan (2022). Mao and Markets: The Communist Roots of Chinese Enterprise. New Haven: Yale University Press. doi:10.2307/j.ctv3006z6k. ISBN 978-0-300-26883-6. JSTOR j.ctv3006z6k. OCLC 1348572572. S2CID 253067190.
  10. "临夏旅游" [Linxia Tourism]. Linxia Hui Autonomous Prefecture Tourist Board. 2003. pp. 26–27.. No ISBN
  11. Nathan & Gilley, p. 79
  12. Brown, Kerry (15 ตุลาคม 2010). "China's leader Hu Jintao leads a country in ferment". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2017. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2017.
  13. Schell, Orville (19 ธันวาคม 2007). "Hu Jintao". Time. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มกราคม 2017. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2017.
  14. "Hu Jintao". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2017. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2017.
  15. "Asia-Pacific | Profile: Hu Jintao". BBC News. 16 กันยายน 2004. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มกราคม 2010. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2010.
  16. Wo-Lap Lam, Willy (2006). Chinese politics in the Hu Jintao era: new leaders, new challenges. M.E. Sharpe. p. 5. ISBN 978-0-7656-1773-6. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 เมษายน 2023. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2020.
  17. 历史上的今天]国家主席胡锦涛出生 [Today in History- President Hu Jintao was born] (ภาษาจีน). Xinhua News Agency. 21 ธันวาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2018. 1942年12月21日,中华人民共和国国家主席胡锦涛出生。(On December 21, 1942, President Hu Jintao of the People’s Republic of China was born)
  18. Havely, Joe (19 ตุลาคม 2007). "Getting to know Hu". Al Jazeera. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2009.
  19. "Hu Jintao". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2010.
  20. 临夏旅游 [Linxia Tourism]. Linxia Hui Autonomous Prefecture Tourist Board. 2003. pp. 26–27.
  21. 21.0 21.1 Lam, Willy Wo-Lap (2006). Chinese Politics in the Hu Jintao Era. ME Sharpe. ISBN 0-7656-1773-0.
  22. "Hu Jintao". People's Daily. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2010.
  23. Sisci, Francesco (9 พฤศจิกายน 2005). "Democracy with Chinese characteristics". Asia Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 พฤษภาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2008.
  24. "Kuhn, Robert Lawrence: Hu's Political Philosophies" (PDF). Esnips.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 มีนาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2010.
  25. Graham-Harrison, Emma; Davidson, Helen (22 ตุลาคม 2022). "Former Chinese president Hu Jintao unexpectedly led out of party congress". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  26. Reuters (22 ตุลาคม 2022). "Hu Jintao escorted out of China party congress". Reuters (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  27. Ramirez, Laurie; Chen, Leo (22 ตุลาคม 2022). "Former Chinese President Hu Removed From Congress". Barron's (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  28. Agence France-Presse (22 ตุลาคม 2022). "Former Chinese president Hu Jintao was led out of the Communist Party Congress. He looked reluctant to leave". SBS News (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  29. "Hu Jintao: ex-president escorted out of China party congress". BBC News. 22 ตุลาคม 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  30. "二十大闭幕 大会表决通过中委中纪委报告及党章修正案 - RTHK". Radio Television Hong Kong (ภาษาจีน). 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  31. 李, 宗芳 (22 ตุลาคม 2022). "影/中共20大/閉幕表決胡錦濤中場離席 依舊不見江澤民出席 | 中天新聞網". CTi News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  32. "中共二十大 通過十九屆中央委員會報告決議". Oriental Daily News (ภาษาจีน). 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  33. "中国共产党第二十届中央委员会委员名单--中国共产党第二十次全国代表大会专题报道--人民网". cpc.people.com.cn. 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  34. Cheng, Evelyn. "China shuffles leadership committee and retains many Xi allies". CNBC (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  35. Xinhua News Agency (22 ตุลาคม 2022). "China Xinhua News on Twitter: "Xinhuanet reporter Liu Jiawen..."". Twitter (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  36. McDonell, Stephen (22 ตุลาคม 2022). "Hu Jintao: The mysterious exit of China's former leader from party congress". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  37. "Former Chinese Leader Hu Abruptly Leaves Xi's Side at Congress". Bloomberg News. 22 ตุลาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite news}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  38. 38.0 38.1 Palmer, James (22 ตุลาคม 2022). "What the Hell Just Happened to Hu Jintao?". Foreign Policy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.{{cite news}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  39. 毫不动摇坚持和加强党的全面领导(学习习近平总书记重要讲话精神,迎接党的二十大)--党建-中国共产党新闻网. dangjian.people.com.cn. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.
  40. "中共中央关于党的百年奋斗重大成就和历史经验的决议(全文)_中央有关文件_中国政府网". www.gov.cn. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2022.

แหล่งข้อมูลอื่น


ก่อนหน้า หู จิ่นเทา ถัดไป
เจียง เจ๋อหมิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
(15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555)
สี จิ้นผิง
เจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
(15 มีนาคม พ.ศ. 2546 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2556)
สี จิ้นผิง


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!