มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย

มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
จุลจิตรกรรมของพระราชินีมาร์เกเรเธ ราวปี ค.ศ. 1282 ที่ทาลินน์ เอสโตเนีย
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
ครองราชย์ค.ศ. 1252–1259
ก่อนหน้าเม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์
ถัดไปอักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค
ประสูติราว ค.ศ. 1230
สวรรคตเดือนธันวาคม ค.ศ. 1282 (พระชนมายุราว 52 พรรษา)
ฝังพระศพอารามโดเบอรัน
คู่อภิเษกพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
พระราชบุตร
  • พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก
  • เจ้าชายนีลส์แห่งเดนมาร์ก
  • เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก
  • เจ้าหญิงเม็ชทิลท์ มาร์เกรฟวีนแห่งบรันเดินบวร์ค-ซาลซ์วีเดล
  • เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ เคานท์เตสแห่งฮ็อลชไตน์-คีล
พระนามเต็ม
มาร์เกรเธอ ซัมบีสเด็ทเทอร์ พอเมอเรเลีย-ลูบิสเซโว
ราชวงศ์พอเมอเรเลีย-ลูบิสเซโว
พระราชบิดาซัมบอร์ที่ 2 ดยุกแห่งพอเมอเรเนีย
พระราชมารดาเม็ชทิลท์แห่งเมคเลินบวร์ค
ศาสนาโรมันคาทอลิก

มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย หรือ มาร์เกรเธอ ซัมบีเรีย (เดนมาร์ก:Margrethe Sambiria, Sambirsdatter or Margrethe Sprænghest; ราวค.ศ. 1230 – เดือนธันวาคม ค.ศ. 1282) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์กจากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสยังทรงพระเยาว์ ในช่วงปีค.ศ. 1259 ถึง ค.ศ. 1264 พระนางทรงเป็นสตรีคนแรกที่ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งเดนมาร์กอย่างเป็นทางการ พระนางทรงได้ปกครองพื้นที่ศักดินาเอสโตเนียของเดนมาร์ก[1]

พระชนม์ชีพ

มาร์เกเรเธประสูติราวปีค.ศ. 1230 เป็นธิดาในซัมบอร์ที่ 2 ดยุกแห่งพอเมอเรเนียกับเม็ชทิลท์แห่งเมคเลินบวร์ค[2]

มาร์เกเรเธมีเชื้อสายชาวเดนมาร์กผ่านทางตายาย คือ ไฮน์ริช บอร์วินที่ 2 ลอร์ดแห่งเมคเลินบวร์คกับเจ้าหญิงคริสตินาแห่งสวีเดนซึ่งมีเชื้อสายมาจากแคว้นสคาเนีย เจ้าหญิงคริสตินาเป็นพระธิดาของพระเจ้าสแวร์เกอที่ 2 แห่งสวีเดนกับเบเนดิกตา เอ็บเบสด็อทเทอร์แห่งไวด์ ตระกูลไวด์เป็นสายหนึ่งของสกุลกาเลนจากเดนมาร์กตะวันออกและมาจากเกาะเชลลันด์ มาร์เกเรเธ หรือ มาร์เกรเธอเป็นนามแรกของเธอ ที่ไม่ค่อยมีใครตั้งชื่อนี้ในแถบเยอรมนีตอนเหนือและโปแลนด์ แต่ชื่อนี้ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่เชื้อสายฝั่งสแกนดิเนเวียทางแม่ของเธอ ซึ่งมีชื่อว่า มาร์เกเรเธ มาร์เกรเธอ หรือมาร์กาเรตา ครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งก็คือราชสกุลของพระเจ้าอิงเงอผู้อาวุโส และชื่อนี้เคยเป็นของเคานท์เตสแห่งชเวรีน ป้าของเธอ และเจ้าหญิงแห่งรือเกิน ฝ่ายทวดของเธอ[3]

สมเด็จพระราชินี

ในปีค.ศ. 1248 มาร์เกเรเธเสกสมรสกับเจ้าชายคริสตอฟเฟอร์ พระราชโอรสองค์สุดท้องในพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์กที่ประสูติแต่เจ้าหญิงบึเร็งการียาแห่งโปรตุเกส ตามธรรมเนียมการสืบราชบัลลังก์ในช่วงเวลานั้นคือ การสืบสันตติวงศ์ด้วยลำดับอาวุโส พระสวามีของพระนางจึงได้ครองราชบัลลังก์ในปีค.ศ. 1252[2] พระนางมาร์เกเรเธจึงเข้าพิธีราชาภิเษกพร้อมพระสวามี

มีการรายงานว่าเมื่อทรงได้เป็นสมเด็จพระราชินี พระนางมาร์เกเรเธทรงมีบทบาททางการเมือง ในช่วงรัชกาลของกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ เกิดความขัดแย้งระหว่างพระมหากษัตริย์และอาร์กบิชอปแห่งลุนด์คนใหม่ คือ จาค็อบ เออลันด์เซน ซึ่งต้องการเรียกร้องการแยกอำนาจศาสนจักรออกจากกษัตริย์ และเรียกร้องสิทธิในการจัดตั้งกองทัพของตัวเอง ข้อเรียกร้องนี้นำมาซึ่งการจับกุมอาร์กบิชอป ความขัดแย้งนี้ทำให้พระราชินีมาร์เกเรเธต้องขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์[4]

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 พระราชสวามีสวรรคตในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1259 ด้วยข่าวลือว่าทรงถูกลอบวางยาพิษ พระราชโอรสได้ครองราชย์ต่อเป็น พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งยังทรงพระเยาว์ พระนางมาร์เกเรเธต้องขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่พระราชโอรสยังไม่บรรลุนิติภาวะจนถึงปีค.ศ. 1264[2] สิ่งนี้ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เดนมาร์กมาก่อน ที่สมเด็จพระราชินี หรือสมเด็จพระพันปีหลวง จะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและได้รับพระราชอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งเดนมาร์ก

สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงต้องเผชิญกับความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายระหว่างสถาบันกษัตริย์กับอาร์กบิชอปจาค็อบ เออลันด์เซน พระนางทรงถูกบีบบังคับให้ปล่อยตัวอาร์กบิชอปออกจากที่คุมขังเพื่อให้พระนางสามารถกระชับอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ แต่พระนางก็ทรงแก้ไขปัญหาระหว่างสถาบันกษัตริย์กับศาสนจักรด้วยการเนรเทศอาร์กบิชอปออกจากราชอาณาจักร ปัญหาในการแยกอำนาจปกครองตนเองของศาสนจักรเดนมาร์กออกจากสถาบันกษัตริย์ยังไม่ได้รับการพิจารณาชี้ขาดจนกระทั่งพระราชโอรสของพระนางบรรลุนิติภาวะ แต่สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงเจรจากับสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แม้ว่าในช่วงนั้นพระนางหมดอำนาจจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้วก็ตาม[5]

พระนางยังต้องเผชิญกับการปกป้องสิทธิในราชบัลลังก์ของพระราชโอรสเนื่องจากมีการอ้างสิทธิของเหล่าพระราชโอรสของพระเจ้าอเบลแห่งเดนมาร์ก พระเชษฐาองค์รองในพระสวามีของพระนาง ซึ่งการอ้างสิทธิได้รับการผลักดันจากอดีตพระราชินีในอดีตกษัตริย์อเบลคือ เม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์ สมเด็จพระพันปีหลวง และพระนางมาร์เกเรเธยังต้องทรงเลี้ยงดูกษัตริย์อีริคที่ 5 ที่ทรงพระเยาว์ เจ้าหญิงเม็ชทิลท์และเจ้าหญิงมาร์เกรเธอ พระราชธิดาอีกสองพระองค์ รวมถึงทรงเลี้ยงดูพระราชธิดาทั้งสี่ของพระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์ก พระเชษฐาองค์ใหญ่ของพระสวามี ได้แก่ เจ้าหญิงโซเฟีย เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์ก เจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนส[6] หลังจากอดีตพระราชินีในกษัตริย์อีริคที่ 4 คือ จัตตาแห่งแซกโซนี สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จกลับแซกโซนี โดยปล่อยพระราชธิดาให้ประทับในราชสำนักเดนมาร์ก การสืบราชบัลลังก์ของพระราชโอรสในพระนางมาร์เกเรเธได้ลบล้างสิทธิในราชบัลลังก์ของเชื้อสายกษัตริย์สองพระองค์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับกฎการสืบสันตติวงศ์ด้วยลำดับอาวุโส

การดำเนินการของสมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทำให้ทรงขัดแย้งกับเหล่าพระราชโอรสของสมเด็จพระพันปีหลวงเม็ชทิลท์ นำมาซึ่งการทำสงครามกับเหล่าเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ ซึ่งเป็นสายตระกูลของพระนางเม็ชทิลท์ หลังจากทรงพ่ายแพ้สงครามที่ลอเฮเดอในปีค.ศ. 1261 กษัตริย์อีริคที่ 5 และสมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงถูกจับคุมขังโดยเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ แต่ทั้งสองพระองค์ทรงหลบหนีออกจากคุกได้ด้วยการช่วยเหลือของอัลเบร็คท์ที่ 1 ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค[7] สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธไม่ทรงขัดขวางการเสกสมรสทางการเมืองของเม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์ สมเด็จพระพันปีหลวงกับบีร์เยอ ยาร์ล ผู้สำเร็จราชการแห่งสวีเดน หรือไม่ทรงขัดขวางการเสกสมรสของเหล่าพระราชธิดาในอดีตกษัตริย์อีริคที่ 4 ซึ่งเจ้าหญิงโซเฟียและเจ้าหญิงอิงเงอบอร์กได้อภิเษกสมรสกับกษัตริย์สวีเดนและกษัตริย์นอร์เวย์ตามลำดับ แต่พระนางทรงกีดกันพระราชธิดาที่เหลืออีกสองพระองค์ของอดีตกษัตริย์อีริคที่ 4 ไม่ให้อภิเษกสมรสซึ่งก็คือเจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนส และให้พวกพระนางประทับในอารามนักบุญอักเนทา, รอสคิลด์[8]

ในปีค.ศ. 1263 สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธประสบความสำเร็จในการมีพระราชสาส์นถึงสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 4 เพื่อกราบทูลขอให้ทรงอนุญาตให้สตรีสามารถสืบราชบัลลังก์เดนมาร์ก เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของพระนางที่จะกีดกันพวกราชตระกูลอเบลและพวกของเม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์ขึ้นสู่ราชบัลลังก์เดนมาร์ก ความพยายามครั้งนี้เปิดโอกาสให้พระขนิษฐาของกษัตริย์อีริคที่ 5 สามารถครองราชบัลลังก์เดนมาร์กได้หากกษัตริย์อีริคที่ 5 สวรรคตก่อนที่จะมีทายาท[9]

ในช่วงสมัยของพระนางนี้ สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงมีชื่อเสียงในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ประสบความสำเร็จและผู้ทรงปัญญา ทรงมีพระสมัญญานามว่า "สแปรงเกรสท์" ("Sprænghest";ม้าศึก) และ "ซอร์เต เกรเธ" (Sorte Grete;เกรตาดำ)[2] แสดงถึงบุคลิกส่วนพระองค์ที่เข้มแข็งและทรงพลัง

บั้นปลาย

สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธลาออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในปีค.ศ. 1264 เมื่อพระราชโอรสได้รับการประกาศบรรลุนิติภาวะ และพระนางทรงจัดตั้งราชสำนักของพระนางอย่างเป็นทางการที่ปราสาทนีโคปิงในฟาลสเตอร์ พระนางยังคงมีบทบาทในการเมืองเดนมาร์กและพยายามรักษาผลประโยชน์และอิทธิพลในกิจการของรัฐเดนมาร์ก[10]

ในปีค.ศ. 1266 พระราชโอรสทรงมอบศักดินาให้พระนางปกครองเอสโตเนียของเดนมาร์ก และให้พระนางเป็นเคานท์เตสของแคว้นนั้นตลอดพระชนม์ชีพ พระนางทรงดำเนินกิจการบริหารดินแดนเอสโตเนียอย่างจริงจังจากพระตำหนักในเดนมาร์กจนกระทั่งสิ้นพระชนม์[11]

ในปีค.ศ. 1270 พระนางจัดตั้งและบริจาคพระราชทรัพย์แก่อารามพระกางเขนศักดิ์สิทธิ์ในร็อสท็อค

พระนางสิ้นพระชนม์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1282 พระศพถูกฝังที่อารามโดเบอรันของคณะซิสเตอร์เชียนแถบทะเลบอลติกของเยอรมนี[12][13]

พระโอรสธิดา

มาร์เกเรเธ ซัมบีเรียอภิเษกสมรสกับกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 ในปีค.ศ. 1248 มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ ดังนี้

  พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา
พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ค.ศ. 1249 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1286 อภิเษกสมรสวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1273 กับ
อักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค
มีพระโอรสธิดา 7 พระองค์ ได้แก่
เจ้าหญิงรีเชซา
พระเจ้าอีริคที่ 6 แห่งเดนมาร์ก
พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก
เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน
เจ้าหญิงคาทารีนา
เจ้าชายวัลเดมาร์
เจ้าหญิงเอลิซาเบธ
- เจ้าชายนีลส์แห่งเดนมาร์ก ไม่ปรากฏ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1259 สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์
- เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก ไม่ปรากฏ ไม่ปรากฏ สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์
- เจ้าหญิงเม็ชทิลท์ มาร์เกรฟวีนแห่งบรันเดินบวร์ค-ซาลซ์วีเดล ค.ศ. 1250 ค.ศ. 1299/1300 อภิเษกสมรสค.ศ. 1268 กับ
อัลเบร็ชท์ที่ 3 มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-ซาลซ์วีเดล
มีพระโอรสธิดา 4 พระองค์ ได้แก่
อ็อทโทแห่งบรันเดินบวร์ค
โยฮันน์แห่งบรันเดินบวร์ค
เบียทริกซ์แห่งบรันเดินบวร์ค
มาร์กาเรธาแห่งบรันเดินบวร์ค สมเด็จพระราชินีแห่งโปแลนด์
- เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ เคานท์เตสแห่งฮ็อลชไตน์-คีล ราว ค.ศ. 1257 ค.ศ. 1306 อภิเษกสมรส กับ
โยฮันน์ที่ 2 เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-คีล
มีพระโอรส 2 พระองค์ ได้แก่
คริสตอฟเฟอร์แห่งฮ็อลชไตน์
อดอล์ฟที่ 7 เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-เซเกอแบร์ก

อ้างอิง

  1. "Margrethe Sambiria". Dansk biografisk Lexikon. สืบค้นเมื่อ December 1, 2018.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Pyl, Theodor (1884). "Margaretha, Duchess of Eastern Pomerania" (ภาษาเยอรมัน). Historischen Kommission bei der Bayerischen Akademie der Wissenschaften and the Bayerischen Staatsbibliothek. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  3. Inge Skovgaard-Petersen. "Margrethe Sambiria". Den Store Danske, Gyldendal. สืบค้นเมื่อ December 1, 2018.
  4. "Jakob Erlandsön". Nordisk familjebok. สืบค้นเมื่อ December 1, 2018.
  5. Esben Albrectsen. Margrete Sambiria Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  6. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  7. Unverhau, Henning (1990). "Margarethe Sambiria of Pomerelia" (ภาษาเยอรมัน). Historischen Kommission bei der Bayerischen Akademie der Wissenschaften. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  8. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  9. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  10. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  11. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  12. "Burial Churches of Danish Sovereigns". www.royaltombs.dk, ARB. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2015. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  13. "Tour through the Minster". Münster Bad Doberan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2018. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  • Anne J. Duggan, ed (2002) Queens and Queenship in Medieval Europe (Boydell Press) ISBN 9780851158815
  • John Carmi Parsons, ed (2016) Medieval Queenship (Springer Publishing Company) ISBN 9781137088598
ก่อนหน้า มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย ถัดไป
เม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
(ราชวงศ์แอสตริดเซน)

(ค.ศ. 1252–1259)
อักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค

Read other articles:

この項目では高梁市にある私立の専門学校(看護学校)について説明しています。 同地に在した上位校「順正短期大学」に関しましては吉備国際大学短期大学部および吉備国際大学の各項目をご覧ください。 かつて同じ土地に存在した同名の女学校(高等女学校)である「順正女学校」ないしは「順正高等女学校」については 運営と併合までの沿革や出身者などに関し

 

JW Marriott Grosvenor House London Vista del hotel desde Park Lane.LocalizaciónPaís Reino Unido Reino UnidoLocalidad LondresDirección Park Lane, 86-90Coordenadas 51°30′35″N 0°09′20″O / 51.509778, -0.155472Información generalInauguración 1929Estrellas Habitaciones 420Suites 74Plantas 8Propietario Katara HospitalityCadena JW Marriott HotelsSitio web oficial[editar datos en Wikidata] Vista posterior del hotel. El JW Marriott Grosvenor House London es...

 

الدائرة الخامسة عشرة في باريس الدوائر البلدية في فرنسا  شعار موقع الدائرة الخامسة عشرة في باريس الإحداثيات 48°50′29″N 2°18′01″E / 48.841327777778°N 2.3002916666667°E / 48.841327777778; 2.3002916666667  [1] تاريخ التأسيس 1860  تقسيم إداري  البلد فرنسا  مناطق فرنسا إيل دو فرانس  أقا

Representación gráfica del Buddhabrot con 20.000 (púrpura), 100.000 (azul) y 1.000.000 (blanco) iteraciones. Deeply iterated Buddhabrot. Buddhabrot showing only slow escapes. Buddhabrot in RGB. El Buddhabrot es una representación gráfica especial del conjunto de Mandelbrot que orientada de forma tradicional, muestra ciertas semejanzas con representaciones de Buda Gautama. Vista cabeza abajo, aparenta vagamente un rostro humano, con unas gafas largas y triangulares por encima de los ojos....

 

1959 studio album by Charles MingusA Modern Jazz Symposium of Music and PoetryStudio album by Charles MingusReleasedMay or June 1959[1][2]RecordedOctober 1957GenreJazzLength57:29LabelBethlehemProducerJeff PaloCharles Mingus chronology Weary Blues(1958) A Modern Jazz Symposium of Music and Poetry(1959) Jazz Portraits: Mingus in Wonderland(1959) Professional ratingsReview scoresSourceRatingAllMusic[3]Los Angeles Times[4]The Penguin Guide to Jazz[5]...

 

?Куртник Куртник (Dumetia hyperythra) Біологічна класифікація Домен: Еукаріоти (Eukaryota) Царство: Тварини (Animalia) Тип: Хордові (Chordata) Клас: Птахи (Aves) Ряд: Горобцеподібні (Passeriformes) Родина: Тимелієві (Timaliidae) Рід: Куртник (Dumetia)Blyth, 1852 Види Dumetia hyperythraтиповий Dumetia atriceps Синоніми Rhopocichla Oates, 1889 Поси...

Intrigue in the Bakumatsu - IrohanihohetoBerkas:Irohanihohetto.jpgBakumatsu Kikansetsu Irohanihoheto幕末機関説 いろはにほへと(Bakumatsu Kikansetsu Irohanihoheto)GenreDrama, Sejarah, Misteri, Supernatural, Percintaan Seri animeSutradaraRyōsuke TakahashiStudioSunriseSaluranasliGyaO Internet StreamingTayang 6 Oktober 2006 – 6 April 2007Episode26 (Daftar episode)  Portal anime dan manga Intrigue in the Bakumatsu - Irohanihoheto (Jepang: 幕末機関説 いろはにほへ...

 

Indian Tamil-language soap opera KolangalGenreSoap operaCreated byDevi Bala[1]Written byStoryV. ThiruselvamDialoguesBaskar SakthiScreenplay byV. ThiruselvamDirected byV. ThiruselvamCreative directorBalasubramaniam SrinivasanStarring Devayani Deepa Venkat Ajay Kapoor Theme music composerD. ImmanOpening themeKolangal Kolangal Azhagana Kolangal Harini (Vocals)ComposerKiranCountry of originIndiaOriginal languageTamilNo. of seasons7No. of episodes1533ProductionCinematographyPhillips S. Vij...

 

Indian model and actress (born 1994) Naina SinghSingh in 2019Born (1994-03-04) 4 March 1994 (age 29)Moradabad, Uttar Pradesh, India[1]OccupationsModelactressYears active2017–presentKnown forSplitsvilla 10Kumkum Bhagya Naina Singh (born 4 March 1994)[2] is an Indian model and television actress known for winning Splitsvilla 10 and playing Rhea Mehra in Kumkum Bhagya. In 2020, she participated in the reality show Bigg Boss 14. Early life Singh is a state level t...

Evolutionary theory of depression Rank theory is an evolutionary theory of depression, developed by Anthony Stevens and John Price, and proposes that depression promotes the survival of genes.[1] Depression is an adaptive response to losing status (rank) and losing confidence in the ability to regain it. The adaptive function of the depression is to change behaviour to promote survival for someone who has been defeated. According to rank theory, depression was naturally selected to al...

 

Artikel ini perlu diterjemahkan dari bahasa Inggris ke bahasa Indonesia. Artikel ini ditulis atau diterjemahkan secara buruk dari Wikipedia bahasa Inggris. Jika halaman ini ditujukan untuk komunitas bahasa Inggris, halaman itu harus dikontribusikan ke Wikipedia bahasa Inggris. Lihat daftar bahasa Wikipedia. Artikel yang tidak diterjemahkan dapat dihapus secara cepat sesuai kriteria A2. Jika Anda ingin memeriksa artikel ini, Anda boleh menggunakan mesin penerjemah. Namun ingat, mohon tidak men...

 

Haileybury Hockey ClubFounded1906History 1906–1909 (TPHL) 1909–1910 (NHA) 1910–1911 (TPHL) 1911–1915 (TSL) Home arenaCobalt-Haileybury Curling Club Curling RinkCityHaileybury, OntarioTeam coloursMaroon, white   Head coachWeldy Young The Haileybury Hockey Club (also known as the Haileybury Comets or Haileybury Miners) were an ice hockey based in Haileybury, Ontario, which existed from 1906 to 1915. The team is notable for being a founding member of the National Hockey Associa...

  Saxifraga sec. Irregulares Saxifraga stoloniferaTaxonomíaReino: PlantaeDivisión: MagnoliophytaClase: MagnoliopsidaOrden: SaxifragalesFamilia: SaxifragaceaeGénero: SaxifragaSubgénero: SaxifragaSección: IrregularesHaw.[editar datos en Wikidata] Saxifraga sec. Irregulares es una sección del género Saxifraga. Contiene las siguientes especies: Especies Saxifraga cortusifolia Sieb. & Zucc. Saxifraga daqiaoensis F.G.Wang & F.W.Xing Saxifraga epiphylla Gornall & H....

 

1906 Iowa Senate election ← 1903[a] November 6, 1906 1908 → 22 out of 50 seats in the Iowa State Senate26 seats needed for a majority   Majority party Minority party   Party Republican Democratic Last election 42 8 Seats after 36 14 Seat change 6 6 Elections in Iowa Federal government U.S. Presidential elections 1848 1852 1856 1860 1864 1868 1872 1876 1880 1884 1888 1892 1896 1900 1904 1908 1912 1916 1920 1924 1928 1932 1936 1940 1944 194...

 

World CupTournament informationLocationWuxiCountryChinaEstablished1979Organisation(s)World Professional Billiards and Snooker AssociationFormatNon-Ranking team eventTotal prize fund$800,000Current champion ScotlandJohn HigginsStephen Maguire The World Cup is an invitational team snooker tournament created by Mike Watterson. The annual contests featured teams of three (two since 2011) players representing their country against other such teams. Steve Davis has won the event more times tha...

English and British body responsible for forts For the U.S. body, see United States Army Ordnance Corps. Shield of the Board of Ordnance preserved on a gun tampion in Gibraltar The Board of Ordnance was a British government body. Established in the Tudor period, it had its headquarters in the Tower of London. Its primary responsibilities were 'to act as custodian of the lands, depots and forts required for the defence of the realm and its overseas possessions, and as the supplier of munitions...

 

Episodic expansion to the first-person shooter video game BioShock Infinite 2013 video gameBioShock Infinite: Burial at SeaDeveloper(s)Irrational GamesPublisher(s)2K GamesDirector(s)Ken LevineDesigner(s)Andres Elias Gonzalez TahhanWriter(s)Ken LevineDrew HolmesComposer(s)Garry SchymanSeriesBioShockEngineUnreal Engine 3Platform(s)PlayStation 3OS XWindowsXbox 360LinuxReleaseEpisode OneNovember 12, 2013Episode TwoMarch 25, 2014Genre(s)First-person shooter, stealthMode(s)Single-player BioShock In...

 

Song from The Tempest by William Shakespeare Ariel's song is a verse passage in Scene ii of Act I of William Shakespeare's The Tempest. It consists of two stanzas to be delivered by the spirit Ariel, in the hearing of Ferdinand. In performance it is sometimes sung and sometimes spoken. There is an extant musical setting of the second stanza by Shakespeare's contemporary Robert Johnson, which may have been used in the original production around 1611[1] It is the origin of the phrase fu...

Escuela superior de informática Tipo Escuela de ingeniería privada[1]​Fundación 1999LocalizaciónDirección Le Kremlin-Bicêtre, Burdeos, Rennes, Marsella, Lille, Lyon, Montpellier, Nancy, Nantes, Niza, Estrasburgo, Toulouse, Saint-André (Reunión), Barcelona, Tirana,  Francia, España España, Albania AlbaniaCoordenadas 48°48′55″N 2°21′47″E / 48.8153436, 2.363061AdministraciónDirector Emmanuel CarliAcademiaEstudiantes 6500Sitio web www.epitech.e...

 

German footballer (born 1985) Sascha Traut Traut in 2011 with VfR AalenPersonal informationDate of birth (1985-05-21) 21 May 1985 (age 38)Place of birth Karlsruhe, West GermanyHeight 1.83 m (6 ft 0 in)Position(s) Right midfielderYouth career0000–2000 SG Siemens Karlsruhe2000–2004 Karlsruher SCSenior career*Years Team Apps (Gls)2004–2007 Karlsruher SC II 86 (15)2005–2007 Karlsruher SC 1 (0)2007–2008 TuS Koblenz 12 (0)2008–2009 Stuttgarter Kickers 35 (2)2009–20...

 

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!