แผนที่ แสดงการกระจายตัวของแนวปะการังทั่วโลก
แนวปะการัง หรือ พืดหินปะการัง เป็นระบบนิเวศ ที่ซับซ้อน และมีความหลากหลายมากที่สุดในทะเล แนวปะการังจัดเป็นสิ่งก่อสร้างของสิ่งมีชีวิต ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหินปูน ที่มีความแข็ง โดยสัตว์ทะเล ขนาดเล็กคือ ปะการัง รวมถึงซากของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในทะเลอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น สาหร่ายหินปูน , หอยที่มีเปลือกแข็ง เป็นต้น ทั้งปะการังเองและสิ่งมีชีวิตที่สร้างหินปูนได้ เมื่อตายไปแล้วจะยังคงเหลือซากหินปูนทับถมพอกพูน ซึ่งถือว่าเป็นขบวนการสร้างแนวปะการัง ซากหินปูนเหล่านั้นค่อย ๆ ผุกร่อนเป็นผงตะกอน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ยังคงสะสมพอกพูนในแนวปะการัง แต่อีกส่วนหนึ่งอาจถูกพัดพาล่องลอยไปตามกระแสน้ำ ไปทับถมพอกพูนเป็นชายหาด [ 1]
การเจริญเติบโตของแนวปะการังเป็นไปอย่างช้า ๆ ในแต่ละปี ปะการังบางชนิดอาจเพิ่มขนาดของตนเองขึ้นมาได้เพียง 2–5 เซนติเมตร เท่านั้น ซึ่งกว่าที่ปะการังจะสร้างตนเองจนแข็งแรงเป็นแนวพืดได้ต้องใช้เวลานับหมื่น ๆ ปี โดยแนวปะการังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ที่มีเนื้อที่กว้างขวางกว่า 1,562 ไมล์ (2,500 กิโลเมตร ) มีแนวปะการังมากกว่า 2,900 แนว ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ [ 2] และแนวปะการังที่มีขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก คือ สามเหลี่ยมปะการัง ที่ครอบคลุมพื้นที่ระหว่างน่านน้ำของฟิลิปปินส์ เช่น อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา , มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ปาปัวนิวกินี, หมู่เกาะโซโลมอน และติมอร์เลสเต คิดเป็น 1 ใน 3 ของแนวปะการังที่มีอยู่ในโลก และมีความหลากหลายของชนิดปลาที่อาศัยอยู่ในแนวปะการังคิดเป็นร้อยละ 37 ของปลาที่อาศัยในแนวปะการังทั้งหมดทั่วโลก[ 3]
ประเภท
ปลาทองทะเล ในแนวปะการัง ที่ทะเลแดง
แนวปะการังแบ่งออกได้เป็น 3 แบบด้วยกัน คือ
แนวปะการังนอกฝั่ง (Barrier reef) เป็นแนวปะการังขนาดใหญ่โต มีความกว้างยาวนับเป็นร้อย ๆ ไมล์ เช่น เกรตแบร์ริเออร์รีฟ
เกาะปะการัง (Atoll) เกิดขึ้นจากการรวมตัวทับถมกันของปะการังในแนวดิ่งจนกลายสภาพเป็นเกาะ ซึ่งเกาะลักษณะเช่นนี้ จะพบมากในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ และมหาสมุทรอินเดีย เช่น มัลดีฟส์ , หมู่เกาะสิมิลัน และเกาะสีปาดัน ของมาเลเซีย เป็นต้น
แนวปะการังชายฝั่ง (Fringing reef) เป็นแนวปะการังที่เกิดขึ้นในบริเวณชายฝั่ง และหมู่เกาะ ในเขตน้ำค่อนข้างตื้น
และอาจแบ่งตามลักษณะสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเป็น 4 รูปแบบด้วยกัน คือ
แนวปะการังริมฝั่ง เป็นแนวปะการังที่แท้จริง เพราะเป็นการสะสมตัวจนกลายเป็นแนวปะการัง พบได้ทั่วไปในแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นตามชายฝั่งและหมู่เกาะต่าง ๆ นับเป็นแนวปะการังชนิดที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะเป็นที่ที่สัตว์ทะเลจะใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตเข้ามาอาศัยเติบโตอยู่ในบริเวณนี้ ปะการังชนิดนี้ใน ปัจจุบันจัดเป็นปะการังที่มีความเสียหายมากที่สุด
กลุ่มปะการังบนพื้นทราย เป็นกลุ่มปะการังเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นทราย ยังมีการสะสมตัวกันไม่มากนัก ส่วนมากเป็นปะการังสมอง (Faviidae) และปะการังเขากวาง (Acropora spp.)
ปะการังบนโขดหิน อยู่ในแนวน้ำลึก พบได้ในแหล่งดำน้ำทั่วไปในของหมู่เกาะสิมิลัน แนวปะการังชนิดนี้เปรียบดังโอเอซิส กลางทะเลทราย จึงเป็นที่รวมตัวของสัตว์ทะเลหลากหลาย โดยเฉพาะฝูงปลา ต่าง ๆ ที่แวะเวียนเข้ามาหาอาหารอย่างสม่ำเสมอ
แหล่งกัลปังหาและปะการังอ่อน ไม่เชิงเป็นแนวปะการัง มีศักยภาพในการเป็นที่หลบภัยและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ไม่มากนัก จึงไม่ค่อยมีคุณค่าเท่าใดนักในระบบนิเวศ เพราะชนิดของปะการังแบบนี้ เป็น ปะการังบนโขดหิน, ปะการังอ่อน และกัลปังหา แต่กลับทรงคุณค่าอย่างยิ่งในแง่การท่องเที่ยว เพราะเป็นจุดสนใจอย่างยิ่งของนักดำน้ำและช่างภาพใต้น้ำ
ชีววิทยา
แนวปะการังนับว่าเป็นสิ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล เป็นที่หลบพัก, อาศัย, แพร่ขยายพันธุ์ และหากินของสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ มีปลาหลากหลายที่อาศัยอยู่ในแนวปะการังมากกว่า 4,000 ชนิด[ 4] โดยปลากระดูกแข็ง ขนาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบได้ในแนวปะการัง คือ ปลาหมอทะเล (Epinephelus lanceolatus )[ 5] ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจ สำคัญ รวมทั้งปลาและสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ อีกด้วย เปรียบเหมือนเป็นป่าดิบชื้น หรือโอเอซิสในทะเล [ 6] [ 7]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น