กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 และ 2 (สหประชาชาติ) (อังกฤษ: 1st Thai Engineering Battalion Task Force และ 2nd Thai Engineering Battalion Task Force (2nd United Nation Thai Engineering Battalion Task Force)) หรือ พัน.ช.ฉก.ที่ 1 และ พัน.ช.ฉก.ที่ 2 (สหประชาชาติ) เป็นหน่วยทหารช่างของกองทัพไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูกัมพูชาหลังสงครามกลางเมือง อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลไทยและองค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) ตามลำดับ
ภารกิจของหน่วยคือการปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในกัมพูชาหลังจากสภาวะสงครามกลางเมือง โดยประเทศไทยได้ส่งกำลังทหารที่ไม่ใช่พลรบกองพันที่ 1 จำนวน 446 นาย และกองพันที่ 2 จำนวน 705 นาย รวมทั้งสิ้น 1,151 นาย[1]
ประวัติ
ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับกัมพูชา จึงได้ให้ความช่วยเหลือด้วยเหตุผลทั้งด้านมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดี จึงได้จัดกำลังเป็นหน่วยทหารช่างเฉพาะกิจมาจากกองพลทหารช่างจำนวน 2 กองพัน
กองพันแรก ชื่อว่า กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 ปฏิบัติงานในนามของรัฐบาลไทย โดยนายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีขณะนั้น (ไม่ได้สวมหมวกฟ้า) มีกำลังพลจำนวน 446 นาย ก่อสร้างถนนสายคลองลึก ปอยเปต ศรีโสภณ ความยาว 48 กิโลเมตร เป็นของขวัญให้กับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อส่งกลับผู้อพยพและเป็นเส้นทางเศรษฐกิจ[1] ปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถึงวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2536[2]
ขณะที่กองพันที่สอง คือ กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) ได้รับการร้องขอกำลังจากสหประชาชาติเพื่อปฏิบัติงานในนามสหประชาชาติ (สวมหมวกฟ้า) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2534 โดยการทาบทามของรองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการการเมืองพิเศษ Marrak Goulding ผ่านผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก โดยร้องขอกำลังพลทหารช่างระดับกองพันประมาณ 700 - 800 นายในการเก็บกู้วัตถุระเบิดและทุ่นระเบิดในกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานไปยังกองทัพบก และได้รับอนุมัติจากผู้บัญชาการทหารบก พลเอก สุจินดา คราประยูรให้จัดเตรียมกำลังพล[3]
สหประชาชาติได้เห็นชอบอย่างเป็นทางการ และมีหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2535 และผู้แทนถาวรของไทยประจำสหประชาชาติได้ยืนยันต่อคำร้องขออย่างเป็นทางการโดยพิจารณาส่งกำลังพลจำนวน 505 นายเข้าร่วมกับกองกำลังของคณะผู้แทนล่วงหน้าของสหประชาชาติในกัมพูชา (UNAMIC) และฝ่ายรัฐบาลไทยได้มีมติอนุมัติรับในหลักการให้ส่งกองกำลังเข้าร่วมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 และทำพิธีส่งกองกำลังในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ณ กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์[3]
จัดกำลังแบ่งเป็น 2 ผลัด คือ ผลัดที่ 1 ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถึง 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 และผลัดที่ 2 ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ถึงตุลาคม พ.ศ. 2536[1] ซึ่งในระหว่างนั้น UNAMIC ได้สลายตัวลงและกลายเป็นส่วนหนึ่งของ UNTAC ทำให้กองกำลังได้ขึ้นการบัญชาการกับผู้บัญชาการฝ่ายทหารของ UNTAC
ภาพรวมของกองกำลัง
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 และ 2 (สหประชาชาติ) มีกำลังพลทั้งสิ้นจำนวน 1,151 นาย แบ่งเป็น
- กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 — จำนวน 446 นาย[1] ปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 – 5 สิงหาคม พ.ศ. 2536
- กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) — มีกองบัญชาการอยู่ที่พระตะบอง จำนวน 705 นาย[1]
- ผลัดที่ 1 ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 – 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536
- ผลัดที่ 2 ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ – ตุลาคม พ.ศ. 2536
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 อยู่ภายใต้การสั่งการและงบประมาณของรัฐบาลไทย มี พันเอก วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์ เป็นผู้บังคับกองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1[4] จัดกำลังพลมาจากกรมการทหารช่าง และชุดสุนัขสงคราม โดยหมวดสุนัขทหารประกอบด้วยกำลังพล 47 นาย และสุนัขทหาร 27 ตัว ปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถึงวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2536[5]
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ)
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยทหารช่างขององค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยทหารช่าง 5 หน่วย ได้แก่
- กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) — จากประเทศไทย กองบัญชาการตั้งอยู่ที่พระตะบอง รับผิดชอบเซกเตอร์ 1, 8, 9W (บางส่วน)
- กองพันทหารช่างจีน — จากประเทศจีน กองบัญชาการตั้งอยู่ที่พนมเปญ รับผิดชอบเซกเตอร์ 5W, 9W (บางส่วน) และกรุงพนมเปญ
- กองพันทหารช่างญี่ปุ่น — จากประเทศญี่ปุ่น กองบัญชาการตั้งอยู่ที่จังหวัดตาแก้ว รับผิดชอบเซกเตอร์ 5E (บางส่วน), 6, 9E
- หน่วยเฉพาะกิจทหารช่างโปแลนด์ — จากประเทศโปแลนด์ กองบัญชาการตั้งอยู่ที่จังหวัดกระแจะ รับผิดชอบเซกเตอร์ 4, 5E (บางส่วน)
- กองร้อยทหารช่างฝรั่งเศส — จากประเทศฝรั่งเศส กองบัญชาการตั้งอยู่ที่จังหวัดเสียมราฐ รับผิดชอบเซกเตอร์ 2, 3
โครงสร้าง
โครงสร้างของกองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พันเอก สมมารถ ปรุงสุวรรณ์ ผู้บังคับกองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ)[6] มีกำลังพลแบ่งเป็น นายทหารชั้นสัญญาบัตร จำนวน 55 นาย นายทหารชั้นประทวน จำนวน 471 นาย พลทหาร จำนวน 139 นาย พลอาสาสมัคร 35 นาย แบ่งโครงสร้างประกอบไปด้วย[3]
- กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) — กองบัญชาการอยู่ที่จังหวัดพระตะบอง
การจัดกำลังจากหน่วยต้นสังกัด
การจัดกำลังจากหน่วยต้นสังกัด ประกอบไปด้วย
เครื่องมือช่าง
เครื่องมือช่างของกองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) ประกอบไปด้วย[3]
- รถถากถาง จำนวน 5 คัน
- รถตักบรรทุก จำนวน 5 คัน
- รถโกยตัก จำนวน 5 คัน
- รถเกลี่ย จำนวน 5 คัน
- รถบด จำนวน 5-6 คัน
- รถน้ำ จำนวน 5-6 คัน
- รถบรรทุกท้าย จำนวน 55 คัน
ปฏิบัติการ
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 และ 2 (สหประชาชาติ) มีภารกิจในการปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมฟื้นฟูและบูรณะภายในประเทศกัมพูชาทั้งจากการเสนอของรัฐบาลไทยเองและการร้องขอจากสหประชาติ แบ่งออกเป็น 2 ด้านใหญ่ ๆ คือ
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 (พัน.ช.ฉก.ที่ 1) มีภารกิจในการซ่อมแซมและบูรณะเส้นทางหลวงหมายเลข 5 ของกัมพูชา ช่วงระหว่างปอยเปตไปจนถึงศรีโสภณ (จากชายแดนไทยไปทางตะวันออก) ระยะทางรวม 48 กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นเส้นทางในการส่งกลับผู้อพยพชาวกัมพูชากลับไปยังภูมิลำเนาของตน และเป็นเส้นทางเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจ โดยมีภารกิจสืบเนื่องคือการกวาดล้างและทำลายทุ่นระเบิดตามแนวเส้นทางที่ก่อสร้างซึ่งตกค้างมาจากสงครามกลางเมือง[2]
นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างเพิ่มเติมจากแผนที่วางไว้ คือ โรงเรียนมิตรภาพกัมพูชา-ไทย จำนวน 3 แห่ง และสะพานมิตรภาพไทย–กัมพูชา (อรัญประเทศ–ปอยเปต)[2]
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ)
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) (พัน.ช.ฉก.ที่ 2 (สหประชาชาติ)) มีภารกิจในการปฏิบัติการตามการร้องขอของสหประชาชาติคือการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและกับระเบิดบนเส้นทางสำหรับการส่งกลับผู้อพยพชาวกัมพูชา และพื้นที่ที่จะสร้างศูนย์รับผู้อพยพ ขึ้นการบังคับบัญชากับองค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) และสนับสนุนการทำงานของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)[2] ในพื้นที่รับผิดชอบ 3 พื้นที่ คือ เซกเตอร์ 1, 8 และ 9w ครอบคลุมจังหวัดบันทายมีชัย พระตะบอง โพธิสัตว์ และกำปงฉนัง[3]
ภารกิจของกองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ)[3] มีดังนี้
- เก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดในขอบเขตจำกัดเพื่อสนับสนุนการส่งกลับผู้อพยพและตามความต้องการขององค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC)
- การซ่อมแซมอาคาร เส้นทาง ถนน อาคาร สนามบิน ทางวิ่ง และสนามเฮลิคอปเตอร์
- การก่อสร้างอย่างง่ายในการส่งกำลังบำรุงและการก่อสร้างบริเวณหัวสนามบิน
- การจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟสนาม
- การผลิตน้ำบริสุทธิ์ การเก็บรักษาน้ำ และการขุดบ่อ
- จัดหา ผลิต รักษา และแจกจ่ายวัสดุการช่างต่าง ๆ
การปฏิบัติการของกองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ)[3] มีดังนี้
- การบูรณะและบำรุงรักษาเส้นทางสัญจรและสะพานของทางหลวงหมายเลข 5 จากกัมปงชะนังถึงศรีโสภณ และทางหลวงหมายเลข 6 จากศรีโสภณถึงแยกตัดกับทางหลวงหมายเลข 68 รวมถึงรับผิดชอบพื้นที่ของกองร้อยทหารช่างฝรั่งเศสที่ถอนกำลังจากเสียมเรียบในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2536 คือทางหลวงหมายเลข 6 จากศรีโสภณถึงเสียมเรียบ
- ซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่าอากาศยานพระตะบอง
- การตรวจค้นและทำลายล้างทุ่นระเบิด และสุนัขสงคราม
- ให้การสนับสนุนชุดก่อสร้างจำนวน 3 ชุด สำหรับรื้อถอนและคลังสำเร็จรูปตามคำสั่ง
- ให้การสนับสนุนงานช่างให้กับหน่วยขององค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) ในการถอนตัวผ่านพื้นที่รับผิดชอบ
- ถอนตัวออกจากประเทศกัมพูชาตามคำสั่ง
ปฏิบัติการหลัก
การปฏิบัติหลักซึ่งแทบจะเป็นงานที่ต้องทำตลอดเวลาคือการปรับปรุง ซ่อมแซมเส้นทางสัญจร โดยมีลักษณะความเสียหายอันเนื่องมาจากการขาดการบำรุงรักษาอย่างหนักจนถึงฐานราก บางส่วนเป็นหลุมเป็นบ่อ เกิดความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ จากน้ำท่วม จากการใช้งานเกินพิกัด โดยความรับผิดชอบ ประกอบไปด้วย[3]
ปัญหา
กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 2 (สหประชาชาติ) ประสบปัญหาในการปฏิบัติการในด้านของข้อจำกัดในการหาแหล่งของลูกรัง ซึ่งในพื้นที่คุณภาพต่ำ รวมถึงอยู่ห่างจากหน้าพื้นที่ปฏิบัติงาน รวมไปถึงไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น มีการรีดไถกำลังพลในลักษณะของด่าน และการบังคับให้ซื้อลูกรังในพื้นที่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ รวมถึงการจัดหาวัสดุต่าง ๆ ไม่อนุญาตให้จัดหาโดยตรงผ่านประเทศไทย ต้องทำผ่านสำนักงานของสหประชาชาติในพนมเปญเท่านั้น และข้อที่สำคัญที่สุดคือการไม่มีการควบคุมน้ำหนักของรถบรรทุกในการใช้งานเส้นทาง ทำให้เกิดความทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว[3]
สิ่งสืบเนื่อง
ได้มีการจัดสร้างพระเครื่องเนื่องในโอกาสที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศกัมพูชา เป็นหลวงพ่อโสธร รุ่น กองพันทหารช่างเฉพาะกิจที่ 1 (พัน.ช.ฉก.ที่ 1)[7][8]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
หน่วยเฉพาะกิจทางทหารและกึ่งทหารของไทย |
---|
ในอดีต | | |
---|
ปัจจุบัน | |
---|
|