พระเครื่องสมเด็จวัดระฆัง รุ่น ๒๑๔ ปีชาตกาล
พระเครื่องราง นิยมเรียกโดยย่อว่า พระเครื่อง หมายถึง พระพุทธรูป ขนาดเล็ก[ 1] [ 2] สร้างไว้สำหรับบรรจุไว้ในเจดีย์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า อาจจะรวมถึงรูปสมมติขนาดเล็กของพระภิกษุ อริยบุคคล พระโพธิสัตว์ และเทพเจ้า ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่สร้างขึ้นตามความนิยมของบุคคลที่มีความเชื่อในเมตตามหานิยม อิทธิ์ฤิทธิ์ ปาฏิหารย์ เช่น แคล้วคลาด, อยู่ยงคงกระพัน, นำโชค
พระเครื่องเป็นการเรียกเครื่องรางต่าง ๆ ที่เชื่อว่าทำให้เกิดพุทธคุณแก่ผู้ที่มีไว้บูชา คำนี้เพิ่งมีปรากฏในสมัยรัตโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งก็นับรวมถึงพระพิมพ์ เข้ามาอยู่ในกลุ่มพระเครื่องด้วย[ 3]
ประวัติการสร้าง
พระเครื่องมีความเป็นมาและวิวัฒนาการอันยาวนาน ก่อนจะมาเป็นพระเครื่องนั้นได้เกิดพระพิมพ์ ขึ้นมาก่อน เมื่อบริบททางสังคมเปลี่ยนไป คติการสร้างพระพิมพ์ก็เปลี่ยนแปลงไปและเลือนหายไปในที่สุด พระพิมพ์บางส่วนกลายมาเป็นพระเครื่อง พระพิมพ์เป็นของเก่าแก่ที่ได้มีผู้ทำขึ้นตั้งแต่ตอนต้นพุทธศาสนา มีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย การแผ่ขยายอิทธิพลทางพุทธศาสนาไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้พระพิมพ์ซึ่งเป็นประติมากรรมเนื่องในคติทางพุทธศาสนาได้แผ่กระจายไปยังดินแดนต่าง ๆ พร้อมกับคำสอน ความเชื่อทางพุทธศาสนา พระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงวัตถุเนื่องในพุทธศาสนาด้วย[ 4]
พุทธศาสนาเข้ามาสู่ประเทศไทยราวสมัยทวารวดีพร้อมกับความเชื่อเรื่องการสร้างพระพิมพ์ ในสมัยทวารวดีได้รับเอาคติความเชื่อของชาวอินเดียเข้ามาโดยตรงส่งผลให้การสร้างพระพิมพ์ในสมัยทวารวดี มีวัตถุประสงค์การสร้างเหมือนกับอินเดีย คือ การสร้างพระพิมพ์เพื่อสืบพระศาสนาซึ่งเป็นความเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องปัญจอันตรธาน ซึ่งปรากฏในคัมภีร์พุทธศาสนา เมื่อพุทธศาสนาแผ่ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย ความเชื่อเรื่องการสร้างพระพิมพ์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่าง ๆ แต่ละพื้นที่ อาทิ พุทธศาสนาสมัยศรีวิชัยได้รับอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีความเชื่อเรื่องการบำเพ็ญบุญเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ส่งผลให้การสร้างพระพิมพ์ในสมัยศรีวิชัย จากที่สร้างพระพิมพ์เพื่อสืบพระศาสนาเปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตายและเป็นการสะสมบุญเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ในภายหน้า เป็นต้น
ในสมัยอยุธยาเริ่มมีการสร้างพระพิมพ์เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความศักดิ์สิทธิ์ และดลบันดาลให้เกิดอานุภาพต่าง ๆ สำหรับพกเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาไปสงครามแทนการพกเครื่องรางแบบเก่า เช่น ผ้าประเจียด (ผ้ายันต์ที่ใช้ผูกแขนหรือคล้องคอ) ตะกรุด พิสมร เป็นต้น ต่อมาในสมัยต้นรัตนโกสินทร์เกิดการเปลี่ยนแนวคิดทางพุทธศาสนา อีกทั้งได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและวิทยาการจากชาติตะวันตก การสร้างพระพิมพ์เพื่อใช้เป็นเครื่องรางของขลังได้รับความนิยมมากขึ้น พระพิมพ์ที่สร้างเพื่อความเชื่อและความศรัทธาในพุทธคุณด้านต่าง ๆ เหล่านี้เรียกว่า “พระเครื่อง”
ความเชื่อและคตินิยม
เครื่องรางส่วนใหญ่ การสร้างสร้างให้มีขนาดเล็กเพื่อที่จะสามารถสร้างได้จำนวนมาก สำหรับบรรจุในเจดีย์ เพื่อว่าในอนาคตเมื่อศาสนาพุทธ เสื่อมลง วัตถุต่าง ๆ พังทลายยังสามารถพบรูปสมมุติของพระพุทธเจ้า เพื่อแสดงให้เห็นความเจริญรุ่งเรื่องของพระพุทธศาสนา
ใช้เป็นเครื่องรางสำหรับคุ้มครองป้องกันในการออกศึกสงคราม ของคนโบราณ เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ อย่างหนึ่ง
ปัจจุบันนิยมนำมาห้อยคอเป็นเครื่องรางสำหรับคุ้มครองป้องกันและเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตตามความเชื่อปรัมปราของไทย
ความนิยมของผู้นิยมสะสม
พระเครื่องชุดไตรภาคี
พระเครื่องชุดเบญจภาคี เริ่มมีขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2490 การจัดพระเครื่องชุดเบญจภาคี และลำดับพระเบญจภาคีของท่านผู้รู้ หรือเซียนพระในยุคแรกๆ ท่านตรียัมปวาย หรือ พันเอกประจญ กิตติประวัติ(ยศในขณะนั้น) ผู้ริเริ่มนำการจัดพระชุดเบญจภาคี อันประกอบด้วยพระเครื่องที่มีความนิยมและเก่าแก่ในสมัยต่าง ๆ ประกอบขึ้นเป็นห้าพระเครื่องที่หายากและมีความนิยมสูงสุด ของไทย[ 5]
พระสมเด็จวัดระฆัง เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ รุ่นที่นิยมคือ พระสมเด็จฯที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) สร้างขึ้น นิยมห้อยแขวนเป็นประธานอยู่ตรงกลาง
พระรอด เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยทวาราวดีตอนปลาย (หริภุญชัย) มีอายุการสร้างเก่าแก่ที่สุด รุ่นที่นิยมคือ พระรอดกรุวัดมหาวัน [ 6] จังหวัดลำพูน
พระกำแพงซุ้มกอ เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยสุโขทัย รุ่นที่นิยมคือ พระกำแพงซุ้มกอ จังหวัดกำแพงเพชร ในยุคปัจจุบันถือเป็นพระที่พบเจอน้อยที่สุด
พระนางพญา เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอยุธยา ซึ่งรุ่นที่นิยมคือ พระนางพญา วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก
พระผงสุพรรณ เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอู่ทอง ซึ่งรุ่นที่นิยมคือ พระผงสุพรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี
พระสมเด็จฯ รุ่นต่าง ๆ
พระสมเด็จบางขุนพรหม
พระกริ่งคลองตะเคียน
พระไพรีพินาศ
พระปิดตา
หลวงปู่ทวด
หลวงพ่อเงิน
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ [ 7]
หลวงพ่อโสธร
หลวงพ่อวัดปากน้ำ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
พระกริ่ง รุ่นต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมคือ พระกริ่งวัดสุทัศน์ และ กริ่งพระปวเรศ[ 8]
แหล่งข้อมูลอื่น
ณัฐพล อยู่รุ่งเรืองศักดิ์. ประวัติศาสตร์ผ่านพระเครื่อง . นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2555.
ณัฐพล อยู่รุ่งเรืองศักดิ์. “พระเครื่องกับสังคมไทยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถึง พ.ศ. 2550: การศึกษาคติความเชื่อ รูปแบบ และพุทธพาณิชย์.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2554.
เบเคอร์, คริส และผาสุก พงษ์ไพจิตร. “ก่อนจะถึงพระเครื่อง: ปรัมปราคติใน ขุนช้างขุนแผน.” แปลโดย อาทิตย์ เจียมรรัตตัญญู. ใน ธนาพล ลิ่มอภิชาต และสุวิมล รุ่งเจริญ (บก.), เจ้าพ่อ ประวัติศาสตร์ จอมขมังเวทย์: รวมบทความเพื่อเป็นเกียรติในโอกาสครบรอบ 60 ปี ฉลอง สุนทราวาณิชย์ . น. 183-203. กรุงเทพฯ: ศยามปัญญา, 2558.
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ตำนานพระพุทธเจดีย์ . ธนบุรี: ศิลปาปรรณาคาร, 2513.
Chalong Soontravanich. “The Regionalization of Local Buddhist Saints: Amulets, Crime and Violence in Post-World War II Thai Society.” Sojourn: Journal of Social Issues in Southeast Asia 28, 2 (July 2013): 179-215.
Jackson, Peter A. Capitalism Magic Thailand: Modernity with Enchantment . Singapore: ISEAS-Yusof Ishak Institute, 2022.
Pattana Kittiarsa. “Buddha Phanit: Thailand’s Prosperity religion and Its Commodifying Tactics.” in Pattana Kitiarsa (ed.), Religious Commodifications in Asia: Marketing Gods . pp. 120-143. London and New York, NK: Routledge, 2008.
อ้างอิง