ไข้หวัดนก |
---|
|
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ของไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดนก (ที่มา: Erskine Palmer, CDC) |
สาขาวิชา | โรคติดเชื้อ |
---|
ไข้หวัดนก (อังกฤษ: Avian influenza หรือชื่อสามัญ bird flu) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชื่อ H5N1 ซึ่งพบได้ในสัตว์ปีก ค้นพบครั้งแรกในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในประเทศอิตาลี โรคนี้ระบาดอย่างหนักทั่วโลก โดยเริ่มระบาดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2460–2461 (ค.ศ.1918–1920) เรียกว่า "ไข้หวัดใหญ่สเปน" (Spanish Flu)
เริ่มแพร่ระบาดจากฝั่งอาร์กติก และข้ามมาสู่ฝั่งแปซิฟิกภายในระยะเวลา 2 เดือน มีการประมาณผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 50–100 ล้านคน
หรือเท่ากับคนจำนวน 1 ใน 3 ของประชากรของทวีปยุโรป
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500–2501 (ค.ศ.1957–1958) เรียกว่า "ไข้หวัดใหญ่เอเซีย" (Asian Flu) มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 1–4 ล้านคน
ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 (ค.ศ.1968) เรียกว่า "ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง" (Hong Kong Flu) มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 1–4 ล้านคน
เชื้อไข้หวัดนกแผ่ระบาดทั่วเอเชีย
ประเทศจีนและฮ่องกง
ต่อมาเกิดการระบาดขึ้นอีกโดยเริ่มต้นที่ฮ่องกงในปี พ.ศ. 2540 ในครั้งนั้นมีผู้ติดเชื้อ 18 คน เสียชีวิตไป 6 คน และเมือง Chaohu ในประเทศจีน เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 และต่อมาพบนกกระยางป่วยในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเขตเมืองใหม่ของฮ่องกงเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โดยพบว่าติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1[1]
เดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 มีรายงานการระบาดที่ตลาดใหม่จินฮวาเขตลี่วาน เมืองกว่างโจว ทำให้มีสัตว์ปีกเสียชีวิต 114 ตัว และได้มีการฆ่าทำลายสัตว์ปีกอีก 518 ตัว[2]
ประเทศเวียดนาม
- มีนาคม พ.ศ. 2550 พบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในเป็ดอายุ 45 วัน ในจังหวัดหวิญล็อง บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โดยเป็ดเหล่านั้นไม่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 และทางการเวียดนามได้สั่งฆ่าเป็ดไป 800 ตัว และสั่งฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ที่พบการระบาดซึ่งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 140 กม.[3]
- พฤษภาคม พ.ศ. 2550 พบการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มเป็ดอีกแห่งนอกเมืองหายฝ่อง ทำให้ลูกเป็ดอายุ 14 วัน ซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีนล้มตาย 2,120 ตัว และผลตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 นับเป็นการระบาดของไข้หวัดนกครั้งที่ 2 ในพื้นที่ดังกล่าว[4] และเวียดนามพบการติดเชื้อไข้หวัดนกครั้งแรกที่จังหวัดเหงะอาน ของเวียดนาม[5]
ประเทศไทย
มีการระบาดมาสู่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยพบว่ามีผู้ป่วยและเสียชีวิตมากที่สุดในปีนั้นกล่าวคือป่วย 17 ราย เสียชีวิต 12 ราย ในปี พ.ศ. 2548 ป่วย 5 ราย เสียชีวิต 2 ราย และปี พ.ศ. 2549 ป่วย 3 ราย เสียชีวิต 3 ราย รวมพบผู้ป่วย 25 ราย เสียชีวิต 17 ราย โดยในปี พ.ศ. 2547 พบพื้นที่ระบาดมากที่สุดถึง 60 จังหวัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 พบพื้นที่ระบาดรองลงมา 21 จังหวัด ในปี พ.ศ. 2549 พบเพียงสองจังหวัด ในปี พ.ศ. 2550 พบพื้นที่ระบาด 4 จังหวัด และปีที่พบเป็นปีสุดท้ายได้แก่ พ.ศ. 2551 พบพื้นที่ระบาด 4 จังหวัดได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุทัยธานี[6]
ประเทศกัมพูชา
พบเด็กเสียชีวิตใน พ.ศ. 2555 หนึ่งราย[7] โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2553 พบผู้ป่วย 10 ราย เสียชีวิตอีก 8 รายในช่วงเวลาดังกล่าว[8]
ประเทศญี่ปุ่น
พบไวรัสไข้หวัดนก ในซาก " อินทรีเหยี่ยวภูเขา" มีผู้พบอินทรีตัวดังกล่าวมีอาการป่วย ที่หมู่บ้านซาการะ ในจังหวัดคุมาโมโตะ ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น เมื่อ 4 มกราคม พ.ศ. 2550[9]
การตรวจวินิจฉัยโรค
ไข้หวัดนกในระยะแรกต้องใช้เวลาในการตรวจสอบนาน 3–4 วันโดยวิธีมาตรฐานสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 คือวิธีการเพาะแยกเชื้อไวรัสในไข่ไก่ฟักหรือเซลล์เพาะเลี้ยง เมื่อ พ.ศ. 2551 ทีมวิจัยคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาชุดตรวจสอบไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 ครอบคลุมถึงไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ต้นทุนการตรวจต่ำและรู้ผลภายใน 1 วันได้สำเร็จ[10] นอกจากนี้ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ยังได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่นักวิจัยชาวไทยเพื่อพัฒนาชุดตรวจวินัจฉัยไข้หวัดนกโดยใช้หลักการไบโอเซ็นเซอร์ ซึ่งเป็นชุดตรวจวินิจฉัยไข้หวัดนกที่มีความจำเพาะสูงกับไวรัสกลุ่ม H5 มีความไวสูงกว่าวิธีปัจจุบัน (IC) 100 เท่า ทราบผลภายใน 15 นาที และสามารถเก็บตัวอย่างได้นาน 1 เดือน ก่อนนำมาอ่านผลด้วยเครื่องตรวจวัดอีกด้วย
วัคซีนป้องกัน
สหรัฐอเมริกาผลิตวัคซีนไข้หวัดนกตัวแรก โดยสร้างจากสายพันธุ์ที่ติดเชื้อในคน เมื่อ พ.ศ. 2550[11] ในประเทศจีน พ.ศ. 2551 บริษัทชีวผลิตภัณฑ์เคอซิงปักกิ่ง ผลิตวัคซีนไข้หวัดนกและใช้กับอาสาสมัครกว่า 500 ซึ่งยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล[12]
ไข้หวัดนกในคน
โดยปกติ ไข้หวัดนกไม่ติดต่อกับมนุษย์ แต่เมื่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์คนจะติดไวรัส เรียกว่าไข้หวัดนกในคน มักเกิดขึ้นในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ และส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว จากอายุ 18–20 ปี และมีอัตราการตายสูงกว่า 60%[13]
การป้องกันโรค
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้ว
- ดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- หมั่นล้างมือเป็นประจำเพื่อฆ่าเชื้อโรค และสามารถป้องกันการติดเชื้อได้
- หากมีไข้สูง และเคยสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
---|
ทั่วไป | |
---|
ไวรัสอินฟลูเอนซา | |
---|
ชนิดย่อยของ ไวรัสอินฟลูเอนซา เอ | |
---|
H1N1 | |
---|
H5N1 | |
---|
การรักษา | |
---|
การระบาดและการระบาดทั่ว ของไข้หวัดใหญ่ | |
---|
ไม่ใช่ในมนุษย์ | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม | |
---|
ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม | |
---|
|
---|
ที่เกี่ยวข้อง | |
---|
|
|
---|
ไวรัสก่อมะเร็ง | ดีเอ็นเอไวรัส: ไวรัสตับอักเสบ บี ( มะเร็งเซลล์ตับ) · ฮิวแมนแพปพิลโลมาไวรัส ( มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งทวารหนัก, มะเร็งองคชาต, มะเร็งปากช่องคลอด, มะเร็งช่องคลอด, มะเร็งคอหอยส่วนบน) · KSHV ( Kaposi's sarcoma) · ไวรัส เอ็ปสไตน์-บาร์ ( Nasopharyngeal carcinoma, Burkitt's lymphoma, มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอด์จกิน, Follicular dendritic cell sarcoma, Extranodal NK/T-cell lymphoma, nasal type) · MCPyV ( Merkel-cell carcinoma)
|
---|
ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ | |
---|
โรคระบบประสาทส่วนกลาง จากไวรัส | |
---|
โรคหัวใจร่วมหลอดเลือดอักเสบจากไวรัส | |
---|
โรคระบบหายใจจากไวรัส/ โรคเยื่อจมูกและลำคออักเสบเฉียบพลัน/ ปอดอักเสบจากไวรัส | |
---|
โรคระบบทางเดินอาหารจากไวรัส | |
---|
โรคระบบทางเดินปัสสาวะจากไวรัส | |
---|
|