โรคไตเรื้อรัง

โรคไตเรื้อรัง
(Chronic kidney disease)
ชื่ออื่นChronic renal disease, ไตล้มเหลว (kidney failure), ไตทำงานบกพร่อง (impaired kidney function)[1]
ไตของคนไข้โรคไตเรื้อรัง
สาขาวิชาวักกวิทยา
อาการระยะแรก: ไม่มีอาการ[2]
ระยหลัง: ขาบวม เหนื่อย อาเจียน เบื่ออาหาร สับสน[2]
ภาวะแทรกซ้อนโรคหัวใจ ความดันสูง ภาวะเลือดจาง[3][4]
ระยะดำเนินโรคเรื้อรัง[5]
สาเหตุเบาหวาน, ความดันสูง, โรคหลอดเลือดฝอยไตอักเสบ, โรคถุงน้ำในไต[5][6]
ปัจจัยเสี่ยงกรรมพันธุ์, มีฐานะทางสังคมเศรษฐกิจที่ไม่ดี[7]
วิธีวินิจฉัยการตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ[8]
การรักษาการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ให้ยารักษาระดับความดันเลือด ระดับน้ำตาล และลดระดับไขมัน การบำบัดทดแทนไต การปลูกถ่ายไต[9][10]
ความชุก(ทั่วโลก) 753 ล้าน (2016)[1]
การเสียชีวิต(ทั่วโลก) 1.2 ล้าน (2015)[6]

โรคไตเรื้อรัง (อังกฤษ: chronic kidney disease ตัวย่อ CKD) เป็นโรคไตชนิดหนึ่งที่การทำงานของไตจะค่อย ๆ เสียไปโดยใช้เวลาเป็นเดือน ๆ หรือปี [2][5] ในช่วงแรกมักไม่มีอาการ ต่อมาจึงจะเกิดอาการต่าง ๆ รวมทั้งขาบวม เหนื่อย อาเจียน เบื่ออาหาร และสับสน[2] ภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดจากการทำงานผิดปกติทางฮอร์โมนของไตรวมทั้ง (ตามลำดับเวลา) ความดันโลหิตสูง (มักเกี่ยวกับการทำงานของระบบ renin-angiotensin system) ภาวะกระดูกผิดเพี้ยนเหตุไต (renal osteodystrophy) และภาวะเลือดจาง[3][4][11] อนึ่ง คนไข้จะเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดยิ่งขึ้นอย่างสำคัญ โดยทั้งเสี่ยงตายและเข้าโรงพยาบาลยิ่งขึ้น[12]

เหตุเกิดมีหลายอย่าง ที่สำคัญได่แก่โรคเบาหวาน ความดันสูง โรคหลอดเลือดฝอยไตอักเสบ (glomerulonephritis) และโรคถุงน้ำในไต (polycystic kidney disease)[5][6] ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญรวมการมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง[2] การวินิจฉัยจะทำด้วยการตรวจเลือดเพื่อประมาณอัตราการกรองเลือดของไต (อังกฤษ: estimated glomerular filtration rate ตัวย่อ eGFR) และการตรวจหาอัลบูมินในปัสสาวะ[8] บางครั้งอาจต้องตรวจอัลตราซาวด์หรือตรวจชิ้นเนื้อไตเพื่อหาเหตุเกิดโรค[5] มีระบบจัดความรุนแรงของโรคหลายระบบ[13][14]

ทางการแพทย์แนะนำให้ผู้มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไตโดยไม่ต้องรอให้มีอาการ[8] การรักษาในระยะแรกเริ่มอาจเป็นการให้ยาลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด และลดไขมัน[10] มักจะใช้สารยับยั้งเอซีอี (ACEIs) หรือแองกิโอเทนซินรีเซพเตอร์บล๊อคเกอร์ (ARBs) เป็นยาลดความดันกลุ่มแรก เพราะสามารถช่วยชะลอโรคไตและลดความเสี่ยงโรคหัวใจหลอดเลือด[15] หากมีอาการบวมน้ำหรือยังควบคุมความดันเลือดไม่ได้อาจต้องใช้ยาขับปัสสาวะชนิดออกฤทธิ์ที่ลูป (loop diuretic)[16][10][17] ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs)[10] มีคำแนะนำอื่น ๆ รวมทั้งมีกิจกรรมทางกายที่กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ ปรับเปลี่ยนอาหาร เช่นให้ทานเกลือน้อยและได้โปรตีนให้พอดี[10][18] การรักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะเลือดจางและโรคกระดูกก็อาจจำเป็นด้วย[19][20] กรณีรุนแรงอาจต้องบำบัดทดแทนไตรวมทั้งฟอกไต หรือล้างไตทางช่องท้อง หรือปลูกถ่ายไตเพื่อรักษาชีวิต[9]

ในปี 2016 ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคนี้ 753 ล้านคน เป็นชาย 336 ล้านคนและหญิง 417 ล้านคน[1][21] ในปี 2015 มีคนเสียชีวิตจากโรค 1.2 ล้านคน เพิ่มจาก 409,000 คนในปี 1990[6][22] โรคที่พบว่าร่วมทำให้เสียชีวิตมากสุดคือ ความดันสูง 550,000 คน ตามด้วยเบาหวาน 418,000 คน และไตอักเสบ 238,000 คน[6]

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยปี พ.ศ. 2552 แสดงว่า ประชากรไทยมีอัตราการป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 1-5 อยู่ที่ร้อยละ 17.5 โดยความชุกของโรคเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ พบมากที่สุดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล[23]

นิยาม

โรคไตเรื้อรัง หมายถึง ภาวะที่ไตทำงานผิดปกติอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน สาเหตุอาจมาจากความเสียหายของโครงสร้างหรือหน้าที่การทำงานของไตโดยตรง หรืออาจเกิดจากค่าอัตราการกรองของไต (GFR) ต่ำลงก็ได้[23]

  1. ความเสียหายของไต
    • เกิดจากความผิดปกติทางโครงสร้างหรือหน้าที่การทำงานของไต
    • อาจส่งผลให้ค่าอัตราการกรองเลือดของไตต่ำลงหรือไม่ก็ได้
    • ตรวจพบได้จาก:
      • การตรวจชิ้นเนื้อไต
      • การตรวจปัสสาวะเพื่อหาสัญญาณบ่งบอกความเสียหายของไต
      • การตรวจภาพถ่ายทางการแพทย์
  2. ค่า GFR ต่ำ:
    • ค่า GFR ต่ำกว่า 60 ml/min/1.73 m2 เป็นเวลานานกว่า 3 เดือน
    • อาจมีหรือไม่มีสัญญาณบ่งบอกความเสียหายของไตอื่น ๆ ร่วมด้วย

สรุปก็คือ โรคไตเรื้อรังเกิดจากความผิดปกติของไตที่ส่งผลต่อหน้าที่การทำงาน, ค่า GFR ต่ำลง หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน

อาการ

คราบยูเรียอาจปรากฏบนศีรษะของคนไข้โรคไตเรื้อรัง

ในเบื้องต้นโรคนี้จะไม่มีอาการ ปกติจะพบเมื่อตรวจเลือดทั่วไปเพราะระดับคริเอทีนินเพิ่มขึ้นในเลือด หรือพบโปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria) เมื่อไตทำงานแย่ลง อาการไม่สบายก็จะเพิ่มขึ้น รวมทั้ง[24]

  • ความดันโลหิตจะสูงขึ้นเพราะมีน้ำมากเกิน และเพราะการผลิตฮอร์โมนที่ยืดหยุ่นเส้นเลือด (vasoactive hormone) ของไตผ่าน renin-angiotensin system ซึ่งทำให้เสี่ยงความดันโลหิตสูงและหัวใจวายเพิ่มขึ้น คนไข้โรคไตเรื้อรังมีโอกาสมากกว่าประชากรทั่วไปในการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งแล้วตามด้วยโรคระบบหัวใจหลอดเลือด ซึ่งเป็นผลของพิษ (uremic toxins) ที่ไตไม่สามารถนำออกโดยส่วนหนึ่ง[25] คนไข้ที่เป็นทั้งโรคไตเรื้อรังและโรคระบบหัวใจหลอดเลือดมีพยากรณ์โรคที่แย่กว่าผู้มีโรคระบบหัวใจหลอดเลือดเท่านั้นอย่างสำคัญ[26]
  • ยูเรียสะสมที่ก่อ azotemia คือภาวะมีสารประกอบไนโตรเจนในเลือดสูงผิดปกติ ซึ่งในที่สุดก็จะก่อ uremia คือภาวะมียูเรียในเลือดมากเกินโดยมีอาการต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ความเซื่องซึมไปจนถึงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (pericarditis) และโรคสมอง เพราะมียูเรียสูงมากทั้งระบบ ร่างกายก็จะขับออกทางเหงื่อ และเพราะมีความเข้มข้นสูงก็จะตกผลึกที่ผิวหนังเมื่อเหงื่อระเหยไปหมด เป็นภาวะยูเรียตกผลึก คือ uremic frost
  • โพแทสเซียมสะสมในเลือดจนเป็นภาวะมีโพแทสเซียมในเลือดมากเกิน โดยจะมีอาการตั้งแต่ความละเหี่ยจนถึงหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อาจทำให้เสียชีวิต ภาวะนี้ปกติจะไม่เกิดจนกระทั่งอัตราการกรองของไต (GFR) จะตกเหลือน้อยกว่า 20-25 mL/min/1.73 m2 เป็นระยะที่ไตสามารถขับโพแทสเซียมออกได้น้อยลง ภาวะนี้อาจแย่ลงเพราะเลือดเป็นกรด (เพราะเซลล์จะปล่อยโพแทสเซียมเข้าไปในเลือดเพื่อลดกรด) หรือการไร้อินซูลิน[27]
  • การมีน้ำมากเกินจะเกิดอาการตั้งแต่อาการบวมน้ำแบบอ่อน ๆ จนกระทั่งถึงปอดบวมน้ำซึ่งเสี่ยงชีวิต
  • ภาวะเลือดมีฟอสเฟตเกินเป็นผลของการที่ไตขับฟอสเฟตออกไม่ได้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดโดยทำให้เส้นเลือดแข็ง (vascular calcification)[28] ความเข้มข้นของ FGF-23 (fibroblast growth factor-23) ในเลือดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไตขับฟอสเฟตออกได้น้อยลง ซึ่งอาจช่วยก่อภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายโตเกิน แล้วเพิ่มอัตราตายของคนไข้[29][30]
  • ภาวะแคลเซียมต่ำในเลือดเกิดจากการขาด Calcitriol (รูปแบบหนึ่งของวิตามินดีที่ไตผลิต) (โดยมีเหตุจาก FGF-23 ระดับสูงและไตที่ฝ่อลง)[31] และการไม่ตอบสนองของกระดูกต่อฤทธิ์ปรับแคลเซียมของพาราไทรอยด์ฮอร์โมน[32] เซลล์กระดูก osteocyte มีหน้าที่ผลิต FGF-23 ซึ่งเป็นสารยับยั้งเอนไซม์ 1-alpha-hydroxylase (25-Hydroxyvitamin D3 1-alpha-hydroxylase) ที่มีฤทธิ์แรง และ 1-alpha-hydroxylase ก็มีหน้าที่แปลง 25-hydroxycholecalciferol ให้เป็นวิตามีนดี 3 ในรูปแบบ 1,25 dihydroxyvitamin D3 คือ Calcitriol[33] ต่อไปภาวะนี้จะแย่ลงเป็นภาวะฮอร์โมนต่อมพาราไทรอยด์สูงทุติยภูมิ (secondary hyperparathyroidism) ภาวะกระดูกผิดเพี้ยนเหตุไต (kidney osteodystrophy) และการแข็งตัวของหลอดเลือด (vascular calcification) ที่ทำให้หัวใจทำงานได้แย่ลง ผลสุดโต่งที่เกิดน้อยอย่างหนึ่งซึ่งตามมากก็คือภาวะ calciphylaxis ซึ่งเป็นรอยโรคทางผิวหนังที่เจ็บและไม่หายโดยคนไข้จะมีการคาดหมายคงชีพปกติไม่เกิน 1 ปี[34]
  • ความเปลี่ยนแปลงทางเมแทบอลิซึมของแร่ธาตุและกระดูกอาจ 1) ก่อความผิดปกติทางเมแทบอลิซึมของแคลเซียม ฟอสฟอรัส (ฟอสเฟต) พาราไทรอยด์ฮอร์โมน และวิตามินดี 2) ก่อความผิดปกติในการผลัดเปลี่ยนกระดูก (bone turnover) ในการกลายเป็นกระดูก ปริมาตร การยาวออกของกระดูก (linear growth) หรือความแข็งแรง เป็นภาวะกระดูกผิดเพี้ยนเหตุไต และ 3) ก่อการแข็งตัว (calcification) ของเส้นเลือดและเนื้อเยื่ออ่อนอื่น [11] โรคแร่ธาตุและกระดูกเหตุโรคไตเรื้อรังสัมพันธ์กับผลลัพธ์ที่ไม่ดี[11][21]
  • ภาวะเลือดเป็นกรดเหตุเมแทบอลิก (metabolic acidosis) อาจเกิดจากการผลิตแอมโมเนียได้ไม่พอของไต (ที่เซลล์ของ proximal tubule)[27] ภาวะเลือดเป็นกรดก็จะมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ และเพิ่มการเร้าได้ของเยื่อหุ้มหัวใจและเยื่อเซลล์ประสาทเพราะเกิดภาวะมีโพแทสเซียมในเลือดมากเกิน[35]
  • ภาวะเลือดจางจะสามัญโดยเฉพาะผู้ที่ต้องฟอกไต มีเหตุหลายอย่างรวมทั้งการอักเสบที่เพิ่มขึ้น การลดระดับอีริโทรโพอิติน และภาวะกรดยูริกเกินในเลือดจนทำให้ไขกระดูกไม่ทำงาน ภาวะเลือดจางแบบ hypoproliferative anemia ก็จะเกิดเพราะไตผลิตอีริโทรโพอิตินได้ไม่พอ[36]
  • สำหรับโรคระยะหลัง ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูกอาจจะเกิด ทำให้น้ำหนักลดอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้กล้ามเนื้อลีบ อ่อนแอ และก่อโรคเบื่ออาหารเหตุจิตใจ[37]
  • งานวิจัยพบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่าคนไข้โรคไตเรื้อรังจะคิดอ่านได้แย่ลง (cognitive decline)[38][39][40][41] และว่าคนไข้โรคไตเรื้อรังมีโอกาสร้อยละ 35-40 ที่จะเกิดสภาพความคิดอ่านเสื่อมหรือเกิดภาวะสมองเสื่อม[38][39] โดยมีโอกาสมากขึ้นเมื่อโรคไตรุนแรงขึ้น แต่คนไข้ทุกระยะก็มีโอกาสเกิดปัญหาทางความคิดอ่านเช่นกัน[41][42][39]
  • ความผิดปกติทางเพศ (sexual dysfunction) จะสามัญในคนไข้โรคไตเรื้อรัง ชายส่วนมากจะต้องการทางเพศน้อยลง อวัยวะเพศจะไม่แข็งตัว ถึงจุดสุดยอดไม่ได้ โดยจะแย่ลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หญิงโดยมากจะมีความรู้สึกทางเพศน้อยลง มีปัญหาปวดประจำเดือน มีปัญหาเมื่อร่วมเพศและไม่ยินดีทางเพศ[43]

เหตุ

จนถึงปี 2015 เหตุเกิดโรคไตเรื้อรังที่สามัญที่สุดก็คือ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดฝอยไตอักเสบ[44] ผู้ใหญ่ที่มีความดันสูง 1/5 และที่เป็นเบาหวาน 1/3 จะมีโรคไตเรื้อรัง ถ้าไม่รู้เหตุ โรคก็จะเรียกว่า idiopathic (ไม่รู้เหตุ)[45]

โรคโดยตำแหน่ง

  • เป็นโรคหลอดเลือด รวมทั้งโรคหลอดเลือดใหญ่ เช่น เส้นเลือดแดงในใตตีบ (renal artery stenosis) และโรคหลอดเลือดเล็ก เช่น โรคไตเหตุขาดเลือด (ischemic nephropathy), กลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตก-ยูรีเมีย และหลอดเลือดอักเสบ (vasculitis)
  • โรคกลุ่มกลอเมอรูไลต่าง ๆ ซึ่งอาจจัดเป็นหมวด ๆ คือ[ต้องการอ้างอิง]
    • โรคกลอเมอรูไลปฐมภูมิ เช่น focal segmental glomerulosclerosis และ IgA nephropathy (หรือ nephritis)
    • โรคกลอเมอรูไลทุติยภูมิ เช่น โรคไตจากเบาหวาน และโรคไตอักเสบเหตุลูปัส (lupus nephritis)
  • โรคที่ renal interstitium รวม tubulointerstitial nephritis เรื้อรังที่เกิดจากยาหรือพิษ และโรคไตเหตุปัสสาวะไหลย้อน (reflux nephropathy)
  • โรคไตเหตุอุดกั้น (obstructive nephropathy) โดยมีตัวอย่างเป็นโรคนิ่วไตและต่อมลูกหมากโต อนึ่ง แม้จะมีน้อย พยาธิเข็มหมุดที่เข้าไปที่ไตก็ก่อภาวะนี้ได้เหมือนกัน

อื่น 

  • โรคกรรมพันธุ์แต่กำเนิดเช่น โรคถุงน้ำในไต หรือ 17q12 microdeletion syndrome
  • โรคไตมีโซอเมริกา (Mesoamerican nephropathy) เป็น "โรคไตรูปแบบใหม่ที่อาจเรียกได้ว่าโรคไตเหตุเกษตรกรรม"[46]

กรณีคนไข้โรคไตเรื้อรังใหม่ ๆ จำนวนมากและยังอธิบายไม่ได้ ซึ่งเรียกในเบื้องต้นว่า โรคไตมีโซอเมริกา พบในเกษตรกรชายในอเมริกากลาง โดยหลักในไร่อ้อยในพื้นที่ลุ่มของประเทศเอลซัลวาดอร์และนิการากัว เชื่อว่า ภาวะร้อนเกินเนื่องกับการทำงานเป็นเวลานานโดยได้รายได้ตามจำนวนลำอ้อยที่ตัดได้ในที่ที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูง[47][48][49][50] ประมาณ 36 องศาเซลเซียส เป็นเหตุ[51] หรือไม่ก็เป็นเพราะสารเคมีทางเกษตรกรรม[52]

การวินิจฉัย

ผลการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ 12 ขั้วของคนไข้โรคไตเรื้อรังผู้ที่อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุลอย่างมาก คือ มีโพแทสเซียมในเลือดเกิน (7.4 mmol/L) และมีแคลเซียมในเลือดเกิน (1.6 mmol/L) คลื่นส่วน T-waves จะขึ้นเป็นยอดและส่วน QT interval ก็จะยาวขึ้น

การวินิจฉัยของโรคจะขึ้นอยู่กับประวัติคนไข้ การตรวจของแพทย์ การตรวจปัสสาวะ บวกกับการวัดค่าคริเอทีนินในเลือด การแยกแยะโรคไตเรื้อรัง (CKD) กับไตเสียหายเฉียบพลัน (AKI) เป็นเรื่องสำคัญเพราะอย่างหลังสามารถหายดีได้ อาการที่ช่วยแยกโรคจากกันก็คือคริเอทีนินที่เพิ่มขึ้นในเลือดอย่างค่อยเป็นค่อยไป (เป็นเดือน ๆ หรือปี ๆ) ไม่ใช่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด (เป็นวัน ๆ หรือสัปดาห์ ๆ) สำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรังเป็นจำนวนมาก การมีโรคไตมาก่อนหรือมีโรคอื่น ๆ ที่เป็นเหตุมาก่อนจะปรากฏอยู่แล้ว แต่ก็มีคนไข้จำนวนสำคัญที่ไม่รู้สาเหตุโรค[ต้องการอ้างอิง]

การตรวจคัดกรอง

ไม่แนะนำให้ตรวจคัดกรองผู้ที่ไม่มีอาการและไม่มีปัจจัยเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง[53][54] ผู้ที่ควรตรวจคัดกรองรวมทั้งผู้มีความดันสูง ผู้มีประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้เป็นโรคเบาหวาน ผู้เป็นโรคอ้วน ผู้มีอายุเกินกว่า 60 ปี ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคไต ผู้ที่มีญาติเป็นโรคไตจนถึงต้องฟอกไต[ต้องการอ้างอิง] การตรวจคัดกรองควรรวมการประมาณค่า GFR คือ eGFR จากระดับคริเอทีนินในเลือด การวัดอัตรา albumin/creatinine (ACR) จากปัสสาวะที่ถ่ายเป็นครั้งแรกในตอนเช้า (ซึ่งแสดงค่าโปรตีนอัลบูมินในปัสสาวะ) และการใช้แผ่นวัดหาเลือดในปัสสาวะ[55]

ค่า GFR ที่ได้จากค่าคริเอทีนินในเลือดจะแปรไปตาม 1/creatinine ซึ่งก็คือ ค่าคริเอทีนินยิ่งสูงเท่าไหร่ ค่า GFR ก็ต่ำลงเท่านั้น เป็นค่าแสดงการทำงานของไตด้านหนึ่ง คือแสดงว่ากลอเมอรูไลที่ทำหน้าที่กรองเลือดทำงานได้ดีแค่ไหน ค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 90-120 ml/min โดยจะใช้หน่วยไม่เหมือนกันในประเทศต่าง ๆ กลอเมอรูไลมีมวลน้อยกว่าร้อยละ 5 ของไต ดังนั้นจึงไม่สามารถเป็นตัวแสดงสุขภาพหรือการทำหน้าที่ของไตได้หมดทุกส่วน ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อรวมค่า GFR กับการตรวจคนไข้ทางคลินิก กับการตรวจสถานะของเหลว การวัดระดับฮีโมโกลบิน โพแทสเซียม ฟอสเฟต และพาราไทรอยด์ฮอร์โมน[ต้องการอ้างอิง]

อัลตราซาวนด์

การใช้อัลตราซาวด์ตรวจไตอาจมีประโยชน์เพื่อวินิจฉัยและพยากรณ์โรคไตเรื้อรัง ไม่ว่าความผิดปกติทางพยาธิวิทยาจะเป็นเพราะกลอเมอรูไลแข็ง (glomerular sclerosis) ท่อไตฝ่อ (tubular atrophy) ช่องไตเป็นพังผืด (interstitial fibrosis) หรือไตอักเสบ เพราะผลก็คือไตส่วนนอกจะสะท้อนเสียงได้ดียิ่งขึ้น เสียงที่สะท้อนจากไตควรเทียบกับเสียงที่สะท้อนจากตับหรือจากม้าม (รูป 22 และ 23) อนึ่ง ขนาดไตที่ลงและไตส่วนนอกที่บางลงก็มักจะเห็นด้วย โดยเฉพาะเมื่อโรคแย่ลง (รูป 24 และ 25) แต่ขนาดไตมีสหสัมพันธ์กับความสูง เช่นคนเตี้ยก็จะมีไตเล็ก ดังนั้น ขนาดไตเพียงอย่างเดียวจึงไม่ใช่เกณฑ์ที่แน่นอน[56]

การสร้างภาพอื่น 

วิธีการตรวจอื่นรวมทั้งการสร้างภาพไตด้วยไอโซโทปกัมมันตรังสี (MAG3 scan) เพื่อดูการเดินของเลือด และดูการทำงานต่างกันระหว่างไตทั้งสอง การสร้างภาพไตด้วย dimercaptosuccinic acid (DMSA) ก็มีใช้ด้วยเหมือนกัน โดยทั้ง MAG3 และ DMSA จะใช้เป็นตัวเกาะ (แบบคีเลชัน) กับสารกัมมันตรังสี technetium-99[57]

ตัวบ่งชี้ว่าไตเสียหาย

เกณฑ์เหล่านี้[23] ใช้ร่วมกันกับค่า GFR ในตารางที่กล่าวต่อไปข้างหน้า

  • การมีอัลบูมินมากเกินในปัสสาวะ (Albuminuria: AER >30 mg/24 hours; ACR >30 mg/g)
  • การตกตะกอนผิดปกติในปัสสาวะ
  • ความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์และอื่น ๆ เนื่องกับภาวะโรคของท่อในไต (tubular disorders)
  • ความผิดปกติของไตที่พบทางมิญชวิทยาเมื่อตัดเนื้อไตไปตรวจ
  • ความผิดปกติทางโครงสร้างที่พบด้วยการสร้างภาพต่าง 
  • การมีประวัติปลูกถ่ายไต

ระยะ

ระยะของโรคไตเรื้อรัง - CKD G1-5 A1-3
glomerular filtration rate (GFR) และ albumin/creatinine ratio (ACR)
ACR
A1 A2 A3
ปกติจนสูงขึ้นเล็กน้อย สูงพอสมควร สูงมาก
<30 30-300 >300
G
F
R
G1 ปกติ ≥ 90 1 ถ้าไตเสียหาย 1 2
G2 แย่ลงเล็กน้อย 60-89 1 ถ้าไตเสียหาย 1 2
G3a แย่ลงเล็กน้อยจนถึงปานกลาง 45-59 1 2 3
G3b แย่ลงปานกลางจนถึงมาก 30-44 2 3 3
G4 แย่ลงมาก 15-29 3 4+ 4+
G5 ไตวาย <15 4+ 4+ 4+
เลข 1-4 แสดงโอกาสเสี่ยงโรคแย่ลงและจำนวนครั้งที่ต้องให้แพทย์ตรวจต่อปี
จาก Kidney Disease Improving Global Outcomes - KDIGO 2012 Clinical Practice Guideline for the Evaluation and Management of Chronic Kidney Disease[58]

อัตราการกรองของไต (glomerular filtration rate, GFR) ที่ ≥ 60 mL/min/1.73 m2 ถือว่าปกติคือไม่มีโรคไตเรื้อรังโดยไตต้องไม่เสียหาย ไตจัดว่าเสียหายถ้ามีความปกติที่พบในเลือด ปัสสาวะ หรือภาพสร้าง เช่น ค่าวัต albumin/creatinine ratio (ACR) ≥ 30[59] แต่ทุกคนที่มี GFR <60 mL/min/1.73 m2 เป็นเวลา 3 เดือนก็จัดว่ามีโรคไตเรื้อรัง[59] การมีโปรตีนในปัสสาวะเป็นตัวบ่งชี้อิสระว่า ไตทำงานได้แย่ลงและโรคระบบหัวใจหลอดเลือดกำลังแย่ลง ดังนั้น แนวทางปฏิบัติของบริติชจะให้เขียนอักษร "P" ต่อท้ายเลขระยะโรคไตถ้ามีการเสียโปรตีนอย่างสำคัญ[60]

  1. ระยะ 1: ไตทำงานได้แย่ลงเล็กน้อย โดยไตมีความเสียหายโดยค่า GFR จะสูงหรือปกติ คือ ≥90 mL/min/1.73 m2 แต่จะมีอัลบูมินในปัสสาวะอย่างคงยืน ไตเสียหายนิยามว่ามีความผิดปกติทางพยาธิวิทยา หรือมีตัวบ่งชี้ว่าเสียหายรวมทั้งความผิดปกติในเลือด หรือในปัสสาวะ หรือในภาพที่สร้าง[59]
  2. ระยะ 2: GFR ลดลงเล็กน้อยคือ 60-89 mL/min/1.73 m2 และมีไตเสียหาย ไตเสียหายนิยามว่า มีความผิดปกติทางพยาธิวิทยา หรือมีตัวบ่งชี้ว่าเสียหายรวมทั้งความผิดปกติในเลือด หรือในปัสสาวะ หรือในภาพที่สร้าง[59]
  3. ระยะ 3: GFR ลดลงอย่างพอสมควรคือ 30-59 mL/min/1.73 m2[59] แนวทางปฏิบัติบริติชยังแยกแยะระหว่างระยะ 3A (GFR 45-59) และ 3B (GFR 30-44) เพื่อประโยชน์ในการตรวจคัดกรองและการส่งต่อหาแพทย์เฉพาะทาง[60]
  4. ระยะ 4: GFR ลดลงอย่างมากคือ 15-29 mL/min/1.73 m2[59] เป็นระยะเตรียมการบำบัดทดแทนไต
  5. ระยะ 5: ระยะไตวายคือ GFR <15 mL/min/1.73 m2 ต้องบำบัดทดแทนไต (kidney replacement therapy)[59] เป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESKD)

คำว่า "non-dialysis-dependent chronic kidney disease" (NDD-CKD) หมายถึงสภาวะโรคที่ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคไตเรื้อรังแล้ว แต่ยังไม่ต้องรักษาภาวะไตวายเพื่อพยุงชีวิต เป็นการรักษาที่เรียกว่าการบำบัดทดแทนไต (RRT) ซึ่งรวมการฟอกไตและการปลูกถ่ายไต คนไข้โรคไตเรื้อรังที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีเช่นนี้จัดว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (end-stage kidney disease ตัวย่อ ESKD) ดังนั้น โรคไตระยะสุดท้ายจึงเป็นโรคไตเรื้อรังที่คืนสภาพเดิมไม่ได้ แม้คนไข้ระยะ 1-4 จะจัดว่าเป็น NDD-CKD แต่คนไข้ระยะ 5 ที่ยังไม่ได้เริ่มฟอกไตหรือเปลี่ยนไต ก็ยังจัดว่าเป็น NDD-CKD เช่นกัน

การรักษา

โรคไตเรื้อรังเป็นโรคหนักที่มักจะสัมพันธ์กับโรคเบาหวานและความดันเลือดสูง เป็นโรคที่รักษาให้หายไม่ได้ แต่การเปลี่ยนวิถีชีวิตและการกินยาสามารถช่วยชะลอโรค ซึ่งอาจรวมการทานอาหารที่มีผักผลไม้มาก มีโปรตีนและเกลือน้อยลง ทานยาเพื่อคุมความดันเลือดและระดับน้ำตาล และทานยาใหม่ ๆ ที่ช่วยลดการอักเสบของไต แพทย์อาจรักษาเพื่อจำกัดความเสี่ยงโรคหัวใจ ป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันไม่ให้ไตเสียหายยิ่งขึ้น แม้การฟอกไตอาจจะจำเป็นในที่สุด แต่การชะลอโรคก็จะช่วยให้ใช้ไตได้นานที่สุด มีงานวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้รักษาโรคได้ดีขึ้นและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น[61]

ความดันโลหิต

แนะนำให้ใช้สารยับยั้งเอซีอี (ACEIs) หรือแองกิโอเทนซินรีเซพเตอร์บล๊อคเกอร์ (ARBs) เป็นยารักษาอันดับแรกเพราะพบว่าชะลอการแย่ลงของไตเมื่อเทียบกับคนไข้ที่ไม่ได้ยาเหล่านี้[15] ยังพบว่าลดความเสี่ยงปัญหาโรคหัวใจและเลือดหลัก ๆ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน ภาวะหัวใจวาย และความตายจากโรคหัวใจหลอดเลือดเมื่อเทียบกับคนไข้ที่กินยาหลอก[15] ACEIs อาจจะดีกว่า ARBs ในการป้องกันไม่ให้โรคแย่ลงไปจนถึงไตวายแล้วตายโดยเหตุทุกอย่างสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรัง[15] การโหมรักษาความดันเลือดจะลดความเสี่ยงตายของคนไข้[62]

วิธีอื่น 

  • แนะนำให้โหมรักษาไขมันในเลือดสูง[63]
  • การกินอาหารมีโปรตีนต่ำ มีเกลือน้อย อาจทำให้โรคแย่ช้าลง ช่วยลดโปรตีนในปัสสาวะ ช่วยควบคุมอาการของโรคไตระยะหลัง ๆ และชะลอการเริ่มฟอกไต[64] การจัดสรรอาหารที่มีโปรตีนน้อย มีภาวะเป็นกรดน้อย อาจช่วยป้องกันความเสียหายต่อไตสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรัง[65] อนึ่ง การลดกินเกลือ จะช่วยลดอุบัติการณ์โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ลดความดัน และลดภาวะมีอัลบูมินในปัสสาวะ[66]
  • ภาวะเลือดจาง - แนะนำให้รักษาระดับฮีโมโกลบินให้อยู่ในระหว่าง 100-120 g/L[67]
    • แนวทางปฏิบัติต่าง ๆ แนะนำให้รักษาด้วยธาตุเหล็กที่ไม่อาศัยการกิน ก่อนจะรักษาด้วยอีริโทรโพอิติน
    • การให้อีริโทรโพอิตินมักจำเป็นสำหรับคนไข้ระยะท้าย [68]
    • ไม่ชัดเจนว่าฮอร์โมนแอนโดรเจนจะช่วยให้ภาวะเลือดจางดีขึ้นหรือไม่[69]
  • แนะนำให้ใช้ calcitriol เพื่อรักษาการขาดวิตามินดีและควบคุมโรค metabolic bone disease
  • ใช้ยา phosphate binders เพื่อควบคุมระดับฟอสเฟตในเลือด ซึ่งมักมีระดับสูงในคนไข้โรคไตเรื้อรังระยะท้าย 
  • ยา phosphodiesterase-5 inhibitors และธาตุสังกะสีจะช่วยเรื่องความผิดปกติทางเพศสัมพันธ์ (sexual dysfunction) สำหรับคนไข้ชาย[43]

การเปลี่ยนวิถีชีวิต

การลดน้ำหนัก

โรคอ้วนอาจมีผลลบต่อโรคไตเรื้อรัง คือเพิ่มความเสี่ยงที่โรคจะแย่ลงจนเป็นโรคไตระยะสุดท้ายหรือจนไตวาย เทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีน้ำหนักปกติ[70] และในระยะสุดท้าย ๆ ก็จะตกอยู่ในเกณฑ์ไม่ให้รักษาโดยเปลี่ยนไต[71] ตัวอย่างเช่น การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงและมีฟรักโทสมากอาจทำให้บุคคล "มีโอกาสมีโรคไตเรื้อรังมากกว่าคนทั่วไปในอัตราร้อยละ 60"[72][73]

มีงานศึกษาการลดน้ำหนักในผู้ใหญ่ที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนและมีโรคไตเรื้อรังในระยะต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิผล การปริทัศน์เป็นระบบปี 2021[74] เก็บหลักฐานมาจากการศึกษา 17 งานซึ่งตรวจสอบวิถีชีวิตรวมทั้งอาหาร การออกกำลังกาย และพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำต่างหาก ๆ หรือทำร่วมกับวิธีอื่น ๆ แล้วสรุปว่า การเปลี่ยนวิถีชีวิตอาจมีประโยชน์ทางสุขภาพ รวมทั้งมีน้ำหนักที่ดีขึ้น ลดไขมันไม่ดีคือไลโพโปรตีนหนาแน่นต่ำ (LDL) ลดความดันโลหิต (DBP) เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาปกติหรือเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่จะช่วยลดเหตุการณ์ทางหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยรักษาการทำงานของไต หรือว่าช่วยลดความเสี่ยงตายหรือไม่ก็ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ดี ข้อสรุปเหล่านี้ก็อาศัยหลักฐานคุณภาพต่ำมาก ดังนั้น การศึกษาที่ดีกว่านี้ในอนาคตจึงจำเป็น

การกินเกลือแต่ละวัน

การกินอาหารที่มีเกลือสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคความดันสูงและโรคหลอดเลือดและหัวใจ งานทบทวนแบบคอเคลนปี 2021 ได้ทบทวนงานศึกษามีกลุ่มควบคุมสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรังทุกระยะรวมทั้งคนที่กำลังฟอกไต แล้วพบหลักฐานที่แน่นอนสูงว่า การลดเกลือจะช่วยลดความดันเลือดทัั้งช่วง systolic และ diastolic และการมีอัลบูมินในปัสสาวะ[75] แต่ก็มีหลักฐานแน่นอนปานกลางด้วยว่า บางคนอาจเกิดอาการความดันต่ำ เช่นเวียนหัว หลังจากจำกัดเกลืออย่างฉับพลัน ส่วนผลการจำกัดเกลือต่อน้ำนอกเซลล์ การบวมน้ำ และการลดน้ำหนักตัวยังไม่ชัดเจน[75]

การกินกรดไขมันโอเมกา-3

คนไข้โรคไตเรื้อรังที่ต้องฟอกไตมีความเสี่ยงเส้นเลือดอุดตันเพราะเลือดแข็งตัว ดังนั้น อาจทำให้ฟอกไตไม่ได้ กรดไขมันโอเมกา-3 อาจช่วยให้ร่างกายผลิตโมเลกุล eicosanoid ซึ่งจะลดการแข็งตัวของเลือด แต่งานทบทวนแบบคอเครนปี 2018 ก็ไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่าการกินกรดไขมันโอเมกา-3 เป็นอาหารเสริมจริง ๆ จะช่วยป้องกันเส้นเลือดไม่ให้อุดตันสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรัง[76] มีหลักฐานที่แน่นอนระดับปานกลางว่า การกินเป็นอาหารเสริมไม่ได้ช่วยป้องกันการเข้าโรงพยาบาลหรือการตายภายใน 12 เดือน[76]

การกินอาหารเสริมเป็นโปรตีน

มีหลักฐานแน่นอนปานกลางว่า การกินอาหารเป็นโปรตีนเป็นประจำอาจเพิ่มระดับอัลบูมินในเลือดเล็กน้อยสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องฟอกไต หรือว่าผู้ที่ขาดอาหาร[77] ระดับ transthyretin (หรือ prealbumin) และขนาดกล้ามเนื้อกลางต้นแขนอาจเพิ่มหลังจากได้อาหารเสริมแต่ความแน่นอนของหลักฐานก็ต่ำ[77] แม้ตัวบ่งชี้สถานะทางอาหารเหล่านี้ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าอาหารเสริมเป็นโปรตีนมีผลต่อคุณภาพชีวิต ต่อการคาดหมายคงชีพ การอักเสบ หรือองค์ประกอบร่างกายหรือไม่[77]

การกินธาตุเหล็กเสริม

งานทบทวนแบบคอเครนที่ตรวจสอบงานศึกษามีกลุ่มควบคุมซึ่งเปรียบเทียบการให้ธาตุเหล็กผ่านเส้นเลือดกับการให้กินธาตุเหล็กเสริม พบหลักฐานที่แน่นอนน้อยว่า คนไข้ที่ได้ธาตุเหล็กผ่านเส้นเลือดมีโอกาสมีฮีโมโกลบินถึงระดับที่เป็นเป้าหมาย 1.71 เท่ายิ่งกว่า[78] ฮีโมโกลบินโดยทั่วไปจะมีระดับ 0.71g/dl สูงกว่าคนไข้ที่กินธาตุเหล็ก เหล็กที่เก็บไว้ในตับซึ่งประเมินโดยระดับเฟอร์ริตินในเลือดก็มีค่า 224.84 µg/L สูงกว่าด้วย[78] แต่ก็มีหลักฐานที่แน่นอนน้อยเหมือนกันว่า ปฏิกิริยาแพ้มีโอกาสเกิดมากกว่าเมื่อให้ธาตุเหล็กทางเลือด ไม่ชัดเจนว่าวิธีการให้ธาตุเหล็กมีผลต่อความเสี่ยงตายจากเหตุทุกอย่างรวมทั้งเหตุการณ์ทางหัวใจและหลอดเลือดหรือไม่ และก็ไม่ชัดเจนด้วยว่าจะลดจำนวนคนไข้ที่ต้องถ่ายเลือดหรือต้องฟอกไตได้หรือไม่[78]

การนอน

คนไข้โรคไตเรื้อรังจะมีปัญหาการนอน ไม่สามารถนอนหลับได้ดี[79] มีวิธีหลายอย่างที่อาจจะช่วยเช่นเทคนิคการผ่อนคลาย การออกกำลังกาย การฝังเข็ม และยา[79]

  • การออกกำลังกาย - มีหลักฐานอ่อนที่แสดงว่าการออกกำลังกายอาจช่วยการนอน อย่างไรก็ดี การออกกำลังกายน่าจะช่วยลดความอ่อนเพลียและความซึมเศร้าในคนไข้โรคไตเรื้อรังได้[79]
  • การฝังเข็ม - หลักฐานชี้ว่าเทคนิคนี้อาจมีผลเล็กน้อยคือช่วยให้หลับได้เร็วขึ้น นอนได้นานขึ้น และช่วยลดความอ่อนเพลีย แม้ผลจะไม่ค่อยแน่นอนเนื่องจากความต่างกันของข้อสรุปในงานศึกษาต่าง [79] แม้จะได้ตรวจดูวิธีต่าง ๆ แต่หลักฐานก็ไม่แสดงว่า วิธีเหล่านั้นมีผลรักษาความผิดปกติในการนอน[79] จึงไม่สามารถสรุปว่าอะไรเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มคุณภาพการนอนของคนไข้โรคไตเรื้อรัง[79]

การรักษาทาง eHealth

ปัจจุบันยังมีหลักฐานค่อนข้างจำกัดซึ่งแสดงว่าการรักษาทาง eHealth คือการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการติดต่อ ติดตาม และรักษาคนไข้ อาจช่วยเรื่องจำกัดการกินเกลือ และการบริหารการบวมน้ำสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรัง[80] แต่ก็เป็นหลักฐานที่แน่นอนต่ำจากงานศึกษา 43 งาน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีงานศึกษาที่ใหญ่กว่าและมีคุณภาพดีกว่า เพื่อให้เข้าใจผลของการรักษาทาง eHealth ต่อคนไข้โรคไตเรื้อรัง[80]

การส่งคนไข้ต่อให้กับแพทย์วักกวิทยา

แนวทางปฏิบัติในการส่งคนไข้ต่อไปหาแพทย์วักกวิทยาจะไม่เหมือนกันในประเทศต่าง ๆ แต่โดยมากก็เห็นเหมือนกันว่า จะต้องทำสำหรับคนไข้ระยะ 4 คือเมื่อ eGFR/1.73m2 < 30 mL/min หรือเมื่อลดลงยิ่งกว่า 3 mL/min/year[81]

แต่นี่ก็อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนไข้ระยะก่อนหน้านี้ด้วย (เช่น ระยะ 3) เมื่ออัตราอัลบูมินต่อคริเอทีนินเกิน 30 mg/mmol หรือเมื่อควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ หรือเมื่อมีโลหิตในปัสสาวะ หรือมีอาการอื่น ๆ ที่ชี้ว่าเป็นโรคกลอเมอรูไลแบบปฐมภูมิ หรือเป็นโรคทุติยภูมิที่อาจจะรักษาได้โดยวิธีโดยเฉพาะ ประโยชน์อื่น ๆ ของการส่งต่อคนไข้ให้กับแพทย์วักกวิทยารวมทั้งการได้ข้อมูลอย่างละเอียดในเรื่องการฟอกไต/ปลูกถ่ายไต

การบำบัดทดแทนไต

เมื่อถึงระยะที่ 5 คนไข้ปกติจะต้องได้การบำบัดทดแทนไต (RRT) ไม่ว่าจะเป็นการฟอกไตหรือการปลูกถ่ายไต

เมื่อมีโรคไตเรื้อรัง สารพิษต่าง ๆ ที่ปกติไตจะนำออกก็จะสะสมอยู่ในเลือด แม้เมื่อคนไข้ระยะสุดท้ายจะได้การฟอกไต แต่ระดับสารพิษก็จะไม่กลับสู่ค่าปกติเพราะการฟอกไตไม่มีประสิทธิภาพพอ และเช่นเดียวกัน แม้หลังจากการปลูกถ่ายไต ระดับพิษก็อาจจะไม่กลับไปสู่ค่าปกติเพราะไตที่ปลูกถ่ายอาจจะทำงานได้ไม่เต็มร้อย แต่ถ้าเมื่อทำได้ ระดับคริเอทีนินก็มักจะปกติ สารพิษจะมีฤทธิ์เป็นพิษต่าง ๆ ต่อเซลล์ ปรากฏในเลือดโดยมีมวลโมเลกุลต่าง ๆ กัน บางอย่างจะจับอยู่กับโปรตีนอื่น ๆ โดยหลักกับอัลบูมิน สารพิษเพราะไตเสื่อมสามารถจัดเป็นหมวด 3 หมวดคือ สารละลายน้ำขนาดเล็ก สารละลายน้ำขนาดกลาง และสารละลายที่จับอยู่กับโปรตีน[82]

การชำระเลือดผ่านเยื่อแบบ high-flux หรือการรักษาที่ใช้เวลานานหรือทำบ่อย ๆ และการเพิ่มอัตราการไหลระหว่างเลือดกับสารฟอก (dialysate) ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดสารพิษละลายน้ำที่มีขนาดเล็ก สารพิษขนาดกลางจะกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าถ้าใช้เยื่อ high-flux และใช้วิธี hemodiafiltration และ hemofiltration แต่การฟอกไตก็ยังมีความจำกัดในการกำจัดสารพิษที่จับอยู่กับโปรตีน[83]

พยากรณ์โรค

โรคไตเรื้อรังจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยคนไข้ยังมักจะมีความเสี่ยงอื่น ๆ เกี่ยวกับโรคหัวใจอีกด้วยเช่น ภาวะสารไขมันสูงในเลือด เหตุความตายที่สามัญที่สุดในคนไข้โรคไตเรื้อรังก็คือโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ใช่ไตวาย

การมีโรคไตเรื้อรังมีผลเป็นอัตราตายเนื่องกับเหตุทุกอย่างที่แย่กว่า ซึ่งจะแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อไตทำงานได้น้อยลง[84] เหตุตายที่สำคัญที่สุดก็คือโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ว่าคนไข้จะแย่ลงจนถึงระยะ 5 หรือไม่[84][85][86]

แม้การบำบัดทดแทนไตอาจจะช่วยรักษาให้มีชีวิตอยู่ได้นาน แต่คุณภาพชีวิตก็จะแย่ลง[87][88] การปลูกถ่ายไตจะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตสำหรับคนไข้ระยะ 5 เมื่อเทียบกับวิธีอื่น [89][90] แต่ก็เพิ่มโอกาสการตายในระยะสั้นเพราะผลข้างเคียงของการผ่าตัด นอกเหนือจากการปลูกถ่ายไต การฟอกไตที่บ้าน (high-intensity) ดูจะสัมพันธ์กับการรอดชีวิตที่ดีขึ้นและกับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับการชำระเลือดผ่านเยื่อ 3 ครั้งต่ออาทิตย์และการชำระเลือดผ่านเยื่อบุช่องท้อง[91]

คนไข้ระยะสุดท้ายจะเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้น[92] โดยความเสี่ยงจะสูงมากสำหรับคนที่อายุน้อย ความเสี่ยงจะค่อย ๆ น้อยลง ตามอายุ[92] องค์กรทางแพทย์เฉพาะทางแนะนำว่า แพทย์ไม่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งสำหรับคนไข้ที่มีความคาดหมายคงชีพน้อยเหตุโรคไตเรื้อรัง เพราะหลักฐานชี้ว่าไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น[93][94]

ในเด็กโรคไตเรื้อรัง การไม่โตเป็นผลข้างเคียงสามัญ คนไข้เด็กจะสูงน้อยกว่าเด็กอายุเดียวกันและเพศเดียวกันร้อยละ 97 อื่น ซึ่งอาจรักษาได้ด้วยการให้อาหารเสริม หรือยาเช่น Growth hormone[95]

โอกาสรอดชีวิตโดยไม่ฟอกไต

งานทบทวนปี 2022 ได้ตรวจสอบการรอดชีวิตและคุณภาพชีวิตของคนไข้ที่ตัดสินใจไม่ฟอกไตเมื่อเป็นโรคระยะสุดท้าย เป็นงานศึกษาตามยาว (หรืองานศึกษาตามแผน) 41 งาน โดยรวมคนไข้ 5,102 คน อายุเฉลี่ยของคนไข้ต่องานอยู่ที่ 60-70 ปี eGFR เฉลี่ยเมื่อตัดสินใจไม่ฟอกไตต่องานอยู่ที่ระหว่าง 7-19 ml/min/1.73 m2

การรอดชีวิตมัธยฐานต่องานอยู่ที่

  • ทั้ง 41 งาน - 1-41 เดือน
  • งานศึกษาจากยุโรปแผ่นดินใหญ่ (จากงาน 11 งานโดยรวมคนไข้ 1,021 คน) - 6-37 เดือน
  • งานศึกษาจากเอเชีย (จากงาน 7 งานโดยรวมคนไข้ 1,147 คน) - 7-41 เดือน
  • อายุ 70-79 ปี (จากงาน 9 งานโดยรวมคนไข้ 607 คน) - 7-41 เดือน
  • อายุ 80+ (จากงาน 25 งานโดยรวมคนไข้ 3,186 คน) - 1-37 เดือน

การรอดชีวิตนานที่สุดต่องานจากงานศึกษา 3 งานที่มีค่ามัธยฐานสูงสุดอยู่ที่ 82, 79 และ 75 เดือน

ในช่วง 8-24 เดือน คนไข้จะมีความสุขทางจิตใจที่ดีขึ้น ส่วนความอยู่เป็นสุขทางกายและคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปจะสม่ำเสมอจนกระทั่งถึงระยะสุดท้ายของโรค

นักวิจัยผู้ทบทวนจึงได้สรุปว่า "ผลที่เราค้นพบได้ท้าทายแนวคิดผิด ๆ ที่สามัญว่า ทางเลือกอื่นเดียวจากการฟอกไตสำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรังระยะท้าย ๆ ก็คือ ไม่ดูแลหรือว่าตาย"[96][97]

งานทบทวนปี 2021 ได้วิเคราะห์งานศึกษา 25 งานที่ได้เปรียบเทียบระยะการรอดชีวิตกับคุณภาพชีวิตในบรรดาคนไข้ที่ฟอกไตและไม่ฟอก การรอดชีวิตทั่วไปจะนานกว่าเมื่อฟอกไต แต่เมื่อถึงอายุ 80 ปีขึ้นและในคนไข้อายุมากผู้มีโรคที่เกิดร่วมกัน (comorbidities) ผลเช่นนี้จะไม่แน่นอน สำหรับคุณภาพชีวิต มีแนวโน้มว่าคนไข้ที่ไม่ฟอกไตจะดีกว่า[98]

วิทยาการระบาด

โรคไตเรื้อรัง (CKD) ได้กลายเป็นภัยคุกคามสุขภาพประชาชนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และอาจลุกลามสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESRD) ซึ่งต้องรักษาด้วยการฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต[23]

การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า อัตราการเกิดและผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 13 ของประชากรในปี 2004 โดยความชุกของโรคไตเรื้อรังในระยะเริ่มต้นนั้น พบได้มากกว่าระยะที่เป็นโรคมากถึง 100 เท่า[23]

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยปี พ.ศ. 2552 ที่ศึกษากลุ่มอาสาสมัครอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 3,459 คนจากอำเภอ 20 อำเภอในจังหวัด 10 จังหวัดโดยอาศัยการคำนวณอัตราการกรองของไตจากสมการ MDRD แสดงว่า ประชากรไทยมีอัตราการป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 1-5 อยู่ที่ร้อยละ 17.5 โดยความชุกของโรคเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ พบมากที่สุดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และที่น่ากังวลคือ คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง[23]

โรคไตเรื้อรังเป็นเหตุการเสียชีวิต 956,000 รายทั่วโลกในปี 2013 โดยเพิ่มขึ้นจาก 409,000 รายในปี 1990[22]

โรคไตเรื้อรังอันไม่ทราบสาเหตุ

โรคไตเรื้อรังบางกรณีจะไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งจะระบุว่าเป็น chronic kidney disease of unknown aetiology (CKDu) เมื่อประเมินในปี 2020 ความชุกได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจในไม่กี่ทศวรรษในเขตต่าง ๆ ของอเมริกากลางและเม็กซิโก เป็น CKDu ที่เรียกว่า Mesoamerican nephropathy (MeN) ในปี 2013 ประเมินว่ามีชาย 20,000 คนที่ได้เสียชีวิตก่อนวัย บางคนอยู่ในช่วงวัย 20 หรือ 30 เท่านั้น ต่อมาในปี 2020 ประเมินว่ามีชาย 40,000 คนที่ได้เสียชีวิต ในเขตที่มีอุบัติการณ์นี้ การเสียชีวิตเพราะโรคไตเรื้อรังอาจมากเป็น 5 เท่าของอัตราทั่วประเทศ โดยมากเกิดกับเกษตรกรไร่อ้อย[48] แม่จะยังไม่รู้เหตุ แต่ในปี 2020 นักวิชาการก็ได้พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการทำงานหนักในเขตที่ร้อนมากกับอุบัติการณ์โรคไตเรื้อรังอันไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น การกินน้ำบ่อย ๆ การพักผ่อนและการได้ร่มเงา ก็อาจจะลดอุบัติการณ์โรคเช่นนี้ได้[99] CKDu ยังมีผลต่อชาวศรีลังกาโดยเป็นเหตุให้เสียชีวิตในโรงพยาบาลมากที่สุดเป็นอันดับ 8[100]

เชื้อชาติ

คนแอฟริกา คนเชื้อสายสเปน (Hispanic) คนเอเชียใต้ โดยเฉพาะจากปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ และอินเดีย มีความเสี่ยงเกิดโรคไตเรื้อรังสูง คนแอฟริกาเสี่ยงเพราะผู้เป็นโรคความดันสูงมีอัตราสูงมาก ยกตัวอย่างในสหรัฐเช่น คนเชื้อสายแอฟริกาที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายร้อยละ 37 มีเหตุจากความดันสูงเทียบกับร้อยละ 19 ในบรรดาคนผิวขาว[7] ประสิทธิภาพในการรักษาก็ยังต่างกันระหว่างเชื้อชาติต่าง ๆ อีกด้วย ในบรรดาคนขาว การให้ยาแก้ความดันปกติจะป้องกันไม่ให้โรคแย่ลง แต่มักจะมีผลน้อยในการชะลอโรคไตในบรรดาคนดำ ซึ่งมักจะต้องรักษาเพิ่มเช่น โดยใช้ bicarbonate therapy[7] แม้สถานะทางสังคมเศรษฐกิจจะมีผลต่อการเกิดโรค แต่ความต่างการเกิดโรคระหว่างคนดำกับคนขาวเมื่อควบคุมปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ แล้วก็ยังชัดเจนอยู่ดี[7]

แม้การเกิด CKDu จะได้บันทึกเป็นการเป็นงานในชาวเกษตรกรไร่อ้อยในประเทศคอสตาริกาในช่วงทศวรรษ 1970 แต่จริง ๆ ก็อาจจะมีผลต่อเกษตรกรเมื่อเริ่มปลูกอ้อยในเขตแคริบเบียนมาตั้งแต่ทศวรรษ 1600 แล้ว ในช่วงล่าอาณานิคม บันทึกการเสียชีวิตของทาสชาวไร่อ้อยมีอัตราสูงกว่าทาสที่ทำงานอื่น [99]

สัตว์อื่น 

สุนัข

อัตราการเกิดโรคไตเรื้อรังของสุนัขอยู่ที่ 15.8 กรณีต่อ 10,000 ตัว-ปี อัตราการตายอยู่ที่ 9.7 กรณีต่อ 10,000 ตัว-ปี (อัตราได้มาจากข้อมูลประกันสุนัขประเทศสวีเดน 600,000 ตัว อัตราความเสี่ยงที่ 1 ตัว-ปี ก็คือ สุุนัขตัวหนึ่งจะมีโอกาสเสี่ยงเป็นเวลาหนึ่งปี) พันธุ์ที่มีอัตราเสี่ยงสูงสุดคือ Bernese mountain dog, miniature schnauzer และบ็อกเซอร์ พันธุ์ที่มีอัตราเสี่ยงน้อยสุดคือ Swedish Elkhound, ไซบีเรียนฮัสกี และ Finnish spitz[101][102]

แมว

แมวที่มีโรคไตเรื้อรังอาจจะสะสมสารพิษที่ปกติไตจะกำจัด แมวอาจจะดูเหมือนเซื่องซึม สกปรก ผอม และอาจมีความดันสูง อาจจะทำให้ปัสสาวะผิดปกติ ทำให้แมวปัสสาวะมากกว่าปกติ จึงต้องกินน้ำเพิ่ม การเสียโปรตีนและวิตามินที่สำคัญทางปัสสาวะ อาจทำให้เมแทบอลิซึมผิดปกติและไม่อยากอาหาร การสะสมกรดในเลือดอาจจะมีผลเป็นภาวะกรดเกิน แล้วเกิดภาวะเลือดจาง (ซึ่งอาจจะทำให้เหงือกปรากฏเป็นสีชมพูหรือขาว ๆ แต่การมีเหงือกสีปกติก็ไม่ใช่ว่า จะไม่มีภาวะเลือดจาง) และความเซื่องซึม[103]

เชิงอรรถและอ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 Bikbov, B; Perico, N; Remuzzi, G (2018-05-23). "Disparities in Chronic Kidney Disease Prevalence among Males and Females in 195 Countries: Analysis of the Global Burden of Disease 2016 Study". Nephron. 139 (4): 313–318. doi:10.1159/000489897. PMID 29791905.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 "What Is Chronic Kidney Disease?". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. June 2017. สืบค้นเมื่อ 2017-12-19.
  3. 3.0 3.1 Liao, MT; Sung, CC; Hung, KC; Wu, CC; Lo, L; Lu, KC (2012). "Insulin resistance in patients with chronic kidney disease". Journal of Biomedicine & Biotechnology. 2012: 691369. doi:10.1155/2012/691369. PMC 3420350. PMID 22919275.
  4. 4.0 4.1 "Kidney Failure". MedlinePlus (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-11-11.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 "What is renal failure?". Johns Hopkins Medicine (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-12-18.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 Wang, H; Naghavi, M; Allen, C; Barber, RM; Bhutta, ZA; Carter, A; และคณะ (October 2016). "Global, regional, and national life expectancy, all-cause mortality, and cause-specific mortality for 249 causes of death, 1980-2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1459–1544. doi:10.1016/s0140-6736(16)31012-1. PMC 5388903. PMID 27733281. {{cite journal}}: ใช้ et al. อย่างชัดเจน ใน |last7= (help)
  7. 7.0 7.1 7.2 7.3 Appel, LJ; Wright, JT; Greene, T; Kusek, JW; Lewis, JB; Wang, X; และคณะ (April 2008). "Long-term effects of renin-angiotensin system-blocking therapy and a low blood pressure goal on progression of hypertensive chronic kidney disease in African Americans". Archives of Internal Medicine. 168 (8): 832–9. doi:10.1001/archinte.168.8.832. PMC 3870204. PMID 18443258.
  8. 8.0 8.1 8.2 "Chronic Kidney Disease Tests & Diagnosis". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. October 2016. สืบค้นเมื่อ 2017-12-19.
  9. 9.0 9.1 "Kidney Failure". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. สืบค้นเมื่อ 2017-11-11.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 "Managing Chronic Kidney Disease". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. October 2016.
  11. 11.0 11.1 11.2 KDIGO: Kidney Disease Improving Global Outcomes (August 2009). "KDIGO Clinical Practice Guideline for the Diagnosis, Evaluation, Prevention, and Treatment of Chronic Kidney Disease-Mineral and Bone Disorder (CKD-MBD)" (PDF). Kidney Int. 76 (Suppl 113). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-12-13.
  12. Go, AS; Chertow, GM; Fan, D; McCulloch, CE; Hsu, CY (September 2004). "Chronic kidney disease and the risks of death, cardiovascular events, and hospitalization". The New England Journal of Medicine. 351 (13): 1296–1305. doi:10.1056/NEJMoa041031. PMID 15385656.
  13. "Summary of Recommendation Statements". Kidney International Supplements. 3 (1): 5–14. January 2013. doi:10.1038/kisup.2012.77. PMC 4284512. PMID 25598998.
  14. Ferri, FF (2017). Ferri's Clinical Advisor 2018 E-Book: 5 Books in 1 (ภาษาอังกฤษ). Elsevier Health Sciences. pp. 294–295. ISBN 9780323529570.
  15. 15.0 15.1 15.2 15.3 Xie, X; Liu, Y; Perkovic, V; Li, X; Ninomiya, T; Hou, W; และคณะ (May 2016). "Renin-Angiotensin System Inhibitors and Kidney and Cardiovascular Outcomes in Patients With CKD: A Bayesian Network Meta-analysis of Randomized Clinical Trials". American Journal of Kidney Diseases (Systematic Review & Meta-Analysis). 67 (5): 728–41. doi:10.1053/j.ajkd.2015.10.011. PMID 26597926.
  16. Wile, D (September 2012). "Diuretics: a review". Annals of Clinical Biochemistry. 49 (Pt 5): 419–31. doi:10.1258/acb.2011.011281. PMID 22783025.
  17. James, PA; Oparil, S; Carter, BL; Cushman, WC; Dennison-Himmelfarb, C; Handler, J; และคณะ (February 2014). "2014 evidence-based guideline for the management of high blood pressure in adults: report from the panel members appointed to the Eighth Joint National Committee (JNC 8)". JAMA. 311 (5): 507–20. doi:10.1002/14651858.CD011339.pub2. PMC 6485696. PMID 24352797.
  18. "Eating Right for Chronic Kidney Disease|NIDDK". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. สืบค้นเมื่อ 2019-09-05.
  19. "Anemia in Chronic Kidney Disease". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. July 2016. สืบค้นเมื่อ 2017-12-19.
  20. "Mineral & Bone Disorder in Chronic Kidney Disease". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. November 2015. สืบค้นเมื่อ 2017-12-19.
  21. 21.0 21.1 Tjempakasari, A; Suroto, H; Santoso, D (December 2022). "Osteoblastogenesis of adipose-derived mesenchymal stem cells in chronic kidney disease patient with regular hemodialysis". Annals of Medicine and Surgery. 84: 104796. doi:10.1016/j.amsu.2022.104796. PMC 9758290. PMID 36536732.
  22. 22.0 22.1 Naghavi, M; Wang, H; Lozano, R; Davis, A; Liang, X; Zhou, M; และคณะ (January 2015). "Global, regional, and national age-sex specific all-cause and cause-specific mortality for 240 causes of death, 1990-2013: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2013". Lancet. 385 (9963): 117–71. doi:10.1016/S0140-6736(14)61682-2. PMC 4340604. PMID 25530442. {{cite journal}}: ใช้ et al. อย่างชัดเจน ใน |last7= (help) Table 2, p. 137 สิ่งพิมพ์เผยแพร่เข้าถึงแบบเปิด อ่านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  23. 23.0 23.1 23.2 23.3 23.4 23.5 นพ.ประเสริฐ ธนกิจจารุ, นพ.สกานต์ บุนนาค, พญ.วรางคณา พิชัยวงศ์ (November 2011). "โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD)" (PDF). สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-04-18.{{cite web}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  24. Kalantar-Zadeh, K; Lockwood, MB; Rhee, CM; Tantisattamo, E; Andreoli, S; Balducci, A; Laffin, P; Harris, T; Knight, R; Kumaraswami, L; Liakopoulos, V; Lui, SF; Kumar, S; Ng, M; Saadi, G; Ulasi, I; Tong, A; Li, PK (2022-01-03). "Patient-centred approaches for the management of unpleasant symptoms in kidney disease". Nat Rev Nephrol. 18 (2): 001–017. doi:10.1038/s41581-021-00518-z. PMID 34980890. S2CID 245636182.
  25. Hoyer, FF; Nahrendorf, M (January 2019). "Uremic Toxins Activate Macrophages". Circulation. 139 (1): 97–100. doi:10.1161/CIRCULATIONAHA.118.037308. PMC 6394415. PMID 30592654.
  26. Damman, K; Valente, MA; Voors, AA; O'Connor, CM; van Veldhuisen, DJ; Hillege, HL (February 2014). "Renal impairment, worsening renal function, and outcome in patients with heart failure: an updated meta-analysis". European Heart Journal. 35 (7): 455–69. doi:10.1093/eurheartj/eht386. PMID 24164864.
  27. 27.0 27.1 Arora, P; Aronoff, GR; Mulloy, LL; Talavera, F; Verrelli, M (2018-09-16). Batuman, V (บ.ก.). "Chronic Kidney Disease". Medscape.
  28. Hruska, KA; Mathew, S; Lund, R; Qiu, P; Pratt, R (July 2008). "Hyperphosphatemia of chronic kidney disease". Kidney International. 74 (2): 148–57. doi:10.1038/ki.2008.130. PMC 2735026. PMID 18449174.
  29. Faul, C; Amaral, AP; Oskouei, B; Hu, MC; Sloan, A; Isakova, T; และคณะ (November 2011). "FGF23 induces left ventricular hypertrophy". The Journal of Clinical Investigation. 121 (11): 4393–408. doi:10.1172/JCI46122. PMC 3204831. PMID 21985788.
  30. Gutiérrez, OM; Mannstadt, M; Isakova, T; Rauh-Hain, JA; Tamez, H; Shah, A; และคณะ (August 2008). "Fibroblast growth factor 23 and mortality among patients undergoing hemodialysis". The New England Journal of Medicine. 359 (6): 584–92. doi:10.1056/NEJMoa0706130. PMC 2890264. PMID 18687639.
  31. Bacchetta, J; Sea, JL; Chun, RF; Lisse, TS; Wesseling-Perry, K; Gales, B; และคณะ (January 2013). "Fibroblast growth factor 23 inhibits extrarenal synthesis of 1,25-dihydroxyvitamin D in human monocytes". Journal of Bone and Mineral Research. 28 (1): 46–55. doi:10.1002/jbmr.1740. PMC 3511915. PMID 22886720.
  32. Bover, J; Jara, A; Trinidad, P; Rodriguez, M; Martin-Malo, A; Felsenfeld, AJ (August 1994). "The calcemic response to PTH in the rat: effect of elevated PTH levels and uremia". Kidney International. 46 (2): 310–7. doi:10.1038/ki.1994.276. PMID 7967341.
  33. Longo, D; Fauci, A; Kasper, D; Hauser, S; Jameson, J; Loscalzo, J (2012). Harrison's Principles of Internal Medicine (18th ed.). New York: McGraw-Hill. p. 3109. ISBN 978-0-07-174890-2.
  34. Brandenburg, VM; Cozzolino, M; Ketteler, M (2011). "Calciphylaxis: a still unmet challenge". Journal of Nephrology. 24 (2): 142–8. doi:10.5301/jn.2011.6366. PMID 21337312.
  35. Adrogué, HJ; Madias, NE (September 1981). "Changes in plasma potassium concentration during acute acid-base disturbances". The American Journal of Medicine. 71 (3): 456–67. doi:10.1016/0002-9343(81)90182-0. PMID 7025622.
  36. Shaikh, H; Aeddula, NR (January 2021). "Anemia Of Chronic Renal Disease". StatPearls [Internet]. StatPearls Publishing. PMID 30969693. NBK539871.
  37. Mak, RH; Ikizler, AT; Kovesdy, CP; Raj, DS; Stenvinkel, P; Kalantar-Zadeh, K (March 2011). "Wasting in chronic kidney disease". Journal of Cachexia, Sarcopenia and Muscle. 2 (1): 9–25. doi:10.1007/s13539-011-0019-5. PMC 3063874. PMID 21475675.
  38. 38.0 38.1 Shea, MK; Wang, J; Barger, K; Weiner, DE; Booth, SL; Seliger, SL; และคณะ (August 2022). "Vitamin K Status and Cognitive Function in Adults with Chronic Kidney Disease: The Chronic Renal Insufficiency Cohort". Current Developments in Nutrition. 6 (8): nzac111. doi:10.1093/cdn/nzac111. PMC 9362761. PMID 35957738.
  39. 39.0 39.1 39.2 Singh-Manoux, A; Oumarou-Ibrahim, A; Machado-Fragua, MD; Dumurgier, J; Brunner, EJ; Kivimaki, M; และคณะ (January 2022). "Association between kidney function and incidence of dementia: 10-year follow-up of the Whitehall II cohort study". Age and Ageing. 51 (1): afab259. doi:10.1093/ageing/afab259. PMC 8782607. PMID 35061870.
  40. O'Lone, E; Connors, M; Masson, P; Wu, S; Kelly, PJ; Gillespie, D; และคณะ (June 2016). "Cognition in People With End-Stage Kidney Disease Treated With Hemodialysis: A Systematic Review and Meta-analysis". American Journal of Kidney Diseases (ภาษาEnglish). 67 (6): 925–935. doi:10.1053/j.ajkd.2015.12.028. PMID 26919914.{{cite journal}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  41. 41.0 41.1 Bugnicourt, JM; Godefroy, O; Chillon, JM; Choukroun, G; Massy, ZA (February 2013). "Cognitive disorders and dementia in CKD: the neglected kidney-brain axis". Journal of the American Society of Nephrology (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 24 (3): 353–363. doi:10.1681/ASN.2012050536. PMID 23291474. S2CID 5248658.
  42. Kurella, M; Chertow, GM; Luan, J; Yaffe, K (November 2004). "Cognitive impairment in chronic kidney disease". Journal of the American Geriatrics Society. 52 (11): 1863–1869. doi:10.1111/j.1532-5415.2004.52508.x. PMID 15507063. S2CID 23257233.
  43. 43.0 43.1 Vecchio, M; Navaneethan, SD; Johnson, DW; Lucisano, G; Graziano, G; Saglimbene, V; และคณะ (December 2010). "Interventions for treating sexual dysfunction in patients with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews (12): CD007747. doi:10.1002/14651858.CD007747.pub2. PMID 21154382.
  44. Vos, T; Allen, C; Arora, M; Barber, RM; Bhutta, ZA; Brown, A; และคณะ (October 2016). "Global, regional, and national incidence, prevalence, and years lived with disability for 310 diseases and injuries, 1990-2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1545–1602. doi:10.1016/S0140-6736(16)31678-6. PMC 5055577. PMID 27733282. {{cite journal}}: ใช้ et al. อย่างชัดเจน ใน |last7= (help)
  45. "United States Renal Data System (USRDS)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-13.
  46. Orantes, CM; Herrera, R; Almaguer, M; Brizuela, EG; Núñez, L; Alvarado, NP; และคณะ (April 2014). "Epidemiology of chronic kidney disease in adults of Salvadoran agricultural communities". MEDICC Review. 16 (2): 23–30. doi:10.37757/MR2014.V16.N2.5. PMID 24878646.
  47. Tangri, N (2013-07-29). "MesoAmerican Nephropathy: A New Entity". eAJKD. National Kidney Foundation.
  48. 48.0 48.1 Wesseling, C; Crowe, J; Hogstedt, C; Jakobsson, K; Lucas, R; Wegman, DH (November 2013). "The epidemic of chronic kidney disease of unknown etiology in Mesoamerica: a call for interdisciplinary research and action". American Journal of Public Health. 103 (11): 1927–30. doi:10.2105/AJPH.2013.301594. PMC 3828726. PMID 24028232.
  49. Johnson, RJ; Sánchez-Lozada, LG (October 2013). "Chronic kidney disease: Mesoamerican nephropathy--new clues to the cause". Nature Reviews. Nephrology. 9 (10): 560–1. doi:10.1038/nrneph.2013.174. PMID 23999393. S2CID 20611337.
  50. Roncal Jimenez, CA; Ishimoto, T; Lanaspa, MA; Rivard, CJ; Nakagawa, T; Ejaz, AA; และคณะ (August 2014). "Fructokinase activity mediates dehydration-induced renal injury". Kidney International. 86 (2): 294–302. doi:10.1038/ki.2013.492. PMC 4120672. PMID 24336030.
  51. Grovern, N (2021-10-21). "Global heating 'may lead to epidemic of kidney disease'". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-21. สืบค้นเมื่อ 2021-10-25.
  52. Chavkin, S; Greene, R (2011-12-12). "Thousands of sugar cane workers die as wealthy nations stall on solutions". International Consortium of Investigative Journalists. สืบค้นเมื่อ 2012-11-26.
  53. Qaseem, A; Hopkins, RH; Sweet, DE; Starkey, M; Shekelle, P (December 2013). "Screening, monitoring, and treatment of stage 1 to 3 chronic kidney disease: A clinical practice guideline from the American College of Physicians". Annals of Internal Medicine. 159 (12): 835–47. doi:10.7326/0003-4819-159-12-201312170-00726. PMID 24145991.
  54. Weckmann, GF; Stracke, S; Haase, A; Spallek, J; Ludwig, F; Angelow, A; และคณะ (October 2018). "Diagnosis and management of non-dialysis chronic kidney disease in ambulatory care: a systematic review of clinical practice guidelines". BMC Nephrology. 19 (1): 258. doi:10.1186/s12882-018-1048-5. PMC 6180496. PMID 30305035.
  55. Johnson, D (2011-05-02). "Chapter 4: CKD Screening and Management: Overview". ใน Daugirdas, J (บ.ก.). Handbook of Chronic Kidney Disease Management. Lippincott Williams and Wilkins. pp. 32–43. ISBN 978-1-58255-893-6.
  56. 56.0 56.1 56.2 56.3 56.4 Content initially copied from: Hansen, KL; Nielsen, MB; Ewertsen, C (December 2015). "Ultrasonography of the Kidney: A Pictorial Review". Diagnostics. 6 (1): 2. doi:10.3390/diagnostics6010002. PMC 4808817. PMID 26838799. (CC-BY 4.0)
  57. "Kidney scans". Singlehealth.
  58. CKD Evaluation and Management 2012. Kidney Disease Improving Global Outcomes (KDIGO). Retrieved 2019-07-06.
  59. 59.0 59.1 59.2 59.3 59.4 59.5 59.6 National Kidney Foundation (2002). "K/DOQI clinical practice guidelines for chronic kidney disease". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-04-15. สืบค้นเมื่อ 2008-06-29.
  60. 60.0 60.1 National Institute for Health and Clinical Excellence. Clinical guideline 73: Chronic kidney disease. London, 2008.
  61. Kalantar-Zadeh, K; Jafar, TH; Nitsch, D; Neuen, BL; Perkovic, V (2021-06-24). "Chronic Kidney Disease" (PDF). Lancet. 397 (10293): 001–017. doi:10.1016/S0140-6736(21)00519-5. PMID 34175022. S2CID 235631509.
  62. Malhotra, R; Nguyen, HA; Benavente, O; Mete, M; Howard, BV; Mant, J; และคณะ (October 2017). "Association Between More Intensive vs Less Intensive Blood Pressure Lowering and Risk of Mortality in Chronic Kidney Disease Stages 3 to 5: A Systematic Review and Meta-analysis". JAMA Internal Medicine. 177 (10): 1498–1505. doi:10.1001/jamainternmed.2017.4377. PMC 5704908. PMID 28873137.
  63. Chauhan, V; Vaid, M (November 2009). "Dyslipidemia in chronic kidney disease: managing a high-risk combination". Postgraduate Medicine. 121 (6): 54–61. doi:10.3810/pgm.2009.11.2077. PMID 19940417. S2CID 22730176.
  64. Kalantar-Zadeh, K; Fouque, D (November 2017). "Nutritional Management of Chronic Kidney Disease". The New England Journal of Medicine. 377 (18): 1765–1776. doi:10.1056/NEJMra1700312. PMID 29091561. S2CID 27499763.
  65. Passey, C (May 2017). "Reducing the Dietary Acid Load: How a More Alkaline Diet Benefits Patients With Chronic Kidney Disease". J Ren Nutr (Review). 27 (3): 151–160. doi:10.1053/j.jrn.2016.11.006. PMID 28117137.
  66. McMahon, EJ; Campbell, KL; Bauer, JD; Mudge, DW; Kelly, JT (June 2021). "Altered dietary salt intake for people with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2021 (6): CD010070. doi:10.1002/14651858.cd010070.pub3. PMC 8222708. PMID 34164803.
  67. Levin, A.; Hemmelgarn, B.; Culleton, B.; Tobe, S.; McFarlane, P.; Ruzicka, M.; และคณะ (2008-11-18). "Guidelines for the management of chronic kidney disease". Canadian Medical Association Journal. 179 (11): 1154–1162. doi:10.1503/cmaj.080351. ISSN 0820-3946. PMC 2582781. PMID 19015566.
  68. "Anaemia management in people with chronic kidney disease (CG114)". NICE Clinical Guideline. UK National Institute for Health and Care Excellence. February 2011.
  69. Yang, Q; Abudou, M; Xie, XS; Wu, T (October 2014). "Androgens for the anaemia of chronic kidney disease in adults". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2014 (10): CD006881. doi:10.1002/14651858.CD006881.pub2. PMC 10542094. PMID 25300168.
  70. Tsujimoto, T; Sairenchi, T; Iso, H; Irie, F; Yamagishi, K; Watanabe, H; และคณะ (2014). "The dose-response relationship between body mass index and the risk of incident stage ≥3 chronic kidney disease in a general japanese population: the Ibaraki prefectural health study (IPHS)". Journal of Epidemiology. 24 (6): 444–451. doi:10.2188/jea.JE20140028. PMC 4213218. PMID 24998954.
  71. Ladhani, M; Craig, JC; Irving, M; Clayton, PA; Wong, G (March 2017). "Obesity and the risk of cardiovascular and all-cause mortality in chronic kidney disease: a systematic review and meta-analysis". Nephrology, Dialysis, Transplantation. 32 (3): 439–449. doi:10.1093/ndt/gfw075. PMID 27190330.
  72. Chapman, CL; Grigoryan, T; Vargas, NT; Reed, EL; Kueck, PJ; Pietrafesa, LD; และคณะ (April 2020). "High-fructose corn syrup-sweetened soft drink consumption increases vascular resistance in the kidneys at rest and during sympathetic activation". American Journal of Physiology. Renal Physiology. 318 (4): F1053–F1065. doi:10.1152/ajprenal.00374.2019. PMC 7191446. PMID 32174139.
  73. Cheungpasitporn, W; Thongprayoon, C; O'Corragain, OA; Edmonds, PJ; Kittanamongkolchai, W; Erickson, SB (December 2014). "Associations of sugar-sweetened and artificially sweetened soda with chronic kidney disease: a systematic review and meta-analysis". Nephrology. 19 (12): 791–797. doi:10.1111/nep.12343. PMID 25251417. S2CID 19747921.
  74. Conley, MM; McFarlane, CM; Johnson, DW; Kelly, JT; Campbell, KL; MacLaughlin, HL (March 2021). "Interventions for weight loss in people with chronic kidney disease who are overweight or obese". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2021 (3): CD013119. doi:10.1002/14651858.CD013119.pub2. PMC 8094234. PMID 33782940.
  75. 75.0 75.1 McMahon, EJ; Campbell, KL; Bauer, JD; Mudge, DW; Kelly, JT (June 2021). "Altered dietary salt intake for people with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2021 (6): CD010070. doi:10.1002/14651858.CD010070.pub3. PMC 8222708. PMID 34164803.
  76. 76.0 76.1 Tam, KW; Wu, MY; Siddiqui, FJ; Chan, ES; Zhu, Y; Jafar, TH (November 2018). "Omega-3 fatty acids for dialysis vascular access outcomes in patients with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2018 (11): CD011353. doi:10.1002/14651858.CD011353.pub2. PMC 6517057. PMID 30480758.
  77. 77.0 77.1 77.2 Mah, JY; Choy, SW; Roberts, MA; Desai, AM; Corken, M; Gwini, SM; McMahon, LP (May 2020). "Oral protein-based supplements versus placebo or no treatment for people with chronic kidney disease requiring dialysis". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 5 (5): CD012616. doi:10.1002/14651858.CD012616.pub2. PMC 7212094. PMID 32390133.
  78. 78.0 78.1 78.2 O'Lone, EL; Hodson, EM; Nistor, I; Bolignano, D; Webster, AC; Craig, JC (February 2019). "Parenteral versus oral iron therapy for adults and children with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2019 (2): CD007857. doi:10.1002/14651858.CD007857.pub3. PMC 6384096. PMID 30790278.
  79. 79.0 79.1 79.2 79.3 79.4 79.5 Natale, P; Ruospo, M; Saglimbene, VM; Palmer, SC; Strippoli, GF (May 2019). "Interventions for improving sleep quality in people with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 5 (5): CD012625. doi:10.1002/14651858.cd012625.pub2. PMC 6535156. PMID 31129916.
  80. 80.0 80.1 Stevenson, JK; Campbell, ZC; Webster, AC; Chow, CK; Tong, A; Craig, JC; และคณะ (August 2019). "eHealth interventions for people with chronic kidney disease". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 2019 (8): CD012379. doi:10.1002/14651858.cd012379.pub2. PMC 6699665. PMID 31425608.
  81. "CKD Stage 4". davita.
  82. Vanholder, R; De Smet, R; Glorieux, G; Argilés, A; Baurmeister, U; Brunet, P; และคณะ (May 2003). "Review on uremic toxins: classification, concentration, and interindividual variability". Kidney International. 63 (5): 1934–43. doi:10.1046/j.1523-1755.2003.00924.x. PMID 12675874.
  83. Yamamoto, S; Kazama, JJ; Wakamatsu, T; Takahashi, Y; Kaneko, Y; Goto, S; Narita, I (2016-09-14). "Removal of uremic toxins by renal replacement therapies: a review of current progress and future perspectives". Renal Replacement Therapy. 2 (1). doi:10.1186/s41100-016-0056-9.
  84. 84.0 84.1 Perazella, MA; Khan, S (March 2006). "Increased mortality in chronic kidney disease: a call to action". The American Journal of the Medical Sciences. 331 (3): 150–3. doi:10.1097/00000441-200603000-00007. PMID 16538076. S2CID 22569162.
  85. Sarnak, MJ; Levey, AS; Schoolwerth, AC; Coresh, J; Culleton, B; Hamm, LL; และคณะ (October 2003). "Kidney disease as a risk factor for development of cardiovascular disease: a statement from the American Heart Association Councils on Kidney in Cardiovascular Disease, High Blood Pressure Research, Clinical Cardiology, and Epidemiology and Prevention". Circulation. 108 (17): 2154–69. doi:10.1161/01.CIR.0000095676.90936.80. PMID 14581387.
  86. Tonelli, M; Wiebe, N; Culleton, B; House, A; Rabbat, C; Fok, M; และคณะ (July 2006). "Chronic kidney disease and mortality risk: a systematic review". Journal of the American Society of Nephrology. 17 (7): 2034–47. doi:10.1681/ASN.2005101085. PMID 16738019.
  87. Heidenheim, AP; Kooistra, MP; Lindsay, RM (2004). "Quality of life". Daily and Nocturnal Hemodialysis. Contrib Nephrol. Contributions to Nephrology. Vol. 145. pp. 99–105. doi:10.1159/000081673. ISBN 978-3-8055-7808-0. PMID 15496796.
  88. de Francisco, AL; Piñera, C (January 2006). "Challenges and future of renal replacement therapy". Hemodialysis International. 10 (Suppl 1): S19-23. doi:10.1111/j.1542-4758.2006.01185.x. PMID 16441862. S2CID 6826119.
  89. Groothoff, JW (July 2005). "Long-term outcomes of children with end-stage renal disease". Pediatric Nephrology. 20 (7): 849–53. doi:10.1007/s00467-005-1878-9. PMID 15834618. S2CID 11725547.
  90. Giri, M (2004). "Choice of renal replacement therapy in patients with diabetic end stage renal disease". EDTNA/ERCA Journal. 30 (3): 138–42. doi:10.1111/j.1755-6686.2004.tb00353.x. PMID 15715116.
  91. Pierratos, A; McFarlane, P; Chan, CT (March 2005). "Quotidian dialysis--update 2005". Current Opinion in Nephrology and Hypertension. 14 (2): 119–24. doi:10.1097/00041552-200503000-00006. PMID 15687837. S2CID 9807935.
  92. 92.0 92.1 Maisonneuve, P; Agodoa, L; Gellert, R; Stewart, JH; Buccianti, G; Lowenfels, AB; และคณะ (July 1999). "Cancer in patients on dialysis for end-stage renal disease: an international collaborative study". Lancet. 354 (9173): 93–9. doi:10.1016/S0140-6736(99)06154-1. PMID 10408483. S2CID 24527420.
  93. American Society of Nephrology. "Five Things Physicians and Patients Should Question" (PDF). Choosing Wisely: An Initiative of the ABIM Foundation. สืบค้นเมื่อ 2012-08-17.
  94. Chertow, GM; Paltiel, AD; Owen, WF; Lazarus, JM (June 1996). "Cost-effectiveness of cancer screening in end-stage renal disease". Archives of Internal Medicine. 156 (12): 1345–50. doi:10.1001/archinte.1996.00440110117016. PMID 8651845.
  95. "Growth Failure in Children with Chronic Kidney Disease | NIDDK". National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-09. สืบค้นเมื่อ 2022-12-09.
  96. Wong, Susan P. Y.; Rubenzik, Tamara; Zelnick, Leila; Davison, Sara N.; Louden, Diana; Oestreich, Taryn; Jennerich, Ann L. (2022-03-14). "Long-term Outcomes Among Patients With Advanced Kidney Disease Who Forgo Maintenance Dialysis: A Systematic Review". JAMA Network Open. 5 (3): e222255. doi:10.1001/jamanetworkopen.2022.2255. ISSN 2574-3805. PMC 9907345. PMID 35285915.
  97. Liu, Christine K.; Kurella Tamura, Manjula (2022-03-14). "Conservative Care for Kidney Failure—The Other Side of the Coin". JAMA Network Open. 5 (3): e222252. doi:10.1001/jamanetworkopen.2022.2252. ISSN 2574-3805.
  98. Buur, Louise Engelbrecht; Madsen, Jens Kristian; Eidemak, Inge; Krarup, Elizabeth; Lauridsen, Thomas Guldager; Taasti, Lena Helbo; Finderup, Jeanette (2021-09-11). "Does conservative kidney management offer a quantity or quality of life benefit compared to dialysis? A systematic review". BMC Nephrology. 22 (1). doi:10.1186/s12882-021-02516-6. ISSN 1471-2369. PMC 8434727. PMID 34507554.
  99. 99.0 99.1 Hodal, K (2020-11-27). "The mystery epidemic striking Nicaragua's sugar cane workers - a photo essay". The Guardian.
  100. Wijewickrama, ES; Gunawardena, N; Jayasinghe, S; Herath, C (June 2019). "CKD of Unknown Etiology (CKDu) in Sri Lanka: A Multilevel Clinical Case Definition for Surveillance and Epidemiological Studies". Kidney International Reports. 4 (6): 781–785. doi:10.1016/j.ekir.2019.03.020. PMC 6551535. PMID 31194108.
  101. Lena, P (2018). Chronic kidney disease in the dog (ภาษาอังกฤษ). ISBN 978-91-7760-208-8. สืบค้นเมื่อ 2018-06-08.
  102. Pelander, L; Ljungvall, I; Egenvall, A; Syme, H; Elliott, J; Häggström, J (June 2015). "Incidence of and mortality from kidney disease in over 600,000 insured Swedish dogs". The Veterinary Record. 176 (25): 656. doi:10.1136/vr.103059. PMID 25940343. S2CID 25622105.
  103. "Chronic Kidney Disease". Cornell University College of Veterinary Medicine (ภาษาอังกฤษ). 2017-10-16. สืบค้นเมื่อ 2023-06-12.

แหล่งข้อมูลอื่น

การจำแนกโรค
ทรัพยากรภายนอก

Read other articles:

Japanese light novel series Am I Actually the Strongest?Cover of the first light novel volume実は俺、最強でした?(Jitsu wa Ore, Saikyō deshita?)GenreIsekai[1] Novel seriesWritten bySai SumimoriPublished byShōsetsuka ni NarōOriginal runSeptember 1, 2018 – present Light novelWritten bySai SumimoriIllustrated byAi TakahashiPublished byKodanshaEnglish publisherNA: Kodansha USAImprintKodansha Ranobe BooksDemographicMaleOriginal runMay 31, 2019 – pres...

 

Grand Theft Auto VOriginaltitelGrand Theft Auto VÅr2013UtvecklareRockstar North Med hjälp från: Rockstar NYCRockstar San DiegoRockstar LeedsRockstar TorontoRockstar New EnglandRockstar LondonRockstar Lincoln UtgivareRockstar GamesGenreActionäventyrTredjepersonsskjutareÖppen världPerspektivTredjepersonFörstapersonAntal spelare1–16 (PS3, X360)[1]1–30 (PS4, XONE, PC)[2]FormatPlaystation 3Xbox 360[3]Microsoft Windows[4]Playstation 4[4]Xbox One[4]Playstation 5[5]Xbox Series X[5]Spe...

 

It has been suggested that MetroLink (Halifax) be merged into this article. (Discuss) Proposed since April 2023. Canadian public transport service Halifax TransitClockwise from top-left: Halifax Transit bus, view of Halifax from the deck of the Stannix, Access-a-Bus vehicle, warning on Halifax III railing, new entrance to Dartmouth Alderney terminalOverviewArea servedUrban Transit Service Area[1]LocaleHalifax, Nova ScotiaTransit typeBus, ferryNumber of lines72 bus routes 2 ferry route...

Miss GuatemalaTipo Concurso de bellezaFundación 1955Fundador Departamento de Turismo de GuatemalaSede central Ciudad de Guatemala, Guatemala GuatemalaMiss Mundo Guatemala Miss International Guatemala María René Díaz (2023)Personas clave Departamento de Turismo de Guatemala, Organizador (1955-1974) Eddie Roberto González, Presidente (1975-1979) Alex Orellana, Presidente (Actual) Jose Martinez, Vicepresidente (Actual)Propietario Miss Guatemala ContestMiembros Miss Mundo, Miss Internat...

 

ポータル 文学 『GO』(ゴー)は、2000年に講談社により発行された金城一紀作の小説。同年の直木賞を受賞した他、2001年10月20日に公開されたこれを原作とする映画化作品は日本国内で数多くの映画賞を受賞した。 あらすじ この節にあるあらすじは作品内容に比して不十分です。あらすじの書き方を参考にして、物語全体の流れが理解できるように(ネタバレも含め...

 

Jalan Hayam Wuruk (Dahulu Molenvliet Oost, terjemahan: Molenvliet Timur) adalah nama jalan di Jakarta yang menghubungkan Kota Tua Jakarta dan Kota baru. Di bagian tengah jalan itu mengalir Kali Ciliwung. Jalan ini dinamakan setelah Raja Majapahit, yakni Hayam Wuruk. Jalan ini dibuat tahun 1648 oleh pemuka masyarakat Phoa Beng Gan. Molenvliet Oost berarti jalan yang berada di sisi sebelah timur kali. Dari Noordwijk dulu tidak ada akses menuju jalan ini karena masih dipenuhi dengan pemukiman pr...

Malaysia Artikel ini adalah bagian dari seri Politik dan KetatanegaraanMalaysia Pemerintahan federal Konstitusi Malaysia Hak asasi manusia Hukum Kontrak sosial Rukun Negara Monarki Yang di-Pertuan Agong Abdullah dari Pahang Majelis Raja-Raja Legislatif Parlemen Malaysia Parlemen ke-15 Dewan Rakyat Ketua Johari Abdul Kepala Pemerintahan Anwar Ibrahim Pemimpin Oposisi Hamzah Zainudin Dewan Negara Ketua Rais Yatim Kabinet Bayangan Eksekutif Kabinet Perdana Menteri Anwar Ibrahim Pengabdian Sipil ...

 

Keuskupan La RiojaDioecesis RioiensisDiócesis de La RiojaKatolik Katedral Basilika Santo Nikolas BariLokasiNegara ArgentinaProvinsi gerejawiSan Juan de CuyoStatistikLuas92.100 km2 (35.600 sq mi)Populasi- Total- Katolik(per 2004)305.000265,350 (87%)Paroki28InformasiDenominasiKatolik RomaRitusRitus RomaPendirian20 April 1934 (89 tahun lalu)KatedralKatedral Basilika Santo Nikolas di La RiojaPelindungSanto NikolasSt Fransiskus SolanusKepemimpinan kiniPausF...

 

رواد الفضاء باز ألدرن ونيل آرمسترونغ في تدريب نموذج محاكاة القمر التابع لناسا. يقول منظرو المؤامرة إن فيديوهات الهبوط على القمر قد صنعت بصورة مماثلة لهذا النموذج التدريبي. إطلاق سفينة الفضاء ساترن 5 التي شهدت الرحلة أبولو 11 تدّعي نظريات المؤامرة في الهبوط على سطح القمر أن ...

American lawyer & politician (born 1979) For the football player, see Jason Crowe. For the basketball player, see Jason Crowe (basketball). A major contributor to this article appears to have a close connection with its subject. It may require cleanup to comply with Wikipedia's content policies, particularly neutral point of view. Please discuss further on the talk page. (August 2023) (Learn how and when to remove this template message) Jason CrowMember of the U.S. House of Re...

 

New York City Subway station in the Bronx Not to be confused with 149th Street–Grand Concourse station, 149th Street station (IRT Third Avenue Line), or Third Avenue–149th Street station. New York City Subway station in The Bronx, New York East 149 Street  New York City Subway station (rapid transit)An uptown 6 train leaving East 149th Street station in 2018Station statisticsAddressEast 149th Street & Southern BoulevardBronx, NY 10455BoroughThe BronxLocaleWoodstockCoordinate...

 

Technical university in Wrocław, Poland Wrocław University of Science and TechnologyPolitechnika WrocławskaLatin: Polytechnica WratislaviensisTypePublicEstablished1945BudgetPLN 613 million (2012)[1]RectorArkadiusz WójsAcademic staff2,131Students28,314Doctoral students918LocationWrocław, Poland51°06′25″N 17°03′43″E / 51.107°N 17.062°E / 51.107; 17.062CampusUrbanAffiliationsEUA (European University Association), TIME (Top Industrial Managers for ...

Tabletop role-playing game and video game This article may require copy editing for grammar, style, cohesion, tone, or spelling. You can assist by editing it. (October 2023) (Learn how and when to remove this template message) This article needs additional citations for verification. Please help improve this article by adding citations to reliable sources. Unsourced material may be challenged and removed.Find sources: Heavy Gear – news · newspapers · books ·...

 

2016 soundtrack album by Various artistsTrolls: Original Motion Picture SoundtrackSoundtrack album by Various artistsReleasedSeptember 23, 2016 (2016-09-23)Recorded2015–2016StudioRCAGenreChildren's musicLength35:05LabelRCAProducer Justin Timberlake Earth, Wind & Fire Oscar Holter Max Martin Ilya The Outfit Nile Rodgers Shellback Timbaland Trolls soundtrack chronology Trolls: Original Motion Picture Soundtrack(2016) Trolls World Tour: Original Motion Picture Soundt...

 

1939 film Meet Dr. ChristianDirected byBernard VorhausWritten byHarvey Gates (story)Ian McLellan Hunter (writer)Ring Lardner Jr. (writer)Produced byMonroe Shaff (associate producer)William Stephens (producer)StarringJean HersholtDorothy LovettRobert BaldwinCinematographyRobert PittackJohn AltonEdited byEdward MannMusic byJoseph NussbaumDistributed byRKO Radio PicturesRelease dateNovember 17, 1939[1]Running time68 minutesCountryUnited StatesLanguageEnglish Meet Dr. Christian is a 1939 ...

2007 artwork by Stephen Kettle Statue of Alan TuringView of the statue on exhibit at Bletchley ParkStatue of Alan TuringLocation at Bletchley ParkArtistStephen KettleYear2007 (2007)TypeSculptureMediumSlateSubjectAlan TuringLocationBletchley Park, Bletchley, Milton Keynes, EnglandCoordinates51°59′51″N 0°44′28″W / 51.997435°N 0.741160°W / 51.997435; -0.741160OwnerBletchley Park Trust (commissioned by Sidney Frank)Accession2007Websitewww.stephenkettle.co....

 

This article needs additional citations for verification. Please help improve this article by adding citations to reliable sources. Unsourced material may be challenged and removed.Find sources: Be My Last – news · newspapers · books · scholar · JSTOR (May 2010) (Learn how and when to remove this template message) 2005 single by Hikaru UtadaBe My LastSingle by Hikaru Utadafrom the album Ultra Blue ReleasedSeptember 28, 2005 (2005-09-28)G...

 

Italic Osco-Umbrian tribe in Ancient Italy Volscian settlements (in red) The Volsci (UK: /ˈvɒlskiː/, US: /ˈvɔːl-, ˈvɒlsaɪ, -siː/,[1][2][3] Latin: [ˈwɔɫskiː]) were an Italic tribe, well known in the history of the first century of the Roman Republic. At the time they inhabited the partly hilly, partly marshy district of the south of Latium, bounded by the Aurunci and Samnites on the south, the Hernici on the east, and stretching roughly from Norba ...

Kanagawa Dental University Junior College神奈川歯科大学短期大学部; Kanagawa shika daigaku tankidaigaku bu TypePrivateEstablished1910LocationYokosuka, Kanagawa, Kanagawa, JapanWebsitewww.kdu.ac.jp/college/ SKanagawa Dental University Junior College (神奈川歯科大学短期大学部, Kanagawa shika daigaku tankidaigaku bu) is a private junior college in Yokosuka, Kanagawa Prefecture, Japan, established in 1952. The predecessor of the school was founded in 1910 in Kanda, Tokyo as...

 

Artikel ini sebatang kara, artinya tidak ada artikel lain yang memiliki pranala balik ke halaman ini.Bantulah menambah pranala ke artikel ini dari artikel yang berhubungan atau coba peralatan pencari pranala.Tag ini diberikan pada Desember 2023. Ini adalah daftar kota-kota di Belgia: Aalst Aarschot Andenne Antoing Antwerpen Arendonk Arlon Ath Bastogne Beaumont Beauraing Beringen Bilzen Binche Blankenberge Borgloon Bouillon Braine-l'Alleud Braine-le-Comte Bree Bruges Brussels Charleroi Châtel...

 

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!