โคเซ็น (ญี่ปุ่น : 高専 、こうせん、KOSEN) หรือแบบเต็มเรียกว่า โคโตเซ็นมองกักโค (ญี่ปุ่น : 高等専門学校 ( こうとうせんもんがっこう ) 、kōtō-senmon-gakkō、อังกฤษ : National Institute of Technology , แปลไทย: สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติ ) เป็นสถาบันทางการศึกษาขั้นสูงรูปแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ที่มุ่งฝึกอบรมวิศวกรเชิงปฏิบัติและวิศวกรที่มีความคิดในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มีสถาบันระดับชาติ ท้องถิ่นและภาคเอกชนทั้งสิ้น 57 แห่งในญี่ปุ่น มีนักศึกษาประมาณ 60,000 คน[ 1] โดยรวมอีกประมาณ 3,000 คนในหลักสูตรขั้นสูงแล้ว
ในความเป็นจริงแล้ว โคเซ็นไม่ได้มีเพียงเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีในประเทศมองโกเลีย ไทย และเวียดนาม โดยมีการปรับเปลี่ยนภายใต้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ [ 2] อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือเป็นประเทศเดียวที่ใช้รูปแบบ "ระบบการศึกษาสไตล์ญี่ปุ่น" (日本型高等専門学校の教育制度) อย่างเต็มรูปแบบ[ 3]
โคเซ็นในประเทศญี่ปุ่น
โคเซ็นในประเทศญี่ปุ่นถูกก่อตั้งขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ทศวรรษ 1950 จากการที่ในช่วงเวลานั้นมีความต้องการวิศวกรในการพัฒนาประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการเหล่านี้ ในปี ค.ศ. 1962 รัฐบาลจึงได้ก่อตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติ (โคเซ็น) ขึ้นมาทั้งสิ้น 12 แห่ง ดังนี้ ฮาโกดาเตะ , อาซาฮิกาวะ , ฟุกุชิมะ , กุมมะ , นางาโอกะ , นุมะซุ , ซูซูกะ , อะกะชิ , อุเบะ , ทากามัตสึ , นิอิฮามะ และ ซาเซโบะ [ 4]
โคเซ็นนั้นแตกต่างจากมหาวิทยาลัยแบบปกติตรงที่ โคเซ็นนั้นรับนักศึกษาที่จบจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและให้การศึกษาเป็นเวลา 5 ปี (ห้าปีครึ่งสำหรับวิทยาลัยเทคโนโลยีสำหรับการค้าทางทะเล (商船高専)) และตามด้วยการศึกษาเฉพาะทางสองปี
ตารางเทียบอายุกับระดับชั้นการศึกษาโคเซ็น[ 5] [ 6]
มัธยมศึกษาตอนต้น
อายุ (ปี)
สายสามัญ
KOSEN
ภาษาญี่ปุ่น
16
มัธยมศึกษาปีที่ 4
ปี 1
高専一年生
17
มัธยมศึกษาปีที่ 5
ปี 2
高専二年生
18
มัธยมศึกษาปีที่ 6
ปี 3
高専三年生
อุดมศึกษา และเทียบเท่า
อายุ (ปี)
สายตรงทั่วไป
KOSEN
ภาษาญี่ปุ่น
19
บัณฑิตปี 1
ปี 4
高専四年生
20
บัณฑิตปี 2
ปี 5
高専五年生
21
บัณฑิตปี 3
หลักสูตรขั้นสูงปี 1
専攻科
-
บัณฑิตปี 4-6
หลักสูตรขั้นสูงปี 2
-
บัณฑิต (ปริญญาตรี)
-
มหาบัณฑิต (ปริญญาโท)
-
ดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอก)
หมายเหตุ
โคเซ็นมุ่งเป้าไปที่การให้การศึกษาที่หลากหลาย รวมถึงให้การศึกษาวิชาทั่วไปอย่างสมดุล เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น ตลอดจนวิชาเฉพาะทางที่เน้นการทดลองและการฝึกในเชิงปฏิบัติ รวมทั้งถูกออกแบบมาเพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้และทักษะเฉพาะทางที่เกือบเทียบเท่าระดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำวิจัยเพื่อสำเร็จการศึกษาและปลูกฝังทักษะในเชิงประยุกต์เพื่อให้นักศึกษาสามารถเป็นวิศวกรที่พึ่งพาตนเองได้ รวมทั้งสามารถผลิตงานวิจัยในระดับสูงที่สามารถนำไปนำเสนอในงานประชุมวิชาการได้[ 7]
นักศึกษาที่จบการศึกษา 5 ปีแล้วนั้น ร้อยละ 60 เลือกที่เข้ารับการทำงานทันทีหลังจากเรียนจบ ส่วนอีกร้อยละ 40 เลือกที่จะเข้ารับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ไม่ว่าทั้ง หลักสูตรขั้นสูง 2 ปี หรือ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อรับการศึกษาต่อในชั้นปริญญาตรี[ 8]
สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติกิฟุ
สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติอากิตะ
สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติอิจิโนเซกิ
สถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติโอกินาวะ
โคเซ็นในต่างประเทศ
ประเทศไทย
โคเซ็นในประเทศไทย เริ่มต้นมาจากการร่วมมือทางด้านการศึกษา การให้คำแนะนำ และหลักสูตรตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ส่วนทางด้านกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ได้มีการร่วมมือในการส่งนักเรียนไปศึกษาที่โคเซ็นประเทศญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้แล้ว จนกระทั่งในวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านอุตสาหกรรม ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (KOSEN) ต่อมาในวันที่ 23 สิงหาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะนั้น ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ โดยมีรัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี แห่งประเทศญี่ปุ่น ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ และในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาคโดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ[ 9] แต่ก็ได้ถ่ายโอนไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในภายหลัง[ 10]
ในประเทศไทยมีการจัดตั้งทั้งสิ้น 2 วิทยาเขต คือ สถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นที่แรก และ สถาบันโคเซ็นแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นแห่งที่สอง โดยรัฐบาลไทยมีความหวังในการผลิตวิศวกรนักปฏิบัติ นักเทคโนโลยี และนวัตกร กลับมาทำงานที่เขต EEC โดยมีระยะดำเนินการ 13 ปี[ 11] ทางองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ได้ให้ความช่วยเหลือผ่าน Yen Loan สำหรับให้ทุนการศึกษาเพื่อศึกษาต่อที่ KOSEN ประเทศญี่ปุ่น และสำหรับการฝึกอบรมอาจารย์และผู้บริหารไทยโคเซ็นในประเทศญี่ปุ่น[ 12]
ส่วนเรื่องหลักสูตรนั้น ทั้ง 2 สถาบันมีหลักสูตรที่แตกต่างกัน แต่เป็นหลักสูตรอนุปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ทั้งหมด ยกเว้นหลักสูตรวิศวกรรมการผลิตของ KOSEN-KMITL ที่เป็นหลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ โดยทาง KOSEN-KMITL มีทั้งสิ้น 4 หลักสูตร คือ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Engineering), วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics Engineering), วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electrical and Electronics Engineering) และ วิศวกรรมการผลิต (Production Engineering)[ 13] ส่วน KOSEN-KMUTT มีทั้งสิ้น 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรวิศวกรรมอัตโนมัติ (Automation Engineering) หลักสูตรวิศวกรรมชีวภาพ (Bio Engineering) [ 14] และหลักสูตรวิศวกรรมเกษตร (Agri Engineering)[ 15]
ไทยโคเซ็นมีความใกล้เคียงกับโคเซ็นของญี่ปุ่นคือ เรียนทั้งสิ้น 5 ปี และมีหลักสูตรขั้นสูง (Advance Course) ให้เรียนอีก 2 ปี อย่างไรก็ตามหลักสูตรของทั้ง 2 วิทยาเขตก็ไม่ได้ยกจากของญี่ปุ่นมาทั้งหมด เนื่องจากมีการปรับปรุงให้เข้ากับหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายและกฎหมายในประเทศไทย ทำให้มีบางวิชาที่เพิ่มเข้ามาจากหลักสูตรของโคเซ็นญี่ปุ่น เช่น วิชานักศึกษาวิชาทหาร [ 16] เป็นต้น และบางวิชาที่หลักสูตรมัธยมปลายทั่วไปไม่มี เช่น วิชาเขียนแบบวิศวกรรม วิชาภาษาญี่ปุ่น วิชาเวิร์คชอพ เป็นต้น
นักศึกษาทุกคนถือเป็นนักศึกษาทุน โดยทุนการศึกษาสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้[ 17]
ประเภทที่ 1 ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยไปศึกษา ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น ในชั้นปีที่ 1 ถึง 7 เพื่อกลับมาเป็นครู ณ สถาบันไทยโคเซ็น รุ่นละ 12 คน จำนวน 6 รุ่น
ประเภทที่ 2 ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาสถาบันไทยโคเซ็นในชั้นปีที่ 1 ถึง 2 จากนั้นไปศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่นในชั้นปีที่ 3 ถึง 5 จำนวน 180 คน
ประเภทที่ 3 ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาสถาบันไทยโคเซ็นตลอดทั้งหลักสูตร จำนวน 900 คน โดยจะได้รับทุนไปแลกเปลี่ยนที่สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น 1 ภาคการศึกษาในชั้นปีที่ 4 (อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสถาบันจัดการแลกเปลี่ยนไว้เพียง 1 เดือน[ 18] [ 19] )
ประเภทที่ 4 นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตร 5 ปี ทั้งจากประเภทที่ 2 และ 3 จำนวน 328 คนจะได้รับทุนศึกษาต่อในระดับ Advance Course (เทียบเท่าปริญญาตรี) อีก 2 ปี และได้รับทุนไปแลกเปลี่ยน ที่สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น ครั้งละ 1 ภาคการศึกษา รวม 2 ครั้ง
ประเภททุน
จำนวนคน
หลักสูตรโคเซ็นห้าปี
Advanced Courses
การบรรจุหลังสำเร็จการศึกษา
ปี 1
ปี 2
ปี 3
ปี 4
ปี 5
ปี 6
ปี 7
1
72
ศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น
เป็นครู/บุคคลากรในสถาบันไทยโคเซ็น โดยอาจปฏิบัติงานในภาคอุตสาหกรรมโดยไม่เต็มเวลา
2
180
ศึกษาในสถาบันไทยโคเซ็น
ศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น
-
-
เป็นบุคคลากรในหน่วยงานภาครัฐหรือภาคอุตสาหกรรมใน EEC โดยต้องมาปฏิบัติการสอนที่สถาบันไทยโคเซ็นแบบไม่เต็มเวลาด้วย
หรือ
เป็นครู/บุคคลากรในสถาบันไทยโคเซ็น
3
900
ศึกษาในสถาบันไทยโคเซ็น โดยมีการแลกเปลี่ยน 1 ภาคการศึกษา ในชั้นปีที่ 4 ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น
-
-
4
328
-
-
-
-
-
ศึกษาในสถาบันไทยโคเซ็น และมีการแลกเปลี่ยน ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น รวม 2 ภาคการศึกษา
อ้างอิง: หนังสือกระทรวงศึกษาธิการ ที่ ศธ ๐๔๒๗๘/๓๘๖๕ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑
ประเทศมองโกเลีย
ประเทศเวียดนาม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น