แอร์แบร์ที่ 2 (ฝรั่งเศส: Herbert II; เสียชีวิตวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 943) เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว, เคานต์แห่งโม และเคานต์แห่งซัวซง เป็นบุคคลแรกที่ปกครองอาณาเขตที่ภายหลังกลายเป็นจังหวัดช็องปาญ
ประวัติ
แอร์แบร์เป็นบุตรชายของแอร์แบร์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว เป็นลูกหลานของชาร์เลอมาญ แอร์แบร์สืบทอดต่อดินแดนของบิดาและได้วิหารแซ็ง-เมดาร์ในซัวซงมาเพิ่มใน ค.ศ. 907 ครองตำแหน่งเป็นอธิการฆราวาสซึ่งทำให้เขาได้สิทธิ์ในรายได้ของวิหารดังกล่าว การแต่งงานกับพระธิดาของพระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศสทำให้เขาได้เคาน์ตีโมมาอยู่ในการครอบครอง
ใน ค.ศ. 922 เมื่อเซยุล์ฟกลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์ เพื่อเอาใจแอร์แบร์ที่ 2 เซยุล์ฟสัญญาว่าจะเสนอชื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ใน ค.ศ. 923 แอร์แบร์จองจำพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ที่ถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ. 929[a] เมื่อเซยุล์ฟเสียชีวิตใน ค.ศ. 925 แอร์แบร์ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์มาให้บุตรชายคนที่สอง อูก ที่ตอนนั้นอายุห้าขวบ ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้ารุดอล์ฟ แอร์แบร์เดินหน้าต่อด้วยการส่งคณะทูตไปโรมเพื่อขอการอนุมัติรับรองตำแหน่งจากสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นที่ 10 ที่ให้การอนุมัติใน ค.ศ. 926 ทำให้อูกน้อยผู้ได้รับเลือกถูกส่งตัวไปศึกษาเล่าเรียนที่โอแซร์
ใน ค.ศ. 926 หลังการเสียชีวิตของเคานต์รอเฌที่ 1 แห่งล็อง แอร์แบร์เรียกร้องตำแหน่งเคานต์ให้กับอูด บุตรชายคนโต เขาท้าทายพระเจ้ารุดอล์ฟด้วยการยึดเมืองอันนำไปสู่การกระทบกระทั่งกันระหว่างคนทั้งสองใน ค.ศ. 927 อาศัยการข่มขู่ว่าจะปล่อยตัวพระเจ้าชาร์ลที่ตนจองจำอยู่ แอร์แบร์สามารถครองเมืองอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าสี่ปี แต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลใน ค.ศ. 929 รุดอล์ฟโจมตีล็องอีกครั้งใน ค.ศ. 931 และปราบแอร์แบร์ได้สำเร็จ ในปีเดียวกันกษัตริย์ยกทัพเข้าสู่แร็งส์และปราบอาร์ชบิชอปอูก บุตรชายของแอร์แบร์ อาร์ทูต์กลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์คนใหม่ จากนั้นในเวลาสามปี แอร์แบร์ที่ 2 เสียวีทรี, ล็อง, ชาโต-ตีแยรี และซัวซง การยื่นมือเข้ามาแทรกแซงของพันธมิตรของแอร์แบร์ พระเจ้าไฮน์ริชผู้เป็นพรานล่านก ทำให้แอร์แบร์ได้ดินแดนกลับคืนมา (ยกเว้นแร็งส์กับล็อง) แลกกับการสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ารุดอล์ฟ
ต่อมาแอร์แบร์จับมือกับอูกมหาราชและวิลเลียมดาบยาว ดยุคแห่งนอร์ม็องดีปราบพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 ที่มอบเคาน์ตีล็องให้แก่รอเฌที่ 2 บุตรชายของรอเฌที่ 1 ในปี ค.ศ. 941 แอร์แบร์กับอูกมหาราชได้แร็งส์กลับคืนมาและจับกุมตัวอาร์โตได้ อูก บุตรชายของแอร์แบร์ ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปกลับคืนมาอีกครั้ง การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยอีกครั้งของกษัตริย์เยอรมนี พระเจ้าอ็อทโทที่ 1 ในวีเซ ใกล้กับลีแยฌ ในปี ค.ศ. 942 ทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง
การเสียชีวิตและมรดก
แอร์แบร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 943 ที่แซ็ง-ก็องแต็งในแอน (เมืองหลวงของเคาน์ตีแวร์ม็องดัว) ด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ ส่วนเรื่องราวที่เขาถูกแขวนคอโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 (ดูภาพข้างบน) ในช่วงการล่าสัตว์เป็นเรื่องแต่ง[b] บุตรชายของเขาแบ่งทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกัน แวร์ม็องดัวกับอาเมียงตกเป็นของสองบุตรชายคนโต ขณะที่รอแบร์กับแอร์แบร์ สองบุตรชายคนเล็ก ได้ครอบครองที่ดินที่กระจายตัวอยู่ทั่วช็องปาญ เมื่อรอแบร์เสียชีวิต พี่ชายของเขา แอร์แบร์ที่ 3 สืบทอดต่อที่ดินทั้งหมด บุตรชายคนเดียวของแอร์แบร์ สตีเฟน เสียชีวิตโดยไร้บุตรในปี ค.ศ. 1019–1020 จึงเป็นการสิ้นสุดสายตระกูลทางเพศชายของแอร์แบร์ที่ 2
ครอบครัว
แอร์แบร์แต่งงานกับอาเดล พระธิดาของพระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกัน คือ
หมายเหตุ
- ↑ พระเจ้าชาลส์เป็นพระราชบิดาอุปถัมภ์ของหนึ่งในบุตรของแอร์แบร์ที่ 2
- ↑ รายงานอันเร้าใจในการเสียชีวิตของแอร์แบร์ที่ 2 น่าจะเป็นเรื่องแต่ง โดยมีที่มาจาก Deeds of the Abbots of St. Bertin ของ Folcwin ซึ่งเขียนไว้ประมาณ ค.ศ. 960 ในรัชสมัยของพระเจ้าโลแทร์ที่ 3 (ค.ศ. 954-986) พระราชโอรสในพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 Flodoard แห่งแร็งส์ ผู้ที่พงศาวดารร่วมสมัยให้ข้อมูลทางการเมืองที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 ไม่ได้ระบุว่ากษัตริย์มีบทบาทในการเสียชีวิตของแอร์แบร์
- ↑ แอร์แบร์ผู้ชรา เคานต์แห่งโม บุตรในแอร์แบร์ที่ 2 บางครั้งสับสนกับแอร์แบร์ที่ 3 หลานชายผู้ดำรงตำแหน่งเคานต์แห่งโมและทรัว บุตรในรอแบร์ เคานต์แห่งโม ผู้ที่สมรสกับอีดจิฟูแห่งเวสเซ็กซ์ใน ค.ศ. 951 คือแอร์แบร์ผู้ชรา ส่วนแอร์แบร์ที่ 3 หลานชายยังไม่ถือกำเนิดจนกระะทั่ง ป. ค.ศ. 950
- ↑ ตามความจริงแล้ว อูกมหาราชให้ภรรยาหม้ายของวิลเลียม ลองซอร์ด แก่ Theobald 'the Deceiver' เคานต์แห่งบลัว ขุนนางของพระองค์ โดยใช้โอกาสตอนที่ผู้สืบทอดของแอร์แบร์ที่ 2 ยังเป็นหนุ่ม แต่ Glaber เข้าใจผิดคิดว่าเป็นการฆาตกรรม Theobald 'the Deceiver' ของดยุก วิลเลียม แทนที่จะเป็นอาร์นูล์ฟแห่งฟลานเดอส์
อ้างอิง
ข้อมูล
- Bradbury, Jim (2007). The Capetians: Kings of France, 987–1328. Hambledon Continuum.
- Duckett, Eleanor Shipley (1967). Death and life in the tenth century. University of Michigan Press.
- Dunbabin, Jean (1985). France in the Making 843-1180. Oxford University Press.
- Fanning, Steven; Bachrach, Bernard S., บ.ก. (2011). The Annals of Flodoard of Reims, 916–966. University of Toronto Press.
- Glaber, Rodulfus (1989). France, John (บ.ก.). The Five Books of the Histories. The Clarendon Press.
- Goldberg, Eric J. (2020). In the Manner of the Franks: Hunting, Kingship, and Masculinity in Early Medieval Europe. University of Pennsylvania Press.
- Marignan, Albert; Platon, Jean Georges; Wilmotte, Maurice; Prou, Maurice, บ.ก. (1906). Le Moyen âge (ภาษาฝรั่งเศส). Librairie Ancienne Honore Champion, Editeur.
- McKitterick, Rosamond (1999). The Frankish Kingdoms under the Carolingians, 751-987. Longman.
- Norgate, Kate (1890). "Odo of Champagne, Count of Blois and Tyrant of Burgundy". The English Historical Review. 5, No. 19 (July).
- Taitz, Emily (1994). The Jews of Medieval France: The Community of Champagne. Greenwood Press.