Daewoo Railcar / ADR |
---|
รถดีเซลรางแดวู 2529 กำลังวิ่งผ่านสถานีการเคหะ |
ประจำการ | การรถไฟแห่งประเทศไทย |
---|
ผู้ผลิต | แดวู เฮฟวี อินดัสทรีส์ |
---|
เข้าประจำการ | พ.ศ. 2538 - 2539 |
---|
จำนวนที่ผลิต | รถดีเซลราง 40 คัน (แบบมีห้องขับ 32 คัน, แบบไม่มีห้องขับ 8 คัน) รถพ่วงดีเซลราง 40 คัน |
---|
จำนวนในประจำการ | 39 (รถดีเซลราง) |
---|
จำนวนที่ปลดระวาง | 1 (รถดีเซลราง) |
---|
หมายเลขตัวรถ | กซข.ป.2513 - 2524 (APD.20), กซข.ป.2524 - 2544 (APD.60), กซม.ป.2121 - 2128 (APN.20), พซน.ป.1101 - 1140 (ปัจจุบัน บนท.ป.1101 - 1140) |
---|
ความจุผู้โดยสาร | 72 ที่นั่ง/คัน (APD.20) 76 ที่นั่ง/คัน (APN.20) 64 ที่นั่ง/คัน (APD.60) |
---|
โรงซ่อมบำรุง | โรงรถดีเซลรางกรุงเทพ, โรงรถดีเซลรางบางซื่อ (LD Depot) |
---|
สายที่ให้บริการ | สายตะวันออก, สายตะวันออกเฉียงเหนือ, สายใต้, สายเหนือ |
---|
คุณลักษณะ |
---|
วัสดุตัวถัง | สแตนเลสสตีล |
---|
ความยาว | 24.300 เมตร |
---|
ความกว้าง | 2.705 เมตร (APD.20,APN.20) 2.900 เมตร (APD.60) |
---|
ความสูง | 3.886 เมตร |
---|
จำนวนประตู | 2 ประตู |
---|
รูปแบบการจัดวางล้อ | 2-A1 |
---|
ความเร็วสูงสุด | 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง |
---|
น้ำหนัก | จอดนิ่ง 44.60 ตัน (APD.20) 43.50 ตัน (APN.20) 42.30 ตัน (APD.60) ใช้การ 47.20 ตัน (APD.20) 46.10 ตัน (APN.20) 46.10 ตัน (APD.60) |
---|
น้ำหนักกดเพลา | 11.80 ตัน (APD.20) 11.53 ตัน (APN.20) 11.53 ตัน (APD.60) |
---|
เครื่องยนต์ | Cummins NTA855-R1 |
---|
กำลังขับเคลื่อน | 350 แรงม้า ที่ 2,100 รอบ/นาที |
---|
แรงฉุดลาก | ไฮดรอลิก |
---|
ชุดส่งกำลัง | Voith T211rZ |
---|
ความเร่ง | 0-70 กม./ชม. ที่ 0.97 m/s
70-120 กม./ชม. ที่ 0.41 m/s |
---|
แหล่งจ่ายไฟ | Perkins 1006-6TG ที 1,500 รอบ/นาที |
---|
ระบบปรับอากาศ | Sigma RPR 40 LX 1 ขนาด 136,500 BTU |
---|
แคร่ล้อ | DTG-08 (APD.20) DTD-08 (APN.20) DTG-09 (APD.60) DTD-09 (ANT.) |
---|
ระบบเบรก | ลมอัด 2 สูบ |
---|
ระบบความปลอดภัย | ETCS Lv.0 (กซข.ป.2531,2534,2541,2542) |
---|
มาตรฐานทางกว้าง | 1.000 เมตร |
---|
เอดีอาร์ (ADR) (อังกฤษ: Air conditioner Daewoo Railcar) หรือ รถดีเซลรางแดวู (อังกฤษ: Daewoo Diesel Railcar) เป็นรถดีเซลรางปรับอากาศของการรถไฟแห่งประเทศไทย ใช้สำหรับการทำขบวนรถโดยสาร และขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลราง สั่งซื้อจากบริษัท แดวู เฮฟวี อินดัสทรีส์ ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 - 2539 เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร ที่นิยมโดยสารด้วยรถไฟปรับอากาศ รถดีเซลรางแดวูยังถูกนำมาใช้รองรับการโดยสารของนักท่องเที่ยวในมหกรรมกีฬาซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ช่วงปี พ.ศ.2538 - 2541 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยในขณะนั้นอีกด้วย
รุ่น
รถดีเซลรางแดวู มีชื่อเรียกรุ่นว่า เอดีอาร์ (ADR) (อังกฤษ: Air conditioner Daewoo Railcar) แต่ก็ยังมีรุ่นย่อยและประเภทที่แตกต่างกัน เพราะมีการสั่งซื้อหลายครั้ง หลายจุดประสงค์การใช้งาน
เอดีอาร์ (ADR) รุ่น 20
ADR รุ่น 20 (Daewoo DRH-11,DRH-12) |
---|
รถดีเซลรางแดวู 2520 กำลังผ่านที่หยุดรถแกรนด์คาแนล |
เข้าประจำการ | พ.ศ. 2538 |
---|
จำนวนที่ผลิต | 20 คัน (แบบมีห้องขับ 12 คัน / แบบไม่มีห้องขับ 8 คัน) |
---|
จำนวนในประจำการ | 19 |
---|
จำนวนที่ปลดระวาง | 1 |
---|
หมายเลขตัวรถ | กซข.ป.2513 - 2524 (APD.20), กซม.ป.2121 - 2128 (APN.20) |
---|
ความจุผู้โดยสาร | 72 ที่นั่ง/คัน (APD.20) 76 ที่นั่ง/คัน (APN.20) |
---|
คุณลักษณะ |
---|
ความเร็วสูงสุด | 120 km/h (75 mph) |
---|
เป็นรถดีเซลรางแดวูล็อตแรก โดยเป็นรถนั่งดีเซลรางทั้งหมด มีมิติรถที่เล็กตามขนาดของรถไฟรุ่นเก่า ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับความกังวลด้านข้อจำกัดของเขตโครงสร้างต่าง ๆ แต่มีที่นั่งที่มากกว่าล็อตอื่น ๆ มักถูกเรียกว่า แดวูผอม
- แดวู ดีอาร์เอช-11 (Daewoo DRH-11) /
เอดีอาร์ (ADR)แบบเอพีดี.20 (APD.20)
รุ่นเลขที่ กซข.ป. 2513 – 2524 (มีห้องขับ) จำนวน 12 คัน
- แดวู ดีอาร์เอช-12 (Daewoo DRH-12) /
เอดีอาร์ (ADR)แบบเอพีเอ็น.20 (APN.20)
รุ่นเลขที่ กซม.ป. 2121 – 2128 (ไม่มีห้องขับ) จำนวน 8 คัน
เอดีอาร์ (ADR) รุ่น 60
ADR รุ่น 60 (Daewoo DRH-13,DPG-09) |
---|
รถดีเซลรางแดวู 2543 กำลังผ่านสถานีหลักหก |
เข้าประจำการ | พ.ศ. 2539 |
---|
จำนวนที่ผลิต | 20 คัน (แบบมีห้องขับ 12 คัน / แบบไม่มีห้องขับ 8 คัน) |
---|
จำนวนในประจำการ | 20 |
---|
หมายเลขตัวรถ | กซข.ป.2525 - 2544 (APD.60), พซน.ป. 1101–1140 (ปัจจุบัน บนท.ป.1101 - 1140) |
---|
ความจุผู้โดยสาร | 64 ที่นั่ง/คัน (APD.20) 40 ที่นั่ง/คัน (พซน.ป.) ขายที่แบบนั่งและนอน 80 ที่นั่ง/คัน (พซน.ป.) ขายแบบที่นั่งเท่านั้น |
---|
คุณลักษณะ |
---|
ความเร็วสูงสุด | 120 km/h (75 mph) |
---|
เป็นรถดีเซลรางแดวูล็อตที่สอง โดยมีทั้งรถนั่งดีเซลราง และ รถพ่วงดีเซลรางแบบนั่งและนอน โดยมีมิติรถที่มีความกว้างมากกว่าล็อตแรก 19.5 เซนติเมตร โดยสร้างให้มีขนาดกว้างพอดีกับเขตโครงสร้าง และเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานต่าง ๆ มักถูกเรียกว่า แดวูอ้วน รถดีเซลรางแดวูล็อตนี้ได้เป็นมาตรฐานของขนาดรถไฟไทยในยุคใหม่ ที่ได้ใช้รถไฟที่มีมิติรถที่ใหญ่ขึ้นตามมาในอีกหลายรุ่น
- แดวู ดีอาร์เอช-13 (Daewoo DRH-13) /
เอดีอาร์ (ADR)แบบเอพีดี.60 (APD.60)
รุ่นเลขที่ กซข.ป. 2525–2544 (มีห้องขับ) จำนวน 20 คัน
- แดวู ดีพีจี-09 (Daewoo DPG-09) /
เอดีอาร์ (ADR)แบบเอเอ็นที. (ANT.)
รุ่นเลขที่ พซน.ป. 1101–1140 (รถพ่วงดีเซลรางแบบนั่งและนอนไม่มีห้องขับ) จำนวน 40 คัน
โดยในปัจจุบันได้ดัดแปลงเป็น บนท.ป.1101 - 1140 (รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2) เพื่อนำไปใช้พ่วงร่วมกับขบวนรถต่าง ๆ ซึ่งใช้งานได้คล่องตัวกว่า ปัจจุบันมีพ่วงอยู่ในขบวนรถด่วนที่ 83/84 (กรุงเทพฯ-ตรัง-กรุงเทพฯ) และรถด่วนขบวนที่ 85/86 (กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ)
ด้านการใช้งาน
แม้ว่ารถดีเซลรางแดวูจะมีหลายรุ่น แต่ในการใช้งานจริง ก็ได้มีการจัดให้ใช้งานได้ร่วมกัน เพราะระบบต่าง ๆ เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด เลยมักจะได้เห็นรถดีเซลรางแดวูที่มีริ้วขบวนแบบมีรถต่างขนาดกันในขบวนเดียวกัน
ปัญหาและข้อวิจารณ์
เรือด
ในช่วงปลาย พ.ศ. 2550 – ต้น พ.ศ. 2551 ได้พบเรือดบนเบาะในตู้โดยสารของรถดีเซลรางแดวู[1][2][3] ทำให้ขบวนรถที่ใช้รถดีเซลรางแดวูหลายขบวนต้องงดให้บริการหรือใช้รถดีเซลรางสปรินเตอร์ทำการแทน เพื่อกำจัดเรือดและเปลี่ยนเบาะหนังเทียมเป็นแบบใหม่
เปลี่ยนสีและเสียงหวีด
รถดีเซลรางแดวูเป็นรถดีเซลรางที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จนเป็นสาเหตุทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ มักจะเป็นอุบัติเหตุรุนแรงหลายครั้ง เนื่องจากมีจุดตัดที่ไม่มีเครื่องกั้นหรือทางลักผ่านหลายจุด และผู้ขับขี่พาหนะทางถนนไม่เคารพกฎจราจร[4] ทำให้รถดีเซลรางแดวูเคยต้องทำสีด้านหน้ารถใหม่หลายแบบโดยเพิ่มสีโทนเหลืองเพื่อเพิ่มจุดสังเกต แต่อุบัติเหตุก็ไม่ได้ลดลง เลยมีการเปลี่ยนเสียงหวีดใหม่ เป็นเสียงหวีดยี่ห้อ Nathan AirChime รุ่น K3LA คล้ายกับที่ใช้ในรถจักรของแอ็มแทร็กในสหรัฐ เพื่อที่จะใช้จะเตือนผู้ขับขี่พาหนะทางถนนให้ดียิ่งขึ้น เพราะเสียงหวีดดั้งเดิมมีเสียงที่ค่อนข้างเบา ได้ยินในระยะที่ไม่ไกลมาก
ขบวนรถที่ให้บริการ
- ปัจจุบัน
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3/4 กรุงเทพอภิวัฒน์–สวรรคโลก–ศิลาอาสน์–กรุงเทพอภิวัฒน์ (วิ่งแทนสปรินเตอร์เป็นบางครั้ง) (ปัจจุบันงดให้บริการชั่วคราว)
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7/8 กรุงเทพอภิวัฒน์–เชียงใหม่–กรุงเทพอภิวัฒน์
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 21/22 กรุงเทพอภิวัฒน์–อุบลราชธานี–กรุงเทพอภิวัฒน์
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 39/40 กรุงเทพอภิวัฒน์–สุราษฎร์ธานี–กรุงเทพอภิวัฒน์
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 41/42 กรุงเทพอภิวัฒน์–ยะลา–กรุงเทพอภิวัฒน์ (ปัจจุบันงดให้บริการชั่วคราวและในอนาคตอาจจะกลับมาให้บริการอีกครั้ง)
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43/44 กรุงเทพอภิวัฒน์–สุราษฎร์ธานี–กรุงเทพอภิวัฒน์
- ขบวนรถเร็วที่ 997/998 กรุงเทพ–จุกเสม็ด–กรุงเทพ (วิ่งแทนสปรินเตอร์เป็นบางครั้ง)
- อดีต
- ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 11/10 กรุงเทพฯ–เชียงใหม่–กรุงเทพฯ (ปัจจุบันยกเลิกการเดินรถแล้ว)
- ขบวนรถด่วนที่ 71/74 กรุงเทพฯ–ศรีสะเกษ–กรุงเทพฯ (เคยวิ่งแทนทีเอชเอ็นในช่วง พ.ศ. 2548–2549 และ พ.ศ. 2552–2553)[5]
- ขบวนรถด่วนที่ 73/72 กรุงเทพฯ–ศีขรภูมิ–กรุงเทพฯ (เคยวิ่งแทนทีเอชเอ็นในช่วง พ.ศ. 2548–2549)
- ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 947/948 และ 949/950 ชุมทางหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์–ชุมทางหาดใหญ่ (ปัจจุบันใช้รถจักรดีเซลพ่วงรถนั่งชั้น 3 ทำขบวนแทน)
ระเบียงภาพ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น