บทความนี้เกี่ยวกับเรือหลวงช้าง (LST-712) (ลำที่ 2) สำหรับความหมายอื่น ดูที่
เรือหลวงช้าง
เรือหลวงช้าง (LST-712) (อังกฤษ: HTMS Chang) หรืออดีตเรือ ยูเอสเอส ลินคอล์นเคาน์ตี้ (LST-898) (อังกฤษ: USS Lincoln County) เป็นเรือยกพลขนาดใหญ่ชั้น LST-542 ซึ่งสร้างขึ้นมาสำหรับกองทัพเรือสหรัฐระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และถูกขายให้กับกองทัพเรือไทย
ประวัติ
ชื่อแรกของเรือถูกตั้งขึ้นตามชื่อเทศมณฑลลินคอล์น ซึ่งใช้ชื่อเดียวกันใน 23 รัฐของสหรัฐ และเป็นเรือเพียงลำเดียวของกองทัพเรือสหรัฐที่ใช้ชื่อนี้ ส่วนชื่อที่สองของเรือถูกตั้งขึ้นตามเกาะช้าง ในจังหวัดตราด โดยเป็นเรือลำที่สองที่ใช้ชื้อนี่[1] ตามหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือของกองทัพเรือไทย[2]
เดิมเมื่อตอนวางกระดูกงูเรือ เรือลำนี้ถูกกำหนดหมายเลขตัวเรือเป็น LST-898 โดยอู่ต่อเรือดราโว คอร์เปอเรชั่น ที่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2487 และปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 โดยนาง J. B. Mawhinney และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2487[1]
การประจำการ
สงครามโลกครั้งที่สอง, พ.ศ. 2487–2488
หลังจากการแล่นทดสอบในรัฐฟลอริดา เรือ LST-898 ได้เดินทางไปขนสัมภาระที่นิวออร์ลีนส์และออกเดินทางเข้าร่วมสงครามเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 โดยแล่นผ่านคลองปานามาจนมาถึงเมืองมาจูโรเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2488 จากนั้นเดินทางต่อไปยังเกาะไซปันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติการในยุทธการที่โอกินาวะ โดยเดินทางออกจากเกาะไซปันเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2488 และเดินทางมาถึงเมืองชิมูวาน จังหวัดโอกินาวา และระบายพลพร้อมสัมภาระลงบริเวณฐานชิมูวาน ซึ่งเป็นเหมือนประตูสู่ตัวประเทศญี่ปุ่น ต่อจากนั้นได้แล่นกลับไปยังเกาะไซปันเพื่อลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ส่งกำลังบำรุงไปยังหมู่เกาะมาเรียนา ประเทศฟิลิปปินส์ และจังหวัดโอกินาวาของญี่ปุ่นตลอดช่วงเดือนที่เหลือของสงคราม
ภารกิจหลังสงคราม, พ.ศ. 2488–2489
หลังจากการยอมจำนนของญี่ปุ่นในฝั่งทะเลแปซิฟิก เรือถูกมอบหมายให้ปฏิบัติการในพื้นที่ตะวันออกไกลเพื่อขนส่งยุทโธปกรณ์ที่ถูกยึดจากฝ่ายแพ้สงครามจนถึงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน จากนั้นได้ร่วมขนส่งสัมภาระจากการรื้อถอนฐานปฏิบัติการของกองทัพบกในประเทศฟิลิปปินส์ และปลดประจำการครั้งแรกจากกองทัพเรือในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489[3]
กองทัพบกและปฏิบัติการ MSTS, พ.ศ. 2489–2493
ในวันที่ 25 พฤศภาคม พ.ศ. 2489 เรือได้ถูกถ่ายโอนภารกิจไปอยู่ในความดูแลของกองทัพบกในส่วนของการขนส่งสัมภาระต่าง ๆ และถูกถ่ายโอนกลับมาประจำการในกองทัพเรืออีกครั้งในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ซึ่งสามเดือนต่อมาเรือถูกมอบหมายให้ปฏิบัติการขนส่งสัมภาระสำหรับหน่วยบริการขนส่งทางทหารทางทะเล (Military Sea Transportation Service: MSTS) ในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งขณะนั้นเกาหลีใต้ประสบกับภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์และมีการร้องขอกำลังทางเรือเพิ่มเติมเพื่อเร่งกระบวนการส่งกำลังบำรุงเข้าสู่พื้นที่ขัดแย้ง[3]
สงครามเกาหลี, พ.ศ. 2493–2495
เรือ LST-898 กลับเข้าประจำการใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2493 โดยได้บรรทุกกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากเมืองโคเบะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปเตรียมปฏิบัติการในยุทธการที่อินช็อนทางตะวันตกของเกาหลีเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2493 จากนั้นเรือได้นำกำลังพลเข้าร่วมปฏิบัติการในยุทธการเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2493 จนกระทั่งปฏิบัติการดังกล่าวประสบความสำเร็จ จนทำให้นายพลดักลาส แมกอาเธอร์ กล่าวชื่นชมกองทัพเรือว่า "The Navy and Marines have never shone more brightly than this morning." หลังจากเรือได้ระบายกำลังพลและยุทโธปกรณ์แล้ว เรือได้ทำหน้าที่ในการลำเลียงและให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินให้กับกำลังพลนาวิกโยธินที่ได้รับบาดเจ็บ และสนับสนุนกองกำลังบนฝั่งด้วยการระดมยิงสนับสนุนไปยังตำแหน่งของข้าศึกบนฝั่ง โดยเรือ LST-898 ได้ปฏิบัติการจนถึงช่วงกลางเดือนตุลาคม จากนั้นกองกำลังของจีนได้เข้าร่วมในสงครามดังกล่าว ทำให้เรือต้องย้ายไปปฏิบัติการส่งกำลังพลนาวิกโยธินสหรัฐในพื้นที่ทางตอนเหนือของเกาหลี ต่อมาระหว่างเดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2494 เรือได้เข้าร่วมในปฏิบัติการอพยพประชาชนชาวเกาหลีและกำลังนาวิกโยธินจากเมืองฮุงนัม และเมืองว็อนซัน ไปยังเมืองปูซาน[3] จากนั้นเรือได้ปฏิบัติการขนส่งยุทปัจจัยระหว่างท่าเรือของเกาหลีและญี่ปุ่น จนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางออกจากฐานทัพเรือสหรัฐในเมืองโยโกซูกะ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 เมษายน และเดินทางถึงเมืองแซนดีเอโกเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม เพื่อเข้ารับการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ และเดินทางกลับไปยังฐานทัพเรือในโยโกซูกะเพื่อปฏิบัติการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์บนคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้งด้วยการขนส่งยุทโธปกรณ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีตลอดระยะเวลา 6 เดือน และได้เดินทางกลับมายังเมืองแซนดิเอโกในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495
กองเรือแปซิฟิก, พ.ศ. 2496–2503
ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2496 เรือ LST-898 ได้ปฏิบัติงานในการขนส่งยุทธภัณฑ์ในการก่อสร้างฐานทัพเรือบริเวณเมืองพอยต์บาร์โรว์ รัฐอะแลสกา และปฏิบัติงานอยู่บริเวณแถบอาร์กติกจนถึงช่วงเดือนกันยายน ซึ่งสองปีต่อมาเรือได้สับเปลี่ยนกำลังไปปฏิบัติการในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกในการฝึกปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตก
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 เรือ LST-898 ได้รับการตั้งชื่อว่า ยูเอสเอส ลินคอล์นเคาน์ตี้ (LST-898) ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ถึง พ.ศ. 2503 เรือได้ออกเดินทางสามครั้งไปกับกองเรือที่ 7 โดยมีครั้งหนึ่งได้เดินทางไปยังแถบอาร์กติกช่วงที่หนาวเย็นเพื่อติดตั้งแนวเตือนภัยล่วงหน้าระยะไกล (Distant Early Warning Line: DEW Line) และเข้าร่วมการฝึกยกพลขึ้นบกบริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกและฮาวาย
ปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐ
หลังจากรับใช้กองทัพเรือสหรัฐมาอย่างยาวนาน ผ่าน 2 ช่วงสงครามครั้งใหญ่ และการเดินทางไกลอีกหลายครั้งร่วมกับกองเรือที่ 7 เพื่อปฏิบัติการทางหทารต่าง ๆ ในการระงับยับยั้งความขัดแย้งในพื้นที่ เรือยูเอสเอส ลินคอล์นเคาน์ตี้ ได้ปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2504[1][3]
ประจำการกองทัพเรือไทย
เรือยูเอสเอส ลินคอล์นเคาน์ตี้ ถูกขายให้กับรัฐบาลไทยภายใต้ข้อตกลงในโครงการช่วยเหลือทางการทหาร (Military Assistance Program) เพื่อประจำการในกองทัพเรือไทยในชื่อ เรือหลวงช้าง (LST-2) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2505[3] ณ เมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีผู้แทนรัฐบาลไทย คือนายวิสูตร อรรถยุกติ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน เป็นผู้รับมอบเรือ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนหมายเลขตัวเรือเป็น 712[1]
เรือหลวงช้างเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของกองทัพเรือไทย ในการปฏิบัติการในภารกิจต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น ปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม ปฏิบัติการในยุทธการบูโดในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย สนับสนุนการปฏิบัติการของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน เป็นฐานปฏิบัติการลอยน้ำ และเป็นเรือฝึกของนักเรียนนายเรือในหลักสูตรสำคัญมากมาย จึงเปรียบได้ว่าเรือหลวงช้าง เป็นเรือครูอีกลำหนึ่งของกองทัพเรือไทย[1]
ปลดประจำการจากกองทัพเรือไทย
เรือหลวงช้างปลดประจำการเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2548 หลังจากปฏิบัติงานมากว่า 61 ปีในกองทัพเรือทั้งของสหรัฐและของไทย เนื่องจากสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ยากที่จะซ่อมแซมให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์และคุ้มค่า และได้ดำเนินการนำเรือวางลงสู่ใต้ทองทะเลบริเวณเกาะช้าง จังหวัดตราด ภายใต้โครงการ "เรือหลวงช้างรักษ์ทะเลตราดเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชินี ในวันที่ 12 สิงหาคม 2555" ของจังหวัดตราด ร่วมกับกองทัพเรือ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด และสมาคมการประมงจังหวัดตราด เพื่อใช้เป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำบริเวณเกาะช้าง โดยวางเรือหลวงช้างบริเวณกลางทะเลด้านหลังเกาะคุ้ม หรือแนวหินราบ-หินลูกบากศ์ ห่างจากเกาะช้างประมาณ 8 ไมล์ทะเล[4] ตัวเสากระโดงเรืออยู่ลึกจากผิวน้ำ 5 เมตร และตัวเรือวางอยู่ก้นทะเลที่ระยะประมาณ 35 เมตร กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในการดำน้ำลึก (Scuba diving) ที่สำคัญอีกแห่งของเกาะช้าง[1]
เกียรติยศ
เรือ LST-898 ได้รับเหรียญแบทเทิลสตาร์ (Battle star) จำนวน 1 เหรียญ จากการปฏิบัติการในสงครามโลกครั้งที่สอง และ 6 เหรียญ จากการปฏิบัติการในสงครามเกาหลี[3]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 "LST-712 เรือครูของนักเรียนนายเรือไทย". BLUE CULTURE DIVING. 2022-01-10.
- ↑ "เรือหลวงช้าง (ลำที่ 2) – Seafarer Library" (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "อพท.1 : พืนที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง - "เรือหลวงช้าง" บ้านปลาพร้อมแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ ของเกาะช้าง". www3.dasta.or.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-27. สืบค้นเมื่อ 2023-04-28.
- ↑ "เรือหลวงช้าง HTMS Chang Wreck". Chang Diving Center.
บรรณานุกรม