บทความนี้เกี่ยวกับเพลงสรรเสริญพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย สำหรับความหมายหลัก ดูที่
เพลงสรรเสริญพระบารมี
"สรรเสริญพระบารมี" เป็นบทเพลงซึ่งบรรเลงเพื่อสรรเสริญพระบารมีของพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย เคยใช้เป็นเพลงชาติของราชอาณาจักรไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2431–2475 นับเป็นเพลงชาติไทยฉบับที่ 3 ทำนองทางไทยโดยพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) เมื่อ พ.ศ. 2416[1] ทำนองดนตรีตะวันตกโดย ปิออตร์ ชูรอฟสกี (Pyotr Schurovsky) นักแต่งเพลงชาวรัสเซีย[2] ประพันธ์เมื่อ พ.ศ. 2431 คำร้องเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งนิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
ในตอนแรกคำร้องดังกล่าวในท่อนสุดท้าย ใช้คำว่า ฉะนี้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนคำว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย ดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากคำว่า ฉะนี้ เมื่อร้องตามทำนองของเพลงแล้ว คนมักจะออกเสียงเพี้ยนเป็นคำว่า ชะนี ทำให้พระองค์ทรงรำคาญพระราชหฤทัย จึงทรงเปลี่ยนจากคำว่า ฉะนี้ เป็น ชโย ซึ่งแผลงมาจากคำว่า ไชโย และ ชย[3]
ประวัติ
สรรเสริญพระนารายณ์
เพลงสรรเสริญพระบารมี มีเค้าโครงว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีเพลงที่มีลักษณะคล้ายเพลงสรรเสริญพระบารมีอยู่ก่อนแล้ว ใช้บรรเลงในเวลาพระมหากษัตริย์เสด็จลงท้องพระโรงและเสด็จขึ้น มีชื่อเรียกว่า "สายสมร" ต่อมาพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) ใช้เพลงสายสมรมาเป็นเพลงดำเนินทำนองหลัก และเรียกชื่อเพลงนี้ใหม่ว่า "ศรีอยุธยา", "สรรเสริญพระนารายณ์"[4] แต่ในบ้างแหล่งระบุชื่อเพลงว่า "เสด็จออกขุนนาง"[5]
จอมราชจงเจริญ
แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีในฐานะเพลงชาตินั้น เริ่มปรากฏในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีการใช้เพลง ก็อดเซฟเดอะคิง ซึ่งเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติของสหราชอาณาจักร บรรเลงเป็นเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ ตามแบบอย่างการฝึกทหารของอังกฤษ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) โดยการประพันธ์ลักษณะนี้เป็นการประพันธ์แบบโคลงสี่สุภาพ ได้ใช้ทำนองเพลงนี้แต่งคำร้องสรรเสริญพระบารมีถวายโดยให้ชื่อว่า "จอมราชจงเจริญ"[6]
จนกระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์และเกาะชวาในปีพ.ศ. 2414 ขณะที่ทรงประทับอยู่ที่สิงคโปร์นั้น ทหารอังกฤษได้ใช้เพลง "ก็อดเซฟเดอะคิง" บรรเลงเป็นเพลงเกียรติยศรับเสด็จ ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าทั้งอังกฤษและไทยต่างใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเพลงเดียวกัน ต่อมาเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองปัตตาเวีย ปรากฏมีชาวฮอลันดาซึ่งตั้งนิคมอยู่ที่นั้นถามถึงเพลงชาติของสยามเพื่อจะได้นำไปบรรเลงรับเสด็จ พระองค์จึงมีพระราชดำริแก่ครูดนตรีไทยให้แต่งเพลงแตรวงรับเสด็จเพื่อใช้แทนเพลง "ก็อดเซฟเดอะคิง"[7]
- เนื้อร้อง:
- ความศุข สมบัติทั้ง บริวาร
- เจริญ พละปฏิภาณ ผ่องแผ้ว
- จง ยืนพระชนม์นาน นับรอบ ร้อยแฮ
- มี พระเกียรติเพริศแพร้ว เล่ห์เพี้ยงเพ็ญจันทร์
บุหลันลอยเลื่อน
ตอนนั้น คณะครูดนตรีไทยจึงได้เสนอเพลงบุหลันลอยเลื่อน (หรือเพลงทรงพระสุบิน) ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายเฮวุดเซน (Heutsen) ครูดนตรีในกรมทหารมหาดเล็กชาวฮอลันดา เรียบเรียงทำนองขึ้นใหม่ให้เป็นทางดนตรีตะวันตก และได้ใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2414[8] (ดร. สุกรี เจริญสุข ได้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพลงเดียวกันกับเพลงสรรเสริญเสือป่า ซึ่งใช้เป็นเพลงเกียรติยศของกองเสือป่าในสมัยรัชกาลที่ 6[9]
เนื้อร้อง
โอ้เพ็ญจันทร์พรรณกระจ่างสว่างหล้า
ภาค นภาพร่างพราวสกาวใส
จอมราชันทรงสุบินนิมิตไป
ตื่นบรรทมท่านไท้ได้ทำนอง
สมญาตรง" เพลงทรงพระสุบิน"
ประชาชนทั่วสิ้นพลอยสนอง
เรียก "บุหลันลอยฟ้า"ว่าทำนอง
บ้างเพราะพร้องนาม "บุหลันลอยเลื่อน"มา
ดวงบุหลันนั้นภาษาชวาพากย์
คือจันทร์เพ็ญเด่นฟากส่องนิศา
เพลงพาฝัน "สรรเสริญพระจันทรา"
"บุหลันเลื่อนลอยฟ้า" อีกนามเอย...
สรรเสริญพระบารมี (เนื้อร้องสำนวนแรก)
ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนมาใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) (หรือครูมีแขก) ครูดนตรีคนสำคัญ ที่ได้ประดิษฐ์ทำนองขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อราว พ.ศ. 2416 ภายหลังจากพระราชพิธีบรมราชภิเษกครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน ซึ่งได้เค้าทำนองมาจากเพลงสรรเสริญนารายณ์ของเก่า[1] และได้เรียบเรียบเสียงประสานสำหรับดนตรีตะวันตกโดยปิออตร์ ชูรอฟสกี นักประพันธ์ชาวรัสเซีย เมื่อ พ.ศ. 2431
ชูรอฟสกีประพันธ์เป็นโน๊ตสากลซึ่งไม่มีครูดนตรีชาวสยามผู้ใดอ่านออก สันนิฐานว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเชิญเฮวุดเซนมาบรรเลงเพลงนี้บนเปียโนให้ฟัง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ได้ฟังจึงทรงทรงนิพนธ์เนื้อร้องใส่เข้าไป[2] และออกบรรเลงครั้งแรกที่ศาลายุทธนาธิการในปีเดียวกัน[10] ต่อมาทรงนิพนธ์เนื้อร้องของเพลงนี้อีกหลายเนื้อร้องเพื่อขับร้องในกลุ่มต่าง ๆ กัน เช่น ทหาร นักเรียนชาย นักเรียนหญิง เป็นต้น แต่มีเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอีกสำนวนหนึ่งที่เป็นพระนิพนธ์ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สำนวนนี้เป็นสำนวนสำหรับทหารเรือขับร้องโดยเฉพาะ[11]
เนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับปัจจุบันนั้น แต่เดิมเป็นเนื้อร้องที่พระองค์ได้นิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมาเมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำเพลงสรรเสริญพระบารมีมาพระราชนิพนธ์คำร้องขึ้นใหม่ โดยทรงรักษาคำร้องเดิมเอาไว้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นแต่ทรงเปลี่ยนคำร้องในท่อนสุดท้ายว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย และประกาศใช้ ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2456 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 มีการประพันธ์เพลงชาติสยามขึ้นใหม่ (ปัจจุบันคือเพลงชาติไทย) เพลงสรรเสริญพระบารมีจึงไม่ได้ใช้ในฐานะเพลงชาติอีกต่อไป แต่ยังคงใช้ในฐานะของเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ มีอยู่ช่วงหนึ่งมีการตัดทอนเพลงนี้ให้สั้นลง แต่ได้ยกเลิกการใช้แล้ว
เนื้อร้อง
เนื้อร้องสำนวนปัจจุบัน
บทร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แก้ไขเมื่อ พ.ศ. 2456
ข้าวรพุทธเจ้า
|
|
เอามโนและศิระกราน
|
นบพระภูมิบาล
|
|
บุญดิเรก
|
เอกบรมจักริน
|
|
พระสยามินทร์
|
พระยศยิ่งยง
|
|
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
|
ผลพระคุณ ธ รักษา
|
|
ปวงประชาเป็นสุขศานต์
|
ขอบันดาล
|
|
ธ ประสงค์ใด
|
จงสฤษดิ์ดัง
|
|
หวังวรหฤทัย
|
ดุจถวายชัย
|
|
ชโย
|
เนื้อร้องสำนวนสังเขป
ข้าวรพุทธเจ้า
|
|
เอามโนและศิระกราน
|
นบพระภูมิบาล
|
|
บรมกษัตริย์ไทย
|
ขอบรรดาล
|
|
ธ ประสงค์ใด
|
จงสิทธิดั่ง
|
|
หวังวรหฤทัย
|
ดุจถวายไชย
|
|
ชโย
|
สำนวนสำหรับทหารบก
ข้าวรพุทธเจ้า
|
|
เหล่าพิริย์พลพลา
|
สมสมัยกา–
|
|
ละปิติกมล
|
รวมนรจำเรียงพรรค์
|
|
สรรพ์ดุริยพล สฤษดิมลฑล
|
ทำสดุดีแด่นฤบาล
|
|
ผลพระคุณรักษา
|
พลนิกายะสุขศานต์
|
|
ขอบันดาล
|
ธ ประสงค์ใด
|
|
จงสิทธิ์ดัง
|
หลังวรหฤทัย
|
|
ดุจถวายชัย ฉะนี้
|
สำนวนขับร้องละครดึกดำบรรพ์
อ้าพระนฤปจง
|
|
ทรงสิริวัฑฒนา
|
จงพระพุทธศา-สนฐีติยง
|
|
ราชรัฐจงจีรัง
|
ทั้งบรมวงศ์
|
|
ฑีรฆดำรง
|
ทรงกรุณาประชาบาล
|
|
ราชธรรมรักษา
|
เป็นหิตานุหิตสาร
|
|
ขอบันดาล
|
ธ ประสงค์ใด
|
|
จงสิทธิ์ดัง
|
หลังวรหฤทัย
|
|
ดุจถวายไชย ฉนี้
|
สำนวนสำหรับนักเรียนชายหญิงขับร้องร่วมกัน
ข้าวรพุทธเจ้า
|
|
เหล่ายุพยุพดี
|
ยอกรชุลี
|
|
วรบทบงสุ์
|
ซร้องศัพท์ถวายชัย
|
|
ในนฤปทรง พระยศยิ่งยง
|
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
|
|
ผลพระคุณะรักษา
|
ชนนิกายะศุขสานต์
|
|
ขอบันดาล
|
ธ ประสงค์ใด
|
|
จงสิทธิ์ดัง
|
หวังวรหฤทัย
|
|
ดุจถวายชัย ฉะนี้
|
บทร้องสำนวนโรงเรียนชายล้วน
ข้าวรพุทธเจ้า เหล่าดรุณกุมารา
โอนศิรวันทา วรบทบงสุ์
ซร้องศัพท์ถวายชัย
ในนฤปทรง พระยศยิ่งยง
เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณะรักษา
ชนนิกายะศุขสานต์ ขอบันดาล
ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง
หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้
บทร้องสำนวนโรงเรียนหญิงล้วน
ข้าวรพุทธเจ้า เหล่าดรุณกุมารี
โอนศิรชุลี วรบทบงสุ์
ซร้องศัพท์ถวายชัย
ในนฤปทรง พระยศยิ่งยง
เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณะรักษา
ชนนิกายะศุขสานต์ ขอบันดาล
ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง
หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้
สำนวนสำหรับทหารเรือ
ข้าวรพุทธเจ้า เหล่ายุทธพลนาวา
ขอถวายวันทา วรบทบงสุ์
ยกพลถวายชัย
ให้สยามจง อิสระยิ่งยง
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ใจทหารทั้งบ่าวนาย
ยอมขอตายถวายท่าน ขอบันดาล
ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง
หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้
วาระและโอกาสในการใช้
ระเบียบส่วนราชการในพระองค์กำหนดวาระในการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีไว้ดังนี้[12]
- พระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งรับและส่งเสด็จ
- พระราชพิธีหรือพิธีการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนิน ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งรับและส่งเสด็จ
- พระราชพิธีหรือพิธีการที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งรับและส่งเสด็จ
- พระราชพิธีหรือพิธีการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งรับและส่งเสด็จ
- พระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์หรือพระราชานุสาวรีย์ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง ทหารกองเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลหรือแถวทหารมหาดเล็กรับเสด็จ ถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แตรเดี่ยวแถวรับเสด็จเป่าเพลงคำนับ 3 จบ กองทหารเกียรติยศสำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์หรือพระราชานุสาวรีย์ ถวายความเคารพโดยดุริยางค์ไม่บรรเลง และเมื่อถึงพิธีการเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์หรือพระราชานุสาวรีย์ กองทหารเกียรติยศสำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์หรือพระราชานุสาวรีย์ ถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ ให้กองทหารเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ส่วนกองทหารเกียรติยศสำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์หรือพระราชานุสาวรีย์ ถวายความเคารพ แต่ดุริยางค์ไม่ต้องบรรเลง
- พระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินไปในงานศพที่มีกองทหารเกียรติยศสำหรับศพ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง กองทหารเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลหรือแถวทหารมหาดเล็กรับเสด็จ ถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แตรเดี่ยวแถวรับเสด็จเป่าเพลงคำนับ 3 จบ กองทหารเกียรติยศสำหรับศพถวายความเคารพ โดยดุริยางค์ไม่บรรเลง เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ ให้กองทหารเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลถวายความเคารพด้วย โดยดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ส่วนกองทหารเกียรติยศสำหรับศพถวายความเคารพ แต่ดุริยางค์ไม่ต้องบรรเลง
- พระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีทุกรัชกาล เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยประมุขต่างประเทศ
- ดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติหรือเพลง Royal Anthem ของประเทศนั้น จบแล้วบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทั้งรับและส่งเสด็จ ในกรณีที่ประมุขต่างประเทศเสด็จพระราชดำเนิน หรือไปตามลำพัง ดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติหรือเพลง Royal Anthem ของประเทศนั้น
- ในกรณีที่จัดกองทหารเกียรติยศ 2 กอง คือกองทหารเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล และกองทหารเกียรติยศสำหรับประมุขต่างประเทศ
- เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินถึง ให้กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพพร้อมกันทั้ง 2 กอง เฉพาะกองทหารเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเพียงกองเดียวบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
- เมื่อประมุขต่างประเทศเสด็จพระราชดำเนินหรือมาถึง ให้กองทหารเกียรติยศแสดงความเคารพพร้อมกันทั้ง 2 กอง เฉพาะกองทหารเกียรติยศสำหรับประมุขต่างประเทศเพียงกองเดียวบรรเลงเพลงชาติหรือเพลง Royal Anthem ของประเทศนั้น
- เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยประมุขต่างประเทศ กองทหารเกียรติยศทั้ง 2 กอง ถวายและแสดงความเคารพพร้อมกัน กองทหารเกียรติยศสำหรับประมุขต่างประเทศบรรเลงเพลงชาติหรือเพลง Royal Anthem ของประเทศนั้นก่อน แล้วกองทหารเกียรติยศสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
- ในกรณีที่จัดกองทหารเกียรติยศกองเดียว
- เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินถึง กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
- เมื่อประมุขต่างประเทศเสด็จพระราชดำเนินหรือมาถึง กองทหารเกียรติยศแสดงความเคารพดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติหรือเพลง Royal Anthem ของประเทศนั้น
- เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยประมุขต่างประเทศ กองทหารเกียรติยศถวายและแสดงความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติหรือเพลง Royal Anthem ของประเทศนั้นก่อน แล้วจึงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
- พิธีการที่ผู้แทนพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในงานเสด็จพระราชดำเนิน
- กรณีผู้แทนพระองค์เป็นผู้ซึ่งต้องใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีในการรับและส่งเสด็จ เมื่อผู้แทนพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาถึง ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นการรับเสด็จ และเมื่อผู้แทนพระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นการส่งเสด็จ
- กรณีผู้แทนพระองค์เป็นผู้ซึ่งต้องใช้เพลงมหาชัยในการรับและส่งเสด็จ เมื่อผู้แทนพระองค์เสด็จมาถึงและลงจากรถยนต์ที่นั่ง ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นการรับเสด็จ และเมื่อผู้แทนพระองค์เสด็จกลับ ก่อนขึ้นรถยนต์ที่นั่ง ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นการส่งเสด็จ
- ถ้าผู้แทนพระองค์เป็นบุคคลธรรมดา ในกรณีที่รถจอดกับที่จัดงานอยู่ในบริเวณเดียวกัน เมื่อผู้แทนพระองค์มาถึงและลงจากรถยนต์หลวงแล้วยืนข้างรถ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเมื่อผู้แทนพระองค์กลับ ยืนข้างรถก่อนขึ้นรถยนต์หลวง ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ถ้าเป็นกรณีที่รถจอดกับที่จัดงานไม่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เมื่อผู้แทนพระองค์มาถึง ดุริยางค์ไม่บรรเลงเพลงใด ๆ และเมื่อผู้แทนพระองค์ยืนหน้าเก้าอี้แล้ว ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อเสร็จงานผู้แทนพระองค์ยืนหน้าเก้าอี้ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และเมื่อผู้แทนพระองค์กลับ ดุริยางค์ไม่ต้องบรรเลงเพลงใด ๆ[13]
นอกจากนี้ ในการมหรสพต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น การแข่งขันกีฬา การฉายภาพยนตร์หรือการแสดงดนตรี ก็นิยมมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนทำการแสดงเสมอ สำหรับการกระจายเสียงของสถานีวิทยุและการแพร่ภาพของสถานีโทรทัศน์ เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ได้ถูกในเป็นเพลงสำหรับแจ้งการยุติการกระจายเสียงประจำวันของสถานีวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทย และใช้เป็นเพลงยุติการแพร่ภาพออกอากาศประจำวัน หรือในกรณีที่มีการออกอากาศตลอดทั้งวัน จะใช้เมื่อเปลี่ยนเวลาเข้าสู่วันใหม่ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย
การบันทึกเสียง
บันทึกเสียงลงใน
กระบอกเสียงไขผึ้งของบริษัทเอดิสัน
บรรเลงโดยคณะละครนายบุศย์มหินทร์ (บุศย์ เพ็ญกุล)
ซึ่งได้เปิดการแสดง ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2443
แผ่นเสียงแม่ไม้เพลงไทย ตรากระต่าย
เพลงสรรเสริญพระบารมี เสียงร้องของแม่ปุ่นและแม่แป้น บันทึกลงในแผ่นเสียงปาเต๊ะชนิดร่องกลับทาง ส่งแตรวงกรมทหารราบที่ 3 พ.ศ. 2450
เพลงสรรเสริญพระบารมีมีการบันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2443 ซึ่งเป็นการบรรเลงโดยวงดนตรีคณะละครนายบุศมหินทร์ที่ประเทศเยอรมนี บันทึกลงบนกระบอกเสียงชนิดไขผึ้งของบริษัทเอดิสัน[14]
และมีการบันทึกเสียงโดยมีการขับร้องประกอบครั้งแรกโดยเป็นเสียงร้องของแม่ปุ่น (ไม่ทราบนามสกุล) และแม่แป้น (แป้น วัชโรบล) ในแผ่นเสียงปาเต๊ะร่องกลับทางของบริษัทปาเต๊ะ ประเทศฝรั่งเศส ส่งแตรวงกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์) เมื่อ พ.ศ. 2450[15]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น