ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบเริ่มต้นทีหลัง หรือ ต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินในผู้สูงอายุ (อังกฤษ : Late-onset hypogonadism ) เป็นภาวะที่มีน้อยในชายสูงอายุ ระบุโดยค่าวัดเทสโทสเตอโรน ต่ำและอาการทางคลินิกอื่น ๆ โดยมากเป็นอาการทางเพศ รวมทั้งอารมณ์เพศ ลดลง การแข็งตัวเองขององคชาต ลดลง และองคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (erectile dysfunction)[ 1]
ภาวะเป็นผลของการค่อย ๆ ลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ลง
มีหลักฐาน ว่าในทั้งชายหญิง เทสโทสเตอโรนจะลดลงเรื่อย ๆ ประมาณ 1% ต่อปี [ 2] [ 3]
ศัพท์
ภาวะนี้เกี่ยวข้องกับสภาพของต่อมไร้ท่อ และการมีอายุมากขึ้น[ 1]
แม้สื่อนิยมอังกฤษจะใช้คำว่า "male menopause" (วัยทองชาย) และ "andropause" แต่นี่อาจทำให้เข้าใจผิดพลาด เพราะแสดงนัยว่า ฮอร์โมนลดลงอย่างเฉียบพลันเหมือนกับวัยหมดระดู (menopause) ในหญิง[ 4]
อาการ การวินิจฉัย และการตรวจคัด
โดยปี 2016 สมาคมเพื่อการศึกษาชายสูงอายุสากล (International Society for the Study of the Aging Male) นิยาม late-onset hypogonadism ว่าเป็น กลุ่มอาการในผู้สูงอายุเนื่องกับความพร่องเทสโทสเตอโรน ที่รวมลักษณะต่าง ๆ ของทั้งต่อมบ่งเพศทำงานพร่องปฐมภูมิ (primary hypogonadism) และต่อมบ่งเพศทำงานพร่องทุติยภูมิ
งานศึกษาชายสูงอายุชาวยุโรป ซึ่งเป็นงานศึกษาตามรุ่นตามแผน ปี 2016 ในชายประมาณ 3,000 คน[ 5]
นิยามว่า มีอาการทางเพศอย่างน้อย 3 อย่าง (เช่น มีความต้องการทางเพศลดลง องคชาตแข็งตัวเองน้อยลง และองคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์)
และมีระดับเทสโทสเตอโรนน้อยกว่า 11 nmol /l (3.2 ng /ml )[ 1]
ชายบางคนจะมีอาการแต่มีระดับเทสโทสเตอโรนปกติ ชายบางคนมีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำแต่ไม่มีอาการ
โดยเหตุผลยังไม่ชัดเจน[ 1] [ 6]
ชายวัยปลาย 40 และต้น 50 บางคนจะมีความซึมเศร้า ความต้องการทางเพศลดลง องคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และอาการทางกายและทางอารมณ์ อื่น ๆ เช่น หงุดหงิด เสียกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายได้น้อยลง น้ำหนักขึ้น ไม่มีแรง นอนมีปัญหา และสมาธิไม่ดี
อาการหลายอย่างเหล่านี้อาจมาจาก "วิกฤติการณ์ชีวิตวัยกลางคน" (midlife crisis) หรืออาจมาจากวิถีการดำเนินชีวิตระยะยาวที่ไม่ถูกสุขภาพ (เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุราเกินควร การทานมากเกิน การไม่ออกกำลังกาย) และอาจแก้ไขได้ดีกว่าโดยเปลี่ยนการดำเนินชีวิต การบำบัดทางจิต หรือยาแก้ซึมเศร้า [ 4]
ถ้าบุคคลมีอาการของภาวะนี้ แพทย์ก็จะวัดระดับเทสโทสเตอโรนในเลือด ตอนเช้าอย่างน้อย 2 วัน
การวัดค่าแบบ immunoassays[ A]
สามัญกว่า แต่แมสสเปกโตรเมทรี (mass spectrometry)[ B]
จะแม่นยำกว่าและเริ่มมีใช้อย่างกว้างขวาง[ 6]
ความหมายของค่าวัดจะต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมายที่มีผลต่อการผลิตเทสโทสเตอโรนและการขนส่งในเลือด
ระดับเข้มข้นขึ้นของโปรตีน ที่จับกับเทสโทสเตอโรนในเลือด สามารถเกิดเมื่ออายุมากขึ้น มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน หรือโรคตับ หรือทานยากันชัก (ซึ่งยังใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรักษาโรคซึมเศร้าและโรคเส้นประสาทต่าง ๆ)
ส่วนความเข้มข้นลดลงของโปรตีนสามารถเกิดเมื่ออ้วน มีโรคเบาหวาน มีภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ มีโรคตับ หรือใช้ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์หรือแอนโดนเจนหรือ progestin[ 6]
ถ้าเทสโทสเตอโรนมีระดับต่ำ โรคต่าง ๆ ที่เป็นเหตุของต่อมบ่งเพศทำงานน้อยเกินแบบปฐมภูมิและทุติยภูมิก็จะต้องกันออกด้วย[ 6] [ 7] [ 8]
เนื่องจากความยากบวกค่าใช้จ่ายในการทดสอบ และผลที่คลุมเครือ จึงไม่แนะนำการตรวจคัดกรอง[ 1] [ 6]
แม้โดยปี 2016 จะมีการทดสอบทางคลินิกที่ได้พัฒนาขึ้น แต่ความจำเพาะ ก็ต่ำเกินกว่าที่จะมีประโยชน์ทางคลินิก[ 1]
เหตุ
ระดับเทสโทสเตอโรนมีหลักฐานว่า จะลดตามอายุประมาณ 1% ต่อปีทั้งในชายหญิงหลังจากถึงวัยหนึ่ง ๆ
แต่เหตุก็ยังไม่ชัดเจน[ 1] [ 2] [ 3] [ 9] [ 10]
การรักษา
ผลกระทบของระดับเทสโทสเตอโรนที่ลดลง เป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่ ดังนั้น การรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนแทนก็จึงเป็นเรื่องโต้แย้ง
องค์การอาหารและยา สหรัฐ (FDA) กล่าวในปี 2015 ว่า ทั้งผลดีและความปลอดภัยของเทสโทสเตอโรนเพื่อรักษาชายสูงอายุที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำยังไม่ชัดเจน[ 11]
การรักษาด้วยการให้เทสโทสเตอโรนแทน ควรเริ่มต่อเมื่อได้ยืนยันระดับที่ต่ำแล้ว[ 7]
แต่แม้ในสหรัฐอเมริกา การยืนยันก่อนให้ยาก็ไม่ได้ทำในกรณีคนไข้ 25% โดยปี 2015[ 8]
ในระหว่างการรักษา แพทย์ควรสอดส่องระดับเทสโทสเตอโรน[ 7]
ผลไม่พึงประสงค์
ผลไม่พึงประสงค์ของการให้เทสโทสเตอโรน รวมปัญหาทางหัวใจหลอดเลือด (รวมทั้งโรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจล้มเหลว ) และแม้ถึงความตาย โดยเฉพาะสำหรับชายอายุเกิน 65 ปี และชายที่มีปัญหาหัวใจมาก่อน[ 1]
ปัญหาหัวใจหลอดเลือดเนื่องกับการรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนทำให้ FDA ในปี 2015 เริ่มบังคับให้มีป้ายแสดงคำเตือนของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจล้มเหลว[ 1] [ 11]
อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่มีก็ยังผสมผเส ดังนั้น องค์กรยายุโรป (EMA) สมาคมแพทย์วิทยาต่อมไร้ท่ออเมริกัน และวิทยาลัยวิทยาต่อมไร้ท่ออเมริกัน ล้วนกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่า การรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนเพิ่มหรือลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ[ 1]
ผลไม่พึงประสงค์ที่สำคัญอื่น ๆ รวมทั้งเร่งการเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่มีมาก่อน
ฮีมาโทคริต สูงขึ้น ซึ่งอาจต้องเจาะหลอดเลือดดำ เพื่อรักษา
และอาการหยุดหายใจเมื่อนอน (sleep apnea) ที่แย่ลง[ 1]
ผลไม่พึงประสงค์ที่ไม่ค่อยรุนแรงอาจรวมการเกิดสิว ผิวมัน ผมร่วงผมบาง
ซึ่งอาจป้องกันด้วยยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitor ซึ่งปกติใช้รักษาการเจริญเกินของต่อมลูกหมาก รวมยาเช่น finasteride และ dutasteride[ 12]
เทสโทสเตอโรนที่ให้อาจเป็นเหตุยับยั้งการสร้างสเปิร์ม ทำให้เป็นหมันที่ฟื้นคืนได้ในบางกรณี[ 1]
ผล
โดยปี 2015 หลักฐานยังไม่ชัดเจนว่า การรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนสามารถช่วยองคชาตไม่แข็งตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (erectile dysfunction) ในชายที่มีภาวะนี้หรือไม่[ 8]
แต่ก็ดูเหมือนว่า มีประโยชน์แก่ชายผู้มีภาวะนี้ที่อ่อนแอ (frailty)[ 8]
วิทยาการระบาด
การระบาดของภาวะไม่ชัดเจน
ชาย 20% ในวัยช่วง 60 ปี และ 30% ในช่วง 70 ปี มีเทสโทสเตอโรนต่ำ[ 2] [ 8]
ชาย 5% ระหว่างอายุ 70-79 ปี มีทั้งเทสโทสเตอโรนต่ำและมีอาการ และดังนั้น จึงวินิจฉัย ว่ามีภาวะนี้[ 2]
องค์กรบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า เป็นภาวะที่มีน้อย[ 4]
ประวัติ
มีรายงานถึงผลของระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ
ในปี 1944 นักวิชาการคู่หนึ่งระบุอาการที่พวกเขาตั้งชื่อว่า "male climacteric" ซึ่งรวมความต้องการและสมรรถภาพทางเพศที่ลดลง ความกระวนกระวาย ความซึมเศร้า ความจำแย่ลง ไม่มีสมาธิ ล้า นอนไม่หลับ อาการหน้าแดง/ตัวแดง (hot flush) และเหงื่อออก
นักวิชาการได้พบว่า คนไข้มีเทสโทสเตอโรน ในระดับต่ำกว่าปกติ และอาการจะลดลงอย่างสำคัญเมื่อให้เทสโทสเตอโรน[ 13] [ 14]
สังคมและวัฒนธรรม
ความสนใจของบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับ "andropause" ได้เชื้อเพลิงจากหนังสือ Male Menopause ของผู้ไม่ใช่นักวิชาการในปี 1998[ 15]
ตามความเห็นของผู้เขียน andropause เป็นการเปลี่ยนชีวิตของชายวัยกลางคน ซึ่งมีแง่มุมด้านฮอร์โมน ร่างกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สังคม เพศ กับจิตวิญญาณ
ผู้เขียนอ้างว่า นี่เกิดขึ้นในชายทุกคน อาจเกิดเร็วแม้ในระหว่าง 45-50 ปี แต่สำหรับชายบางคน จะเกิดอย่างน่าทึ่งหลังจากวัย 70 ปี โดยประสบการณ์ของหญิงและของชายจะคล้ายกันเป็นบางส่วน[ 16] [ 17]
การใช้คำว่า andropause โดยหมายเป็นคำขนานกับคำว่า menopause เป็นเรื่องที่แพทย์ไม่ยอมรับ[ 4] [ 18]
บทความบรรณาธิการปี 2015 ของ วารสารสังเคมเวชศาสตร์ผู้สูงอายุอเมริกัน กล่าวว่า อาศัยความไม่ชัดเจนของเกณฑ์วินิจฉัย
ความกดดันและการโฆษณาจากบริษัทยาที่ขายเทสโทสเตอโรนและ human growth hormone
และการขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ขายยากระตุ้นต่าง ๆ ให้ชายสูงอายุ
ภาวะนี้ได้การวินิจฉัยและรักษามากเกินไป[ 19]
และยังให้ข้อสังเกตว่า ในสหรัฐ "การขายเทสโทสเตอโรนเพิ่มจาก 324 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,300 ล้านบาท) ในปี 2002 เป็น 2,000 ล้านเหรียญ (62,141 ล้านบาท) ในปี 2012 และจำนวนขนาดยาที่ใช้รักษาเพิ่มจาก 100 ล้านชุดในปี 2007 ไปเป็น 500 ล้านชุดในปี 2012 โดยยังไม่รวมแหล่งอื่น ๆ รวมทั้งเภสัชปรุงยา (compounding pharmacies) อินเทอร์เน็ต และที่ขายให้คนไข้โดยตรง" [ 19]
ทิศทางงานวิจัย
โดยปี 2016 ยังจำเป็นต้องมีงานวิจัยเพิ่มเพื่อหาวิธีวัดเทสโทสเตอโรนที่ดีกว่า เพื่อให้ความเข้าใจที่ดีกว่าเกี่ยวกับค่าวัดที่พบในบุคคลต่าง ๆ ให้เข้าใจว่าทำไมบางคนที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำแต่ไม่มีอาการ และทำไมบางคนที่มีระดับปกติจึงมีอาการ[ 1]
งานวิจัยยังจำเป็นต้องเข้าใจเพิ่มเรื่องความเสี่ยงต่อหัวใจหลอดเลือดเมื่อรักษาโดยให้เทสโทสเตอโรนแทนสำหรับชายสูงอายุ[ 1]
มีความสัมพันธ์ระหว่างภาวะนี้กับความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ จึงมีงานศึกษาทางคลินิกขนาดเล็กเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์ สำหรับชายที่มีภาวะนี้
แต่โดยปี 2009 ผลก็ยังสรุปไม่ได้[ 20]
เชิงอรรถ
↑ immunoassay เป็นการทดสอบทางเคมีชีวภาพ เพื่อวัดการมีหรือระดับความเข้มข้นของแมโครโมเลกุลหรือโมเลกุลเล็กในสารละลาย โดยปกติใช้สารภูมิต้านทาน หรือบางครั้งใช้แอนติเจน
↑ Mass spectrometry (MS) เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ที่แตกสารเคมี ออกเป็นไอออน แล้วจัดประเภทไอออนตามอัตราส่วนมวล ต่อประจุไฟฟ้า (mass-to-charge ratio)
กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ เป็นการวัดมวลต่าง ๆ ในสารตัวอย่าง ซึ่งใช้ในสาขาต่าง ๆ และใช้กับทั้งตัวอย่างบริสุทธิ์หรือตัวอย่างผสม
อ้างอิง
↑ 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 Dimopoulou, C; และคณะ (2016-02). "EMAS position statement: Testosterone replacement therapy in the aging male". Maturitas . 84 : 94–9. doi :10.1016/j.maturitas.2015.11.003 . PMID 26614257 .
↑ 2.0 2.1 2.2 2.3
Samaras, N; Papadopoulou, MA; Samaras, D; Ongaro, F (2014). "Off-label use of hormones as an antiaging strategy: a review" . Clinical interventions in aging . 9 : 1175–86. doi :10.2147/CIA.S48918 . PMC 4116364 . PMID 25092967 .
↑ 3.0 3.1
Shifren, JL (2015-10). "Testosterone for midlife women: the hormone of desire?". Menopause (New York, N.Y.) . 22 (10): 1147–9. doi :10.1097/gme.0000000000000540 . PMID 26397145 .
↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 "Male Menopause" . www.nhs.uk . NHS Choices. 2016-04-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2016-10-09. สืบค้นเมื่อ 2016-10-07 .
↑ Wu, FC; EMAS Study Group; และคณะ (2010-07-08). "Identification of late-onset hypogonadism in middle-aged and elderly men" . The New England Journal of Medicine . 363 (2): 123–35. doi :10.1056/NEJMoa0911101 . PMID 20554979 .
↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 Basaria, S (2014-04-05). "Male hypogonadism". Lancet (London, England) . 383 (9924): 1250–63. doi :10.1016/s0140-6736(13)61126-5 . PMID 24119423 .
↑ 7.0 7.1 7.2 Bhasin, S; Cunningham, GR; Hayes, FJ; Matsumoto, AM; Snyder, PJ; Swerdloff, RS; Montori, VM; Task Force, Endocrine Society (2010-06). "Testosterone therapy in men with androgen deficiency syndromes: an Endocrine Society clinical practice guideline" . The Journal of Clinical Endocrinology and Metabolism . 95 (6): 2536–59. doi :10.1210/jc.2009-2354 . PMID 20525905 . [ลิงก์เสีย ]
↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4
Seftel, AD; Kathrins, M; Niederberger, C (2015-08). "Critical Update of the 2010 Endocrine Society Clinical Practice Guidelines for Male Hypogonadism: A Systematic Analysis". Mayo Clinic Proceedings . 90 (8): 1104–15. doi :10.1016/j.mayocp.2015.06.002 . PMID 26205546 .
↑
"Could you have low testosterone?: MedlinePlus Medical Encyclopedia" . NIH: Medline Plus. 2014-09-18.
↑
Huhtaniemi, I (2014). "Late-onset hypogonadism: current concepts and controversies of pathogenesis, diagnosis and treatment" . Asian journal of andrology . 16 (2): 192–202. doi :10.4103/1008-682x.122336 . PMC 3955328 . PMID 24407185 .
↑ 11.0 11.1 Staff (2015-03-03). "FDA Cautions About Using Testosterone Products for Low Testosterone Due to Aging; Requires Labeling Change to Inform of Possible Increased Risk of Heart Attack And Stroke" . FDA . สืบค้นเมื่อ 2015-03-05 . . NEJM Perspective piece:
Nguyen, CP; และคณะ (2015-08-20). "Testosterone and "Age-Related Hypogonadism"--FDA Concerns". The New England Journal of Medicine . 373 (8): 689–91. doi :10.1056/nejmp1506632 . PMID 26287846 . . Popular summary:
Tavernise, Sabrina (2015-03-03). "Drugs Using Testosterone Will Label Heart Risks" . New York Times . สืบค้นเมื่อ 2015-03-19 .
↑ Grech, Anthony; Breck, John; Heidelbaugh, Joel (2016-10-07). "Adverse effects of testosterone replacement therapy: an update on the evidence and controversy" . Ther Adv Drug Saf . 5 (5): 190–200. doi :10.1177/2042098614548680 . PMC 4212439 . PMID 25360240 – โดยทาง PubMed Central.
↑
Gabrielsen, JS; Najari, BB; Alukal, JP; Eisenberg, ML (2016-05). "Trends in Testosterone Prescription and Public Health Concerns". The Urologic clinics of North America . 43 (2): 261–71. doi :10.1016/j.ucl.2016.01.010 . PMID 27132584 .
↑
Heller, CG; Myers, GB (1944-10-21). "The male climacteric, its symptomatology, diagnosis and treatment". Journal of the American Medical Association . 126 (8): 472. doi :10.1001/jama.1944.02850430006003 .
↑ Diamond, Jed (1998). Male Menopause . Naperville, Ill: Sourcebooks. ISBN 1-57071-397-9 .
↑
Diamond, Jed (2000). Surviving Male Menopause. A Guide for Women and Men . Naperville, Ill: Sourcebooks. ISBN 1-57071-433-9 .
↑
Tan, Robert S. (2001). The andropause mystery: unraveling truths about the male menopause . Houston, Tex: AMRED Pub. ISBN 0-9707061-0-3 .
↑
Gorski, David (2013-11-25). " "Low T": The triumph of marketing over science « Science-Based Medicine" . Science-Based Medicine.
↑ 19.0 19.1 Perls, T; Handelsman, DJ (2015-04). "Disease mongering of age-associated declines in testosterone and growth hormone levels" . Journal of the American Geriatrics Society . 63 (4): 809–11. doi :10.1111/jgs.13391 . PMID 25809947 .
↑ Cherrier, MM (2009). "Testosterone effects on cognition in health and disease". Frontiers of hormone research . 37 : 150–62. doi :10.1159/000176051 . PMID 19011295 .
แหล่งข้อมูลอื่น