ตับอักเสบ อี (อังกฤษ : Hepatitis E ) เป็นตับอักเสบ ที่เกิดจากการการติดเชื้อ ไวรัส ที่เรียกว่า hepatitis E virus (HEV ) HEV เป็นไวรัส RNA สายเดียวประเภท positive-sense มีรูปทรงแบบ icosahedral และมีขนาดจีโนม 7.5 กิโลเบส HEV ใช้ช่องทางแพร่เชื่อผ่านอุจจาระ/ช่องปาก เป็นไวรัสตับอักเสบหนึ่งในห้าชนิดที่รู้จักกันดี (A , B , C , D และ E) การติดเชื้อที่มีการบันทึกไว้ครั้งแรกเกิดใน ค.ศ. 1955 ณ เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย[ 1] วัคซีน (HEV 239) สำหรับป้องกันไวรัสนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศจีน
ชีววิทยาเชิงโมเลกุล
แม้ว่าเดิมจะถูกจัดอยู่ในวงศ์ Caliciviridae ไวรัสถูกจัดอยู่ในสกุล Hepevirus และถูกย้ายไปอยู่ในวงศ์ Hepeviridae ตัวไวรัสเองเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ไม่มีเปลือกห่อหุ้ม
ขนาดจีโนมมีความยาวราว 7,200 เบส มีลักษณะเป็นโมเลกุล RNA สายเดี่ยวแบบ polyadenylated ที่มี open reading frames (ORFs) สามช่วงที่ไม่เชื่อมต่อและทับซ้อนกันตามแนว 5' and 3' cis-acting elements ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจำลองตัวของ HEV และในกระบวนการ transcription
โครงสร้างสามมิติระดับอะตอมของโปรตีนที่เป็น capsid ในอนุภาคที่เป็นไวรัสถูกค้นพบและตีพิมพ์ใน ค.ศ. 2009[ 2] อย่างไรก็ดียังไม่มีระบบเพาะเลี้ยงแบบ in vitro
สปีซีส์ภายใต้สกุลของไวรัสนี้สามารถก่อโรคในคน หมู หมูป่า กวาง หนู กระต่าย และนก[ 3]
ระบาดวิทยา
การจัดจำแนก
มีเพียงซีโรไทป์ เดียวแต่จัดจำแนกโดยลำดับนิวคลีโอไทด์ ของจีโนม[ 4] Genotype 1 แบ่งออกเป็นชนิดย่อยห้าชนิด Genotype 2 แบ่งออกเป็นชนิดย่อย 2 ชนิด Genotype 3 แบ่งออกเป็นชนิดย่อย 10 ชนิด Genotype 4 แบ่งออกเป็นชนิดย่อย 7 ชนิด
พันธุศาสตร์ประชากร
บรรพบุรุษของ Hepatitis E วิวัฒนาการมาระหว่าง 536 ถึง 1,344 ปีมาแล้ว[ 3] ซึ่งแยกออกเป็นสอง clades - เป็น anthropotropic แบบหนึ่งและ enzootic อีกแบบหนึ่ง - ซึ่งแตกย่อยออกเป็น genotypes 1 และ 2 และ genotypes 3 และ 4 ตามลำดับ เวลาในการแยกในแต่ละ genotypes เป็นดังนี้
genotypes 1/2 367 – 656 ปีมาแล้ว
genotypes 3/4 417 – 679 ปีมาแล้ว
สำหรับบรรพบุรุษร่วมกันของแต่ละ genotypes
genotype 1 ระหว่าง 87 ถึง 199 ปีมาแล้ว
genotype 3 ระหว่าง 265 ถึง 342 ปีมาแล้ว
genotype 4 ระหว่าง 131 ถึง 266 ปีมาแล้ว
การที่สายพันธุ์ anthropotropic (genotype 1 และ 2) มีวิวัฒนาการมาใหม่กว่าแสดงว่าไวรัสสายพันธุ์นี้เกิดมาจากสายพันธุ์ zooenosis
การใช้สายพันธุ์ไวรัสจากสัตว์ปีกยืนยันความสัมพันธ์ดังกล่าวใน genotypes 1–4 และระบุว่าสกุลดังกล่าวอาจวิวัฒนาการมา 1.36 ล้านปีก่อน (ระหว่าง 0.23 ล้านปีก่อน ถึง 2.6 ล้านปีก่อน )[ 3] ไวรัสที่แยกได้จากหนูก็ยืนยันข้อมูลนี้ด้วยและประมาณการเวลาที่สายพันธุ์ในคนและหมูแยกจากกันที่ประมาณ 7.44×104 ปีมาแล้ว (อยู่ในช่วงระหว่าง 2.1×104 ถึง 1.4×105 ปีมาแล้ว) เนื่องจากเวลาดังกล่าวสัมพันธ์กับการเริ่มต้นการเกษตรกรรมจึงอาจอนุมานว่าไวรัสเริ่มติดหนูก่อน แล้วจึงติดสุกร สุดท้ายจึงมาติดต่อสู่คน อย่างไรก็ดี ยังมีการศึกษาทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันหรือหักล้างข้อสังเกตดังกล่าว
genotypes 1,3 และ 4 ต่างเพิ่มจำนวนประชากรในคริสต์ศตวรรษที่ 20 [ 3] จำนวนประชากรใน genotype 1 เพิ่มอย่างรวดเร็วในช่วง 30–35 ปีที่ผ่านมา ส่วน genotypes 3 และ 4 เพิ่มประชากรตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนถึงช่วง ค.ศ. 1940–1945 อย่างไรก็ดี genotype 3 ยังมีการเพิ่มจำนวนประชากรอีกจนกระทั่งคริสต์ทศวรรษ 1960 นับแต่ ค.ศ. 1990 ประชากรในทั้งสอง genotype สดลงไปยังระดับที่พบในคริสต์ศตวรรษที่ 19
อัตราการกลายพันธุ์ โดยรวมอยู่ที่ ≈1.4 x 10−3 substitutions/site/year[ 3]
การป้องกัน
การพัฒนาการสุขาภิบาล เป็นวิธีการที่สำคัญที่สุด ซึ่งเริ่มจากการกำจัดของเสีย การจัดให้มีน้ำสะอาด การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และการจัดเตรียมอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งก็เป็นวิธีการทั่วไปในการป้องกันโรคอื่นด้วยในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งต้องอาศัยเงินทุนขนาดใหญ่และอาจพึ่งพาความช่วยเหลือจากนานาชาติในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำประปาและการบำบัดน้ำเสีย
มีการพัฒนาและทดลองวัคซีนที่ผลิตจาก recombinant viral proteins ในกลุ่มเสี่ยง (กองทหารของประเทศกำลังพัฒนาแห่งหนึ่ง)[ 5] เบื้องต้นพบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่โครงการได้ระงับไปด้วยเหตุผลทางการเงิน เนื่องจากตับอักเสบ อี พบได้น้อยในประเทศที่พัฒนาแล้ว[ 6]
วัคซีนอีกตัวหนึ่ง (HEV 239 จำหน่ายภายใต้ชื่อ Hecolin โดยผู้พัฒนา Xiamen Innovax Biotech) ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ใน ค.ศ. 2012 โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศจีน หลังจากมีการทดลองเฟสสามในประชาชนสองกลุ่ม กลุ่มละ 50,000 คนจากมณฑลเจียงซู โดยพบว่าไม่มีใครในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนติดเชื้อเลยในระยะเวลา 12 เดือน เทียบกับ 15 คนในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน (แต่ได้รับยาหลอก )[ 7] วัคซีนลอตแรกออกจากโรงงานของ Innovax ในปลายเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012[ 6]
ผลกระทบ
มีการติดเชื้อไวรัสตับเอกเสบ อี ราว 20 ล้านรายต่อปีทั่วโลก ซึ่งก่อให้เกิดความเจ็บป่วยราว 3 ล้านราย และถึงตายประมาณ 70,000 คน ซึ่งส่วนมากเป็นอัตรากับหญิงมีครรภ์ซึ่งอัตราการตายมีสูงถึง 20% ไวรัส HEV เป็นสาเหตุหลักของการตายในประเทศกำลังพัฒนาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงมีครรภ์ แม้ว่าจะมีการทดลองวัคซีน HEV รวมถึงการทดลองในเอเชียใต้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่ว่ายังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประชากรที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ยกเว้นแต่เพียงในประเทศจีน หลังจากการตรวจสอบโดยสำนักงานอาหารและยาของประเทศจีน (State Food and Drug Administration, SFDA) เป็นเวลาปีกว่า ก็อนุญาตให้ใช้วัคซีนได้ในสิ้นปี ค.ศ. 2012 ในสหรัฐอเมริกายังไม่มีการอนุญาตให้ใช้วัคซีนนี้แต่อย่างใด
อ้างอิง
↑ Gupta DN, Smetana HF (1957). "The histopathology of viral hepatitis as seen in the Delhi epidemic (1955–56)". Indian J. Med. Res . 45 (Suppl.): 101–13. PMID 13438544 .
↑ Guu TS, Liu Z, Ye Q, และคณะ (สิงหาคม 2009). "Structure of the hepatitis E virus-like particle suggests mechanisms for virus assembly and receptor binding" . Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A . 106 (31): 12992–7. doi :10.1073/pnas.0904848106 . PMC 2722310 . PMID 19622744 .
↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Purdy MA, Khudyakov YE (2010). "Evolutionary history and population dynamics of hepatitis E virus". PLoS ONE . 5 (12): e14376.
↑ Lu L, Li C, Hagedorn CH (2006). "Phylogenetic analysis of global hepatitis E virus sequences: genetic diversity, subtypes and zoonosis". Rev Med Virol . 16 (1): 5–36.
↑ Shrestha MP, Scott RM, Joshi DM, และคณะ (2007). "Safety and efficacy of a recombinant hepatitis E vaccine". N. Engl. J. Med . 356 (9): 895–903. doi :10.1056/NEJMoa061847 . PMID 17329696 .
↑ 6.0 6.1 Park, Soo Bin (ตุลาคม 2012). "Hepatitis E vaccine debuts" . Nature . 491 : 21–22. doi :10.1038/491021a .
↑ Proffitt, Allison (เมษายน 2012). "First HEV vaccine approved" . Nature Biotechnology . 30 : 300. doi :10.1038/nbt0412-300a .
แหล่งข้อมูลอื่น
ไวรัสก่อมะเร็ง ดีเอ็นเอไวรัส :
ไวรัสตับอักเสบ บี (
มะเร็งเซลล์ตับ )
· ฮิวแมนแพปพิลโลมาไวรัส (
มะเร็งปากมดลูก ,
มะเร็งทวารหนัก ,
มะเร็งองคชาต ,
มะเร็งปากช่องคลอด ,
มะเร็งช่องคลอด ,
มะเร็งคอหอยส่วนบน )
· KSHV (
Kaposi's sarcoma )
· ไวรัส
เอ็ปสไตน์-บาร์ (
Nasopharyngeal carcinoma ,
Burkitt's lymphoma ,
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอด์จกิน ,
Follicular dendritic cell sarcoma ,
Extranodal NK/T-cell lymphoma, nasal type )
· MCPyV (
Merkel-cell carcinoma )
ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคระบบประสาทส่วนกลาง จากไวรัส
โรคหัวใจร่วมหลอดเลือดอักเสบจากไวรัส โรคระบบหายใจจากไวรัส /โรคเยื่อจมูกและลำคออักเสบเฉียบพลัน /ปอดอักเสบจากไวรัส
โรคระบบทางเดินอาหารจากไวรัส
โรคระบบทางเดินปัสสาวะจากไวรัส