ด็อกเตอร์ชิวาโก้ |
---|
กำกับ | เดวิด ลีน |
---|
บทภาพยนตร์ | รอเบิร์ต โบลต์ |
---|
สร้างจาก | ด็อกเตอร์ชิวาโก วรรณกรรม ค.ศ. 1957 โดย บอริส ปัสเตร์นัก |
---|
อำนวยการสร้าง | การ์โล ปอนติ |
---|
นักแสดงนำ |
|
---|
กำกับภาพ |
|
---|
ตัดต่อ | นอร์แมน แซเวจ |
---|
ดนตรีประกอบ | มอรีซ ฌาร์ |
---|
บริษัทผู้สร้าง | |
---|
ผู้จัดจำหน่าย | เมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์ |
---|
วันฉาย |
- 22 ธันวาคม ค.ศ. 1965 (1965-12-22) (สหรัฐ)
- 26 เมษายน ค.ศ. 1966 (1966-04-26) (สหราชอาณาจักร)
- 10 ธันวาคม ค.ศ. 1966 (1966-12-10) (อิตาลี)
|
---|
ความยาว |
- 193 นาที[1] (1965 release)
- 200 นาที (เผยแพร่ใหม่ ค.ศ. 1992)
|
---|
ประเทศ |
|
---|
ภาษา | อังกฤษ |
---|
ทุนสร้าง | 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
---|
ทำเงิน | 111.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สหรัฐ/แคนาดา)[4] ตั๋ว 248.2 ล้านใบ (ทั่วโลก)[5] |
---|
ด็อกเตอร์ชิวาโก (อังกฤษ: Doctor Zhivago; รัสเซีย: До́ктор Жива́го; ออกเสียง [ˈdoktər ʐɪˈvaɡə]) เป็นภาพยนตร์เอพิคที่กำกับโดยเดวิด ลีน ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของโบรัส ปัสเตร์นัค ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษารัสเซียในอิตาลีเมื่อ ค.ศ. 1957
ด็อกเตอร์ชิวาโกเป็นภาพยนตร์ชีวิต ภาพยนตร์รัก และภาพยนตร์สงคราม ที่มีเนื้อหาเกี่ยวนายแพทย์และกวีชาวรัสเซียชื่อ นายแพทย์ยูริ อังเดรเยวิช ชิวาโก และความรักที่มีต่อหญิงสาวสองคน คือ ลาริซซา "ลารา" แอนติโปวา และ ทันยา โกรมีโก ฉากหลังในเรื่องกินเวลาหลายสิบปี ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง การปฏิวัติรัสเซีย สงครามกลางเมืองรัสเซีย ไปจนถึงการโค่นล้มพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และสถาปนาสหภาพโซเวียต ตั้งแต่ทศวรรษ 1910 จนถึง ทศวรรษ 1950
ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 10 สาขา และได้รับรางวัล 5 สาขา [6] และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดรามา ในปีนั้น
เผยแพร่
ภาพยนตร์นี้เผยแพร่ในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1965 โดยทำรายได้ในสหรัฐและแคนาดาที่ 111.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดใอันดับ 2 ใน ค.ศ. 1965 โดยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 8 หลังปรับค่าเงินเฟ้อ[4] ภาพยนตร์นี้ขายตั๋วในสหระฐและแคนาดาได้ประมาณ 124.1 ล้านใบ[7] เทียบเท่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหลังปรับค่าเงินเฟ้อใน ค.ศ. 2018[8]
นอกจากนี้ ภาพยนตร์นี้ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดทั่วโลกอันดับ 9 หลังปรับค่าเงินเฟ้อ[5][9] โดยขายตั๋วได้ประมาณ 248.2 ล้านใบทั่วโลก เทียบเท่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหลังปรับค่าเงินเฟ้อใน ค.ศ. 2014[5]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น