ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน (อังกฤษ: 'CSI: Crime Scene Investigation') หรือ ซีเอสไอ (บางครั้งจะรู้จักกันดีในนาม CSI: Las Vegas หรือ ซีเอสไอ ลาสเวกัส) (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีมปฏิบัติการล่าความจริง ตามที่ออกฉายในช่อง AXN ของ True Visions และถูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา ตามที่ออกเป็นสื่อบันเทิงตามบ้าน ที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด รวมถึงถูกเรียกในชื่อ หน่วยเฉพาะกิจสืบศพสะเทือนเวกัส เมื่อนำออกฉายทางช่อง โมโน29) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตโดยช่อง ซีบีเอส ร่วมกับบริษัทกิจการบันเทิง Alliance Atlantis, ออกฉายในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เป็นต้นมา, รายการนี้มีศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ทีมนักนิติเวชวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลาส เวกัส, รัฐเนวาดา ในช่วงเวลาปัจจุบัน (เหตุผลที่เลือกเมืองนี้ไม่ได้เลือกเพื่อการแสดงเท่านั้น แต่เพราะว่าห้องทดลองอาชญากรรมของกรมตำรวจเมืองลาส เวกัส ยังมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเป็นที่สองในสหรัฐอเมริกา อีกด้วย จะเป็นรองก็แต่ห้องทดลองของสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา - FBI ในเมือง ควอนทิโค, รัฐเวอร์จิเนียเท่านั้น)
ฤดูกาลแรก ของ CSI ดำเนินเรื่องในลาส เวกัส ต่อมาได้มีการสร้าง ซีเอสไอ ที่ดำเนินเรื่องในเมืองอื่นๆ เช่น ซีเอสไอ ไมอามี่ (อังกฤษ: 'CSI: Miami') (ไมอามี่, ฟลอริดา), ซีเอสไอ นิวยอร์ก (อังกฤษ: 'CSI: NY') (นิวยอร์ก) และ ซีเอสไอ ไซเบอร์ (อังกฤษ: "'CSI: Cyber"') (วอชิงตัน ดี.ซี.)แสดงโดยทีมนักแสดง ที่แตกต่างกันออกไป
หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม
ในปี พ.ศ. 2558 ได้มีการประกาศว่า ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน จะไม่มีการถ่ายทำฤดูกาล 16[1] แต่จะมีการทำภาพยนตร์โทรทัศน์เพื่อจบเรื่องราวแทน โดยภาพยนตร์โทรทัศน์นี้มีชื่อว่า Immortality โดยได้ออกอากาศไปแล้วในวันที่ 27 กันยายน 2558 ถือเป็นการออกอากาศครั้งสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้
ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน จะมีการถ่ายทำภาคต่อในชื่อ ซีเอสไอ: เวกัส โดยนำนักแสดงจาก ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน ได้แก่ วิลเลี่ยม ปีเตอร์เซ็น, มาร์ก เฮลเกนแบเกอร์, จอร์จา ฟ็อกซ์, เอริค ซึสแมนดา, วอลเลซ แลงแฮม, และ พอล กิวฟอยล์ กลับมารับบทบาทเดิมของพวกเขา ร่วมกับนักแสดงชุดใหม่ ซึ่งออกอากาศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 จนกระทั่งถูกยกเลิกการออกอากาศโดยซีบีเอสในปี พ.ศ. 2567 หลังจากออกอากาศมาเพียง 3 ซีซั่น
เดิมรายการนี้ออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ ABC ซึ่งในขณะนั้น ABC คือเครือข่ายยอดนิยมอันดับสองในสหรัฐอเมริกา, ตามหลังอยู่แค่สถานี NBC เท่านั้น ในขณะที่ความนิยมของ CBS ในขณะนั้นเริ่มเสื่อมถอยลงจนยากที่จะขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็เมื่อนักวิจารณ์ของ ABC ยกเลิกรายการนี้ในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนเกินไปซึ่งไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายวัยกลางคน CBS ซื้อรายการนี้อย่างรวดเร็วแล้วนำมันออกฉายในช่วงหัวค่ำของวันศุกร์ ทำให้ทั้งเรตติ้งรายการและเรตติ้งของสถานีพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด - CSI มีผู้ชมรายการโดยเฉลี่ยสำหรับตอนใหม่ถึง 25 ล้านคน และผู้ชมรายการโดยเฉลี่ยสำหรับตอนเก่าถึง 15 ล้านคน และทำให้เรตติ้งของ ABC ตกลงอย่างมากถึงขนาดต้องแข่งกับสถานี Fox เพื่อชิงที่สามมา
ต่อมารายการนี้ถูกย้ายไปยังวันพฤหัสบดีในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เพื่อแย่งผู้ชมของ NBC มา - ซึ่งฉายแต่ซี่รี่ส์ชื่อดังซึ่งรวมไปถึง Friends, Will & Grace, และ ER CSI นั้นยังคงมีผู้ชมเท่าเดิมในช่วงเวลาใหม่ และเมื่อซี่รี่ส์สุดฮิต Friends จบไปในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) เรตติ้งของ CSI ยังมั่นคงและเพิ่มขึ้นเรื่อย สร้างแรงกดดันให้กับรายการใหม่ในวันพฤหัสบดี ของ NBC
ลิขสิทธิ์การฉายตอนเก่าของ CSI ถูกขายให้กับเครือข่ายเคเบิล Spike TV ในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ด้วยราคาค่าลิขสิทธิ์ถึง 1.6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่อหนึ่งตอน แต่ในทันทีที่มันออกฉาย ตอนเก่าที่ออกฉายช่วงหัวค่ำของ CSI ก็กลายเป็นรายการยอดนิยมของสถานีในทันที
CSI ในบางครั้งยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ชุบชีวิตซี่รี่ส์แนวอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกา, แม้ว่าจะมีรายการแนวนี้ฉายมาก่อน CSI อย่างเช่น Law & Order ซึ่งยังคงฉายอยู่ในช่วงที่ CSI เปิดตัว และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนที่ CSI จะออกฉายครั้งเสียอีก CSI รวมถึงภาคเสริมของมัน CSI: Miami CSI: NY และ "CSI: Cyber" ล้วนได้รับคำชมว่าเป็นผู้ชุบชีวิตซี่รี่ส์ประเภทนี้ ซึ่งทำให้มีรายการจำนวนมากที่ออกฉายในแนวเดียวกัน หรือแม้แต่พยายามที่จะเลียนแบบ เช่น Crossing Jordan, Law and Order: Criminal Intent, Law and Order: Special Victims Unit, และ Medical Investigation CBS ยังพยายามที่จะเพิ่มความนิยมในซี่รี่ส์แนวนี้มากเพิ่มขึ้นไปอีกด้วยการแนะนำรายการแนวเดียวกับ CSI ได้แก่ Cold Case และ Without A Trace
CSI โดดเด่นกว่าซีรีส์แนวเดียวกันกับมันทั้งหมด เนื่องจากการเน้นไปที่การค้นหาหลักฐานทางนิติเวชในกระบวนการการสืบสวนสอบสวนคดี โดยที่หลักฐานทางกายภาพนั้นจะถูกพิจารณาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเล็กเพียงใดหรือแม้แต่หลักฐานที่แทบจะมองไม่เห็นก็จะถูกขยายขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์, อย่างเช่นเศษด้ายหรือแม้แต่เกล็ดรังแคก็จะได้รับการวิเคราะห์ ในประเทศไทยในปัจจุบัน ซีรีส์ CSI : Crime Scene Investigation ได้ออกอากาศทางช่อง โมโน 29
ชื่อเต็มของตัวละครและตำแหน่งอยู่ด้านล่าง ชื่อที่เพื่อนร่วมงานและเพื่อนๆ เรียกกันจะใส่เครื่องหมายเน้นข้อความเอาไว้
ตัวละครเสริมในรายการยังประกอบไปด้วยอาร์ชี่ จอห์นสัน (แสดงโดย Archie Kao), ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและคอมพิวเตอร์ และ อดีตหัวหน้ากะกลางวันและเป็นผู้ช่วยผู้ควบคุมห้องทดลองอาชญากรรม ที่ได้เลื่อนขั้น รองนายอำเภอ คอนราด แอ็คลี่ย์ (แสดงโดย Marc Vann)
รายการนี้เป็นที่รู้จักดีในการใช้มุมกล้องสุดพิสดาร, การใช้อุปกรณ์อันทันสมัย, บทสนทนาที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ, และการแสดงกราฟิกของวิถีกระสุน, รูปแบบการกระจายของเลือด, ภาพความเสียหายของอวัยวะภายใน, และวิธีการกู้หลักฐานหลากหลายวิธี (ยกตัวอย่างเช่น ลายนิ้วมือจากด้านในของถุงมือลาเท็กซ์), รวมถึงการจำลองเหตุการณ์ขึ้นมาใหม่
แม้ว่าในชีวิตจริงนักอาชญวิทยาเหล่านี้แทบไม่ได้ออกจากห้องทดลองนอกจากออกไปเก็บตัวอย่างภาคสนาม หรือ (ถ้าเคยก็น้อยครั้งมาก) สอบสวนผู้ต้องหา, แต่ CSI ก็แสดงให้เห็นส่วนเล็กๆ ในงานกิจการตำรวจของสหรัฐอเมริกา พร้อมยังแสดงตามงานจริงๆ ซึ่งการสอบสวนส่วนใหญ่ไม่ได้มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง, ซึ่งยอมเสี่ยงทำให้รายการอาจไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในด้านนิติเวชวิทยายังติด้านความสมจริงของรายการอยู่ อย่างเช่นผลวิเคราะห์ทางนิติเวชมักจะเร็วกว่าความเป็นจริงเพื่อพาผู้ชมไปสู่บทสรุปของตอนโดยเร็ว ด้วยอุปกรณ์ทันสมัยที่มีราคาแพงมากในความเป็นจริง กรณีนี้สามารถยกตัวอย่างได้จากหลายๆ ตอนของรายการที่ตัวละครจะใช้โปรแกรมฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ (จำลอง) ในการสืบหลักฐาน เช่นลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ในขณะที่การวิเคราะห์ลายนิ้วมือจริงๆ นั้นจะใช้เวลานาน และอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน (นักสืบ) ที่ดูรายการนี้ขอข้อมูลแบบในรายการกับผู้เชี่ยวชาญจริง ซึ่งในชีวิตจริงนั้นยังทำไม่ได้ ยังมีความกังวลจากข้าราชการตุลาการในสหรัฐอเมริกา ด้วยว่าถ้าลูกขุนรับชมรายการนี้อยู่เป็นประจำอาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหลักฐานทางนิติเวชที่ถูกนำเสนอในศาลมากเกินเหตุ ผลกระทบนี้ถูกเรียกเล่นๆ ว่า "ผลกระทบทาง CSI"
ลักษณะของรายการที่มีอุปกรณ์ล้ำยุคและการใช้อุปกรณ์จากเทคโนโลยีที่กำลังจะถูกสร้างในบางครั้งทำให้รายการนี้เป็นซี่รี่ส์แนววิทยาศาสตร์อนาคต (Future Science - Fiction) ได้อีกด้วยจึงทำให้มันได้รับรางวัล Saturn Award ประจำปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) สาขาซี่รี่ส์ทางโทรทัศน์แนววิทยาศาสตร์, แฟนตาซี, หรือสยองขวัญยอดเยี่ยม
รายการนี้ยังมีซี่รี่ส์ภาคเสริมของมันอีกด้วยคือ CSI: Miami ซึ่งเริ่มออกฉายในสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) นำแสดงโดย David Caruso ภาคเสริมที่ถูกสร้างอีกเรื่องคือ CSI: NY, นำแสดงโดย Gary Sinise ซึ่งเริ่มออกฉายในสหรัฐอเมริกา ครั้งแรกในช่วงกลางปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) ในขณะเดียวกัน รายการที่มีโครงเรื่องคล้ายๆ กันก็ถูกสร้างและนำมาออกฉายในเครือข่ายสถานีของทั้ง CBS และ NBC ทั่วสหรัฐอเมริกา ได้แก่ NCIS (หรือ Navy NCIS), Crossing Jordan, และ Medical Investigation
ในช่วงฤดูกาลระหว่างปี 2546 - 2547 (ค.ศ. 2003-2004) รายการนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา รายการนี้ยังได้รับคำชมว่ามีส่วนในการเพิ่มจำนวนนักศึกษาในสาขาวิชานิติเวชวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากอีกด้วย ความนิยมในรายการถูกคาดการณ์ว่ามีส่วนมาจากการดำเนินเรื่องในการแก้ปัญหาต่างของผู้เชี่ยวชาญอย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เนื่องจากการดำเนินเรื่องของมันให้แรงบันดาลใจในการที่จะจัดการกับบรรดาอาชญากรทั้งหลาย เพื่อแสวงหาความยุติธรรมไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหน
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) George Eads และ Jorja Fox ถูกไล่ออกโดย CBS โดยถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎในสัญญา โดยที่จอร์จมาทำงานสายเป็นชั่วโมงในวันถ่ายทำฤดูกาลที่ห้าวันแรก และจอร์เจียถูกกล่าวหาว่าไม่ได้คอยตอบกลับจดหมายของ CBS ที่แจ้งเตือนให้เธอมาทำงานให้ตรงเวลายิ่งขึ้น ข้อพิพาธคลี่คลายลงภายในหนึ่งสัปดาห์ และทั้งสองก็ได้รับการว่าจ้างอีกครั้งโดย CBS
แม้ว่าเนื้อเรื่องของรายการนี้จะดำเนินไปในเมือง ลาสเวกัส แต่การถ่ายทำเกิดขึ้นในเมืองซานตา คลาริต้า, รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งฉากส่วนใหญ่ก็จะอยู่รอบเมืองซานตา คลาริต้า มีอยู่น้อยครั้งที่ทีมงานจะไปถ่ายทำในตัวเมือง ลาสเวกัส ส่วนใหญ่เพื่อถ่ายฉากที่มีสิ่งก่อสร้างสำคัญของ ลาสเวกัสอยู่
พ.ศ. 2548