ซิมโฟนีหมายเลข 3 ในบันไดเสียง อี แฟลต เมเจอร์ (อังกฤษ: Symphony No. 3 in E flat major) ของลูทวิช ฟัน เบทโฮเฟิน รู้จักกันในชื่อ อีรอยกา ซิมโฟนี (Eroica Symphony; Eroica มาจากภาษาอิตาลี หมายถึง "heroic", วีรบุรุษ) เป็นผลงานซิมโฟนีของเบทโฮเฟินที่บางครั้งถูกอ้างถึงว่าเป็นจุดสิ้นสุดของดนตรียุคคลาสสิก และเป็นจุดเริ่มต้นของดนตรียุคโรแมนติก [ต้องการอ้างอิง]
เบทโฮเฟินเริ่มแต่งซิมโฟนีบทนี้ด้วยความเลื่อมใสในตัวนโปเลียน โบนาปาร์ต (1769-1821) ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส เดิมเมื่อเริ่มแต่ง เขาอุทิศผลงานชิ้นนี้ให้กับนโปเลียน พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า Bonaparte เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี ค.ศ. 1803 แล้วเสร็จเมื่อต้นปี ค.ศ. 1804
ต่อมาเมื่อนโปเลียนสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ พระนามว่า จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1804 เบทโฮเฟินผิดหวังในความมักใหญ่ใฝ่สูงของนโปเลียน ถึงกับใช้มีดกรีดกระดาษโน้ตเพลงต้นฉบับเพื่อขูดชื่อโบนาปาร์ตออก จนทำให้ต้นฉบับเป็นรอยฉีกขาด [1] เบทโฮเฟินได้เปลี่ยนชื่อซิมโฟนีบทนี้เป็น Sinfonia eroica, composta per festeggiare il sovvenire d'un grand'uomo ("heroic symphony, composed to celebrate the memory of a great man") หรือเรียกสั้นๆ ว่า Sinfonia eroica [2]
ซิมโฟนีบทนี้ออกบรรเลงครั้งแรกเป็นการภายในต่อเจ้าชายล็อพโควิทซ์ ผู้อุปถัมภ์เบทโฮเฟิน และแสดงรอบปฐมทัศน์ที่ Theater an der Wien กรุงเวียนนา เมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1805
ซิมโฟนีบทนี้แบ่งออกเป็น 4 ท่อน ได้แก่
มูฟเมนต์ที่ 2 มีชื่อเรียกว่า funeral march นิยมใช้บรรเลงในงานศพ หรืองานรำลึกถึงบุคคลที่เสียชีวิต เช่นในงานศพของเฟลิคส์ เม็นเดิลส์โซน [3]. พิธีรำลึกถึงตัวอาตูโร ตอสกานินี [4] แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ [5] และพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมที่มิวนิกในช่วงโอลิมปิกฤดูร้อน 1972
บทความเพลง ดนตรี หรือ เครื่องดนตรีนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล