จักรพรรดิหมิงอิงจง (จีน: 明英宗; พินอิน: Míng yīngzōng; 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1427 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464) มีพระนามเดิมว่า จู ฉีเจิ้น (จีนตัวย่อ: 朱祁镇; จีนตัวเต็ม: 朱祁鎮; พินอิน: Zhū Qízhèn) ทรงเป็นจักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์หมิง ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติถึง 2 ครั้ง ในครั้งแรกระหว่าง ค.ศ. 1435 - 1449 ใช้พระนามรัชศกว่า เจิ้งถ่ง (正統) นับเป็นรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์หมิง และครั้งที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1457 - 1464 ใช้พระนามรัชศกว่า เทียนชุ่น (天順) นับเป็นรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์หมิง[1] นอกจากนี้ ยังนิยมเรียกขานตามพระอารามนามว่า อิงจง (英宗)
จักรพรรดิหมิงอิงจงทรงเป็นพระราชโอรสในเซฺวียนเต๋อหวงตี้จู จานจี (宣德皇帝朱瞻基) กับจักรพรรดินีซุน (孫) มีพระนามเมื่อแรกเสด็จพระราชสมภพว่า "จู ฉีเจิ้น" และเมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 เดือน ทรงได้รับการสถาปนาเป็นหวงไท่จื่อ (皇太子)
ครองราชย์ครั้งแรก
เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 8 พรรษา จักรพรรดิหมิงอิงจงทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติต่อจากจักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ ทรงใช้พระนามศักราชว่า "เจิ้งถ่ง" โดยมีเฉิงเซี่ยวเจาไท่หวงไท่โฮ่วเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ในรัชศกเจิ้งถ่งปีที่ 6 (ค.ศ. 1441) จักรพรรดิหมิงอิงจงทรงได้ว่าราชการด้วยพระองค์เอง
เมื่อแรกครองราชสมบัตินั้น ราชวงศ์หมิงรุ่งเรืองถึงขีดสุดเพราะการปกครองอันชาญฉลาดในรัชกาลสมเด็จพระชนกนาถ แต่เพราะจักรพรรดิหมิงอิงจง ยังเป็นเพียงยุวกษัตริย์แวดล้อมไปด้วยขันทีพี่เลี้ยง และเมื่อเฉิงเซี่ยวเจาไท่หวงไท่โฮ่วเสด็จสวรคต ขันทีหวัง เจิ้น (王振) จึงเริ่มขึ้นสู่อำนาจ กาลต่อมาได้มีอิทธิพลต่อจักรพรรดิหมิงอิงจง ทำให้พระองค์อาศัยความคิดอ่านของขันทีเป็นหลักในการว่าราชกิจ
เชลยมองโกล
ครั้น ค.ศ. 1449 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 21 พรรษา จักรพรรดิหมิงอิงจงนำทัพหลวงออกรบกับชาวมองโกลซึ่งนำโดยราชครูเหย่เซียน (也先太師; Esen Taishi) จากเผ่าหว่าล่า (瓦剌; Oirat) ณ ปราการถู่มู่ (土木) เสด็จไปครั้งนั้นมีขันทีหวัง เจิ้น เป็นที่ปรึกษาประจำทัพ แต่เกิดโกลาหล ทัพหลวงแตกพ่าย หวัง เจิ้น ถูกฆ่าตาย และจักรพรรดิหมิงอิงจงถูกมองโกลจับเป็นเชลย เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ วิกฤติถู่มู่ (土木之變)
แม้จักรพรรดิหมิงอิงจงจะอยู่แคว้นมองโกลในฐานะเชลย แต่ก็ได้เป็นมิตรสนิทสนมกับราชครูเหย่เซียน และข่านทัวทัวปู้ฮวา (脱脱不花)
อย่างไรก็ดี การที่จักรพรรดิถูกจับเป็นเชลย ทำให้เกิดภาวะไร้ผู้นำจนแผ่นดินจีนสั่นคลอน เพื่อระงับสถานการณ์บ้านเมือง ในวันที่ 6 กันยายน รัชศกเจิ้งถ่งปีที่ 14 (ค.ศ.1449 ) ซางเซิ่งไทเฮาทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้จู ฉี-อฺวี้ (朱祁鈺) เสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิ ในการนี้ทรงประกาศสถาปนาจักรพรรดิหมิงอิงจงที่ถูกจับเป็นไท่ช่างหวงตี้ (太上皇帝) และฉื่ออี้ไทเฮาเป็น ไท่ช่างหวงโฮ่ว (太上皇后) และในปีถัดไปทรงเปลี่ยนพระนามศักราชเป็นจิ่งไท่[2]
ครองราชย์ครั้งที่สอง
ใน ค.ศ. 1450 ชาวมองโกลปล่อยจักรพรรดิหมิงอิงจง ให้กลับไปยังดินแดนจีน และในวันที่ 19 กันยายน จักรพรรดิหมิงอิงจงทรงเสด็จถึงกรุงปักกิ่ง ตามแผนจักรพรรดิหมิงอิงจงในฐานะไท่ช่างหวงตี้ควรประทับในพระราชวังเหรินโซว แต่จักรพรรดิจิ่งไท่ทรงให้จักรพรรดิหมิงอิงจงไปประทับ ณ น่านกง (南宫) พร้อมกับฉื่ออี้ไทเฮาและเหล่าพระมเหสีและพระสนม ซึ่งจักรพรรดิหมิงอิงจงทรงประทับ ณ น่านกงเสมือนนักโทษเป็นเวลาหกปีครึ่ง
ใน ค.ศ. 1452 จักรพรรดิจิ่งไท่ทรงประกาศถอด หวงไท่จื่อจู เจี้ยนจฺวิ้น (皇太子朱見濬) พระราชโอรสของจักรพรรดิหมิงอิงจง แล้วลดพระราชอิสริยยศเป็นอี่อ๋อง (沂王) ตั้งจู เจี้ยนจี้ (朱見濟) พระราชโอรสของตัว ขึ้นเป็นหวงไท่จื่อแทน[3]
ต่อมาเมื่อจู เจี้ยนจี้ พระราชโอรสของจักรพรรดิจิ่งไท่ ทรงประชวรสิ้นพระชนม์ เป็นเหตุให้จักรพรรดิจิ่งไท่ทรงหมกมุ่นอยู่กับสตรี และในรัชศกจิ่งไท่ปีที่ 7 (ค.ศ. 1456) จักรพรรดิจิ่งไท่ทรงพระประชวรไม่สามารถว่าราชการได้ จักรพรรดิหมิงอิงจงจึงอาศัยโอกาสนี้ก่อการฟื้นฟูราชสมบัติเสด็จขึ้นครองราชย์อีกครั้ง
เมื่อขึ้นครองราชย์ทรงประกาศถอดจักรพรรดิจิ่งไท่ออกจากราชสมบัติลงเป็นเจ้าชาย และให้กักบริเวณไว้ที่ซี-ยฺเวี่ยน (西苑) ไม่นานหนึ่งเดือนให้หลังก็เสด็จสวรรคต[4]
จักรพรรดิหมิงอิงจงเสด็จกลับขึ้นเสวยราชย์อีกครั้ง ทรงใช้พระนามรัชศกว่า "เทียนชุ่น" อยู่ในราชสมบัติ 7 ปี ก็เสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 1464 สิริพระชนมายุได้ 36 พรรษา ก่อนเสด็จสวรรคต จักรพรรดิหมิงอิงจงทรงออกพระราชกฤษฎีกายกเลิกประเพณีฝังนางสนมกำนัลทั้งเป็นเพื่อตามไปถวายการรับใช้ในปรโลก พระราชกฤษฎีกานี้เป็นที่ยกย่องอย่างยิ่งในภายหลัง[5]
และจู เจี้ยนจฺวิ้นพระราชโอรสสืบราชบัลลังก์ต่อ ใช้พระนามรัชศกว่า "เฉิงฮว่า" (成化)
พงศาวลี
บรรพชน
พระภรรยาเจ้า
ฮองเฮา
พระนาม
|
ตระกูล
|
สมรส
|
สวรรคต
|
หมายเหตุ
|
ฉื่ออี้ฮองไทเฮา
|
เฉียน (錢)
|
ค.ศ. 1442
|
ค.ศ. 1468
|
- ได้รับการสถาปนาเป็นไท่ช่างฮองเฮาใน ค.ศ. 1449 พร้อมกับจักรพรรดิหมิงอิงจงได้เป็นไท่ช่างหฺวัง
- กลับดำรงตำแหน่งฮฮงเฮาใน ค.ศ. 1457 เมื่อจักรพรรดิหมิงอิงจงหวนคืนสู่ราชบัลลังก์
- พระราชโอรสบุญธรรมขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเฉิงฮว่า จึงได้เป็นฉื่ออี้ไทเฮา (慈懿皇太后)
|
โจวไทฮองไทเฮา
|
โจว (周)
|
|
ค.ศ. 1504
|
- พระบิดาชื่อ โจว เหนิง (周能)
- เส็ดจสวรรคตแล้วจึงได้รับสถาปนาเป็นฮองเฮา
- พระราชโอรสขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเฉิงฮว่า จึงได้เป็นพระพันปีเชิ่งฉือเหรินโช่ว (聖慈仁壽皇太后) ใน ค.ศ. 1487
- ภายหลังเลื่อนเป็นไทฮองไทเฮา (太皇太后)
|
พระมเหสี
นาม
|
ตระกูล
|
หมายเหตุ
|
จิ้งจฺวังอันมู่เฉินเฟย์ (靖莊安穆宸妃)
|
วั่น (萬)
|
|
ตฺวันจิ้งอันเหอฮุ่ยเฟย์ (端靖安和惠妃)
|
หวัง (王)
|
|
จฺวังจิ้งอันหรงชูเฟย์ (莊靜安榮淑妃)
|
เกา (高)
|
|
กงตฺวันจฺวังฮุ่ยเต๋อเฟย์ (恭端莊惠德妃)
|
เหฺวย์ (韋)
|
|
กงเหออันจิ้งชุ่ยเฟย์ (恭和安靜順妃)
|
ฝาน (樊)
|
- เกิดใน ค.ศ. 1414 เสียชีวิตใน ค.ศ. 1470
- เข้าวังใน ค.ศ. 1427
- ได้เป็นสนมใน ค.ศ. 1457
|
จฺวังซีตฺวันซู่อันเฟย์ (莊僖端肅安妃)
|
หยาง (楊)
|
|
เจาซู่จิ้งตฺวันเสียนเฟย์ (昭肅靖端賢妃)
|
หวัง (王)
|
|
เจินชุ่นอี้กงจิ้งเฟย์ (貞順懿恭敬妃)
|
หลิว (劉)
|
|
อันเหอหรงจิ้งลี่เฟย์ (安和榮靖麗妃)
|
หลิว (劉)
|
|
ตฺวันจฺวังเจาเฟย์ (端莊昭妃)
|
อู่ (武)
|
|
กงอันเหอเฟย์ (恭安和妃)
|
กง (宮)
|
|
เจาจิ้งกงเฟย์ (昭靜恭妃)
|
หลิว (劉)
|
|
เจาชุ่นลี่เฟย์ (昭順麗妃)
|
จาง (張)
|
|
เจาอี้เสียนเฟย์ (昭懿賢妃)
|
หลี่ (李)
|
|
กงจิ้งจฺวังเฟย์ (恭靖莊妃)
|
จ้าว (趙)
|
|
กงซีเฉิงเฟย์ (恭僖成妃)
|
จาง (張)
|
|
กงฮุ่ยเหอเฟย์ (恭惠和妃)
|
เหลียง (梁)
|
|
ซีเค่อชงเฟย์ (僖恪充妃)
|
ยฺหวี (余)
|
|
ฮุ่ยเหอลี่เฟย์ (惠和麗妃)
|
เฉิน (陳)
|
|
หรงจิ้งเจินเฟย์ (榮靖貞妃)
|
หวัง (王)
|
|
อ้างอิง
บรรณานุกรม
- Robinson, David M. "Politics, Force and Ethnicity in Ming China: Mongols and the Abortive Coup of 1461," Harvard Journal of Asiatic Studies (Volume 59: Number 1, June 1999): 79–123.
แหล่งข้อมูลอื่น