ปัสสาวะ (ภาษาปากว่า ฉี่ หรือ เยี่ยว) เป็นของเสียในรูปของเหลวที่ร่างกายขับถ่ายออกมาโดยไต ด้วยกระบวนการกรองจากเลือดและขับออกทางท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นผลจากกระบวนการสร้างและสลายในระดับเซลล์ (cellular metabolism) แล้วทำให้เกิดสารประกอบไนโตรเจนที่เป็นของเสียจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องกำจัดออกจากกระแสเลือด
พิษ
ปัสสาวะไม่เป็นพิษ[1] แม้ปัสสาวะประกอบด้วยสารเคมีที่ร่างกายไม่ต้องการ ซึ่งสามารถทำให้ระคายเคืองผิวหนังและตาได้ แต่ถ้าหากผ่านกระบวนการกรองที่เหมาะสม จะสามารถสกัดน้ำออกมาเป็นน้ำดื่มได้ อย่างเช่นน้ำดื่มของนักบินอวกาศ
ลักษณะเฉพาะ
ปัสสาวะทั่วไปอาจมีสีแตกต่างกันตั้งแต่ใสไม่มีสีจนถึงสีอำพันเข้ม ขึ้นอยู่กับระดับความอวบน้ำ (hydration) ของร่างกายและองค์ประกอบอื่น ๆ
การวิเคราะห์ทางเคมี
นักชีวเคมีได้วิจัยสารต่าง ๆ ในปัสสาวะพบว่า 95% เป็นน้ำ 2.5 % เป็นยูเรีย อีก 2.5% เป็นสารอื่น ๆ
ถ้าแยกส่วนประกอบที่เป็นมิลลิกรัมออกมาในน้ำปัสสาวะ 100 ซีซี จะพบว่ามี
- Urea Nitrogen 682 มิลลิกรัม
- Urea 1,459 มิลลิกรัม
- Creatinin Nitrogen 36 มิลลิกรัม
- Creatinin 97 มิลลิกรัม
- Uric acid nitrogen 12.30 มิลลิกรัม
- Uric acid 36.90 มิลลิกรัม
- Amino nitrogen 9.70 มิลลิกรัม
- Ammonia nit 57 มิลลิกรัม
- Sodium 212 มิลลิกรัม
- Potassium 137 มิลลิกรัม
- Calcium 19.50 มิลลิกรัม
- Magnesium 11.30 มิลลิกรัม
- Chloride 314 มิลลิกรัม
- Total sulphate 91 มิลลิกรัม
- Inorganic sulphate 83 มิลลิกรัม
- Inorganic phosphate 127 มิลลิกรัม
สีที่ผิดปกติ
สีน้ำตาล เกิดจากการดื่มน้ำน้อย ทำให้มีของเสียปะปนกับปัสสาวะมาก ปรกติต้องดื่มน้ำมาก ๆ จึงจะทำให้ปัสสาวะมีสีใส
กลิ่น
ปัสสาวะของคนเราและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมล้วนมีกลิ่นคาวเพราะมีกรดยูเรียอยู่ภายในปัสสาวะ
ความเป็นกรดเบส
โดยทั่วไปปัสสาวะจะค่อนข้างมีความเป็นกรดอยู่เล็กน้อย pH ประมาณ 6.0 แต่ก็อาจมีค่าเป็นกลางหรือเป็นด่างเล็กน้อยก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ดื่ม ประเภทอาหาร และยาที่บริโภค โดยช่วงอ้างอิงของค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของปัสสาวะนั้นจะอยู่ที่ 4.6 – 8.0 ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะปกติมีความเป็นกรดเล็กน้อยนั้นก็เนื่องมาจากร่างกายขับไฮโดรเจนไออน (H+ ion) ออกมาทางน้ำปัสสาวะเพื่อรักษาสมดุลของกรดเป็นด่างในร่างกายนั่นเอง[2]
ปัสสาวะในทางการแพทย์
การตรวจสอบ
การตรวจน้ำตาลในปัสสาวะเราสามารถใช้สารละลายเบเนดิกต์ตวจสอบได้
ยุคโบราณ
- ในสมัยโบราณ ชาวโรมัน ใช้ปัสสาวะในการเป็นสารฟอกขาวเสื้อผ้าและฟัน
- ในสกอตแลนด์ เคยใช้ปัสสาวะในการป้องกันผ้าขนสัตว์หดตัว
ประวัติศาสตร์
แต่เดิมมาคนยุคโบราณคิดว่าสีเหลืองของปัสสาวะมาจากแร่ทองคำ นักเล่นแร่แปรธาตุสมัยนั้นได้ใช้เวลานานมากในการที่สกัดเอาแร่ทองคำออกมาจากปัสสาวะให้ได้ แต่ความพยายามดังกล่าวกลับทำให้เกิดการค้นพบฟอสฟอรัสขาว ซึ่งค้นพบโดยนักเล่นแร่แปรธาตุชาวเยอรมัน วิคเตอร์ แวนาโนวิกซ์ (Victor Wernanowicz) ใน พ.ศ. 2212 (ค.ศ. 1669) ขณะที่เขากำลังกลั่นปัสสาวะหมัก และใน พ.ศ. 2316 (ค.ศ. 1773) อิแลร์ รูแอลล์ อิแลร์ มาแรง รูแอลล์ (Hilaire Marin Rouelle) ชาวฝรั่งเศส มีชีวิตอยู่ใน ค.ศ. 1718 – 1779 รู้จักกันในนาม "เลอ กาเด" (le cadet) (ซึ่งหมายความว่า "ผู้น้อง") ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกเพื่อให้แตกต่างจากพี่ชายที่ชื่อ กิวลูมม์ ฟรองซัว รูแอลล์ (Guillaume-François Rouelle) ซึ่งเป็นนักเคมีเหมือนกับตัวเขาเอง ใน ค.ศ. 1773 เขาได้ค้นพบสารประกอบอินทรีย์ชนิดใหม่จากการต้มปัสสาวะจนแห้งซึ่งเรียกว่า ยูเรีย
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น