ทางรถไฟสายพระพุทธบาท[5] หรือ ทางรถไฟสายท่าเรือ–พระพุทธบาท บ้างเรียก รถไฟกรมพระนรา (หรือ กรมพระดารา) เป็นทางรถไฟราษฎร์หรือทางรถไฟเอกชนสายหนึ่ง ดำเนินกิจการโดยบริษัท รถรางพระพุทธบาททุน จำกัด[6] และบริษัท รถไฟท่าเรือ จำกัดของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
รถไฟสายนี้เป็นรถไฟหรือรถรางขนาดเล็กเดินรถระหว่างอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นระยะทางราว 20 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางสำหรับผู้ไปนมัสการพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี ถือเป็นเส้นทางรถไฟสำหรับท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้านาย และมิได้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ[4]
ประวัติ
ทางรถไฟสายพระพุทธบาทก่อตั้งโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ไม่ปรากฏข้อมูลว่าทางรถไฟสายนี้ก่อสร้างหรือเดินรถเมื่อใด แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นช่วง พ.ศ. 2444[4] เพราะปรากฏการจัดตั้งบริษัท รถรางพระพุทธบาท ทุนจำกัด โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์พร้อมหุ้นส่วน ได้แก่ พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน เจ้าหมื่นเสมอใจราช พระนรสาตร์สารกรรม หลวงดำรงธรรมสาร หลวงอุดรภัณฑพานิช และจีนหนี รวมเจ็ดคนได้รับพระบรมราชานุญาตจัดตั้งบริษัทและได้รับพระราชทานอำนาจพิเศษ[1]
ในปี พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารเคยเสด็จโดยรถรางพระที่นั่งสายพระพุทธบาท เพื่อไปนมัสการพระพุทธบาทและพระราชทานกฐิน ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร[4]
ทว่าตลอดระยะเวลาดำเนินกิจการ ได้เกิดปัญหาหลายครั้ง เช่น วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2445 มีการออกตั๋วเงินโดยเอาทรัพย์สมบัติของบริษัทเป็นประกัน โดยอ้างว่าต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ[7] 6 มกราคม พ.ศ. 2449 บริษัทยื่นบัญชีประจำปีต่อกระทรวงเกษตราธิการล่าช้า หากไม่ส่งอาจถูกถอนอำนาจพิเศษ[8] กระทั่งวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2449 จึงนำส่งบัญชี[9] และในที่สุด วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2472 มีประกาศโปรดเกล้าฯ ให้ถอนพระบรมราชานุญาตพิเศษ ด้วยเหตุเพิกเฉย ละเลย ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและประกาศพระราชทานพิเศษหลายครั้ง[2]
พ.ศ. 2474 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงมอบหมายให้หม่อมเจ้านิตยากร วรวรรณพระโอรส ทำสัญญาสัมปทานกับกรมรถไฟหลวงเพื่อเดินรถระหว่างท่าเรือ–พระพุทธบาทอีกครั้งในนามบริษัท รถไฟท่าเรือ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 ถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2494[3]
อย่างไรก็ตามรถไฟราษฎร์สายนี้ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ได้แก่ เป็นเส้นทางระยะสั้น, การเดินทางไปพระพุทธบาทจะมีเฉพาะช่วงเทศกาล และการตัดถนนพหลโยธินทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้บริษัท รถไฟท่าเรือ จำกัดจึงขายหัวรถจักรแก่บริษัท ส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย จำกัด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2485[4]
การเดินรถ
รถไฟสายพระพุทธบาทเป็นรถไฟขนาดเล็ก แต่เดิมใช้หัวรถจักรไอน้ำความเร็วเพียง 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะมีสถานีสำหรับเติมน้ำและฟืนคือ สถานีท่าเรือ, เขาเลี้ยว และพระพุทธบาท ต่อมาใช้หัวหัวรถจักรดีเซลความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง[4] ตู้โดยสารแบ่งเป็นสองระดับคือชั้นธรรมดา กับชั้นพิเศษที่มีสำหรับเจ้านายหรือบุคคลสำคัญ ภายในประดับตกแต่งสวยงาม มีหน้าต่างกว้างบานใหญ่ติดผ้าม่านอย่างหรู ชายคาติดครุยและตุ้มโดยรอบ เก้าอี้ผ้าผิวมัน และทางเดินปูด้วยพรม[4] รถไฟขาไปจะออกจากสถานีพระพุทธบาทในเวลา 06.00 น. ถึงสถานีท่าเรือเวลา 07.00 น. และขากลับจะออกจากสถานีท่าเรือเวลา 15.00 น. และจอดค้างคืนที่สถานีพระพุทธบาท[4]
รถไฟแต่ละขบวนจะมีพนักงาน 4 คน แบ่งเป็น พนักงานขับรถและช่างไฟ (ผู้เติมน้ำและฟืน) อย่างละคน พนักงานขายตั๋วและตรวจตั๋วอีกสองคน[4] การซื้อขายตัวจะมีเฉพาะสถานีท่าเรือและพระพุทธบาทเท่านั้น หากขึ้นลงระหว่างทางต้องซื้อตั๋วบนรถ ค่าโดยสารคิดเป็นช่วง สถานีละ 5 สตางค์ แต่ช่วง พ.ศ. 2475 มีอัตราค่าโดยสารสถานีละ 25 สตางค์[4]
เส้นทาง
เส้นทางรถไฟมีระยะทาง 20 กิโลเมตร มีสถานีรายทางทั้งหมด 7 สถานี ได้แก่
ชื่อสถานี
|
หมายเหตุ
|
ท่าเรือ
|
ตั้งอยู่ตรงข้ามธนาคารออมสินสาขาท่าเรือหลังเก่า
|
บางโขมด
|
|
บ่อโศก
|
มีซากสถานีอยู่
|
หนองคณฑี
|
|
เขาเลี้ยว
|
|
เจ้าพ่อเขาตก
|
|
พระพุทธบาท
|
ปัจจุบันคือโรงเจฮกเอี๊ยง
|
อ้างอิง
สถานีและทางรถไฟทางไกลที่ยกเลิกการใช้งานของประเทศไทย |
---|
สถานีรถไฟ | |
---|
ทางรถไฟ | การรถไฟแห่งประเทศไทย | |
---|
ทางรถไฟหลวง | |
---|
ทางรถไฟราษฎร์ | |
---|
อื่น ๆ | |
---|
|
---|
|
---|
|
รถไฟระหว่างเมือง | |
---|
รถไฟชานเมือง | |
---|
รถไฟความเร็วสูง | |
---|
เส้นทางที่ยกเลิก | สายเหนือ | |
---|
สายตะวันออกเฉียงเหนือ | |
---|
สายใต้ | |
---|
สายตะวันออก | |
---|
สายแม่กลอง | |
---|
|
---|
ขบวนรถไฟ | |
---|
หน่วยงานอื่น | |
---|
|