โท กย็อง-ซู (เกาหลี: 도경수; เกิด 12 มกราคม ค.ศ. 1993) รู้จักกันในชื่อ ดี.โอ. เป็นนักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้ หนึ่งในสมาชิกและนักร้องเสียงหลักของบอยแบนด์สัญชาติเกาหลีใต้-จีน เอ็กโซ
นอกจากกิจกรรมในวง ดี.โอ. ยังได้แสดงในละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น Pure Love (2016), My Annoying Brother (2016), Positive Physique (2016), Room No.7 (2017), รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย (2018), ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า, and Swing Kids (2018).'
ดี.โอ.เกิดเมื่อ 12 มกราคม ค.ศ. 1993 ที่ โกยาง จังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ [1] [2] ดี.โอ.เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาโกยางพยองซาน โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นแพคชิน และโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแพคซ็อก ดี.โอ.มีพี่ชายชื่อ โด ซึง-ซู ซึ่งมีอายุมากกว่าเขา 3 ปี [ต้องการอ้างอิง] เขาเริ่มร้องเพลงในโรงเรียนประถมศึกษาและมีส่วนร่วมในการแข่งขันร้องเพลงท้องถิ่นตลอดช่วงการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย[ต้องการอ้างอิง]
ในปี 2010 เขาได้รับคำแนะนำให้ออดิชั่นกับค่ายเพลง เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ หลังจากชนะการประกวดร้องเพลงในท้องถิ่น แล้วเขาก็กลายเป็นเด็กฝึกของค่ายเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ในช่วงสองปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ในการออดิชั่นเขาได้แสดงเพลง "Anticipation" ของ นา ยุนคว็อน และเพลง "My Story" ของ บราวน์ อายด์ โซล [3]
ดี.โอ.ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกคนที่ 8 ของ เอ็กโซ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2012 และในปีเดียวกันวงเอ็กโซได้เดบิวต์เมื่อวันที่ 8 เมษายนด้วยมินิอัลบั้ม Mama จากนั้นในเดือนกรกฎาคมปี 2013 เขาได้ร่วมร้องในเพลง "Goodbye Summer" ของ เอฟ(เอกซ์) ในอัลบั้ม Pink Tape [4] และในเดือนธันวาคมปี 2013 ดี.โอ.และสมาชิกในวงเอ็กโซประกอบด้วย แบ็กฮย็อน และ เฉิน (นักร้อง) ได้ร่วมกันร้องเพลงโปรโมตของวงในมินิอัลบั้ม Miracles in December
ในเดือนกันยายนปี 2014 ดี.โอ.ได้เดบิวต์ผลงานด้านการแสดงด้วยบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่อง Cart โดยรับบทเป็นนักเรียนมัธยมปลายและเป็นลูกชายของพนักงานขายของชำและสมาชิกสหภาพ(รับบทโดย ยัม จุง-อา) [5] ภาพยนตร์ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Toronto International Film Festival 2014 นอกจากนี้เขายังร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ในเพลง "Crying Out" อีกด้วย[6] ต่อจากนั้นในปี 2014 ดี.โอ.ได้เดบิวต์ในละครโทรทัศน์โดยเป็นนักแสดงสมทบ ในละครเรื่อง It's Okay, That's Love ทางช่อง เอสบีเอส ซึ่งมีนักแสดงนำคือ กง ฮโย-จิน และ โช อิน-ซ็อง [7] อีกทั้งดี.โอ.ยังได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ฮอ จีอุง จากการแสดงละครเรื่องนี้ด้วย [8] และต่อมาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัล Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 51 [9]
ในเดือนมิถุนายนปี 2015 ดี.โอ.ได้เป็นนักแสดงรับเชิญในละครเรื่อง Hello Monster ของช่อง เคบีเอส ซึ่งรับบทเป็นฆาตกรโรคจิต[10] ในเดือนพฤศจิกายนปี 2015 ดี.โอ.ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัล Grand Bell Awards ครั้งที่ 52 จากบทบาท แทยอง ในภาพยนตร์เรื่อง Cart [11]
ในเดือนมกราคมปี 2016 ดี.โอ.ได้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Underdog ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ในปี 2019 เขาพากย์เสียงเป็น มุงชิ สุนัขจรจัดที่ถูกเจ้าของทิ้ง [12][13] ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 เขาได้ทำงานร่วมกับ ยู ยอง-จิน ในผลงานเพลง "Tell Me (What Is Love)" สำหรับโปรเจกต์เอสเอ็มสเตชัน ของค่ายเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ [14] ก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงเพลงนี้เวอร์ชันสั้นๆ ในการแสดงโซโล่ของคอนเสิร์ต EXO from Exoplanet 1 – The Lost Planet ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตแรกของวงเอ็กโซ และในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ดี.โอ. ได้รับบทนักแสดงนำชายคู่กับนักแสดงนำหญิง คิม โซ-ฮย็อน ในภาพยนตร์เรื่อง Pure Love [15] ในเดือนตุลาคมปี 2016 ดี.โอ.ได้รับบทนักแสดงนำคู่กับ แชซอจิน ในเว็บดราม่าเรื่อง Be Positive โดย ซัมซุง. [16] และเว็บดราม่าเรื่องนี้ยังกลายเป็นเว็บดราม่าที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลของประเทศเกาหลีใต้ [17][18] ในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 ดี.โอ.ได้แสดงนำแสดงร่วมกับ โจ จอง-ซอก และ พัก ชิน-ฮเย ในภาพยนตร์เรื่อง My Annoying Brother ซึ่งรับบทเป็นนักกีฬายูโดระดับชาติ [19] นอกจากนั้น ดี.โอ.และโจ จองซอก ยังได้ร่วมกันร้องเพลง "Don't Worry" สำหรับประกอบภาพยนตร์อีกด้วย [20] และ ดี.โอ.ยังได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก Blue Dragon Film Awards ในหนึ่งปีต่อมาจากการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ [21]
ในปี 2017 ดี.โอ.ได้แสดงนำในภาพยนตร์ระทึกขวัญตลกเรื่อง Room No.7 [22] ในปีเดียวกันเขาได้รับบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ของ คิม ยง-ฮวา เรื่อง ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากการ์ตูนทางอินเทอร์เน็ตเรื่อง Along with the Gods เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยฝ่าแดนปรโลกทั้งเจ็ดเพื่อส่งดวงวิญญาณภายในเวลา 49 วัน [23]
ในปี 2018 ดี.โอ.ได้แสดงนำในเรื่อง Swing Kids เป็นภาพยนตร์ในค่ายกักกันของเกาหลีเหนือในช่วงสงครามเกาหลี เขารับบทเป็นทหารเกาหลีเหนือที่ตกหลุมรักการเต้นแท็ปท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมด [24][25] ในปีเดียวกันนั้น เขาได้เป็นนักแสดงนำในละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรก โดยรับบทเป็นองค์รัชทายาท ในละครเรื่อง รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย [26] และละครเรื่องนี้ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากได้กลายเป็นละครเกาหลีที่เรตติ้งสูงสุดติดอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ละครเกาหลีช่องเคเบิลทีวี [27]
I'm gonna love you feat.Wonstein
It'Love
My Love
Dad
Im'Fine
Si Fuerus Mia
Rose(English ver.)
I Do,
Wonder,
Lost,
Ordinary Days,
The View
Popcorn,
Simple Joys,
Good night,
My Dear,
About Time