บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (อังกฤษ: The iCon Group Company Limited) เป็นบริษัทประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รูปแบบขายตรงทางออนไลน์ในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561 โดยมี วรัตน์พล วรัทย์วรกุล (พอล) เป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปัจจุบันประกอบธุรกิจการขายตรง โดยจำหน่ายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามผ่านตัวแทนจำหน่าย[2]
ในปี พ.ศ. 2567 ดิไอคอนกรุ๊ปถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากการหลอกลวงให้ประชาชนมาร่วมลงทุน และกลายเป็นคดีความเกิดขึ้น โดยกรรชัย กำเนิดพลอย ได้รับเรื่องจากผู้เสียหายมาตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม และเปิดเผยเรื่องนี้ในอีกสองวันถัดมา[3]
ประวัติ
ดิไอคอนกรุ๊ปก่อตั้งโดย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล (พอล) นักธุรกิจขายตรงซึ่งเคยขายกระเบื้องผ่านออนไลน์มาก่อน[4] โดยจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ก่อนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50,000,000 บาท เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2563[5] มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เลขที่ 165/42-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร[6]
ดิไอคอนกรุ๊ปเริ่มจำหน่ายสินค้าตัวแรก คืออาหารเสริม Boom Collagen ซึ่งจำหน่ายได้เป็นจำนวนมากในช่วงการระบาดทั่วของโควิด-19 ต่อมาจึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่น ๆ โดยใช้ตราสินค้า Boom และต่อมาได้ต่อยอดออกไปจำหน่ายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมความงามอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก[4]
ดิไอคอนกรุ๊ปใช้กลยุทธ์ในการจำหน่ายสินค้าหลายประการ เช่น จำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายโดยที่ไม่ต้องสต๊อกสินค้าไว้เอง (Dropship) และเปิดสอนการขายออนไลน์ให้แก่ตัวแทนจำหน่ายและผู้ที่สนใจ รวมถึงการนำศิลปิน นักแสดง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง มาดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในดิไอคอนกรุ๊ป[4] เช่น กันต์ กันตถาวร ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด, พีชญา วัฒนามนตรี (มีน) ประธานเจ้าหน้าที่การสื่อสาร และ ยุรนันท์ ภมรมนตรี (แซม) ประธานเจ้าหน้าที่การวิจัย[7] หรือเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าในเครือ เช่น พิชัย จาวลา ศรัณย์รัชต์ ดีน มณีนุช เสมรสุต ธีรเทพ วิโนทัย วราวุธ โพธิ์ยิ้ม ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ (บอย)[8] และ ปกรณ์ ลัม (โดม) รวมถึงพระเมธีวชิโรดม (วุฒิชัย วชิรเมธี) เป็นต้น[9]
ในช่วง 5 ปีแรก ดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมทั้งหมดมากกว่า 10,000 ล้านบาท และมีรายได้มากที่สุดที่ 4,950,055,693.44 บาท ในปี พ.ศ. 2564[5]
รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่
- ข้อมูล ณ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2567[10]
| ลำดับที่ |
รายชื่อผู้ถือหุ้น |
สัดส่วนการถือหุ้น
|
| 1 |
วรัตน์พล วรัทย์วรกุล |
75%
|
| 2 |
จินดา แซ่ก๊อก |
21%
|
| 3 |
ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร |
4%
|
ธุรกิจในเครือ
ดิไอคอนกรุ๊ปมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ถือหุ้น ดังนี้[10]
- บริษัท ดิไอคอนการบัญชี จำกัด (ถือหุ้น 50%) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการบัญชี
- บริษัท ดิ ไอคอน เวลเนส จำกัด (ถือหุ้น 99.98%) ประกอบธุรกิจคลินิกโรคเฉพาะทาง
- บริษัท เฟรนด์ชิป ฟูลฟิลเม้นท์ จำกัด (ถือหุ้น 33%) ประกอบธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า
คดีความ
คดีดิไอคอนกรุ๊ป เป็นคดีที่มีการกล่าวหาบริษัทว่ามีพฤติกรรมหลอกชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายกลับไม่ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ โดยกรรชัย กำเนิดพลอย เริ่มเปิดเผยเรื่องนี้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักแสดงและผู้มีชื่อเสียงชาวไทยจำนวนหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ศาลได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดในคดีนี้จำนวน 18 คน[11] ได้แก่
- นายกันต์ กันตถาวร
- นายจิรวัฒน์ แสงภักดี
- นายเชษฐ์ณภัฎ อภิพัฒนากานต์
- น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา
- น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์
- นายกลด เศรษฐนันท์
- นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล
- น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร
- นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ
- น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์
- น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์
- นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา
- นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์
- นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์
- นายยุรนันท์ ภมรมนตรี
- น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี
- นางวิไลลักษณ์ เจ็งสุวรรณ
- นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์
ตำรวจสามารถจับกุมได้ทั้งหมดในวันเดียวกัน[12] อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยังมีการพิจารณาเพิกถอนรางวัลที่เคยมอบให้บริษัทดังกล่าว[13]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
