ดิสนีย์แคลิฟอร์เนียแอดเวนเจอร์
ดิสนีย์แคลิฟอร์เนียแอดเวนเจอร์พาร์ก (อังกฤษ: Disney California Adventure Park) โดยทั่วไปเรียกว่า ดิสนีย์แคลิฟอร์เนียแอดเวนเจอร์ (อังกฤษ: Disney California Adventure) แคลิเฟอร์เนียแอดเวนเจอร์ (อังกฤษ: California Adventure) หรือ ดีซีเอ เป็นสวนสนุกที่เมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเจ้าของและดำเนินการโดยบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ ผ่านการดำเนินงานโดยบริษัทดิสนีย์เอ็กซ์พีเรียนส์ เป็นสวนสนุกที่สร้างโดยอิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งสร้างจาการฉลองความประสบสำเร็จในธุรกิจของดิสนีย์ พิกซาร์ และมาร์เวล เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 เป็นสวนสนุกแห่งสองของดิสนีย์แลนด์รีสอร์ตถัดจากดิสนีย์แลนด์พาร์ก
แผนผังสวนสนุกและเครื่องเล่น
บูเอนาวิสตาสตรีท
บูเอนาวิสตาสตรีท (Buena Vista Street) เป็นพื้นที่แรกที่เจอเมื่อเข้าไปในสวนสนุก เมืองนี้เป็นตัวแทนของลอสแอนเจลิสในช่วงทศวรรษ 1920 เมื่อวอลต์ ดิสนีย์มาถึงที่นั่นเป็นครั้งแรก คล้ายกับเมนสตรีท ยูเอสเอ ในดิสนีย์แลนด์พาร์ก มีร้านค้า ร้านอาหาร และระบบการคมนาคมขนส่ง ศูนย์กลางมีทางเข้าสู่ฮอลลีวูดแลนด์ และกริซลีพีก ในใจกลางของศูนย์กลางหรือที่รู้จักกันในชื่อวงเวียนคาร์เธย์ เป็นแบบจำลองของโรงละครคาร์เธย์ไซเคิล ซึ่งเป็นสถานที่ภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1937 นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถจากถนนบูเอนาวิสตา ไปยังจุดสิ้นสุดของฮอลลีวูดแลนด์บนรถทรอลเลย์เรดคาร์ โดยจอดที่ร้านกล้องคิงส์เวลล์ และร้านอาหารคาร์เธย์ไซเคิล รวมไปถึงร้านอาหารอื่น ๆ ในริมถนน ได้แก่ ตลาดมอร์ติเมอร์; ขนมรถเข็น; ไอศกรีมตักมือของคลาราเบลล์; และฟีดเดเลอร์, ไฟเฟอร์แอนด์แพรคติกคาเฟ่ ร้านค้าหลักริมถนน ได้แก่ ออสวอลด์, ไฟว์แอนด์ดิม, บิกท็อปทอยส์, ร้านกล้องคิงส์เวลล์ และเอเลียสแอนด์โค
ฮอลลีวูดแลนด์
ฮอลลีวูดแลนด์ (Hollywood Land) ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคทองของฮอลลีวูดในช่วงทศวรรษที่ 1930[1] ประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างจากภาพยนตร์ โทรทัศน์ โรงละคร และส่วนย่อยที่เรียกว่าฮอลลีวูดสตูดิโอ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ปรากฏเป็นฉากหลังของสตูดิโอที่ยังเปิดทำการอยู่ ที่พบในส่วนย่อยนั้นคือภาพยนตร์ 3 มิติ มิกกีพิลฟิลฮาร์เมจิก และ มอนสเตอร์สอิงค์ไมค์แอนด์ซัลลีย์ทูเดอะเรสคิว เครื่องเล่นดาร์กไรด์ที่สร้างจากตัวละครจากดิสนีย์และพิกซาร์ บริษัทรับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด ดินแดนแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครไฮเปอเรียนขนาด 2,000 ที่นั่ง ซึ่งเพิ่งนำเสนอ โรเจอร์ส: เดอะมิวสิคัล เมื่อไม่นานมานี้
กริซลีพีก
กริซลีพีก (Grizzly Peak) มีรูปแบบพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและอุทยานแห่งชาติของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีการอ้างอิงถึงอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี และเรดวุดโดยเฉพาะ เครื่องเล่นหลักคือ กริซลีริเวอร์รัน ซึ่งเป็นการล่องแก่งสไตล์โกลด์รัชรอบ ๆ ยอดเขา บริเวณใกล้เคียงคือ เรดวุดครีกชาเลนแรลl พื้นที่สนามเด็กเล่นที่มีองค์ประกอบจากภาพยนตร์ มหัศจรรย์หมีผู้ยิ่งใหญ่ (2003) และปู่ซ่าบ้าพลัง (2009) มีทางเข้าที่สามารถเข้าถึงได้เฉพาะแขกของดิสนีย์แกรนด์แคลิฟอร์เนียนโฮเต็ลแอนด์สปา
กริซลีแอร์ฟิลด์ เป็นพื้นที่ย่อยภายในกริซลีพีก ซึ่งมีรูปแบบเป็นสนามบินในไฮเซียราส์ของรัฐแคลิฟอร์เนียในช่วงปลายทศวรรษ 1950 และต้นทศวรรษ 1960 เครื่องเล่นหลักของพื้นที่คือ โซอาริน (Soarin) ซึ่งจำลองการทัวร์เครื่องร่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ในทิวทัศน์ และสถานที่สำคัญทั่วทั้งหกทวีปของโลก บริเวณนี้ยังมีร้านอาหารแบบบริการตนเอง สโมคจัมเปอร์กริลล์ รวมถึงร้านค้า และหอเฝ้าระวังไฟที่ตกแต่งอย่างสวยงาม[2]
พาราไดซ์การ์เดนส์
พาราไดซ์การ์เดนส์ (Paradise Gardens) มีทางเข้าโดยตรงไปยังพิกซาร์ปิแอร์, ซานฟรานโซเคียวสแควร์ และกริซลีพีก บริเวณพาราไดซ์การ์เดนส์พาร์ก เป็นสถานที่โดดเด่นในการชมการแสดงทางน้ำ เวิลด์ออฟคัลเลอร์ และสำหรับถ่ายรูปโดยมีพิกซาร์ปิแอร์เป็นฉากหลัง เครื่องเล่นทั้งห้าของพาราไดซ์การ์เดนส์ ได้แก่ กู๊ฟฟี่สกายสกูล (Goofy's Sky School), ซิลลีซิมโฟนีสวิง (Silly Symphony Swings), จัมพินเจลลีฟิช (Jumpin' Jellyfish), โกลเดนเซเฟอร์ (Golden Zephyr) และเดอะลิตเติลเมอร์เมด ~ เอเรียลอันเดดอร์ซีแอดเวนเจอร์ (The Little Mermaid ~ Ariel's Undersea Adventure) พาราไดซ์การ์เดนส์ยังเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองตามฤดูกาลและวัฒนธรรมของรีสอร์ตตลอดทั้งปี การเฉลิมฉลองบางส่วน ได้แก่ การเฉลิมฉลองดิอาเดลอสมูเอร์โตส ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (มี 2 การแสดงคือ การเฉลิมฉลองทางดนตรีของโคโค และ มาริอาชีดิวาส) เทศกาลแห่งวันหยุด (ร่วมกับ "ดิสนีย์วีวานาวิแดดสตรีทปาร์ตี" และ "สุขสันต์วันหยุดของมิกกี้") และเทศกาลปีใหม่ทางจันทรคติ (กับ "ขบวนแห่ปีใหม่ทางจันทรคติของมู่หลาน") ขบวนพาเหรดและขบวนแห่ส่วนใหญ่ที่วิ่งผ่านสวนสนุกเริ่มต้นที่พาราไดซ์การ์เดนส์และเดินทางไปทางเหนือไปยังถนนบูเอนาวิสตาสตรีท
ซานฟรานโซเกียวสแควร์
ซานฟรานโซเกียวสแควร์ (San Fransokyo Square) ตั้งอยู่ระหว่างคาร์แลนด์ และพิกซาร์ปิแอร์ เป็นย่านริมน้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท่าเทียบเรือประมงของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานโซเกียว ดังที่เห็นในภาพยนตร์ของดิสนีย์ปี ค.ศ. 2014 เรื่อง บิ๊กฮีโร่ 6 เป็นการผสมผสานระหว่างเมืองซานฟรานซิสโกและโตเกียว ป้ายส่วนใหญ่ในจัตุรัสซานฟรานโซเกียวมีคำแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ร้านอาหารในพื้นที่ ได้แก่ กิราเดลลีโซดาฟาวเทนแอนด์ช็อกโกเลตช็อป, ลักกีฟอร์ตูคุกเกรี, อันต์แคสคาเฟ่ (บูแดงเบเกอรี), ริต้าทอร์ไบน์บลันเดอส์, โกซินาคูคามอนกาเม็กซิกันกริล และ พอร์ตออฟซานฟรานโซเกียวเซอร์เวียเซเรีย (บริษัทเบียร์คาร์ล สเตราส์) ร้านค้าในพื้นที่ ได้แก่ ตลาดซานฟรานโซเคียว
คาร์สแลนด์
คาร์สแลนด์ (Cars Land) เป็นดินแดนที่ออกแบบมาให้ดูเหมือนเมืองเรดิเอเตอร์สปริงส์จากภาพยนตร์เรื่อง 4 ล้อซิ่ง...ซ่าท้าโลก ของดิสนีย์และพิกซาร์ในปี ค.ศ. 2006 ในวันแข่งขันสำคัญของเมือง ที่ดินครอบคลุมพื้นที่ 12 เอเคอร์ (49,000 ม.2) และมีเครื่องเล่น 3 แห่ง เครื่องเล่นที่ใหญ่ที่สุดคือ เรดิเดียนต์สปริงส์เรซเซอร์ (Radiant Springs Racers) คือเครื่องเล่นดาร์กไรด์ที่ใช้เทคโนโลยีของสนามทดสอบของเอ็ปคอตจากภาพยนตร์ของพิกซาร์เรื่อง คาร์ส การเดินทางเริ่มต้นด้วยการขับรถชมวิวผ่านภูเขา จากนั้นเข้าสู่อาคารแสดง ซึ่งรถจะเข้าสู่เมืองเรดิเอเตอร์สปริงส์ และได้รับฟังบรรยายสรุปการแข่งขันจากด็อก ฮัดสัน การเดินทางจบลงด้วยการแข่งขันดวลกลางแจ้งเคียงข้างกันที่คอมฟีเคเวิร์นส์มอเตอร์คอร์ต สร้างด้วยงบประมาณประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นสวนสนุกที่แพงที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา[3]
พิกซาร์ปิแอร์
พิกซาร์ปิแอร์ (Pixar Pier) ได้รับแรงบันดาลใจจากทางเดินไม้กระดานสไตล์วิกตอเรียนที่เคยพบตามแนวชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย พื้นที่นี้ตกแต่งธีมตามภาพยนตร์ที่ผลิตโดยพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และแบ่งออกเป็นสี่เขต; อินเครดิเบิลส์พาร์ก (Incredibles Park), ทอยสตอรีบอร์ดวอล์ก (Toy Story Boardwalk), พิกซาร์พรอมนาด (Pixar Promenade) และสำนักงานใหญ่อินไซด์เอาต์ (Inside Out Headquarters) เครื่องเล่น ได้แก่ พิกซาร์พาล-อะ-ราวด์ (Pixar Pal-A-Round), อินเครดิโคสเตอร์ (Incredicoaster), ม้าหมุนสัตว์ตัวน้อยของเจสซี่(Jessie's Critter Carousel), เกมของท่าเรือพิกซาร์ (Games of Pixar Pier), ทอยสตอรีมิดเวย์มาเนีย (Toy Story Midway Mania) และอินไซด์เอาต์อีโมติชันเนลเวิร์ลวินด์ (Inside Out Emotional Whirlwind) ร้านค้าหลัก ได้แก่ นิกสเน็กส์ (Knick's Knacks), มิดเวย์เมอร์เคนไทล์ (Midway Mercantile) และ ปิ๊งบองสวีตสตัฟ (Bing Bong's Sweet Stuff) และให้บริการอาหารแบบเสิร์ฟที่โต๊ะที่แลมป์ไลต์เลานจ์เชื่อมต่อกับพาราไดซ์การ์เดนส์พาร์ก ทางเข้าหลักคือผ่านสะพานใต้ประตูพิกซาร์ปิแอร์ขนาดใหญ่
อเวนเจอร์สแคมปัส
อเวนเจอร์สแคมปัส (Avengers Campus) ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวตามตัวละครที่มาจากมาร์เวลคอมิกส์ และปรากฏในสื่อเอ็มซียู พื้นที่นี้ทอดสมออยู่รอบ ๆ อเวนเจอร์สแคมปัส ซึ่งเดิมเคยเป็นพื้นที่หวงห้ามของสตาร์กอินดัสตรีส์ และศูนย์สำรองวิทยาศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ เครื่องเล่นและร้านอาหาร ได้แก่ การ์เดียนออฟเดอะกาแล็กซี – มิสชัน: เบรกเอาต์ (Guardians of the Galaxy – Mission: Breakout!), เว็บสลิงเกอร์ส: อะสไปเดอร์แมนแอดเวนเจอร์ (Web Slingers: A Spider-Man Adventure), เอนเชียนแซนตัม (Ancient Sanctum) และครัวพิมเทส (Pym Test Kitchen) พื้นที่นี้เปิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2021 บนพื้นที่เดิมของอะบักส์แลนด์ (A Bug's Land) หลังจากที่การเปิดในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 เกิดความล่าช้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19[4][5]
- ดินแดนในดิสนีย์แคลิฟอร์เนียแอดเวนเจอร์
-
บูเอนาวิสตาสตรีท
-
ฮอลลีวูดแลนด์
-
กริซลีพีก
-
พาราไดซ์การ์เดนส์
-
ซานฟรานโซเกียวสแควร์
-
คาร์สแลนด์
-
พิกซาร์ปิแอร์
-
อเวนเจอร์สแคมปัส
นักท่องเที่ยว
ปี |
นักท่องเที่ยว |
อันดับทั่วโลก
|
2001 |
5,000,000[6] |
|
2002 |
4,700,000[7] |
|
2003 |
5,310,000[8] |
|
2004 |
5,600,000[9] |
|
2005 |
5,800,000[10] |
|
2006 |
5,950,000[11] |
13[11]
|
2007 |
5,680,000[12] |
13[12]
|
2008 |
5,566,000[13] |
8[13]
|
2009 |
6,095,000[14] |
11[14]
|
2010 |
6,287,000[15] |
11[15]
|
2011 |
6,341,000[16] |
13[16]
|
2012 |
7,775,000[17] |
11[17]
|
2013 |
8,514,000[18] |
10[18]
|
2014 |
8,769,000[19] |
10[19]
|
2015 |
9,383,000[20] |
11[20]
|
2016 |
9,295,000[21] |
11[22]
|
2017 |
9,574,000[23] |
13[23]
|
2018 |
9,861,000[24] |
12[24]
|
2019 |
9,861,000[25] |
13[25]
|
2020 |
1,919,000†[26] |
21‡[26]
|
2021 |
4,980,000[27]
|
- หมายเหตุ
- ^† เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สวนสนุกจึงเปิดให้บริการเฉพาะในปี ค.ศ. 2020 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 14 มีนาคม
- ^‡ เนื่องจากผลกระทบทั่วโลกต่อการเข้าร่วมสวนสนุกเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อันดับในปี ค.ศ. 2020 จึงเป็นเพียงหนึ่งในสวนสาธารณะที่อยู่ใน 25 อันดับแรกสำหรับการเข้าร่วมในปี ค.ศ. 2019
ดูเพิ่ม
ดิสนีย์พาร์กที่คล้ายกัน
อ้างอิง
- ↑ Tully, Sarah (May 27, 2012). "Disney park begins new, edgy night-time party". The Orange County Register. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-01. สืบค้นเมื่อ June 13, 2012.
- ↑ Pimentel, Joseph (January 25, 2015). "Upgrades close several Disney rides". The Orange County Register. p. Local 2.
- ↑ Reynolds, Christopher. "Disney Cars ride: thrills, sticker shock". The Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ November 21, 2007.
- ↑ MacDonald, Brady (August 21, 2020). "When will Disney open Avengers Campus?". The Orange County Register. สืบค้นเมื่อ August 23, 2020.
- ↑ McNary, Dave (March 20, 2018). "Marvel-Themed Lands Coming to Three Disney Parks". Variety. สืบค้นเมื่อ February 9, 2020.
- ↑ "2001 Theme Park Attendance". Theme Park Insider. 2001. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ "2002 Theme Park Attendance". Theme Park Insider. 2002. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ "2003 Attendance Figures". Theme Park Insider. 2003. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ "2004 Theme Park Attendance Estimates Announced". Theme Park Insider. 2004. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ "Disney slams Universal in 2005 theme park attendance". Theme Park Insider. 2005. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ 11.0 11.1 "TEA/AECOM 2006 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-02-07. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ 12.0 12.1 "TEA/AECOM 2007 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2008. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2016. สืบค้นเมื่อ February 6, 2014.
- ↑ 13.0 13.1 "TEA/AECOM 2008 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-10-07. สืบค้นเมื่อ November 20, 2012.
- ↑ 14.0 14.1 "TEA/AECOM 2009 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2010. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ June 2, 2010. สืบค้นเมื่อ November 20, 2012.
- ↑ 15.0 15.1 "TEA/AECOM 2010 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2011. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ July 19, 2011. สืบค้นเมื่อ November 20, 2012.
- ↑ 16.0 16.1 "TEA/AECOM 2011 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2012. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ October 18, 2015. สืบค้นเมื่อ November 20, 2012.
- ↑ 17.0 17.1 "TEA/AECOM 2012 Global Attractions Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-12-24. สืบค้นเมื่อ June 13, 2013.
- ↑ 18.0 18.1 "TEA/AECOM 2013 Global Attractions Attendance Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-11-05. สืบค้นเมื่อ November 11, 2021.
- ↑ 19.0 19.1 "TEA/AECOM 2014 Global Attractions Attendance Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-10-06. สืบค้นเมื่อ June 8, 2015.
- ↑ 20.0 20.1 "TEA/AECOM 2015 Global Attractions Attendance Report" (PDF). Themed Entertainment Association. 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-06-18. สืบค้นเมื่อ June 3, 2016.
- ↑ "Most Popular Theme Parks By Attendance - WorldAtlas.com". สืบค้นเมื่อ November 30, 2016.
- ↑ "TEA/AECOM 2016 Global Attractions Attendance Report" (PDF). 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-10-24. สืบค้นเมื่อ 11 November 2021.
- ↑ 23.0 23.1 "TEA/AECOM 2017 Global Attractions Attendance Report" (PDF). 2018. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ June 2, 2017. สืบค้นเมื่อ May 18, 2018.
- ↑ 24.0 24.1 "TEA/AECOM 2018 Global Attractions Attendance Report" (PDF). 2019. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2019. สืบค้นเมื่อ May 25, 2019.
- ↑ 25.0 25.1 "TEA/AECOM 2019 Global Attractions Attendance Report" (PDF). 2020. สืบค้นเมื่อ October 7, 2020.
- ↑ 26.0 26.1 "TEA/AECOM 2020 Global Attractions Attendance Report" (PDF). 2021. สืบค้นเมื่อ November 11, 2021.
- ↑ "Statista". Statista. 2022. สืบค้นเมื่อ December 15, 2022.
แหล่งข้อมูลอื่น
|
|