กรดไฮโดรฟลูออริก
ชื่อ
IUPAC name
ชื่ออื่น
Fluorhydric acid Hydronium fluoride
เลขทะเบียน
ChEBI
เคมสไปเดอร์
EC Number
RTECS number
UNII
InChI=1S/FH/h1H
Y Key: KRHYYFGTRYWZRS-UHFFFAOYSA-N
Y InChI=1/FH/h1H
Key: KRHYYFGTRYWZRS-UHFFFAOYAC
คุณสมบัติ
HF (aq)
ลักษณะทางกายภาพ
ของเหลวไร้สี
ความหนาแน่น
1.15 g/mL (สำหรับสารละลาย 48%)
pKa
3.17[ 2]
ความอันตราย[ 3]
GHS labelling :
อันตราย
H280 , H300 , H310 , H314 , H330
P260 , P262 , P264 , P270 , P271 , P280 , P284 , P301+P310 , P301+P330+P331 , P302+P350 , P303+P361+P353 , P304+P340 , P305+P351+P338 , P310 , P320 , P321 , P322 , P330 , P361 , P363 , P403+P233 , P405 , P410+P403 , P501
NFPA 704 (fire diamond)
Chemical compound
กรดไฮโดรฟลูออริก เป็นสารละลาย ของไฮโดรเจนฟลูออไรด์ ในน้ำ แม้ว่าจะมีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างแรงและยากแก่การใช้งาน กรดนี้เป็นเพียงกรดอ่อน เท่านั้น กรดไฮโดรฟลูออริกใช้เป็นแหล่งของฟลูออรีน ในการสังเคราะห์สารประกอบต่างๆ ทั้งยาและพอลิเมอร์ เช่น เทฟลอน คนทั่วไปรู้จักกรดไฮโดรฟลูออริกในฐานะกรดกัดแก้ว เพราะกรดชนิดนี้ทำปฏิกิริยากับซิลิกอนไดออกไซด์ ได้ เนื่องจากความกัดกร่อนที่กรดนี้มีต่อแก้วและโลหะ ตามปกติจึงมักเก็บในบรรจุภัณฑ์พลาสติก[ 4]
แก๊สไฮโดรเจนฟลูออไรด์เป็นสารพิษรุนแรงที่สามารถสร้างความเสียหายต่อปอดและกระจกตาอย่างทันทีและถาวร ในขณะที่กรดไฮโดรฟลูออริกเป็นสารพิษทางการสัมผ้สที่สามารถทำให้ผิวหนังไหม้และเนื้อเยื่อตายโดยไม่รับรู้ความเจ็บปวดในตอนแรก นอกจากนี้ ยังสามารถรบกวนกระบวนการเมแทบอลิซึม ของแคลเซียม ทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้
ความเป็นกรด
กรดไฮโดรฟลูออริกเป็นกรดอ่อน เพราะมีค่าคงที่การแตกตัวต่ำกว่ากรดแก่ ไม่แตกตัวสมบูรณ์ในน้ำ โดยเกิดสมดุลดังสมการ
HF + H2 O ⇌ H3 O+ + F−
ซึ่งกรดนี้เป็นกรดไฮโดรฮาลิกเพียงตัวเดียวที่ไม่เป็นกรดแก่
อย่างไรก็ตาม เมื่อความเข้มข้นของ HF สูงขึ้น ความเป็นกรดจะเพิ่มขึ้นได้อย่างยิ่งยวด เนื่องจากสมดุลที่เรียกว่า โฮโมแอสโซซิเอชัน (่homoassociation) ดังสมการ
3 HF ⇌ H2 F+ + FHF−
ทำให้เกิดไบฟลูออไรด์ไอออน (FHF− ) ที่มีความเสถียรมากจากพันธะไฮโดรเจนระหว่าง F กับ H[ 5]
การผลิต
กรดไฮโดรฟลูออริกส่วนใหญ่ในปัจจุบันผลิตจากปฏิกิริยาระหว่างแร่ฟลูออไรต์ (CaF2 ) กับกรดซัลฟิวริก เข้มข้น ที่อุณหภูมิ 265 °C เกิดเป็นกรดไฮโดรฟลูออริกกับแคลเซียมซัลเฟต ดังสมการ:
CaF2 + H2 SO4 → 2 HF + CaSO4
นอกจากนี้ กรดไฮโดรฟลูออริกยังเป็นผลพลอยได้ในกระบวนการผลิตกรดฟอสฟอริก จากแร่อะพาไทต์ เนื่องจากแหล่งแร่อะพาไทต์มักมีฟลูออโรอะพาไทต์ ปนอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อนำไปย่อยโดยกรดจะให้สายแก๊สผสมของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (จากกรด) น้ำ กรดไฮโดรฟลูออริก และของแข็งปนเปื้อนอิ่น ๆ เมื่อแยกของแข็งออกและนำไปผ่านกรดซัลฟิวริกกับโอเลียม จะได้แก๊สไฮโดรเจนฟลูออไรด์แห้ง โดยในการผลิตนี้ เนื่องจากกรดไฮโดรฟลูออริกมีอำนาจกัดกร่อนสูง จะเกิดการสลายตัวของแร่กลุ่มซิลิเกต ให้กรดฟลูออโรซิลิสิก (H2 SiF6 ) ไปควบคู่กันเสมอ[ 4]
ประโยชน์
ความปลอดภัย
กรดไฮโดรฟลูออริกมีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างแรงและเป็นพิษต่อการสัมผัส โดยกรดไฮโดรฟลูออริกมีความสามารถที่จะทะลุผ่านเนื้อเยื่อไปได้ การสัมผัสทางตาหรือผิวหนังการหายใจ หรือการบริโภค จึงเป็นเส้นทางที่นำไปสู่การเป็นพิษได้ง่าย และเนื่องจากกรดไฮโดรฟลูออริกจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท การทำลายเนื้อเยื่อโดยกรดไฮโดรฟลูออริกจึงอาจไม่รู้สึกเจ็บในตอนแรก ผู้ถูกกรดอาจจะไม่รู้ตัวในทันทีและเกิดความล่าช้าในการตอบสนองกับอันตรายที่เกิดขึ้น อาการของการถูกกรดไฮโดรฟลูออริกได้แก่ การระคายเคืองลูกตา ผิวหนัง จมูก และลำคอ การไหม้ของลูกตาหรือผิวหนัง เยื่อจมูกอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวมน้ำ และความเสียหายต่อกระดูก
เมื่อกรดไฮโดรฟลูออริกเข้าสู่ระบบเลือดแล้ว จะไปทำปฏิกิริยากับแคลเซียม ไอออนในเลือด เกิดเป็นแคลเซียมฟลูออไรด์ ที่ไม่ละลายน้ำ อาจทำให้หัวใจวายได้ โดยรอยไหม้ที่กว้างกว่า 160 ตารางเซนติเมตร ถือว่าอันตรายต่อการเกิดพิษในระบบเลือดและเนื้อเยื่อ ด้วยสาเหตุนี้การต้านพิษกรดไฮโดรฟลูออริกจึงใช้แคลเซียมกลูโคเนต ซึ่งเป็นแหล่งแคลเซียมไอออน โดยการล้างแผลไหม้ด้วยน้ำและเจลแคลเซียมกลูโคเนต 2.5%[ 6] หรือสารละลายเฉพาะอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกรดซึมเข้าไปในผิวหนัง จึงจำเป็นต้องพบแพทย์ต่อไป[ 7]
แผลไหม้จากกรดไฮโดรฟลูออริก
อ้างอิง
↑ Favre, Henri A.; Powell, Warren H., บ.ก. (2014). Nomenclature of Organic Chemistry: IUPAC Recommendations and Preferred Names 2013 . Cambridge: The Royal Society of Chemistry . p. 131. ISBN 9781849733069 .
↑ Harris, Daniel C. (2010). Quantitative Chemical Analysis (8th international ed.). New York: W. H. Freeman. pp. AP14. ISBN 978-1429263092 .
↑ "Hydrofluoric Acid" . PubChem . National Institute of Health. สืบค้นเมื่อ October 12, 2017 .
↑ 4.0 4.1 Aigueperse, J. et al. (2005) "Fluorine Compounds, Inorganic" in Ullmann’s Encyclopedia of Industrial Chemistry , Wiley-VCH, Weinheim, doi :10.1002/14356007.a11_307
↑ Herbert H. Hyman; Martin Kilpatrick; Joseph J. Katz (July 1957). "The Hammett Acidity Function H 0 for Hydrofluoric Acid Solutions". J. Am. Chem. Soc . 79 (14): 3668–3671. doi :10.1021/ja01571a016 . Contribution from the Chemistry Division, Argonne National Laboratory, and the Department of Chemistry, Illinois Institute of Technology.
↑ "Calcium Gluconate Gel as an Antidote to HF Acid Burns" . Northwestern University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ April 8, 2009. สืบค้นเมื่อ 2012-10-01 .
↑ "Recommended Medical Treatment for Hydrofluoric Acid Exposure" (PDF) . Honeywell Specialty Materials. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ March 25, 2009. สืบค้นเมื่อ 2009-05-06 .
แหล่งข้อมูลอื่น