ไทยไฟต์[1] (อังกฤษ: THAI FIGHT) หรือ THAI FIGHT[2] เป็นทัวร์นาเมนท์มวยไทยระดับโลกที่เริ่มจัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2553 ซึ่งมีนักมวยไทยที่ได้รับการคัดเลือกจากนานาประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน[3] โดยนักมวยไทยรายสำคัญที่มีโอกาสร่วมแข่งขันรายการดังกล่าว เป็นนักมวยไทยที่ผ่านรอบการคัดเลือกจากการแข่งขันในรอบก่อนหน้า อาทิ ฟาบิโอ ปินก้า, โค จองยุน, อับราฮัม โรเกนี, วูยิซิเล โคลอสซา รวมถึง บัวขาว ป.ประมุข, ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์, ไทรโยค พุ่มพันธุ์ม่วง, สุดสาคร ส.กลิ่นมี[4] รวมไปจนถึงนักมวยไทยที่ได้รับการคัดเลือกจากการเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันมวยรอบอีซูซุอย่าง เพชรมั่นคง เพชรฟอร์กัส, เข้ม ศิษย์สองพี่น้อง[5] และสิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์[6]
ประวัติ
ในช่วงที่กระแสความนิยมของมวยไทยได้เริ่มแผ่ขยายไปทั่วโลก ทางรัฐบาลได้มีการสนับสนุนในการที่ผลักดันกีฬาประจำชาติสู่ระดับสากล โดยได้มีการยกระดับสู่การจัดรายการแข่งขันระดับโลก[7] การแข่งขันไทยไฟท์ก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท สปอร์ต อาร์ต จำกัด มีนายนพพร วาทิน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร การแข่งขันไทยไฟต์เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553[2] ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก และจัดรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จังหวัดนครราชสีมา โดยมี ฟาบิโอ ปินก้า ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ชนะคะแนนนักสู้ชาวไทย[8] และถือเป็นแชมป์คนแรกของรายการ[9] โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3[10] ซึ่งผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับเงินรางวัล 2 ล้านบาท รวมถึงรถกระบะอีซูซุ 1 คันเป็นรางวัล[11]
พ.ศ. 2554 ได้มีแผนการจัดการแข่งขันขึ้นในหลายประเทศในแบบเอ็กซ์ตรีม[3][12] ทั้งเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส, เขตการปกครองพิเศษฮ่องกง รวมถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และในเดือนกันยายนของปีเดียวกันนี้ ได้จัดการแข่งขันที่ประเทศไทยอีกครั้งที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ปทุมธานี[13] โดยมีการชิงแชมป์ใน 2 รุ่น ซึ่งได้แก่รุ่น 67 กก. และ 70 กก.[3] โดยมีนักมวยไทยอย่างบัวขาว ป.ประมุข และ เข้ม ศิษย์สองพี่น้อง ร่วมการแข่งขันในครั้งนี้[14] ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ เข้ม ศิษย์สองพี่น้อง เป็นฝ่ายชนะน็อค อเลสซิโอ แองเจลโล่ ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวอิตาลีในยกแรก[15] ส่วน บัวขาว ป.ประมุข ได้เป็นฝ่ายชนะคะแนน อับดาห์ลาห์ มาเบล นักมวยไทยชาวแคเมอรูน โดยเป็นคู่เอกของการแข่งขันในรอบ 8 คน[16] ภายหลังจากการแข่งรอบดังกล่าวเสร็จสิ้นลง ได้มีการเตรียมจัดการแข่งขันรอบถัดไปในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่ศูนย์การประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และรอบชิงชนะเลิศซึ่งเตรียมจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า[16][17] แต่เนื่องด้วยเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลให้เลื่อนการจัดรายการแข่งขันรอบดังกล่าวออกไป โดยมาจัดรอบเซมิไฟนอลในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ที่ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ[18] และรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า[19] โดยในปีนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศแก่นักมวยทั้งสองรุ่น
ในปี พ.ศ. 2555 ไทยไฟท์เริ่มจัดการชกแข่งขันรอบแรกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี รอบที่สองจัดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ณ โรงยิมเนเซียม โคราช ชาติชาย ฮอลล์ ภายในพื้นที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จังหวัดนครราชสีมา และรอบชิงชนะเลิศกำหนดจัดในวันที่ 16 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันกีฬาแห่งชาติ ณ ลานพระราชวังดุสิต
ในปี พ.ศ. 2556 ไทยไฟท์จัดนัดชิงชนะเลิศ ณ ท้องสนามหลวง และในปี พ.ศ. 2557 ไทยไฟต์ได้กลับมาจัดอีกครั้ง โดยประเดิมครั้งแรกของปี ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ณ สวนหลวงราชินี 19 ไร่ ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และครั้งที่สองกำหนดจัดในวันที่ 6 เมษายน 2557 ณ ลานใกล้เรือหลวงจักรีนฤเบศร ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี[20]
การแข่งขัน
เป็นการแข่งขันมวยไทยที่ลดจำนวนยก จาก 5 ยก ลงมาเหลือ 3 ยก[2] ยกละ 3 นาที ในการต่อสู้แบบมวยไทย นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้นักมวยไทยสวมกางเกงและนวม โดยเปลี่ยนจากฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงิน มาเป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว[21]
ส่วนเพิ่มเติม
ในช่วงพิธีเปิดมีการแสดงรำมวยไทยโบราณ, การเล่นดนตรีไทย ตลอดจนการแข่งขันที่สร้างความตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ชมเป็นอย่างมาก[11]
สิ่งสืบเนื่อง
ปัจจุบัน ทางผู้จัดไทยไฟท์ ได้มีแผนการณ์จัดรายการแข่งขันอีกครั้งในแบบเอ็กซ์ตรีม โดยจะเปิดตัวในช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 ที่เมืองโกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย และดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนที่จะโคจรมาเปิดตัวอีกครั้งที่ประเทศไทย เป็นปีที่ 3 ต่อไป[22] และในปี พ.ศ. 2557 ได้มีการเพิ่มเงินรางวัลสำหรับแชมป์ด้วยจำนวนเงิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ นพพร วาทิน ซึ่งเป็นประธานจัดการแข่งขัน ยังมีแผนเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโดยใช้ชื่อ ไทยไฟต์ แชนแนล ที่ทำการถ่ายทอดออกอากาศใน 10 ประเทศทั่วโลก[1]
ระเบียงภาพ
พิธีกร
- ปัจจุบัน
- อดีต
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น