บริษัทแอปเปิล (อังกฤษ: Apple Inc.) ชื่อเดิม บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ (อังกฤษ: Apple Computer Inc.) และ (อังกฤษ: Apple Computer Company) เป็นบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่องแอปเปิล I และแอปเปิล II และแมค ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมคไอโฟนไอแพดแอปเปิลวอตซ์
ประวัติ
1976–1980: การก่อตั้งและการรวมกัน
บริษัทแอปเปิล ถูกก่อตั้งในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1976 โดย สตีฟ จอบส์สตีฟ วอซเนียก[8]และ โรนัลด์ เวนน์ในเมือง คูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนียโดยการทำการปฏิวัติธุรกิจคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 โดยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขายในชื่อ แอปเปิล I[9][10] ที่ราคาจำหน่าย 666.66 เหรียญ[11][12][13][14][15] และแสดงต่อหน้าสาธารณะชนครั้งแรกที่ Homebrew Computer Club จำนวนและระยะเวลาจำกัด ภายในปีถัดมาก็ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทํายอดมหาศาลและมีผู้ร่วมถือหุ้นในวันที่ 3 มกราคม 1977 โดย Wayne ไม่ร่วมบริษัทอีกต่อไปและบริษัทนั้นได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Apple Computer Company เป็น Apple Computer Inc. [16][17]
Apple II ได้รับการแนะนำในวันที่ 16 เมษายน 1977 ที่แรกที่ West Coast Computer Fair มันแตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นคือ TRS - 80 และ Commodore PET เพราะมาพร้อมกับกราฟิกสีและสถาปัตยกรรมระบบปฏิบัติการแบบเปิด ในขณะที่รุ่นแรกที่ใช้เทปคาสเซ็ทธรรมดาเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลพวกเขาถูกแทนที่โดยการแนะนำของ 5 1 / 4 นิ้วฟลอปปี้ดิสก์ไดรฟ์และอินเตอร์เฟซ, Disk II[18]
Apple II ได้รับเลือกให้เป็นแพลตฟอร์มเดสก์ทอปแบบแรกในโลก "app ตัวเด็ด" ของธุรกิจคอมพิวเตอร์โลก - ด้วยโปรแกรม VisiCalc ที่ใช้ทำใบปลิวและเอกสารแบบง่ายๆ โดย VisiCalc สร้างตลาดธุรกิจสำหรับ Apple II และให้ผู้ใช้ที่บ้านด้วยเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อซื้อความเข้ากันได้ของ Apple II กับสำนักงาน ตาม Brian Bagnall
ในตอนแรก Apple สร้างตัวเลขยอดขายที่พูดเกินจริงและมียอดขายเป็นอันดับ 3 รองจาก Commodore และ Tandy จน VisiCalc ได้เปิดตัวและมาพร้อมกับ Apple II ยอดขายจึงสูงขึ้น
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 1980 ได้เปิดตัว Apple III และ Jobs ได้พัฒนาคอมพิวเตอร์อีกรุ่นในชื่อ Apple Lisa และต่อมาในวันที่ 12 ธันวาคม 1980 แอปเปิลเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกราคาหุ้น IPO ที่ถืออยู่คืออยู่ที่ $22 ต่อหุ้นและมีชื่อย่อตลาดหลักทรัพย์ว่า AAPL ต่อมาสิ้นปีเดียวกัน แอปเปิลและทีมงานของนักออกแบบคอมพิวเตอร์และสายการผลิตของตนเอง ด้วยความความพยายามที่จะแข่งขันกับไอบีเอ็มและไมโครซอฟท์ในตลาดคอมพิวเตอร์ธุรกิจและองค์กรแต่กลับที่ว่าประสบความล้มเหลว
ต่อมาในปี 1982 เขาได้ถูกขับออกจากทีมพัฒนานี้ด้วยเหตุทะเลาะวิวาทภายในทีม ทำให้ Steve ต้องไปทำโปรเจกต์คอมพิวเตอร์ที่ตั้งใจให้มีราคาย่อมเยาอย่าง Macintosh ที่ Jef Raskin ได้เริ่มทำเอาไว้ สงครามในบริษัทที่ต้องงัดข้อกันระหว่าง Jobs และมนุษย์ออฟฟิศเริ่มปะทุขึ้นเรื่อยๆ ถกเถียงกันว่าผลิตภัณฑ์ไหนควรจะได้รับการเปิดตัวก่อนกัน โดยกลายเป็นว่า Lisa ได้รับการเลือกให้เปิดตัวออกมาก่อนในปี 1983 โดย Lisa ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกที่มาพร้อมกับ GUI แต่กลับล้มเหลวอย่างมาก ด้วยราคาขายปลีกที่สูงเกินไป จนลูกค้าซื้อไม่ได้
ต่อมาในปี 1984 ได้เปิดตัว แมคอินทอช ที่ใช้โมโตโรลา 68000 ซีรีส์ คราวนี้ขอเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยโฆษณาทีวีทุนสร้างสูงมหาศาลเป็นประวัติการณ์ด้วยเงินจำนวน 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโฆษณาชื่อ ‘1984’ ซึ่งได้รับการกำกับโดย Ridley Scott มากำกับหนังโฆษณาให้ ด้วยออกฉายในช่วงพักโฆษณาในงาน Super BOWL X V III ในวันที่ 22 มกราคม 1984
และถือได้ว่าโฆษณาดังกล่าวเป็นงานชิ้นโบว์แดงของแอปเปิลที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม สร้างประกฎการณ์และภาพจำให้กับคนดูโทรทัศน์ในช่วงนั้นกับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล ที่เหมือนจะมากอบกู้ผู้บริโภคจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบเดิมๆในยุคนั้น ซึ่ง IBM กำลังครองตลาดอยู่
ในช่วงแรกนั้น Macintosh ขายได้ดีมาก สามารถสร้างเม็ดเงินให้บริษัทเป็นจำนวนสูง แต่ต่อมายอดขายกลับตกลงมาเรื่อยๆ สอดคล้องกับความนิยมในตัวเครื่อง เนื่องด้วยราคานั้นสูงเกินไป อีกทั้งซอฟต์แวร์ที่จะมารองรับกลับมีอย่างจำกัด แต่สถานการณ์กลับดีขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีการเปิดตัว LaserWriter อันเป็นเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่เปิดตัวด้วยราคาที่สมเหตุสมผล และ PageMaker ที่เป็นซอฟต์แวร์เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์เป็นซอฟต์แวร์แรกๆ หลังจากนี้ Macintosh กลายเป็นพระเอกในท้องตลาดเลยทีเดียว เนื่องด้วยความสามารถด้านกราฟิกที่สูงกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีการนำเอา Macintosh GUI ที่โดดเด่นที่สุดในตลาดมาใช้ ดังนั้นการที่จับเอาผลิตภัณฑ์ทั้งสามแบบข้างต้นนี้มารวมเข้าด้วยกันแล้ว สามารถทำให้ Macintosh ตีตลาดผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาทำสื่อสิ่งพิมพ์ได้เป็นอย่างดี
ต่อมาในปี 1985 สถานการณ์ในบริษัทกลับตึงเครียดมากขึ้น เมื่อความผิดใจแบบลึกๆระหว่าง Jobs Wozniak และ John Sculley ผู้ที่เป็น CEO ของ Apple ในขณะนั้น กลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่บอร์ดผู้บริหารของ Apple พยายามจะจำกัดสิทธิ์เสียงของ Jobs และ Wozniak ในบริษัท อีกทั้งยังมอบหมายงานใหญ่ๆให้ Sculley เป็นคนตัดสินแทน ทำให้ Jobs และ Wozniak รู้สึกอึดอัดมาก หลายครั้งที่เขาพยายามนัดประชุมบอร์ดผู้บริหารโดยที่ไม่มี Sculley ทำให้สุดท้ายแล้ว Jobs ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมากับมือ ทำให้เขาต้องออกไปเปิดบริษัท NeXT Inc. ในปีเดียวกัน และ Wozniak ถูกไล่ออกจากบริษัทเหมือนกัน[19][20]
ต่อมาในปี 1989 ได้เปิดตัว Macintosh Portable ด้วยความที่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่เกินไป รวมไปถึงสมรรถนะตัวเครื่องที่ต่ำกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง ทำให้ยอดขายตกต่ำและในส่วน Macintosh Portable ออกแบบมาให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับแมคอินทอชแต่กลับมีน้ำหนักที่สูงจนเกินไป และมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 12 ชม.
1990-1997: การลดลงและการปรับโครงสร้าง
ต่อมาในปี 1991 Apple จึงเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่ไม่นํ้าหนักสูงเกินไปเหมือน Macintosh Portable ในชื่อ เพาเวอร์บุ๊ก 100 และในการเปิดตัวเพาเวอร์บุ๊กนั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จได้ดีมากและสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าบริษัทได้อย่างมากและในปีเดียวกันนี้แอปเปิล ได้เปิดตัว แมคโอเอส 7 ซึ่งเป็นการอัพเกรดระบบปฏิบัติการของแอปเปิลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการเพิ่มอินเตอร์เฟซแบบสี และเปิดตัวคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบใหม่ในยุคนั้นอีกด้วยและถือว่าเป็นรากฐานของแมคโอเอสอันโด่งดังในปัจจุบันเลยทีเดียว
และแอปเปิลได้พัฒนาแท็บเล็ตตัวต้นแบบขึ้นมาโดยมีชื่อเพาเวอร์บุ๊ก ดีโอ ที่มีชื่อว่า เพ็นไลต์ แต่ก็ตัดสินใจไม่วางจำหน่ายเนื่องเกรงว่าจะกระทบยอดจำหน่ายของเมสเสจแพดและนอกจากสินค้าอื่นๆข้างต้นแล้ว Apple ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ของโลกในชื่อ Newton ในปี 1993 ที่เป็นต้นแบบของ PDA หรือ Personal Digital Assistance ในเวลาต่อมา แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรให้กับบริษัทเลย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ราคาหุ้นและส่วนแบ่งตลาดของ Apple ถดถอยลงไปทุกทีต่อมาในปีเดียวกัน Sculley ลาออกจากแอปเปิล และ Spindler เป็น CEO แทน Sculley ที่ลาออกไป
ต่อมาในปี 1994 Apple ร่วมกับ IBM และ Motorola ในการพัฒนาแพลทฟอร์มคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ ที่จะเป็นการผนวกกันระหว่าง hardware ของ IBM และ Motorola กับ Software จาก Apple โดยหวังว่าการรวมตัวกันพัฒนาครั้งนี้จะช่วยทำให้ Apple กลับไปนำหน้า Microsoft ได้อีกครั้ง ในปีนั้นเอง หลังจากการร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มล่าสุด Apple ก็พร้อมเปิดตัว Power Macintosh เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกจาก Apple ที่เปลี่ยนจากชิป โมโตโรลา 68000 ซีรีส์ เป็นชิป เพาเวอร์พีซี[21]
ในเดือนมิถุนายน 2017 ได้เปิดตัวโฮมพอดเป็นลำโพงอัจฉริยะในงาน WWDC 2017 และในปีเดียวกันแอปเปิลได้ย้ายอาคารสํานักงานจาก Apple Campus ถนน One Infinite Loop ไปยัง แอปเปิลพาร์ก ถนน One Apple Park Way ที่อยู่ใกล้เคียงกับอาคารสํานักงานของแอปเปิลเดิม